The Black Card - ตอนที่ 408
ตอนที่ 408 – วิธีการช่วย
สือเหล่ยขับรถไปที่สถานีใต้ของหวูตงและมันก็เป็นสถานีที่สร้างขึ้นใหม่สำหรับรถไฟความเร็วสูง เขาทิ้งรถไว้ที่ลานจอดรถและวิ่งไปซื้อตั๋ว
โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นและมันเป็นสายจากเว่ยปู้ถี
“ฉันอยู่ที่สถานี นายอยู่ไหน?” เสียงของเว่ยปู้ถีเย็นชา ซึ่งแตกต่างจากพี่สาวของเธออย่างสิ้นเชิง
สือเหล่ยตอบ “ฉันอยู่ที่ขายตั๋ว…”
เห็นได้ชัดว่าเว่ยปู้ถีเริ่มเดินด้วยความเร็วและตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “โอเค ฉันเห็นนายแล้ว!”
จากนั้นสือเหล่ยก็เห็นเว่ยปู้ถีที่อยู่ในชุดสีแดงเปลวเพลิงปรากฏตัวขึ้นที่ประตู ร่างกายและเอวของเธอดูน่าดึงดูดใจ แต่ใบหน้าของเธอเย็นชาจนไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้เธอ
“บัตร” เว่ยปู้ถีกล่าวอย่างกระชับ
สือเหล่ยส่งบัตรประชาชนของเขาให้กับเธอและเว่ยปู้ถีก็ไปซื้อตั๋วอย่างรวดเร็วโดยเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ ซึ่งกำลังจะออกเดินทางในอีกสิบห้านาที
เว่ยปู้ถีถามในขณะที่พวกเขาเดินไปที่โถงผู้โดยสารด้วยกัน “นายรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับพี่สาวของฉันไหม?”
สือเหล่ยพยักหน้า “นายท่านเว่ยบอกฉันแล้ว”
เว่ยปู้ถีพยักหน้าและเงียบไป
เมื่อพวกเขาเดินไปที่ประตู การตรวจสอบก็เกือบจะสิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็วและขึ้นรถไฟคันที่สองก่อนที่มันจะปิดประตูและเคลื่อนตัวออกข้างหน้า
เว่ยปู้ถีซื้อตั๋วชั้นธุรกิจและหลังจากที่พวกเขาเจอบริเวณที่นั่ง มันก็มีเพียงสองคนเท่านั้นที่อยู่แถวนั้น
เพราะมันเป็นเที่ยวจากหวูตงตรงไปยังตี่ตู๋โดยไม่หยุดพักระหว่างทาง มันถึงหมายความว่าจะไม่มีใครเข้ามาได้อีก
ลูกเรือเข้ามาเพื่อตรวจสอบตั๋วและมอบเครื่องดื่มกับของว่างให้ ก่อนที่จะถามอย่างสุภาพว่าพวกเขามีอะไรที่ต้องการอีกไหม
เว่ยปู้ถีตอบกลับอย่างเย็นชา “ฉันมีธุระต้องคุยกับผู้ชายคนนี้ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง กรุณาอย่าเข้ามารบกวนเรา”
ลูกเรือยิ้มและพยักหน้าและจากไป
หลังจากทั้งคู่นั่งลง เว่ยปู้ถีก็หยิบน้ำข้างๆมือขึ้นมาและถามหลังจากจิบน้ำลงไป “นายชอบพี่สาวของฉันเหรอ?”
สือเหล่ยอึ้งไป แม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง
เขาคิดอย่างรอบคอบและตัดสินใจที่จะทำตามหัวใจของตัวเอง
“ใช่ ฉันชอบ ฉันไม่รู้สึกมันมาก่อน แต่หลังจากชิงเยว่หายไป ในที่สุดฉันก็ตระหนักได้ว่าเธอมีความสำคัญอยู่ภายในหัวใจของฉันแค่ไหน”
“พี่ของฉันก็ชอบนาย เธอชอบนายมากจนเธอไม่ยอมแต่งงานกับใคร นายต้องช่วยเธอและเธอต้องรอด ถ้านายกล้ารังแกเธอ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแม้ว่าจะเป็นผี”
สือเหล่ยมองไปยังเว่ยปู้ถีด้วยความตกใจและหัวใจของเขาก็จมดิ่ง เขารู้ว่าเว่ยปู้ถีพร้อมที่จะตายแล้ว ในทันทีที่ตระกูลเว่ยถูกทำลาย เธอก็ไม่มีหวังที่จะหลบรอดไปได้ อย่างไรก็ตาม เธอก็ปรารถนาที่จะให้ใครสักคนช่วยเว่ยชิงเยว่ไว้ให้ได้
“ฉันจะพยายามให้เต็มที่” สือเหล่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ
เว่ยปู้ถีเหลือบมองเขาและพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันไม่สนใจว่านายจะพยายามเต็มที่หรือไม่ ฉันรู้แค่ว่าถ้านายไม่สามารถช่วยพี่สาวของฉันได้ในตอนท้าย ฉันจะฆ่านายก่อนและทำให้นายไปรอเธอ”
สือเหล่ยพูดไม่ออก น้องสะใภ้ของเขาดูเหมือนจะดึร้ายไปสักหน่อย เขาสามารถเห็นได้ว่าเธอต้องได้รับการฝึกฝนทางร่างกายมาก่อนเป็นแน่
แน่นอนว่าสือเหล่ยไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดถึงเรื่องนั้น “บอกฉันให้มากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของพี่สาวเธอ”
เว่ยปู้ถีดื่มน้ำเข้าไปอีกคำ เธอดูเหมือนจะชอบดื่มน้ำไม่เบา “เมื่อพี่ของฉันไปห้องของนายในวันนั้น เธอรู้ว่าตระกูลหยูกำลังจะลงมือกับพวกเรา เธอไปอำลากับนาย จากนั้น เธอก็ไปที่ตี่ตู๋เนื่องจากเธอมีพ่อบุญธรรมอยู่ที่นั่น…”
สือเหล่ยแทรกเธอ “ฉันรู้ทุกๆอย่างก่อนที่เธอจะไปตี่ตู๋ ข้ามไปได้เลยและบอกฉันมาว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น”
เว่ยปู้ถีมองไปที่สือเหล่ยอย่างประหลาดใจราวกับว่าเธอกำลังสงสัยว่าทำไมสือเหล่ยถึงรู้มากขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ถามและพูดต่อ “หลังจากพี่ของฉันไปที่ตี่ตู๋ เธอก็ตรงไปยังบ้านของพ่อบุญธรรม อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอเข้าไป เธอยืนอยู่ที่นั่นตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงกลางดึก หลังจากที่พ่อบุญธรรมของเธอกลับมา เขาก็ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเธอด้วยซ้ำ มันเกิดขึ้นแบบนี้วันแล้ววันเล่า ในวันก่อนตรุษจีน ทุกๆคนต่างรวมตัวอยู่ด้วยกันกับครอบครัวของพวกเขาที่บ้านและบ้านเรือนก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่เธอกลับตั้งจากไปอย่างเงียบๆเมื่อไฟของตระกูลนั้นเปิดขึ้น เธออยู่โรงแรมเพียงลำพังโดยไม่กินอาหารเลย จากนั้น ในวันตรุษจีน เธอก็ไปทักทายพ่อบุญธรรมตามประเพณี มันเป็นนิสัยที่ก่อตัวขึ้นหลังจากที่เธอกลายเป็นลูกบุญธรรมของเขาและมันก็ไม่เคยเปลี่ยนไปกว่าสิบปี ในที่สุด พ่อบุญธรรมก็ปล่อยให้พี่สาวเข้าไปในบ้านภายใต้การโน้มน้าวของลูกสาวและคุยกับเธอ”
“เขาว่ายังไง?” สือเหล่ยเหยียดหลังตรงติดเก้าอี้
“เขาบอกว่าตระกูลเว่ยร้องขอมันเอง หากไม่มีตระกูลหยู มันก็ยังมีตระกูลจ้าว ตระกูลเฉียน ตระกูลซุน ตระกูลหลี่ และอีกมากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่ช่วย จากนั้นเขาก็บอกว่าลูกชายสามของเขาชอบพี่สาวของฉันมาหลายปีแล้วและเขาจะทำให้พี่ของฉันปลอดภัยถ้าเธอตกลงแต่งเข้าตระกูลของเขา พี่ของฉันถูกบังคับให้ตกลง เธอบอกว่าเธอจะแต่งกับลูกชายของบเขาถ้าเขาช่วยพวกเราทั้งตระกูล แต่คนๆนั้นบอกว่าเขาช่วยได้มากที่สุดก็แค่ฉันคนเดียว ฮึ่ม! ใครสนกัน?!” เว่ยปู้ถีกัดฟันแน่น
สือเหล่ยรู้สึกว่ามีคลื่นความร้อนพุ่งออกมาจากสมองของเขาในขณะที่เขาฉุน “เขาบอกให้ชิงเยว่แต่งงานกับลูกชายสามของเขางั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าเขากำลังฉวยโอกาสจากเธอในเวลาแบบนี้งั้นเหรอ?”
สายตาของเว่ยปู้ถีเหลือบมองไปยังสือเหล่ย และในที่สุดก็ใจเย็นขึ้นเล็กน้อยในขณะที่เธอถอนหายใจออกมา “ไม่ใช่แบบนั้น นี่เป็นความตั้งใจที่ดีจริงๆ”
“การฉวยโอกาสจากคนอื่นเป็นความตั้งใจที่ดีงั้นเหรอ?”
“เขากล่าวว่าเขาต้องการที่จะช่วย แต่ไม่มีเหตุผลที่ดี อีกทั้งพ่อและพี่ชายของฉันยังทำบาปไปมากเกินกว่าที่จะช่วยได้ การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลต่อทุกสิ่งทุกอย่างได้ สิ่งที่เขาหมายถึงคือการแต่งงานกับลูกชายของเขาเพียงเพื่อประโยชน์ในการปิดหูปิดตาของคนอื่น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือข้ออ้างเพื่อปกป้องพี่สาวของฉัน ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ว่าตระกูลหยูหรือตระกูลไหน พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ หลังจากนั้น 2 – 3 ปีเมื่อลูกชายของเขาจากไปจากอาการป่วย พี่ของฉันก็จะยังเป็นสะใภ้ของตระกูลเขาและจะไม่มีการแทรงแซงเธออีก”
สือเหล่ยเงียบ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าผู้อาวุโสคนนั้นมีความตั้งใจอันดีจริงๆ
เขาไม่ค่อยเข้าใจรายละเอียดของแผนการและการแข่งขันเพื่ออำนาจและพลังในระดับสังคมเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถเข้าใจได้ว่าถ้าผู้อาวุโสคนนี้พยายามที่จะช่วยทั้งตระกูลเว่ยอย่างหัวชนฝา มันก็คงเป็นเหมือนกับการบาดหมางกับทุกๆตระกูลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เขาจะทำให้ตัวเองมีมลทินอย่างไม่มีเหตุผลและมันจะทำลายผลประโยชน์ของตระกูลของเขาไปเป็นอย่างมาก
เช่นเดียวกับที่ตระกูลหยูไม่ไยดีต่อตระกูลเว่ย และไม่ว่าตระกูลเว่ยจะเป็นยังไง การตัดสินใจของผู้อาวุโสก็ขึ้นอยู่กับผลกำไรของเขาเสมอ การคิดแบบนี้ไม่มีดีหรือแย่ แต่มันคือเหตุผล
มันไม่ใช่คำถามง่ายๆอย่างหนึ่งบวกหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม สือเหล่ยก็พบวิธีที่จะแก้ปัญหาจากคำพูดของเว่ยปู้ถี
อย่างน้อยเขาก็สามารถป้องกันไม่ใช้เว่ยชิงเยว่แต่งงานกับลูกชายสามของผู้อาวุโสคนนั้นและยังสามารถได้รับความช่วยเหลือจากเขาอีก ข้ออ้างในฐานะลูกบุญธรรมของผู้อาวุโสยังไม่เพียงพออีกเหรอ ถ้าเขาต้องการช่วย ใครจะไม่ไว้หน้าเขา?
การช่วยตระกูลเว่ยนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่การช่วยเว่ยชิงเยว่กลับไม่ยากอะไร