The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.60 อ่อนสยบแข็ง
EP.60 อ่อนสยบแข็ง
หินยักษ์สูงต่ำสลับไปตามแนวเทือกเขา ต้นสนเขียวสูงใหญ่ขึ้นอยู่ระหว่างหินยักษ์อย่างทระนง ทำให้เทือกเขาที่ทอดยาวติดต่อกันลูกนี้เป็นเหมือนกับมังกรยักษ์ที่คดเคี้ยวยึดครองพื้นที่ของป่าสัตตะดารา เนื่องจากฝนห่าใหญ่เพิ่งตกลงไป บนต้นไม้ที่ยืนต้นตายมีเห็ดสีม่วงแดงเจริญเติบโตขึ้น ส่งกลิ่นหอมกระจายออกไป
ข้างล่างหินยักษ์ ทหารรับจ้างสองนายสวมชุดเกราะโทรมๆ คนหนึ่งถือดาบ คนหนึ่งถือมีดกำลังเดินอย่างขะมักขะเม้น สองคนนี้นามว่าหวังเป่าและลู่ซุ่น เป็นทหารรับจ้างอยู่ชายแดนเมืองหยินซาน ปกติจะอยู่ที่โรงเตี๊ยมคอยรับภารกิจรับจ้างฆ่าคน ตอนที่การค้าขายเป็นปกตินั้นพวกเขาก็ฆ่าคนชิงทรัพย์อยู่บ่อยๆ นี่ก็คือทหารรับจ้างเร่ร่อน พวกคนบ้าที่ไม่อยู่ใต้กฎหมายของจักรวรรดิ
ตอนที่ปฐมจักรพรรดิสถาปนาจักรวรรดิขึ้นมา เพื่อรักษาจิตวิญญาณการต่อสู้ของจักรวรรดิ เคยมีราชโองการ ผู้ใดที่ถอดชุดนักรบและสวมชุดคลุมสีเทาต่างเป็นทหารรับจ้างได้ทั้งหมด ทหารรับจ้างฆ่าคนไม่อยู่ภายใต้กฎหมายของจักรวรรดิ แต่ก็อนุญาตให้ตามล่าและตั้งฆ่าหัว ดังนั้นการฆ่าคนจึงนิยมไปทั่ว ก่อเกิดโลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เพราะเหตุนี้ผู้คนในจักรวรรดิจึงชื่นชอบการฝึกยุทธ์ ทำให้วิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยขาดผู้กล้าฝีมือเยี่ยมมาเป็นผู้นำในกองทัพ
อาณาเขตทางเหนือของจักรวรรดิคือทะเลทรายอันกว้างใหญ่ มีชนเผ่าเร่ร่อนป่าเถื่อนอาศัยอยู่ ทางใต้ก็มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่ในป่ารกร้าง ต่างเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย ทว่าชนเผ่าเหล่านี้กลับยอมจำนนต่อจักรวรรดิฉิน เหตุผลหลักที่สุดก็คือการให้ความสำคัญเรื่องการต่อสู้ของจักรววรดิ กองทัพทรงพลังที่ทำให้ชนเผ่าเหล่านี้ไม่อาจต่อต้าน
หวังเป่านำดาบยาวหนีบไว้ใต้รักแร้ เดินช้าๆ เข้ามา หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ เป็นประกาศนำจับ เขาขมวดคิ้วพูด “ไม่ใช่ว่าคลาดกับพวกนั้นแล้วนะ ไม่เช่นนั้นผ่านไปสามวันแล้ว ยังจะหาเจ้าเด็กที่ชื่อหลินมู่อวี่ไม่พบได้อย่างไรกัน”
ลู่ซุ่นส่ายหน้าตอบ “ไม่มีทาง การดมกลิ่นของวิญญาณยุทธ์สุนัขฉายเฉวี่ยน (ชิบะ) ของข้าไม่เป็นสองรองใคร ต้องไล่ทันอย่างแน่นอน”
หวังเป่าอดหัวเราะเยาะไม่ได้ “วิญญาณยุทธ์สุนัขฉายเฉวี่ยนอะไรนั่นของเจ้า ก็แค่สุนัขป่าระดับสิบ ยังกล้ามาพูดว่าไม่เป็นสองรองใคร ไม่กลัวถูกคนหัวเราะเยาะหรือไง! รีบไปกันเถอะ ถ้าหาหลินมู่อวี่เจอ จะได้เอากระบี่แทงมันซะ พวกเราสองคนจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารการกินอีกต่อไป หนึ่งแสนเหรียญทองเลยนะ พอให้พวกเราซื้อคฤหาสน์หลังโตในจักรวรรดิได้เลย แล้วซื้ออนุอีกสักยี่สิบนาง ร่ำสุราให้เมามาย ใช้ชีวิตสำราญทุกค่ำคืน!”
ลู่ซุ่นแค่นหัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ในตอนนี้เองจู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง มีคนถือดาบยาวพุ่งเข้ามา พูดด้วยเสียงดังผิดปกติ “เฮ้ย พวกเจ้าสองคนหยุดเดี๋ยวนี้!”
หวังเป่าและลู่ซุ่นหยุดเท้าลงทันที มองผู้ที่มาเยือนตกใจเงียบๆ ด้านความน่าเกรงขามก็แพ้ให้กับคู่ต่อสู้แล้ว อีกฝ่ายนั้นยกดาบที่หนักอย่างน้อยกว่าร้อยจิน (1 จิน เท่ากับ 500 กรัม) ด้านพละกำลังก็ชนะขาดพวกเขาสองคน
“พวกเจ้าเห็นเจ้าเด็กนี่หรือไม่” ผู้ที่มานั้นหยิบประกาศนำจับที่เหมือนกันเด๊ะๆ ออกมา
หวังเป่าหรี่ตาลงแล้วยิ้มน้อยๆ “ไม่เห็นเลยขอรับ นี่…พี่ชายใช้ดาบขนาดใหญ่มาก หรือว่าท่านจะเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพยุทธ์กวานหยาง”
กวานหยางหัวเราะ “ไม่นึกว่าพวกเจ้าจะรู้จักข้าด้วย พวกเจ้าก็มาตามล่าหลินมู่อวี่เหมือนกันสินะ”
“ใช่แล้ว!” เป่าหัวเราะฮ่าๆ “คงอีกไม่ไกลแล้วล่ะ เจ้าหลินมู่อวี่อยู่ข้างหน้านี้เอง มันใช้กระบี่ผุๆ สังหารฮว๋าหวันและฮว๋าเทียน เห็นได้ชัดว่าพลังมันน่ากลัวยิ่งนัก ในเมื่อตอนนี้ทุกคนต่างตามล่ามัน สู้มีผู้ช่วย…เดินทางไปด้วยกันเป็นอย่างไร”
กวานหยางพยักหน้า “ก็ดี หลายคน ดูแลกันได้มากขึ้น”
หวังเป่าเผยรอยยิ้ม แต่กลับไม่ได้สังเกตรอยยิ้มมุมปากของกวานหยางที่เผยจิตสังหารออกมา
“งั้นรบกวนท่านทั้งสองนำทางด้วย”
“อืม ได้!”
ในจังหวะที่หวังเป่าหันตัวกลับไป จู่ๆ หลังของเขาก็ร้อนขึ้น และเจ็บขึ้นที่หน้าอก เมื่อก้มหน้ามอง เปลวไฟสายหนึ่งค่อยๆ ทะลวงเกราะของเขา ตามด้วยดาบที่แทงทะลุหัวใจออกมา ยังไม่ทันได้ร้องออกมาก็ล้มพับลงไปกองกับพื้น
“ไอ้ระยำ กล้าลอบโจมตีพวกเรางั้นรึ!”
ลู่ซุ่นโมโห กระบี่พุ่งเข้าแทงใต้รักแร้ของกวานหยางดั่งอสรพิษ
“ตายซะเถอะ!”
กวานหยางรวดเร็วมาก ดาบยาวที่มีร่างของหวังเป่าคาอยู่นั้นสะบัดโดยพลัน “เคร้ง” ด้ามดาบปะทะกับกระบี่ของลู่ซุ่นกระเด็นออกไป แล้วรีบขึ้นหน้าเตะลู่ซุ่นจนถอยกระเด็นไปหลายก้าว กวานหยางเลื่อนดาบไปไว้ด้านหลัง หมัดซ้ายที่มีเปลวเพลิงก็กระแทกเข้าที่อกของลู่ซุ่น!
“พลั่ก!”
เลือดพุ่งสาดกระจาย หมัดซ้ายที่มีเปลวเพลิงห่อหุ้มทะลวงอกของลู่ซุ่น เปลวเพลิงเผาอวัยวะภายในของอีกฝ่ายจนไหม้เกรียม
กวานหยางค่อยๆ เก็บหมัด ไม่แม้แต่จะมองศพของลู่ซุ่นที่ล้มลงไป พูดเสียงเรียบ “แค่หลินมู่อวี่คนเดียว ข้าต้องแบ่งรางวัลกับสวะอย่างพวกเจ้าด้วยหรือ”
กวานหยางยกดาบขึ้นแล้วก็เดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว
“ในที่สุดข้าก็เจอแล้ว!”
บนต้นไม้พันปีที่ยืนต้นตาย หลินมู่อวี่ปีนขึ้นไปด้านบนอย่างดีอกดีใจ
“อาอวี่ เจ้าเจออะไรหรือ” ฉู่เหยาที่ยืนงงอยู่ใต้ต้นไม้ถาม
หลินมู่อวี่ชักกระบี่ออกมา ค่อยๆ แงะเห็ดสีม่วงที่งอกอยู่บนต้นไม้ออกมาทีละดอกอย่างระมัดระวัง จากนั้นเห็ดก็ร่วงลงมาจากต้นไม้ เขารีบร้องเตือน “พี่ฉู่เหยา ห้ามใช้มือแตะพวกมัน!”
“นี่มัน”
ฉู่เหยาเอียงคอมองเห็ดรูปร่างแปลกประหลาดพวกนี้ ทันใดนั้นก็เข้าใจ “สวรรค์ นี่คือสมุนไพรงั้นหรือ ข้าเคยเห็นในตำราเทพโอสถมาก่อน ดูเหมือน…ยาพิษ เห็ดลิ้นมังกรใช่หรือไม่”
หลินมู่อวี่กระโดดลงมาที่พื้น ยิ้มตอบ “ถูกต้อง นี่คือเห็ดลิ้นมังกร เป็นสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรง”
“เจ้าจะเอาเห็ดลิ้นมังกรพวกนี้ไปทำอะไรเหรอ”
“ปรุงยาพิษน่ะสิ!”
“ปรุงยาพิษ?” ฉู่เหยาอ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงเชิงอบรม “อาอวี่ ท่านปู่เคยสอนว่าพวกเราคือนักปรุงโอสถ ต้องยึดมั่นในการรักษาผู้คน จะมาปรุงยาพิษได้อย่างไรกัน”
หลินมู่อวี่ยิ้มน้อยๆ จับไหล่ของฉู่เหยา “พี่ฉู่เหยา ตอนนี้พวกเราไม่รู้ว่าถูกคนมากมายเท่าไหร่ไล่ฆ่า หากไม่ปรุงยาพิษ เกรงว่าโอกาสที่พวกเราจะรักษาผู้คนก็คงไม่มีแล้ว”
“งั้นเจ้าจะปรุงยาพิษอะไรล่ะ”
“สายลมเมามาย โอสถระดับเจ็ด มันสามารถกระจายไปตามลม ทำให้สติของคนไม่แจ่มชัด เคลื่อนไหวช้าลง ทั้งยังไร้สีไร้กลิ่น ไม่มีทางรู้ตัวเด็ดขาด แต่ส่วนผสมของสายลมเมามายต้องมีดอกกล้วยไม้ระทมด้วย ข้ายังหามันไม่เจอเลย”
ฉู่เหยาย้อนนึกอย่างหนัก “ในตำราเทพโอสถมีบันทึกเกี่ยวกับกล้วยไม้ระทมอยู่ ดูเหมือนดอกกล้วยไม้ชนิดนี้จะบานแค่ในตอนกลางคืน มีกลิ่นที่ประหลาดมาก เหม็นนิดหน่อย”
“นี่ก็ใกล้มืดแล้ว” หลินมู่อวี่มองท้องฟ้า “เห็ดลิ้นมังกรและกล้วยไม้ระทมต่างมีพิษร้ายแรง ในเมื่อตรงนี้มีเห็ดลิ้นมังกร ก็ต้องมีกล้วยไม้ระทมอย่างแน่นอน น่าจะใกล้หาเจอแล้วล่ะ”
“อือ”
พูดจบหลินมู่อวี่ก็นำใบไม้มาห่อเห็ดลิ้นมังกร แล้วใส่ไว้ในย่าม
เพิ่งจะทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย จู่ๆ ลางสังหรณ์ของเขาก็ร้องเตือน ด้านหลังมีจิตสังหารรุนแรงใกล้เข้ามา
“ระวัง!”
หลินมู่อวี่รีบผลักฉู่เหยาออก แล้วหมุนตัวเรียกวิญยาณยุทธ์ออกมา ทักษะกระดองเต่าทมิฬเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกำแพงน้ำเต้าเขียว ปรากฏปราการเหล็กป้องกันขึ้นที่ด้านหลัง!
“ปัง!”
ประกายไฟกระจายออก ดาบยาวฟันเข้าที่กระดองเต่าทมิฬอย่างแรง ปราการกระดองเต่าทมิฬปรากฏรอยร้าวขึ้นมากมาย แค่พลังการโจมตีนี้ก็รู้แล้วว่าพลังของผู้ที่มาเยือนนั้นสูงกว่าฮว๋าเทียนหลายชั้น!
หลังจากเปลวไฟสลายไป กวานหยางที่ถือดาบยาวก็มายืนอยู่ตรงหน้าหลินมู่อวี่ ยิ้มมุมปากแล้วกล่าว “สมแล้วที่เป็นเด็กที่สังหารฮว๋าเทียนได้ มีฝีมืออยู่บ้าง แต่พลังแค่นี้ เจ้าคงสังหารฮว๋าเทียนไม่ได้ละมั้ง หึ ดูท่าคงจะลอบกัดสินะ”
“เจ้าเป็นใคร” หลินมู่อวี่ค่อยๆ ชักกระบี่มาจากด้านหลัง ถามด้วยแววตาสงบนิ่ง
“ข้ากวานหยาง เป็นหนึ่งในเจ็ดเทพยุทธ์แห่งป่าสัตตะดารา มาเอาหัวของเจ้าและแม่นางน้อยคนนั้นโดยเฉพาะ!” กวานหยางหยิบกระดาษออกมาจากอกเสื้อ ดูรูปในกระดาษ จากนั้นก็เงยหน้ามองหลินมู่อวี่ หลังจากเทียบดูหลายรอบก็ยิ้มออกมา “ดูท่าคงเป็นเจ้านี่แหละ มีอะไรจะสั่งเสียก็รีบพูด ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีโอกาสแล้วนะ”
“คำพูดนี้ควรเป็นข้าพูดกับเจ้ามากกว่า”
หลินมู่อวี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม กระบี่ในมือก็มีประกายสายฟ้าออกมา
“อวดดี!”
กวานหยางนั้นมองออกแต่แรกแล้วว่าพลังของหลินมู่อวี่นั้นแค่บรรพชนสงครามระดับสามสิบแปด แต่ตนเองนั้นเป็นปราชญ์สงครามระดับสี่สิบแปด มีพลังบดขยี้คู่ต่อสู้ได้อย่างหมดจด หลังจากนั้นเขาก็เรียกวิญญาณยุทธ์ออกมา เป็นวิญญาณยุทธ์รูปร่างหมาป่า หัวของหมาป่าปรากฏอยู่บนกระบี่ ทำให้ดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก
“ตายเสียเถอะไอ้หนู!”
กวานหยางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เขาเร่งพลังปราณแล้วพุ่งตัวขึ้นหน้า พลิกดาบแทงออกไป
หลินมู่อวี่ศึกษากระบี่วายุมาหลายวัน เตรียมการสำหรับการต่อสู้จริงไว้บ้างแล้ว เมื่อเริ่มใช้เคล็ดทักษะกระบี่นี้ เขาถอยหลังด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า “เคร้ง เคร้ง” เสียงกระบี่ปะทะกัน กวานหยางโจมตีต่อเนื่องไม่หยุด เขาพลิกดาบแล้วฟันออกไปบนอากาศ วิญญาณยุทธ์บนดาบส่งเสียงคำราม ปลดปล่อยเปลวเพลิงนับไม่ถ้วนออกมา
“ปัง!”
หลินมู่อวี่เข้าสู่การตั้งรับอย่างเต็มตัว ถูกกระแทกจนถอยไปหลายก้าว แขนทั้งสองข้างชา พลังของกวานหยางแข็งแกร่งเหลือเกิน เขาค่อยๆโคจรปราณ “ฟึ่บๆๆ ” เถาวัลย์น้ำเต้าเขียวสามเส้นแทงขึ้นมาจากพื้นดิน
กวานหยางหัวเราะฮ่าๆ กระทืบเท้าใส่พื้นดิน เปลวไฟลุกพรึ่บไปทั่ว เผาเถาวัลย์น้ำเต้าจนสิ้น เขายิ้มเยาะ “เจ้ามีความสามารถแค่นี้เองหรือ งั้นคงต้องบอกลาเจ้าจริงๆ แล้วสิ”
หลินมู่อวี่คำรามออกมา เถาวัลย์น้ำเต้าก็พุ่งโจมตีออกไปรอบทิศทาง
“พลังหมาป่า!”
กวานหยางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดเช่นกัน วิญญาณยุทธ์คำรามออกมา เปลวเพลิงพุ่งกระจายออกไปรอบด้าน พลังปราชญ์สงครามระดับสี่สิบแปดช่างเยี่ยมยอด ราวกับจะทำให้เกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ เปลวเพลิงในช่วงพลบค่ำย้อมสีท้องฟ้าให้สว่างราวกับเวลากลางวัน ส่วนเถาวัลย์น้ำเต้าของหลินมู่อวี่นั้นโดนเผาไปเกือบเป็นขี้เถ้าหมด เหลือเพียงเถาวัลย์ไม่กี่เส้นที่ยังคงพันธนาการอยู่ราวกับอสรพิษ
“ปัง!”
มวลอากาศสั่นสะเทือน หลินมู่อวี่ใช้ฝีเท้าดาวตกเคลื่อนพุ่งไปทางกวานหยาง ฟาดกระบี่ออกไป พิฆาตอสนีบาต!
“ฝันไปเถอะ!”
กวานหยางยกมือปัดพลังนั้นออก พลังแข็งแกร่งมาก คิดไม่ถึงว่าจะต้านพิฆาตอสนีบาตได้ด้วยมือเปล่า แต่หลินมู่อวี่ก็ไม่ได้มีท่าโจมตีเพียงเท่านี้ เขาเอียงกระบี่ ทำให้ดาบยาวของกวานหยางนั้นสูญเสียความแม่นยำ ขณะเดียวกันก็ใช้ท่าประกายแสงของฝีท้าวดาวตกหายตัวไป จากนั้นแทงกระบี่เข้าที่ด้านหลังของกวานหยาง!
เปลวเพลิงระเบิดออก กระบี่เหล็กไม่สามารถเจาะทะลุปราณป้องกันของกวานหยางได้ พลังของเขาเหนือกว่าหลินมู่อวี่หลายขุม
“พี่ฉู่เหยา จุดหยางกวาน!”
จังหวะที่แผ่นหลังเขารับการโจมตีรุนแรงจากดาบของกวนหยางอยู่นั้น หลินมู่อวี่ก็สร้างโอกาสชั้นยอดขึ้นมา กวานหยางเปิดช่องโหว่ที่ด้านหลัง จุดหยางกวานเป็นตำแหน่งที่ถือเป็นจุดอ่อนบริเวณบั้นเอว นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
“ฟิ้ว!”
เข็มเงินเล่มหนึ่งปักเข้าที่จุดหยางกวานอย่างรวดเร็ว กวานหยางชะงัก วินาทีถัดมาเถาวัลย์ก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินพันธนาการรอบตัวเขา หนามบนเถาวัลย์นั้นทะลวงเข้าที่จุดหยางกวาน แทงเข้าชั้นผิวหนังเขาอย่างไม่หยุด
“ไอ้ระยำเอ๊ย!”
กวานหยางโกรธแค้น