The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.453 กำแพงโคลน
EP.453 กำแพงโคลน
วันรุ่งขึ้น
หมอกยามเช้าปกคลุมไปทั่วบริเวณบดบังทิวทัศน์ของแม่น้ำต้าวเจียงและป่าเขาจนหมดสิ้น ทหารจักรวรรดิที่ประจำการอยู่บนกำแพงเหล็กต่างรู้สึกหนาวเย็น ขณะที่กำแพงเหล็กทางทิศตะวันออกเต็มไปด้วยเหล่าอสูรเกราะที่ข้ามแม่น้ำมาได้สำเร็จ
“โอ้…”
ธงศึกตราดอกจื่อยินสีม่วงทองของจักรวรรดิโบกสะบัดตามสายลม ฉินอินอยู่ในชุดองค์จักรพรรดินีพร้อมเกราะป้องกัน ดวงตาคู่สวยเป็นประกายราวกับผิวน้ำทอดมองไปยังกองทัพอสูรเกราะด้านล่างกำแพง นางกระชับด้ามดาบก่อนกล่าวคำเบา “เตรียมตัวเปิดศึก”
เฟิงจี้สิงยกมือขึ้นส่งสัญญาณก่อนเสียงกลองศึกจะดังขึ้น
บนกำแพงเหล็ก กล่องลูกศรและเครื่องยิงจำนวนนับไม่ถ้วนมุ่งเป้าไปยังกองทัพอสูรเกราะ ตราบใดที่จะบุกทะลวงเข้ามาในเมือง พวกอสูรเกราะต้องเข้ามาในระยะยิงของกล่องลูกศร อีกทั้งกำแพงเหล็กยังอยู่ห่างจากแม่น้ำเพียงสองร้อยเมตรซึ่งแม้แต่พลธนูก็สามารถยิงโจมตีได้
ทันใดนั้นลูกธนูเหล็กถูกยิงใส่พวกอสูรเกราะราวกับเม็ดฝน “ฉึก ฉึก ฉึก” เสียงของกล่องลูกศรดังอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทัพปีศาจยังคงนิ่งเฉย แนวหน้าของทัพอสูรเกราะยกโล่เหล็กขนาดใหญ่ขึ้นหวังป้องกันการโจมตี ทว่าโล่เหล็กนั้นบอบบางมากจนไม่อาจหยุดลูกธนูเหล็กได้ พวกมันถูกยิงและตายตกไปตามๆ กัน
ทว่าทุกคราที่แนวหน้าถูกสังหาร อสูรเกราะซึ่งอยู่ด้านหลังจะเดินหน้าเพื่อหยิบโล่เหล็กขึ้นมาป้องกันต่อในทันที ดูเหมือนว่าครานี้กองทัพปีศาจจะไม่ได้บุกโจมตีอย่างบุ่มบ่ามเหมือนที่ผ่านมา พวกมันเรียนรู้การจัดกระบวนทัพและปกป้องกองทัพให้สูญเสียน้อยที่สุด
“พวกมันรออะไร?” จางเหว่ยขมวดคิ้วเอ่ยถาม
“บางอย่างด้านหลัง” เฟิงจี้สิงกล่าวตอบเสียงเครียด
ด้านหลังพวกอสูรเกราะ รถบันไดและบันไดพาดมากมายกำลังถูกลำเลียงเข้ามา เนื่องจากมณฑลหลิงตงและมณฑลทงเทียนขาดแคลนแร่เหล็ก โล่ของพวกปีศาจเปราะบางมาก ทว่าสองมณฑลนี้เต็มไปด้วยป่าไม้ พวกมันจึงใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการสร้างอุปกรณ์รบ
“เอาล่ะ”
เฟิงจี้สิงชักดาบสะบั้นวาโยออกจากฝักอย่างเชื่องช้าพร้อมกล่าว “เตรียมต่อสู้!”
เหล่าทหารบนกำแพงเหล็กต่างชักดาบออกมาอย่างพร้อมเพรียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หลายคนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องต่อสู้กับเหล่าปีศาจในวันนี้
“เอี๊ยด…เอี๊ยด…”
เพลาของเครื่องยิงส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณก่อนเล็งเป้าไปยังเกวียนของเหล่าปีศาจ เฟิงจี้สิงหันไปออกคำสั่งกับเหล่าทหารด้านข้างทันที “ยิงได้!”
“เปรี้ยง!” เครื่องยิงส่งหินก้อนใหญ่กระแทกรถบันไดดังสนั่น เคราะห์ร้ายที่ตัวรถเพียงสั่นสะเทือนแต่ไม่พังทลายลง
“บัดซบ!”
เฟิงจี้สิงยกดาบในมือขึ้นก่อนกระโดดลงไปกลางวงล้อมของอสูรเกราะ ทันใดนั้นปราณยุทธ์พวยพุ่งรอบกายอย่างบ้าคลั่ง ดาบสะบั้นวาโยตวัดออกไปก่อนทรายอัคนีหลอมทองจะตัดร่างของเหล่าอสูรเกราะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หมาป่าเปลวอัสนีม่วงคำรามกึกก้องขณะที่เขากลิ้งตัวไปฟาดดาบใส่ใต้ท้องรถบันไดอย่างรุนแรง
“ตู้ม!”
แสงสว่างวาบไปทั่วบริเวณ รถบันไดขนาดยักษ์แหลกเป็นผุยผง ทว่าการโจมตีครานี้ทำให้เฟิงจี้สิงสูญเสียพลังปราณยุทธ์ไปมาก ใบหน้าของเขาซีดเซียวขึ้นเรื่อยๆ ขณะฟาดดาบสังหารอสูรเกราะตนแล้วตนเล่า ทันใดนั้นขวานศึกของแม่ทัพอสูรเกราะพุ่งแหวกอากาศตรงมาหาเขา
“เคร้ง!”
ดาบสะบั้นวาโยสกัดขวานไว้ได้ทันเวลา เฟิงจี้สิงฟันอสูรเกราะอีกหลายสิบตนที่ดาหน้าเข้ามาก่อนถอยกลับไปใต้กำแพงเหล็ก จางเหว่ยที่รออยู่ทิ้งเชือกลงมาทันที “ท่านผู้บัญชาการ ขึ้นมาเร็วขอรับ!”
เฟิงจี้สิงคว้าเชือกก่อนถูกดึงตัวขึ้นไป เสียงดาบกระทบกำแพงเหล็กดังขึ้นรอบกายอย่างต่อเนื่อง เขาทรุดตัวลงกับพื้นทันทีที่ถึงบนกำแพง ฉับพลันกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วลำคอ เขาพยายามกลั้นเลือดไม่ให้ไหลรินจากปากด้วยใบหน้าซีดเซียว
ฉินอินเดินเข้ามาหาเขาอย่างร้อนใจ “ท่านผู้บัญชาการเฟิง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าไม่เป็นไร”
เฟิงจี้สิงโบกมือปฏิเสธพร้อมก้มศีรษะก่อนกล่าวออก “พลังของพวกอสูรเกราะช่างน่ากลัวนัก…”
เซี้ยโหวซางกระชับกระบี่ในมือพร้อมกล่าว “ท่านผู้บัญชาการ พวกมันจะเปิดการโจมตีแล้วขอรับ”
“ข้ารู้”
เฟิงจี้สิงเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวสั่งอย่างมุ่งมั่น “อย่าหยุดยิงกล่องลูกศรและหน้าไม้ ข้าจะดูว่ามีอสูรเกราะกี่ตนที่สามารถต้านทานการโจมตีของเราได้”
“ขอรับ”
ซากศพของอสูรเกราะกองพะเนินอยู่ด้านล่างกำแพงเมือง ทว่าพวกมันยังคงพยายามเข็นรถบันไดเข้ามาใกล้จนสามารถเกี่ยวตะขอกับเชิงเทินของกำแพงเหล็กได้สำเร็จ ฉับพลันอสูรเกราะนับสิบรีบปีนขึ้นไปบนกำแพงพร้อมอาวุธครบมือ
“โฮก!”
ขวานศึกพุ่งตัดหัวของทหารจักรวรรดิหลุดออกจากบ่า
“ถอยไป!”
ฉินอินตะโกนขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย พลังมังกรโซ่เทวะบริสุทธิ์พลุ่งพล่านรอบกาย แสงกระบี่ส่องสว่างก่อนตัดหัวอสูรขาดสะบั้น ขณะนั้นอสูรเกราะอีกหลายสิบตนพุ่งเข้ามารายล้อม นางร่ายรำกระบี่ดอกจื่อยินก่อนหมุนตัวพร้อมเสียงมังกรคำรามกึกก้อง ทักษะสยบมังกรขั้นแรก...มังกรกลับตาลปัตร!
กระบี่ที่ควบแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งโซ่เทวะฟันกะโหลกของอสูรเกราะแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างน่าทึ่ง แม้ฉินอินจะอยู่ขอบเขตนภาขั้นที่สาม ทว่าพลังการโจมตีของนางนั้นแข็งแกร่งกว่าตู้ไห่ผู้อยู่ขอบเขตปราชญ์นัก
“ทำลายมัน!”
เสียงของชวีฉู่ดังขึ้น ฝ่ามืออัคนีตกลงจากฟากฟ้าทำลายรถบันไดจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ปราณเพลิงวายุหมุนวนรอบกายขณะที่เขาจ้องมองกองทัพอสูรเกราะด้วยสายตาเยือกเย็น ฝ่ามืออัคนีฟาดลงบนพื้นอีกครา ฉับพลันเปลวเพลิงลุกโชนไปทั่วบริเวณ ด้วยการโจมตีอันทรงพลัง เหล่าปีศาจทำได้เพียงร้องโหยหวนและรอความตายอยู่ในทะเลเพลิงอย่างทุกข์ทรมาน
“ยิงหอก!”
ฉินอินตะโกนดังลั่นท่ามกลางฝูงชน กองทัพจักรวรรดิจัดรูปแบบกองทัพใหม่และเริ่มโจมตีทันที หอกหลายร้อยเล่มถูกยิงออกไปแทงทะลุเหล่าอสูรเกราะจนกลายเป็นเม่น
ขณะนั้นอสูรเกราะตนหนึ่งสามารถปีนกำแพงเหล็กขึ้นมาได้สำเร็จและเริ่มโจมตีเหล่าทหารทันที
เฟิงจี้สิงกระชับดาบในมือวิ่งไปรอบๆ ไล่ฟันร่างของอสูรเกราะที่ปีนกำแพงเข้ามาจนฉีกเป็นชิ้นเนื้อ ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถควบคุมความปั่นป่วนของปราณยุทธ์ในร่างกายได้จนกระอักเลือดออกมา
“ปกป้องท่านผู้บัญชาการ!”
จางเหว่ยร่ายรำดาบก่อนฟันหัวของอสูรเกราะกระเด็นหลุดออกจากบ่า ขณะนั้นอสูรเกราะอีกตนพุ่งตัวใช้ดาบโจมตีเขาจากทางด้านหลัง เฟิงจี้สิงตะโดนดังลั่น “ก้มลง!”
จางเหว่ยก้มตัวหลบโดยสัญชาตญาณ ปลายดาบหนาเหวี่ยงตัดหมวกส่วนบนของเขาออกไป โชคดีที่เขาไหวตัวได้ทัน มิเช่นนั้นคงไปอยู่ภพอื่นเสียแล้ว
ทหารจักรวรรดิหลายนายพุ่งตัวแทงดาบใส่ร่างของอสูรเกราะที่เกือบคร่าชีวิตของจางเหว่ยก่อนผลักมันลงกำแพงเหล็กไป
“ยิงกล่องลูกศรต่อไป ต้านพวกมันไว้ให้ได้!”
เฟิงจี้สิงกระชับดาบสะบั้นวาโยในมือและร่วมสู้ต่ออย่างไม่ลดละ
ไกลออกไป เนื้อตัวตัวของฉินอินแปดเปื้อนไปด้วยเลือด นางไม่ถอดใจแม้เหล่าอสูรเกราะจะบุกทะลวงเข้ามามากเพียงใด ชวีฉู่ที่อยู่ด้านข้างคอยคุ้มกันองค์จักรพรรดิอย่างสุดความสามารถ ขณะที่พลังมังกรโซ่เทวะบริสุทธิ์ควบแน่นบนปลายดาบตัดร่างของอสูรเกราะขาดสะบั้นตนแล้วตนเล่า
…
การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดจนถึงพลบค่ำ แนวกำแพงเหล็กต่างถูกย้อมด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดงก่ำ กระทั่งเหล่าปีศาจหยุดการโจมตีในที่สุด ดูเหมือนพวกมันจะอ่อนกำลังลงอย่างมาก เหล่าอสูรเกราะทางทิศตะวันออกของกำแพงเหล็กทำได้เพียงยกโล่ขึ้นป้องกันการโจมตีจากกล่องลูกศรและเครื่องยิง
มีซากศพเป็นพะเนินอยู่ทุกหนทุกแห่งในเมือง พื้นดินราวกับถูกชำระล้างด้วยเลือด
เฟิงจี้สิงเหยียบพื้นอิฐในเมืองที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างระมัดระวังก่อนกล่าวออก “หยุดยิงกล่องลูกศรและเครื่องยิง กักตุนลูกศรไว้ด้วย”
“ขอรับ”
จางเหว่ยไปสั่งการทันที
เฟิงจี้สิงเอ่ยถามต่อ “วันนี้เราใช้ลูกศรไปเท่าใด?”
รองผู้บัญชาการหลัวอวี่ด้านข้างกล่าวตอบ “วันนี้เราสูญเสียลูกศรไปเกือบหนึ่งในห้าเนื่องจากใช้กล่องลูกศรยิงโจมตี อีกทั้งพวกปีศาจยังอยู่นอกเมือง เราไม่สามารถออกไปเก็บลูกศรกลับมาได้เลยขอรับ”
“เช่นนี้เอง…”
เฟิงจี้สิงกล่าวออกด้วยแววตาโศก “คืนนี้นำศพทหารทั้งหมดไปฝังทางตะวันตกของเมืองด้วย”
“ขอรับ”
เฟิงจี้สิงเดินเข้าไปในเมืองด้วยสภาพสะบักสะบอม ขณะที่ฉินอินกำลังล้างมือที่ชุ่มไปด้วยเลือด ดูเหมือนว่าวันนี้เหล่าผู้บัญชาการต่างต่อสู้กันอย่างอาจหาญและไม่ย่อท้อ
“ผู้บัญชาการเฟิง สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินอินเอ่ยถามขณะนั่งลงบนบัลลังก์
“เราสูญเสียกองกำลังมิน้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิงจี้สิงขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “ยังไม่มีจำนวนที่ชัดเจน...ทว่าคงมีทหารอย่างน้อยหมื่นนายถูกฆ่าตายตกในสนามรบพ่ะย่ะค่ะ”
“หลังพลบค่ำพวกปีศาจคงไม่บุกโจมตีแล้วกระมัง”
“ไม่แน่พ่ะย่ะค่ะ หากพวกมันบุกมา เราคงต้องใช้ไฟเพื่อตอบโต้”
“อืม”
ขณะนั้นเซี่ยงอวี้ซึ่งเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดเดินนำกลุ่มแม่ทัพเมืองชีไห่เข้ามาพร้อมกล่าวออก “กองทัพของเฉียนเฟิงอยู่ที่ท่าเรือเฟิงหลินและเริ่มเปิดการโจมตีแล้ว ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการเฟิงจะพูดถูก เฉียนเฟิงต้องการยึดป้อมปราการของท่าเรือเฟิงหลินพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบคุณผิงหนานโหวที่ทำงานอย่างหนัก” ฉินอินกล่าว
เซี่ยงอวี้โค้งคำนับอย่างรวดเร็วก่อนกล่าวออกด้วยความเคารพ “กระหม่อมเต็มใจทำเพื่อรับใช้จักรวรรดิพ่ะย่ะค่ะ!”
…
เหล่าปีศาจไม่มีการเคลื่อนไหวตลอดทั้งคืนจนกระทั่งยามรุ่งสางที่มีหมอกปกคลุมหนาแน่นมาถึง
เฟิงจี้สิงยืนอยู่บนกำแพงเมืองด้วยสีหน้าเป็นกังวล การที่มีหมอกหนาในฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ช่างเป็นเรื่องแปลกประหลาดนัก พระเจ้ากำลังช่วยเหลือปีศาจหรืออย่างไร
เสียงขุดดินและก่อสร้างดังแว่วมาจากระยะไกล เขาไม่อาจรู้เลยว่าพวกปีศาจกำลังทำสิ่งใด
เวลาล่วงไปถึงรุ่งเช้า แสงอาทิตย์สาดส่องเมฆหมอกมลายไปจนหมดสิ้น พวกปีศาจสร้างกำแพงสูงราวสามเมตรทอดยาวตามแนวแม่น้ำต้าวเจียงเป็นระยะทางกว่าสิบไมล์
“พวกมันพยายามทำสิ่งใดกัน” จางเหว่ยยิ้ม “ช่างน่าขันนัก พวกมันคิดจะใช้กำแพงโคลนนี้สู้กับกำแพงเหล็กหรืออย่างไร โง่เขลาเสียจริง…”
เฟิงจี้สิงไม่กล้าแม้แต่จะหัวเราะเยาะ เนื่องจากผู้บัญชาการของพวกปีศาจเหล่านี้คือเฉียนเฟิงผู้เก่งกล้าและฉลาดหลักแหลม ผู้ใดที่คิดสบประมาทคงต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน