The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.426 คำยั่วยุของลู่จ่าว
EP.426 คำยั่วยุของลู่จ่าว
หลินมู่อวี่ก้าวขึ้นตำหนักซีหยางทีละก้าวพร้อมต้องอดทนกับใบหน้าบวมเป่งน่ารังเกียจของหม่านหนิง อีกทั้งยังมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวโชยมาจากร่างกาย แม้จะมีกลิ่นเครื่องเทศกลบ แต่เขาก็ยังได้กลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่
ประตูตำหนักซีหยางเปิดกว้าง ขณะที่กลุ่มทหารรักษาการณ์ในชุดเกราะสีทองยืนอยู่ใต้เพชรหรูหราจ้องมองทั้งสองด้วยท่าทางเคร่งขรึม หลูจ๋านเดินตามประกบอย่างใกล้ชิดราวกับเกรงกลัวว่าหลินมู่อวี่จะสังหารหม่านหนิง
หลินมู่อวี่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปิดบังปราณของตนให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด ใต้แสงโคมไฟกระจกบริเวณทางเดินตำหนักทำให้ด้ามกระบี่วิญญาณมังกรด้านหลังเขาเปล่งประกาย ทุกคนต่างทราบดีว่ากระบี่เล่มนี้เป็นอาวุธสังหาร และในสายตาของเหล่านายพลผู้มีชื่อเสียงในจักรวรรดิอี้เหอ กระบี่วิญญาณมังกรไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์…แต่เป็นอาวุธปีศาจ!
…
ความหรูหราของตำหนักซีหยางเปรียบเทียบได้กับตำหนักเจ๋อเทียนดั้งเดิมซึ่งมีความวิจิตรงดงามยิ่ง พลเรือนและทหารจำนวนมากรวมตัวกันอย่างแน่นขนัดภายใน ขณะเดียวกันผู้บัญชาการชุดเกราะสีทองเดินขึ้นมาพร้อมไขว้แขนไว้บนหน้าอกเพื่อแสดงความเคารพที่ใช้ในจักรวรรดิอี้เหอ มุมปากของเขายกขึ้นอย่างน่ารังเกียจพร้อมกล่าวว่า “ลู่จ่าวคารวะท่านผู้บัญชาการหลิน ไม่คาดคิดเลยว่าแม่ทัพผู้จงรักภักดีต่อจักรวรรดิฉินจะตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบันและยอมจำนนต่อจักรวรรดิอี้เหอ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง”
หลินมู่อวี่ระงับจิตสังหารของตนพร้อมยิ้มเล็กน้อย “หลินมู่อวี่คารวะท่านแม่ทัพลู่จ่าว ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านมาก่อน และได้ประจักษ์กับตาตนเองแล้วว่าท่านเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมาก”
มุมปากของลู่จ่าวกระตุก ก่อนจะเดินไปหาหม่านหนิงพร้อมกล่าวว่า “ท่านซีหยางโหว ถึงเวลาเริ่มงานเฉลิมฉลองแล้วขอรับ”
“อืม”
หม่านหนิงพยักหน้ารับพร้อมกล่าวว่า “ทุกท่าน โปรดสนุกสนานกับงานเฉลิมฉลองนี้”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวี่ได้รับเกียรติให้นั่งระหว่างหม่านหนิงและติงซี่ ด้านหน้ามีศิลปินบรรเลงเพลงพร้อมเหล่าหญิงสาวในตำหนักเต้นรำอย่างสง่างามจนทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง ขณะที่หลินมู่อวี่กราดตามองรอบบริเวณด้วยหัวใจที่หวาดหวั่น
หลังจากหม่านหนิงยกจอกสุราขึ้น ทุกคนก็เริ่มเฉลิมฉลอง แน่นอนว่าการยกจอกของลู่จ่าวและนายพลคนอื่นๆ ของจักรวรรดิอี้เหอเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและเหน็บแนม หากหลินมู่อวี่ไม่ควบคุมอารมณ์ให้ดี เขาอาจชักกระบี่สังหารคนชั่วช้าเหล่านี้จนสิ้น
ไม่นานก็มีชายผู้หนึ่งลุกขึ้นถือจอกสุราเดินเข้ามานั่งข้างหลินมู่อวี่พร้อมกล่าวอย่างเคารพ “ข้าน้อยเฉินหยางขอดื่มให้ท่านผู้บัญชาการขอรับ”
หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเฉินหยางยังคงเหมือนเดิมกับตอนที่เขาเจอ รวมถึงท่าทางที่ไม่เปลี่ยนไปเลย มีเพียงตราบนหน้าอกกลายเป็นดาวสามดวงซึ่งเป็นตำแหน่งผู้บัญชาการเช่นเดียวกับตัวเขา
“ขอแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพเฉินหยางที่ได้เลื่อนยศ” หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย
ใบหน้าเฉินหยางบิดเบี้ยวพร้อมกล่าวว่า “เหตุใดผู้บัญชาการหลินจึงประชดประชันเฉินหยาง? หากไม่ถูกล้อม ข้าและคนอื่นๆ คงไม่ต้อง…”
“ไม่จำเป็นต้องกล่าว”
สายตาหลินมู่อวี่เย็นชา “มันเป็นทางเลือกของท่านที่จะหันหน้าเข้าหาจักรวรรดิอี้เหอ ไม่มีผู้ใดขู่เข็ญท่านได้”
“ใช่!” เฉินหยางลุกพรวดขณะที่ฝ่ามือสั่นสะท้านและเกือบบีบจอกหยกในมือแตก
ขณะเดียวกันนายพลหลายคนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเฉินหยาง สองคนในนั้นอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองหมื่น และอีกสองคนเป็นผู้บัญชาการกองพัน ทุกคนเป็นคนที่หลินมู่อวี่รู้สึกคุ้นเคย เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ที่ยอมจำนนต่อจักรวรรดิอี้เหอ นายพลคนหนึ่งพลันกล่าวด้วยท่าทางเย้ยหยัน “ผู้บัญชาการเฉิน ท่านมียศเท่าเทียมกับชายผู้นี้ เหตุใดจึงต้องยกยอเขาด้วย?”
เฉินหยางหันไปกล่าวด้วยสายตาเย็นชา “เฉายิงหุบปาก!”
นายพลนามว่าเฉายิงไม่ทำตาม แต่มองไปยังหลินมู่อวี่พร้อมกล่าวเย้ยหยัน “หลินมู่อวี่ ท่านเป็นพระราชบุตรบุญธรรมขององค์จักรพรรดิ และยังเป็นผู้บัญชาการค่ายรังอินทรี ท่านมีชีวิตที่แสนสุขสบายภายใต้พระมหากรุณาธิคุณของจักรพรรดิและองค์หญิง แต่ท้ายที่สุดเพื่อการอยู่รอดกลับยอมจำนนต่อจักรวรรดิอี้เหอ และครานี้ยังกล้าแสดงท่าทีสูงส่งต่อผู้อื่นอีกหรือ? พวกเราทำไปเพียงเพื่อเอาชีวิตรอด เช่นนั้นแล้วท่านจะยังมีเกียรติไปกว่าเราตรงไหน?”
หลินมู่อวี่หัวเราะพร้อมหยิบจอกสุราขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารและกล่าวเสียงดัง “ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ละทิ้งอดีตที่มืดมิดและสามารถตะเกียกตะกายขึ้นสู่แสงสว่าง”
เฉินหยางถอนหายใจและเงยหน้าดื่มสุราในจอก
หลังจากหลินมู่อวี่ดื่มจนหมด เขาวางจอกลงพร้อมนั่งลงที่เดิม ก่อนจะมองพวกเฉินหยางเดินจากไปด้วยสีหน้าหมองเศร้าเล็กน้อย ภายในของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด คนเหล่านี้เข้าร่วมจักรวรรดิอี้เหอเพื่อความอยู่รอด เช่นนั้นพวกเขามีความผิดจริงหรือ? หลังใคร่ครวญเป็นเวลานาน หลินมู่อวี่กำหมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ นี่คือเรื่องที่ผิดพลาด! ผู้คนในเมืองถูกทอดทิ้งให้ถูกสังหาร แต่คนเหล่านี้กลับไม่ละอายใจในความเป็นทหารของตนเอง พวกเขาไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าทหารได้อีกต่อไป!
อย่างไรก็ตามหลินมู่อวี่ไม่กล้าจะเอื้อนเอ่ยคำใดออกไป…
ติงซี่ด้านข้างมองเขาอย่างเงียบงัน
ไม่นานทหารร่างท้วมเข้ามากล่าวด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ “ข้าน้อยจางอวี่ ผู้ว่าการเขตผิงหนิงของเมืองสายัณห์ คารวะผู้บัญชาการหลินขอรับ”
“อืม” หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ
จางอวี่กล่าวต่อ “เขตผิงหนิงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายพร้อมอุดมไปด้วยหยกสง่างาม หากผู้บัญชาการหลินมีเวลาเพื่อไปเยี่ยมชม ข้าน้อยจะพยายามอย่างเต็มที่ในฐานะเจ้าบ้านขอรับ”
“อืม ขอบคุณมาก แล้วข้าจะไปในสักวัน”
“ข้าน้อยขอลา ท่านผู้บัญชาการหลินจะต้องมาให้ได้นะขอรับ”
จางอวี่ถอยออกไป ไม่นานก็มีชายหนุ่มหน้าขาวซีดเข้ามาประสานหมัดกล่าว “คารวะท่านผู้บัญชาการหลิน ข้าน้อยเป็นเถ้าแก่ร้านค้าตงต๋าแห่งเมืองสายัณห์ ข้ามีของขวัญมาให้ และหวังว่าท่านจะยินดีรับไว้”
เขาค่อยๆ ยื่นกระดาษสีทองแผ่นหนึ่งมาให้
หลินมู่อวี่เหลือบมองก็พบว่ามันคือตั๋วทองซึ่งมีค่าเท่ากับหนึ่งแสนเหรียญทอง ผู้คนในเมืองสายัณห์ช่างร่ำรวยและมั่งคั่งอย่างแท้จริง ที่สามารถมอบของขวัญเป็นเงินจำนวนนับแสนได้
หลินมู่อวี่รับตั๋วทองพร้อมกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล หากมีสิ่งใดที่ข้าตอบแทนได้ในอนาคต ข้าจะช่วยอย่างเต็มที่”
“ขอบคุณขอรับท่านผู้บัญชาการหลิน” เถ้าแก่โค้งคำนับครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเป็นบุคลิกของผู้ค้าขาย
จากนั้นเหล่าขุนนางและเถ้าแก่นับสิบคนเข้ามาทักทาย หลินมู่อวี่ไม่ได้ปฏิเสธรับของจากคนเหล่านั้นซึ่งทำให้ติงซี่ตกตะลึง เมื่อมีโอกาสเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ท่านหลินไม่ปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาเลยหรือ?”
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อยอมจำนนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรักษาศักดิ์ศรีหรือเกียรติ ข้าจะทำทุกอย่างที่ข้าต้องการ กอบโกยให้มากเท่าที่จำสามารถ และข้าต้องการให้ซีหยางโหวและผู้คนได้เห็นตัวตนของข้าเช่นนี้”
“ฮ่าๆ”
ติงซี่เผยยิ้ม “ใช่ ใครบ้างที่จะไม่มีความโลภ? บางคนโลภในชื่อเสียง บางคนโลภในเงินตรา บางคนโลภในอำนาจ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน หากท่านนิ่งเฉยไม่ทำสิ่งใด คงเป็นการเพิ่มความสงสัยให้แก่ผู้คนว่าท่านเข้าร่วมจักรวรรดิอี้เหอเพื่อความอยู่รอดจริงหรือไม่ เนื่องด้วยความสามารถของท่านในเมืองซิงเจว๋เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้คนแล้ว”
“แล้วแม่ทัพติงซี่โลภในสิ่งใด?”
“สำหรับข้าคงเป็น…ช่วงเวลาสงบสุข” ติงซี่หัวเราะ “อย่างที่ท่านกล่าว ในชีวิตของติงซี่คงมีโอกาสเพียงน้อยนิดเท่านั้น”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “บางคนเกิดมาและยอมไม่กินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต เช่นเดียวกับแม่ทัพติงซี่ที่มีความเก่งกล้าและกลยุทธ์มากมาย แต่ไม่ปรารถนาที่จะทำศึกสงคราม นี่เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยิ่ง”
“ฮ่าๆ อย่ายกยอข้าเช่นนั้นเลย เอาล่ะ ดื่มอีกสักจอกเถิด”
“ข้าเพียงนับถือท่าน”
เวลาผันผ่านจนดึก มีหลายคนที่เมามาย รวมถึงหม่านหนิงผู้มีสีหน้าแดงก่ำ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมโอบสาวใช้สองนางในแขนอย่างมีความสุข หลูจ๋านยกมือขึ้นออกคำสั่ง “ท่านซีหยางโหวเมาแล้ว ส่งเขากลับเข้าตำหนักเพื่อพักผ่อน”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบรับ
ติงซี่มองหลินมู่อวี่พร้อมกล่าว “ท่านหลิน เราดื่มไปมากพอแล้ว กลับกันเถิดขอรับ”
“อื้ม”
หลินมู่อวี่ยังคงมีท่าทางสงบ เขาลุกขึ้นเดินออกจากตำหนักพร้อมติงซี่ แต่ลู่จ่าววิ่งไล่ตามมา ก่อนจะหัวเราะอย่างเมามาย “ผู้บัญชาการหลินอย่าเพิ่งรีบร้อนนัก”
“มีสิ่งใดสำคัญหรือท่านแม่ทัพลู่จ่าว?” หลินมู่อวี่ถาม
ลู่จ่าวหัวเราะเสียงดัง “ข้าเพียงกังวลว่าผู้บัญชาการหลินจะดื่มไปเพียงน้อยนิดในตำหนักซีหยาง ลู่จ่าวจึงอยากเป็นเจ้าบ้านที่ดีเชิญชวนผู้บัญชาการหลินไปดื่มในจวนของข้า อีกทั้งอยากเชิญท่านผลิตภัณฑ์สุดพิเศษของจักรวรรดิฉิน…เหล้าดองเนื้อมนุษย์”
“เหล้าดองเนื้อมนุษย์” หลินมู่อวี่ตกใจ “มันคืออะไร?”
“ฮ่าๆ ผู้บัญชาการหลินแสร้งเป็นมึนงงไปได้ ท่านลืมอดีตผู้บัญชาการองครักษ์มังกรแห่งจักรวรรดิฉินแล้วหรือ?” ลู่จ่าวทำตัวเหมือนสนิทสนมขณะที่เอื้อมมือตบไหล่หลินมู่อวี่ “ข้าได้ยินมาว่าท่านใกล้ชิดกับเขามากเลยนี่”
“เจ้า!”
หลินมู่อวี่กัดฟันแน่นพร้อมพลังดวงดาวปรากฏขึ้นบนฝ่ามืออย่างรวดเร็ว ขณะนี้เขาไม่สามารถระงับความเคียดแค้นที่หมายจะสังหารลู่จ่าวได้อีกต่อไป ทว่าทันใดนั้นก็มีเขตแดนพลังแผ่ออกมา ติงซี่เดินเข้ามาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหลินกำลังคุยสิ่งใดกันอยู่หรือ จึงได้ดูมีความสุขนัก?”
“ไม่มีอะไร”
ติงซี่ดูเงียบสงบ ขณะที่ฝ่ามือทรงพลังของเขาเอื้อมออกมาจับแขนหลินมู่อวี่พร้อมกล่าวว่า “ท่านหลินเมามากแล้ว กลับกันเถิด ส่วนงานเลี้ยงของแม่ทัพลู่จ่าว…พวกเราจะหาโอกาสไปร่วมสักวัน”
สิ้นเสียง ติงซี่ดึงหลินมู่อวี่ออกไปอย่างรุนแรง
…
หลินมู่อวี่ก้มหน้าลงภายใต้แสงจันทร์ บนใบหน้าที่เย็นชาค่อยๆ บิดเบี้ยวเล็กน้อย ขณะที่กำหมัดด้วยความเจ็บปวด
ดูเหมือนติงซี่จะเข้าใจความรู้สึก หลังจากขึ้นรถม้าเขาจึงเอ่ยคำเบา “หลังจากอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน ข้าก็รู้ว่าไม่ควรโต้วาจากับคนชั่วช้าอย่างลู่จ่าว ข้าเชื่อว่า…เจตนาเดิมของท่านหลินในการมาจักรวรรดิอี้เหอไม่ใช่เพื่อสังหารคนอย่างลู่จ่าว”
หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาแดงก่ำและไม่ได้เอ่ยคำใด
ติงซี่กล่าว “ทั้งหมดคือคนของข้า วางใจเถิด จะไม่มีผู้ใดแพร่งพรายคำพูดของเราสอง”
“ข้าจะสังหารลู่จ่าว!”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างหนักแน่น