The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.445 ยุคหิน
EP.445 ยุคหิน
เมืองหน้าด่านอสูรอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจึงทำให้มีดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่งอยู่นอกประตู แต่ขณะนี้กลับมีเพียงความตายตลบอบอวลทุกหนแห่ง สัตว์ต่างๆ ในป่านิรันดร์ถูกเผ่าพันธุ์อสูรล่าจนเกือบหมด เหลือเพียงต้นไม้โบราณ ทุ่งหญ้า และสายลม
หลินมู่อวี่ขี่ท่าเฉว่นำทหารม้าหนักของกองทัพมังกรผงาดผ่านเข้าสู่เมืองหน้าด่านอย่างเชื่องช้า ก่อนจะออกมาด้านนอกโดยไม่หยุดพัก
ไกลออกไป กองทัพอสูรกลุ่มหนึ่งกำลังรออยู่ เป็นถังเสี่ยวซีในชุดคลุมสีขาวรายล้อมไปด้วยหลิงหูเหยียน ถังเจิ้น และนายพลอสูรครึ่งอสรพิษราวสองถึงสามตน
หลินมู่อวี่มองไปยังนายพลอสรพิษและพบว่าพวกเขาผอมแห้งจนเกือบเหลือเพียงกระดูก ใบหน้าขาวซีด และไม่มีแรงแม้แต่จะเขียนสาร เนื่องจากถังเสี่ยวซีสั่งไม่ให้กินเนื้อคน ทำให้อสูรเหล่านี้กินได้เพียงสัตว์ป่าเช่นหนูหรือกระต่ายเท่านั้น ปีนี้เต็มไปด้วยความแห้งแล้งอีกครั้ง จนทำให้ป่านิรันดร์ไม่เหลือสัตว์ใดเลย
ถังเจิ้นประสานหมัดกล่าว “คารวะผู้บัญชาการหลิน”
เว่ยโฉว ซือตู่เซิน ซือตู่เฉว่ เฝิงสี่ และคนอื่นๆ ประสานหมัดอย่างเคารพ “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะองค์หญิงซี”
ถังเสี่ยวซียิ้มทักทายหลินมู่อวี่ เมื่อมองไปยังป่านิรันดร์ในระยะไกล คิ้วของหลินมู่อวี่พลันขมวดพร้อมกล่าวว่า “เสี่ยวซี สถานการณ์ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง? แล้วพวกคนเถื่อนอยู่ที่ไหน?”
“พวกมันตั้งถิ่นฐานอยู่ในหุบเขาผานหลงทางตะวันตกเฉียงใต้ของป่านิรันดร์ ทหารของเมืองกำลังเผชิญหน้ากับคนเถื่อนเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม มู่มู่นำปันส่วนมาด้วยเท่าใด?”
“ไม่มากนัก แต่จะมีมาเพิ่มอีกภายหลัง ไปกันเถิด ข้าอยากเห็นว่าเผ่าคนเถื่อนจะแข็งแกร่งเพียงใด”
“อื้ม”
…
ถังเสี่ยวซีทักทายทหารกองทัพมังกรผงาดทั้งห้าหมื่นนาย ก่อนจะตรงเข้าไปยังป่านิรันดร์ เสียงเกือกม้าดังก้องป่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นมานานกว่าสามปีแล้ว ขณะนี้ป่านิรันดร์มีเส้นทางสำหรับทหารม้า พวกมันเป็นผลงานของถังเสี่ยวซีและถังเจิ้นที่สั่งให้สร้างถนน
หลังจากขี่ม้าเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนก็มาถึงส่วนลึกของป่านิรันดร์ มีดอกไม้บานสะพรั่งอยู่ทุกหนแห่งจนเป็นฉากสวยงามเกินกว่าจินตนาการ แต่หลินมู่อวี่สังเกตเห็นกระต่าย หมูป่า กวางป่า และสัตว์อื่นๆ เพียงไม่กี่ตัว ทันใดนั้นมีกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งผ่าน เขาพลันสั่งให้พลธนูยิง ก่อนจะนำไปให้นายพลอสรพิษ พวกเขารับไปอย่างรวดเร็วพร้อมตัดกระต่ายออกเป็นสามส่วน ก่อนจะกลืนลงไปทันที
เว่ยโฉวและคนอื่นๆ ขมวดคิ้ว ท้ายที่สุดพวกเขาเป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน การทานอาหารของนายพลอสรพิษค่อนข้างน่าคลื่นไส้ เป็นไปได้ว่าพวกเขาคงทำเช่นนี้กับซากศพมนุษย์เมื่อครั้งมีสงคราม ซึ่งมันค่อนข้างน่ากลัวที่จะถูกกลืนลงไปเช่นนั้น
ถังเสี่ยวซีชี้ไปด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “เรากำลังจะถึงแล้ว หุบเขาผานหลงถูกรายล้อมด้วยภูเขา มีเพียงสองเส้นทางที่ตัดผ่านทางเหนือและทางใต้ ในช่วงครึ่งเดือนหลัง กลุ่มคนเถื่อนบุกเข้าโจมตีค่ายของเราหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่าย”
ในป่าด้านหนึ่ง ธงรบแห่งจักรวรรดิฉินโบกสะบัดตามสายลมในค่ายขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยท่อนซุงแหลม ซึ่งไม่สามารถป้องกันสิ่งใดได้เลย มันเป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นมาอย่างเรียบง่ายและค่อนข้างโบราณ
ถังเจิ้นถูจมูกด้วยความละอายใจพร้อมกล่าวว่า “เมืองนี้ขาดแคลนทรัพยากรและถูกสร้างอย่างเร่งรีบจึงออกมาเป็นเช่นนี้ หวังว่าผู้บัญชาการหลินจะไม่หัวเราะเยาะ”
“ทำดีแล้ว อย่าโทษตนเองเลย” หลินมู่อวี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
กองทัพเคลื่อนตัวเข้าไปในค่ายอย่างเชื่องช้า ขณะที่เว่ยโฉวมองไปทั่วบริเวณพร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการ ที่นี่ทำเลค่อนข้างดี อีกทั้งขณะนี้ยังเป็นฤดูใบไม้ผลิ ม้าสามารถกินหญ้าได้ทุกที่ แต่เสบียงสำหรับทหารเป็นปัญหาใหญ่ เส้นทางค่อนข้างไกลและใช้เวลานาน ข้าเกรงว่าคงไม่สามารถจัดหาอาหารได้เพียงพอต่อตามความต้องการของคนและอสูรทั้งหมดกว่าสองแสนชีวิต”
“เช่นนั้นลองคิดหาวิธี และส่งหน่วยลาดตระเวนออกไป”
“ขอรับ”
“และติดตั้งกล่องลูกศรให้พร้อมใช้งานทุกเมื่อ”
“ขอรับผู้บัญชาการ!”
ภายในกระโจมของกองทัพแห่งจักรวรรดิ ขณะที่กำลังจะนั่งลง จู่ๆ มีเสียงกลองสงครามดังขึ้นจากระยะไกล ถังเจิ้นพลันขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “ไอ้พวกสารเลว…เราเร่งรีบเดินทางตลอดทั้งวันทั้งคืน แล้วพวกมันกำลังจะโจมตีอีกครั้ง”
“นี่คือเสียงสัญญาณโจมตีของเผ่าคนเถื่อนหรือ?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
“ขอรับ”
“เช่นนั้นคงไม่มีเวลาพักผ่อน” หลินมู่อวี่ออกคำสั่ง “เหล่านายพลออกไปกับข้าเพื่อสังเกตการณ์ว่าเจ้าพวกเผ่าคนเถื่อนจะแข็งแกร่งเพียงใด”
“ขอรับ”
ทุกคนยังไม่ทันสวมชุดเกราะรีบขี่ม้าเข้าไปในสนามรบภายใต้การนำของถังเสี่ยวซีและถังเจิ้น ระหว่างทางมีอสูรและทหารมนุษย์กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ดูเหมือนจะไม่มีใครคาดหวังกับศึกครั้งนี้ แท้จริงแล้วพวกเขาอดอาหารมานานหลายวัน แทบไม่ต้องพูดถึงแรงที่จะใช้ต่อสู้ แม้แต่การมีชีวิตต่อไปยังเป็นเรื่องยาก
หลินมู่อวี่ควบม้าพร้อมกวาดตามองและกล่าวว่า “แบ่งปันส่วนของกองทัพมังกรผงาดครึ่งหนึ่งเพื่อมอบให้พวกเขา เราไม่สามารถปล่อยให้เหล่าอสูรต้องทนทุกข์กับหิวโหย จากนั้นส่งสารขนนกไปให้หลานกงทันทีเพื่อแจ้งว่าอาหารในป่านิรันดร์ขาดแคลนหนัก ให้พวกเขาส่งเสบียงมาโดยเร็ว อีกทั้ง…ส่งสารขนนกให้จินเสี่ยวถังแห่งร้านค้าจื่อยินและขอให้นางช่วยหาวิธีขนส่งเสบียงอาหารมายังป่านิรันดร์ให้ได้มากที่สุด”
“ขอรับท่านผู้บัญชาการ” เว่ยโฉวประสานหมัด ก่อนจะออกคำสั่งแก่ทหารคนอื่น
เสียงกลองสงครามดังขึ้นจากระยะไกลในระหว่างหุบเขาผานหลง ป่านิรันดร์เป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้กลายเป็นสนามรบของทั้งสองฝ่าย
ท่ามกลางเสียงกลองสงคราม กองทัพเผ่าพันธุ์อสูรและทหารมนุษย์ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ซึ่งสูงเกือบสามเมตร อาวุธของพวกเขาเป็นเพียงแท่งหิน อาวุธที่มัดด้วยเถาวัลย์ หรือแท่งไม้ที่ทำเป็นหอก
“หือ…” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “พวกยุคหิน”
“ยุคหินคืออะไรหรือ?” ถังเสี่ยวซีเบิกตามกว้าง
“เป็นยุคหนึ่งของอารยธรรม…”
หลินมู่อวี่ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาจ้องมองไปยังสนามรบที่กำลังเกิดการต่อสู้ พวกเขามีอุปกรณ์ครบครัน กระนั้นก็ไม่อาจต้านทานอีกฝ่ายได้ เสียงคำรามดังก้อง ขณะที่คนเถื่อนใช้หินยักษ์โยนใส่ทหารม้าเหล็กจนแหลก เดิมทีอสูรครึ่งอสรพิษเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเผ่าคนเถื่อน พวกเขากลับไม่สามารถต่อสู้ได้เลย “ฟ่อ!” เสียงขู่ของทหารครึ่งอสรพิษดังขึ้น ก่อนที่จะถูกศัตรูเหวี่ยงขึ้นไปบนอากาศอย่างง่ายดาย
“ฆ่ามัน!”
ท่ามกลางฝูงชน นักรบเผ่าคนเถื่อนสวมเสื้อคลุมหนังเสือร่ายรำขวานศึกอย่างสง่างาม ร่างกายของเขาหมุนวนราวกับลมกรดหอบทหารมนุษย์ขึ้นไปบนอากาศพร้อมเสียงกรีดร้องโหยหวน
“พระเจ้า…” เว่ยโฉวขมวดคิ้ว “นี่มันพลังอะไรกัน!?”
“นั่นใคร?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
ถังเสี่ยวซีจ้องมองพร้อมกล่าวว่า “ผู้นำเผ่าคนเถื่อนเรียกกันว่า ‘เทพแห่งป่าเขา’ ซึ่งทรงพลังและไร้เหตุผลมาก ทหารหลายร้อยนายเสียชีวิตภายใต้ขวานศึกนั้น ไม่รู้ว่าเขาไปได้อาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นมาได้อย่างไร”
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์…”
หลินมู่อวี่คร่ำครวญ ชายผู้นี้จะต้องได้ขวานศึกจากพื้นที่ของเผ่าคนเถื่อนเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว
ไม่นานถังเจิ้นออกคำสั่งให้ทหารถอยทัพออกจากแนวหน้า เนื่องจากไม่สามารถต้านทานนักรบเผ่าคนเถื่อนได้เลย และพวกเขาสูญเสียไปค่อนข้างมาก
“พลธนูเตรียมโจมตีจากระยะไกล!”
“ฉึก!” ลูกธนูพุ่งแหวกอากาศปักร่างนักรบเผ่าคนเถื่อน พวกมันไม่มีอุปกรณ์ดีๆ ไม่มีแม้กระทั่งโล่ และเพียงใช้ร่างกายในการปัดป้องลูกธนู กระนั้นร่างกายกลับแข็งแกร่งมากจนลูกธนูไม่สามารถสร้างความเสียหายได้
“อ๊าก!”
นักรบคนเถื่อนที่ถูกธนูยิงใส่คำรามดังพร้อมคว้าคอมนุษย์ด้วยมือเดียว ก่อนจะทุบตีจนเลือดสาดกระเซ็น “เปรี้ยง!” มันทุบทหารอีกราวแปดนายลงพื้นอย่างน่าสะพรึงกลัว พลังเหนือมนุษย์เช่นนี้คงสามารถต่อสู้กับอสูรเกราะของเผ่าปีศาจได้อย่างสูสี
“ท่านผู้บัญชาการ เราต้องการกำลังเสริมหรือไม่?” เว่ยโฉวเอ่ยถาม “หากเราไม่มีกำลังเสริม ค่ายทหารอาจถูกทำลายทันที เมื่อเผ่าคนเถื่อนเข้ามาในระยะประชิด กองทัพมังกรผงาดอาจไม่ได้เปรียบมากนัก”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “ให้พวกเขาเตรียมคันศรและยิงไปยังขาและแขนเพื่อหยุดไม่ให้มันโจมตี”
“ขอรับ จำเป็นต้องใช้ศรเศวตรมณีหรือไม่?”
“ไม่ต้อง ใช้ลูกศรธรรมดาพอ”
“ขอรับผู้บัญชาการ”
…
กองทหารม้าหนักหลายพันคนเปลี่ยนหน้าที่เป็นพลธนู พวกเขารีบดึงคันศรพร้อมส่งลูกธนูออกไปอย่างดุเดือดจนเลือดสาดกระเซ็นทั่วบริเวณ อีกทั้งยังสามารถหยุดการบุกรุกของเผ่าคนเถื่อนได้ ในที่สุดก็มีอาวุธที่สามารถต้านทานอาวุธหินของพวกมันได้
หลังจากผ่านไปสักพัก ผู้นำเผ่าคนเถื่อนคำรามเสียงดัง “ถอยกลับ!!”
พวกมันพลันชะงัก ความแข็งแกร่งของเผ่าคนเถื่อนถูกลูกศรของกองทัพมังกรผงาดกลืนกินจนสิ้น
“ห้ามฆ่า”
หลินมู่อว่ยกมือสั่งการให้หยุด ก่อนจะยืนมองกองทัพคนเถื่อนเคลื่อนตัวออกไปอย่างเชื่องช้า
…
“มู่มู่”
ถังเสี่ยวซีขี่ม้าเข้ามาพร้อมเอ่ยถาม “เจ้าต้องการทวงคืนแผ่นดินจากพวกคนเถื่อนหรือ?”
“ใช่” หลินมู่อวี่พยักหน้า
“แต่…เทพแห่งป่าเขาอ้างว่าตนเป็นผู้พิชิต เขาต้องการครอบครองพื้นที่แถบตะวันออกทั้งหมดด้วยขวานศึกเล่มนั้น ข้าเกรงว่าเขาคงไม่ยินดีคืนแผ่นดินให้เจ้า”
“เสี่ยวซีอย่ากังวล พวกมันจะคืนให้แน่นอน”
ดวงตาทั้งสองของหลินมู่อวี่เต็มไปด้วยความแน่วแน่และทะเยอทะยานขณะที่มองไปในทิศทางหุบเขาผานหลง