The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา - EP.66 ฝูงหมาป่าไล่โจมตี
EP.66 ฝูงหมาป่าไล่โจมตี
“อยากตายนักใช่ไหม!”
สิงหลันเห็นทหารสองนายถูกสังหาร ความอับอายแปรเปลื่ยนเป็นโทสะทันที แท่งน้ำแข็งออกมาจากหอกยาว รอบตัวเข้าสู่ความหนาวเหน็บ วิญญาณยุทธ์ของเขาคือสัตว์หิมะ วิชาที่เขาฝึกก็เป็นธาตุน้ำแข็งเช่นกัน ทำให้เขาดูเย็นชาและไม่น่าเข้าใกล้ และในตอนนี้ร่างของเขาแข็งตรงราวกับหอกเหล็กเย็นเฉียบเล่มหนึ่งพุ่งเข้าโจมตีหลินมู่อวี่
“ข้าจะทำลายมันซะ!”
หอกยาวในมือของเขาหมุนเป็นวงรุนแรง ก่อเป็นสายพลังทะลวงคล้ายก้นหอยที่ทรงพลัง “ปัง” เสียงกระแทกกับกระดองเต่าทมิฬ พลังแข็งแกร่งที่ทะลวงเข้ามาทำให้หลินมู่อวี่อดสั่นสะท้านไม่ได้ หลังจากนั้นกระดองเต่าทมิฬก็ถูกแทงทะลุ “ฉึก” ปลายหอกคมกริบแทงเข้าที่ไหล่ของเขา เลือดยังไม่ทันได้กระเซ็นออกมาก็ถูกกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียแล้ว
พลังน้ำแข็งแข็งแกร่งเกินไป แขนซ้ายของหลินมู่อวี่สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวแล้ว
“พ่นพิษ!”
เขาตะโกนออกมา พื้นดินรอบๆ ตัวก็มีเถาวัลย์น้ำเต้าแทงทะลุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ล้อมสิงหลันที่ขี่ม้าอยู่ไว้ตรงกลาง สิงหลันเคยเจอกระบวนการโจมตีแบบนี้มาก่อน รีบยกหอกเหล็กมาขวางไว้ด้านหน้า แต่ไฉนเลยจะขวางพิษได้ “ฟู่ว” ดอกน้ำเต้าดังพ่นพิษสาดกระจายไปทั่วร่างของเขา ฤทธิ์กัดกร่อนของพิษ ทำให้ใบหน้าและหน้าอกของยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์สงครามระดับสี่สิบหกผู้นี้เละเปื่อยไปเรื่อยๆ เขาร้องโหยหวนและตกลงจากหลังม้า
ทันใดนั้นหลินมู่อวี่ก็กระตุกบังเหียนม้า หันกลับมาและฉวยโอกาสนี้ตวัดกระบี่ คมกระบี่เหลียวหยวนเฉือนเข้าที่คอของสิงหลัน เลือดพุ่งออกมา กระเสือกกระสนอยู่สักพักจึงแน่นิ่งไป
สิงหลัน ตายแล้ว
ทหารรับจ้างที่เหลือตกตะลึงตาค้าง ควงดาบหมายจะเข้าโจมตี แต่กลับถูกมีดเสียงปีศาจสังหารตายไปอีกสองนาย หลินมู่อวี่ไม่กล้าขยับแขนซ้ายมากนัก เขาค่อยๆ โคจรปราณสลายน้ำแข็ง ฉู่เหยากระโดดขึ้นม้าศึกที่อยู่ด้านข้าง ยกแขนและซัดเข็มเงินออกไป “ฟุบ ฟุบ ฟุบ” เข็มเงินแทงเข้านัยน์ตาของทหารรับจ้างหลายนาย
“เจ้าเด็กนี่…สังหารหัวหน้าสิงหลัน เจ้าเดรัจฉาน!”
ทหารรับจ้างนายหนึ่งยกขวานขึ้นมา ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพุ่งเข้ามา หลินมู่อวี่ยกกระบี่พาดไว้ตรงหลังม้า จากนั้นยกมือปล่อยหมัดเสียงปีศาจออกไป ด้วยการโจมตีของคลื่นเสียง ทหารรับจ้างนายนั้นก็กระอักเลือดและตายทันที พวกทหารรับจ้างรอบๆ ต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทหารรับจ้างอาวุโสนายหนึ่งที่อายุราวห้าสิบปีใบหน้าซีดขาวเอ่ย “นั่นมัน…หมัดเสียงปีศาจ! สวรรค์ เจ้าเด็กนี่รู้วิชาของติ่งอัคคีชวีฉู่!”
คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ว่าหลินมู่อวี่คือใคร แต่ใครๆ ก็รู้จักติ่งอัคคีชวีฉู่ ชื่อนี้เลื่องลือไปทั่วแผ่นดินนี้ ขอแค่เป็นผู้ฝึกตนของจักรวรรดิ แทบจะไม่มีใครไม่รู้ว่าชวีฉู่คือใคร และยิ่งไม่มีใครที่จะไม่รู้ว่าพลังวิญญาณยุทธ์ติ่งอัคคีของชวีฉู่นั้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง
“สังหารไม่ได้แล้ว หนีเร็ว!”
ทหารรับจ้างที่ถือธนูนายหนึ่งรีบถอยอย่างรวดเร็ว ทหารรับจ้างที่เหลือก็ทยอยกันถอยกลับไป ในตอนที่กำลังถอยทัพกลับนั้น ม้าพากันล้มลง นั่นเป็นฤทธิ์ของสายลมเมามายที่ออกฤทธิ์แล้วในที่สุด
แต่เดิมหลินมู่อวี่คิดจะใช้ธนูแกะสลักยิงกำจัดทิ้งอีกคนสองคน แต่ความเย็นที่แขนยังไม่คลายจึงไม่สามารถใช้สองมือดึงธนูได้ จำต้องปล่อยพวกนั้นไป เขามองศพที่เกลื่อนพื้น ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก กระตุกบังเหียนแล้วพูด “พี่ฉู่เหยา รีบไปกันเถอะ พวกนั้นจะต้องไล่ตามมาอีกแน่นอน พวกเราอยู่ที่นี่นานมากไม่ได้”
“อือ อาอวี่แล้วแขนเจ้าล่ะ”
ฉู่เหยาบังคับม้าเข้ามา แล้วรีบหยิบเข็มเงินมาฝังเข้าที่จุดชีพจรที่แขนสองจุด “เจ้าโคจรปราณไล่ความเย็นก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“อืม”
ดวงดาวเต็มท้องฟ้า แสงดาวกระทบบนแนวเขา ทั้งสองรีบเดินทางต่อ แต่ทันใดนั้นในความมืดก็มีประกายแสงสีแดงเลือดกำลังสั่นไหว ฉู่เหยาอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว “นั่นอะไรน่ะ”
หลินมู่อวี่สั่นสะท้านอยู่ในใจ “ท่าไม่ดีแล้ว หมาป่าวายุ รีบไปเร็ว!”
จริงด้วย พริบตาเดียวหมาป่าวายุจำนวนมากมายลงมาจากบนเขา หมาป่าสายุตัวที่เป็นจ่าฝูงเป็นหมาป่าตัวยักษ์ที่บนหัวของมันมีสีขาวแต้มอยู่ ดูแล้วแข็งแกร่งกว่าตัวอื่นมากทีเดียว หลินมู่อวี่มองแวบเดียวก็แน่ใจว่าหมาป่าตัวนี้มีอายุอย่างน้อยหนึ่งพันปี ส่วนหมาป่าตัวที่เหลือส่วนใหญ่อายุราวหนึ่งร้อยปี แต่จำนวนมันมากเกินไป หากถูกล้อมเอาไว้ได้ละก็โอกาสที่พวกเขาจะรอดออกไปนั้นน้อยมาก
พวกเขาเร่งความเร็วม้าหนีออกไป ที่ด้านหลังนั้น ฝูงหมาป่ากำลังฉีกกินศพของทหารรับจ้างพวกนั้น สิงหลันจัดว่าเป็นยอดฝีมือมีชื่อคนหนึ่ง ใครจะไปคิดว่าพอตายไปแล้วจะถูกหมาป่ากินร่างเข้าไป กรรมตามสนองแล้วจริงๆ
……
“บรู๋วววว!”
หลินมู่อวี่และฉู่เหยาขี่ม้าออกไปได้ไม่ถึงครึ่งนาที จู่ๆ หมาป่าจ่าฝูงก็ส่งเสียงหอน หมาป่าวายุที่เหลือจึงหอนตาม จากนั้นเสียงจู่โจมของฝูงหมาป่าก็ดังใกล้เข้ามา
“แย่แล้ว! พวกมันไม่คิดจะปล่อยเราไป!” ฉู่เหยากัดฟัน
หลินมู่อวี่รีบโคจรปราณไล่ความเย็นที่ไหล่พลางพูด “ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น ท่านรีบหนีไป ข้าจะสกัดอยู่ด้านหลัง ขอแค่ข้าขับความเย็นที่สิงหลันทิ้งไว้ได้ หมาป่าวายุเหล่านี้ก็ทำร้ายพวกเราไม่ได้หรอก”
“อือ!”
ฉู่เหยารีบเร่งม้า แต่ไม่กล้าแซงหน้าหลินมู่อวี่ เพียงแต่วิ่งเคียงอยู่ข้างๆ เขา
เสียงวิ่งไล่ของหมาป่าวายุด้านหลังนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดได้ยินเสียงหายใจของพวกมันแล้ว หมาป่าวายุเป็นหนึ่งในสัตว์วิญญาณที่วิ่งเร็วที่สุดในป่า ความเร็วของม้าศึกไหนเลยจะเทียบได้ หลังจากนั้นไม่กี่นาที ภายใต้แสงของดวงดาวจึงเห็นเงาของหมาป่าแต่ละตัว
ฉู่เหยาหันกลับมอง แล้วล้วงเข็มเงินสองเล่มจากอกเสื้อ เล็งเป้าหมาย “ฟิ้ว” นางซัดเข็มออกไป วินาทีต่อมาหมาป่าวายุสองตัวก็ร้องครวญครางกลิ้งอยู่ตรงพุ่มไม้ พวกมันถูกเข็มเงินแทงเข้าที่นัยน์ตา ไม่สามารถไล่ล่าต่อได้
แต่หมาป่าตายไปสองตัว กลับยิ่งทำให้หมาป่าตัวอื่นที่เหลือโกรธแค้น โดยเฉพาะจ่าฝูง มันพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง อีกไม่ถึงสิบเมตรก็จะประชิดตัวแล้ว
แขนซ้ายของหลินมู่อวี่ยังคงขยับไม่ได้ จึงเก็บกระบี่เข้าฝักอย่างจนปัญญา แล้วยกมือขึ้นปล่อยหมัดเสียงปีศาจออกไปผ่านอากาศหนึ่งหมัด!
“ปัง!”
หมัดหนักๆ เฉี่ยวแก้มของจ่าฝูง แต่จ่าฝูงเป็นสัตว์วิญญาณอายุพันปีกว่า ได้แค่บาดเจ็บไม่ถึงตาย ที่แก้มของมันมีเลือดหยดไหล แต่มันร้องยังคงไล่ตามต่อ หลินมู่อวี่ก็ไม่เกรงใจแล้ว เขาใช้หมัดเสียงปีศาจอย่างต่อเนื่องกันหลายครั้ง ซัดเข้าที่แก้มของจ่าฝูงจนแก้มของมันแดงฉานไปด้วยเลือด กะโหลกศีรษะแตกร้าวไปไม่น้อย
และในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามออกมาจากป่าสองข้างทาง หมาป่ายักษ์สองตัวกระโจนออกมา!
“ระวัง!” หลินมู่อวี่รีบร้องตะโกน เขาคาดไม่ถึงว่าหมาป่าวายุจะเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก พวกมันรู้จักล้อมศัตรู
ฉู่เหยาเห็นเหตุการณ์ รีบบังคับม้าพุ่งเข้าไปขวางอยู่หน้าหลินมู่อวี่ วิญญาณยุทธ์เตียวม่วงปรากฏขึ้น เปลวเพลิงพุ่งโจมตีเข้าใส่ร่างของหมาป่ายักษ์ตัวหนึ่ง แต่หมาป่าอีกตัวกลับกระโจนขึ้นหลังม้า กรงเล็กคมกริบตะปบเข้าที่สะโพกของม้าศึกจนเลือดพุ่งกระจาย ปากกัดเข้าที่ด้านหลังของฉู่เหยา แต่ฝีมือฉู่เหยาอยู่ขั้นขอบเขตปฐพีชั้นที่หนึ่งแล้ว นางจึงว่องไวมาก จังหวะที่ไหล่ถูกหมาป่ากัดเข้าให้ นางก็ใช้มีดสั้นในมือขวานั้นแทงเข้าที่คอของหมาป่ายักษ์
“ฉึก!”
ร่างของหมาป่าอีกตัวร่วงลงกับพื้น
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “เจ็บหนักไหมพี่ฉู่เหยา”
ฉู่เหยาส่ายหน้า “ไม่เป็นไร พวกเรารีบไปกันเถอะ”
ในตอนนี้เอง หมาป่าตัวที่เป็นจ่าฝูงก็กระโจนเข้ามาทางด้านหลังหลินมู่อวี่ราวกับสายฟ้า
“กระดองเต่าทมิฬ!”
หลินมู่อวี่ที่อยู่บนหลังม้าเรียกวิญญาณยุทธ์ออกมาทันที น้ำเต้าสีแดงเข้มปรากฏขึ้น พลังเปลวเพลิงของกระดองเต่าทมิฬปรากฏขึ้นทันที “ปัง” จ่าฝูงที่กระโจนเข้ามากระดอนออกไป หลินมู่อวี่อาศัยจังหวะนี้ใช้พิฆาตอสนีบาตโจมตีใส่ศีรษะของจ่าฝูง
“ฉัวะ!”
เห็นเพียงรอยกระบี่วาดผ่านดวงตาของหมาป่าจ่าฝูง แทบจะฟันกะโหลกของมันจนแยกออกจากกัน เลือดเนื้อกระจัดกระจาย แต่พลังชีวิตของหมาป่าจ่าฝูงแข็งแกร่งเหลือคณา คิดไม่ถึงว่ามันยังแผดคำรามไล่ตามต่อได้
แขนซ้ายมีพลังอุ่นๆ ไหลเข้ามา หลินมู่อวี่พลันยินดียิ่ง ความเย็นที่สิงหลันทิ้งไว้ถูกขับออกจากร่างกายหมดแล้ว
เขากางมือออก หยิบธนูแกะสลักขึ้นมา แล้วหันหลังกลับยิงธนูออกไปหนึ่งดอก พลังปราณแทรกอยู่ในลูกธนู “ฟิ้ว” ลูกธนูพุ่งใส่นัยน์ตาของหมาป่าจ่าฝูงราวกับดาวตก
“โฮกกกกก…”
ลูกธนูพุ่งใส่ดวงตาทะลุไปถึงสมอง คราวนี้หมาป่าจ่าฝูงจึงไล่ตามต่อไม่ได้แล้ว ร้องโหยหวนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น คงต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว
การตายของจ่าฝูง ทำให้หมาป่าวายุที่เหลือไม่กล้าไล่ตามต่อ ราวกับพวกมันค้นพบว่าคนสองคนตรงหน้ามีความน่ากลัวอย่างมาก หากยังไล่ตามต่อ บางทีชีวิตน้อยๆ ของตัวมันเองก็อาจรักษาไว้ไม่อยู่
พวกเขาไม่กล้าหยุดฝีเท้า เดินทางขึ้นเหนือต่ออย่างรวดเร็ว
ม้าวิ่งต่อไปอย่างบ้าคลั่งทั้งคืนไม่หยุด ไม่รู้ว่าห่างจากภูเขาจั๋วเฟิงไกลแค่ไหนแล้ว แต่อย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่าห่างไกลมาก พวกทหารรับจ้างจั๋วเฟิงไล่ตามมาไม่ทันแน่นอน
ความเจ็บปวดที่ไหล่แล่นเข้ามา หลินมู่อวี่บังคับม้าให้ช้าลง เปิดดูบาดแผล หอกของสิงหลันแทงเกือบทะลุไหล่ เขาบาดเจ็บสาหัสมาก
ฉู่เหยาเห็นก็รู้สึกปวดใจอย่างมาก จึงฉีกเศษผ้าจากกระโปรงออกมา ช่วยพันแผลให้เขา ส่วนไหล่ของฉู่เหยาก็ถูกหมาป่าวายุกัดเป็นรูมีเลือดออกมานั้น นางใช้ปากกัดปลายผ้าด้านหนึ่งไว้ แล้วพันแผลให้ตนเอง ทำให้หลินมู่อวี่อดรู้สึกละอายไม่ได้ หลายวันมานี้ ฉู่เหยาเปลื่ยนจากหญิงสาวเก็บสมุนไพรผู้อ่อนโยนกลายมาเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้วจริงๆ
ระหว่างพันแผลอยู่นั้น ฉู่เหยาก็เงยหน้ามองเขา ยิ้มบางๆ “มีอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไร” เขารีบเบือนหน้าออกไป
ฉู่เหยาขำ “เด็กโง่”
ถึงแม้จะรู้สึกว่าตนเองถูกด่า แต่หลินมู่อวี่กลับบังเกิดความอบอุ่นอยู่ในใจ
……
ห่างออกไปจากป่าสัตตะดาราร้อยลี้
ป่าล่ามังกรเป็นป่าทึบที่ล้อมรอบเมืองหลวงหลันเยี่ยน ในป่าล่ามังกรเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด เป็นแดนสวรรค์ในฝันของผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน แต่ป่าแห่งนี้ถูกทหารของจักรวรรดิรักษาไว้อยู่ มีเพียงผู้ฝึกตนที่ได้รับอนุญาตหรือชนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปแสวงหาสัตว์วิญญาณที่ตนต้องการในป่านี้ได้
“กรับๆ กรับๆ…”
เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นทำลายความเงียบสงบของป่าล่ามังกร ขบวนทหารม้ากว่าร้อยนายกำลังวิ่งมาตามเส้นทางเล็กในป่าแห่งนี้ ที่อยู่หน้าสุดคือสาวน้อยงดงามในชุดคลุมสีแดงเข้ม ใบหน้าเป็นกังวล เร่งรีบมาตลอดทาง
“องค์หญิง ทรงช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะ!”
องครักษ์นายหนึ่งขี่ม้าขึ้นมาด้านหน้าแล้วกล่าว “เส้นทางขรุขระ ป่าล่ามังกรมีสัตว์ร้ายมากมายนัก ทรงอย่าบุกเข้าไปแบบนี้เลย ไม่เช่นนั้นไม่เพียงจะช่วยเจ้าเด็กที่ชื่อหลินมู่อวี่ไม่ได้แล้ว ยังจะเป็นการเอาชีวิตตนเองไปทิ้งแทนนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ใจของถังเสี่ยวซีสับสนร้อนรน อดที่จะปิดตาลงไม่ได้ นางไม่อยากจะคิดเลยว่าหากหลินมู่อวี่หนีไม่รอดจากการไล่สังหารของเจ็ดเทพยุทธ์ นางควรจะทำอย่างไร
และในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงนกร้องดังขึ้นมาจากท้องฟ้า นกตัวสีขาวตัวหนึ่งบินลงมาอย่างรวดเร็ว
องครักษ์รีบยกแขนขึ้น ดึงจดหมายจากขาด้านหนึ่งของนกตัวนั้น แล้วกล่าว “เป็นรายงานจากเมืองหยินซานพ่ะย่ะค่ะ”
“มีข่าวคราวแล้วหรือ”
ถังเสี่ยวซีไม่รอให้ทหารม้าไปดู แต่กลับแย่งจดหมายมาเอง และเห็นเพียงอักษรตัวเล็กสามบรรทัดบนนั้น
หนึ่งในเจ็ดเทพยุทธ์ กวานหยางที่ตามล่าหลินมู่อวี่ถูกสังหารแล้ว
หนึ่งในเจ็ดเทพยุทธ์ เย่เหลียงที่ตามล่าหลินมู่อวี่ก็ถูกสังหารเช่นกัน
องค์หญิงโปรดวางพระทัย เขายังมีชีวิต