The Black Card - ตอนที่ 411
ตอนที่ 411 – ครั้งแรกและครั้งที่สอง
เว่ยชิงเยว่ดูเหมือนจะกระปรี้กระเปร่ามากยิ่งขึ้นในขณะที่เธอฟื้นตัว แต่ร่างกายของเธอก็ยังอ่อนแออยู่
สือเหล่ยเชื่อว่าเธอจะพักผ่อนอย่างสงบในวันอื่น
ในช่วงบ่าย เว่ยปู้ถีได้เรียกสือเหล่ยออกมาข้างนอกห้องหลังจากเว่ยชิงเยว่หลับไป
“นายมีวิธีที่จะช่วยพี่ของฉันจริงๆเหรอ?” เว่ยปู้ถีถาม
สือเหล่ยพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ไม่น่าจะปัญหาอะไร”
“อย่าพูดว่าน่าจะ นายทำได้ไหม?”
สือเหล่ยครุ่นคิดและตอบกลับไป “ฉันทำได้ ไม่ต้องประหลาดใจไป ฉันยังสามารถช่วยเธอได้ด้วย!”
“ฉันไม่ต้องการให้นายกังวลกับเรื่องนี้!” เว่ยปู้ถีไม่ต้องการได้รับความเมตตา
สือเหล่ยยิ้มและไม่ใส่ใจอะไรกับมัน “แต่พี่สาวของเธอต้องการให้เธอมีชีวิตต่อไป ฉันไม่ต้องการโน้มน้าวเธอนะ แต่เธอต้องทำอะไรสักหน่อย อย่าเป็นตั๊กแตนที่พยายามจะหยุดราชรถ พ่อของเธอต้องการให้เธอมีชีวิตอยู่ไปด้วยเช่นกัน”
เว่ยปู้ถีโกรธและไม่ได้พูดอะไรที่รุนแรง เธอกระพริบตาของเธอซึ่งเกือบจะเหมือนกับเว่ยชิงเยว่ “ฉันจะกลับไปหวูตงก่อน พ่อของฉันต้องการฉันมากกว่า จำสิ่งที่นายพูดไว้ นายบอกว่านายสามารถช่วยพี่ของฉันได้ ฉันไม่สนว่านายจะทำยังไง แต่ฉันเชื่อนาย เพียงแค่ทำให้พี่สาวของฉันมีชีวิตอยู่ต่อไป”
สือเหล่ยพยักหน้าและตอบกลับอย่างจริงจัง “ดูแลตัวเองด้วย” เขาเสริมหลังจากนั้นสักครู่ “อย่าทำอะไรโง่ๆ”
สือเหล่ยกลับเข้าไปในห้องเนื่องจากเขารู้ว่าเว่ยปู้ถีจะไม่กลับเข้ามาอีก
เว่ยปู้ถีฉุนขึ้นมาอีกในขณะที่เธอเห็นสือเหล่ยปิดประตูห้องและกระซิบ “ไม่ใช่เรื่องของนาย!” เธอหันออกไปและมุ่งตรงไปยังสถานีรถไฟเพื่อกลับไป
หลังจากผ่านไปสองวัน เว่ยชิงเยว่ก็กลับสู่สภาพปกติของเธอ หลังจากที่หมอยืนยันว่าเธอหายดีพอที่จะกลับไปได้แล้ว เว่ยชิงเยว่ก็จับมือของสือเหล่ยในทันทีและถาม “นายปลอบโยนฉันมาตลอดสามวันแล้ว รีบบอกมานะว่านายจะช่วยฉันยังไง!”
สือเหล่ยยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไปจัดการเอกสารเพื่อออกไปกันเถอะ”
“นายโง่รึเปล่า? โรงพยาบาลนี้มีไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐและครอบครัวของพวกเขา มันไม่ต้องมีเอกสาร พวกเราสามารถออกไปได้เลยและจะมีคนมาจัดการให้ ฉันอยากรู้เดี๋ยวนี้ว่านายจะช่วยฉันได้ยังไง เพราะเนื่องจากนายสามารถช่วยฉันได้ ทำไมนายถึงไม่สามารถช่วยพ่อของฉันได้…” สีหน้าของเว่ยชิงเยว่เริ่มอับเฉาอีกครั้ง
“ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่สะดวก”
เว่ยชิงเยว่พยักหน้าและทั้งสองก็จากไปพร้อมด้วยมือที่จับกันไว้
มีคนรายงานข่าวเว่ยชิงเยว่ออกจากโรงบาลให้กับชายชราในไม่ช้า ชายชราหยุดเขียน ถอดแว่นของเขา และนิ่งอยู่ประมาณครึ่งนาที
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาในขณะที่เขาหยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มอ่านเอกสารอีกครั้ง
เว่ยชิงเยว่และสือเหล่ยเรียกแท็กซี่และกลับไปยังโรงแรมที่เว่ยชิงเยว่อยู่
เว่ยชิงเยว่จองห้องไว้ถึงสองเดือน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่กลับมาหลายวัน พนักงานก็ยังทำความสะอาดและเปลี่ยนผลไม้สดให้ทุกๆวัน
สือเหล่ยเหลือบมองห้องหลังจากที่เขาเดินเข้ามาข้างในและถาม “เธออยู่ที่นี่ตอนส่งข้อความ WeChat มาให้ฉันงั้นเหรอ วันนั้นฉันตอบไปแต่เธอไม่สนใจฉัน?”
เว่ยชิงเยว่พยักหน้าและตอบกลับโดยไม่สนใจ “ฉันคิดว่าฉันควรจะแยกจากนายไปตลอดชีวิตของฉันหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน ฉันกำลังรอข้อความของนายและฉันก็ร้องไห้”
สือเหล่ยชี้ไปที่หน้าต่าง “ที่นี่?”
เว่ยชิงเยว่พยักหน้าโดยไม่พูด แต่ตาของเธอก็แดงขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าเธอจะไม่ขึ้นกับใครยังไง แต่เธอก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกเมื่อเผชิญหน้ากับความอยู่รอดของครอบครัวของตัวเอง
สือเหล่ยจับมือของเว่ยชิงเยว่และดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาแทบจะกัดหูของเธอ แต่ก็พูดด้วยความดุดันในน้ำเสียงอันนุ่มนวลของเขา “จำไว้นะยัยผู้หญิงบ้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ฉันจะไม่ยอมให้เธอขาดการติดต่อกับฉัน เธอรู้ไหมว่ามันหนักหนาแค่ไหนสำหรับฉัน?”
เว่ยชิงเยว่แทบจะละลาย สือเหล่ยหายใจรดหูของเธอและมันก็ดูเหมือนจะรายล้อมไปรอบตัวเธอ อาการคันยุบยิบดูจะทำให้ร่างกายของเธอด้านชา
“ฉันจะไม่…” บางทีนี่คงเป็นครั้งแรกที่เว่ยชิงเยว่ดูเขินอายแบบนี้ต่อหน้าสือเหล่ย
สือเหล่ยกอดเว่ยชิงเยว่ไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่นยิ่งขึ้นและพึมพำ “กอดนี้ดูสมจริงมากที่สุด เมื่อเธอกอดฉันบนภูเขาชิงหลิง เธอถือว่ามันเป็นกอดสุดท้ายของพวกเรางั้นเหรอ?”
เว่ยชิงเยว่ซ่อนใบหน้าของเธอในอ้อมแขนของสือเหล่ยและพยักหน้าเล็กน้อย เธอรีบส่ายหัวอีกครั้ง “ฉันเคยคิดมาก่อน แต่ฉันก็คิดว่าจะหลีกเลี่ยงได้ในเวลานี้ ฉันไม่คิดว่าหยูปันจือจะโหดร้าย…”
“ไม่ใช่ว่าเขาโหดร้าย เขาไม่อยากเป็นอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็เห็นแก่ตัวมาตั้งสามสิบปีและมันก็ถึงเวลาที่ต้องเสียสละให้กับตระกูลของเขา ด้วยความมั่งคั่งของเขาเพียงลำพัง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวคนมากมายในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกำหนดเป้าหมายมาที่ตระกูลของเธอ เธอสามารถเกลียดเขาได้ แต่อย่าพยายามที่จะแก้แค้น แม้จะไม่มีเขา มันก็ยังมีคนอื่นที่ต้องการกลืนกินความมั่งคั่งของตระกูลเธอในวันใดวันหนึ่ง ในสังคมนี้ มันไม่มีการล้างอดีตหรือเปลี่ยนแปลงมันหรอก มีแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”
“ฉันเข้าใจ นั่นคือสิ่งที่พี่ของฉันพูดก่อนที่ฉันจะจากมา เมื่อฉันมาที่ตี่ตู๋ พี่ของฉันก็บอกแบบนี้เหมือนกัน แล้วก็พ่อบุญธรรมของฉันด้วย”
“เธอเกลียดพ่อบุญธรรมของเธอไหม?”
“ไม่! ถ้าเขาช่วยฉัน มันก็คือเสน่หาระหว่างพวกเรา อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่ช่วยฉัน มันก็เป็นหน้าที่ของเขา ไม่ต้องพูดถึงเลยว่านี่เป็นความผิดของพ่อของฉันอยู่ดี เขาแค่ต้องชดใช้ แต่พ่อบุญธรรมของฉันก็ต้องดูแลตระกูลของเขา ฉันทำให้เขามีปัญหามากพอแล้วที่มอบตัวเลือกให้ฉันได้แต่งงานกับลูกชายของเขาเพื่อช่วยฉัน”
สือเหล่ยพยักหน้า “ดังนั้นเธอจึงเป็นคนเดียวที่เขาปรารถนาจะช่วยชีวิตจากตระกูลเว่ย ฉันโกรธมากเมื่อฉันได้ยินเรื่องนี้ เขาเป็นข้าราชการระดับประเทศ เขามาฉวยโอกาสจากเธอในเวลาเช่นนี้ได้ยังไง? แต่ภายหลังฉันก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถช่วยได้”
“แล้วนายจะช่วยฉันได้ยังไง? ไม่เพียงแต่ฉัน แต่กับปู้ถีด้วย ฉันเสียพี่ชายไปแล้วและฉันจะเสียพ่อไปในไม่ช้า ฉันไม่สามารถเสียปู้ถีไปได้อีก” เว่ยชิงเยว่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับน้ำตา เธอมีเสน่ห์ เร้าอารมณ์ และเซ็กซี่ เธอเป็นสาวงามที่แทบจะเหนือจริง
สือเหล่ยถูกเร้าอารมณ์และความปรารถนาของเขาก็พวยพุ่งขึ้น เขาอุ้มเธอขึ้นและเดินไปยังเตียงใหญ่ “อย่าเพิ่งรีบ มาทำอย่างอื่นกันก่อนแล้วฉันจะบอกในสิ่งที่เธอต้องการ!”
เว่ยชิงเยว่ตื่นตระหนก “นายจะทำอะไร?” เธอพยายามที่จะสลัดจากวงแขนของสือเหล่ย
“นอนกับเธอ! ฉันจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงของฉันโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่ว่าเธอก็ต้องการอยู่ตลอดเหรอ?!” สือเหล่ยโยนเว่ยชิงเยว่ลงบนเตียงในขณะที่เขาโน้มตัวลงและจูบไปที่ริมฝีปากของเว่ยชิงเยว่อย่างหนักหน่วง
คำพูดของเว่ยชิงเยว่อู้อี้ในขณะที่เธอพยายามจะดันสือเหล่ยออกไป แต่เมื่อริมฝีปากของเธอถูกฝืนอ้าออกโดยปลายลิ้นของสือเหล่ย เธอก็กลายเป็นน้ำและยอมให้สือเหล่ยทำในสิ่งที่เขาต้องการ
สือเหล่ยจูบเว่ยชิงเยว่ราวกับว่าเธอเป็นงานศิลปะ เขาสัมผัสเอวคอดกิ่งของเว่ยชิงเยว่เบาๆและขายาวเร็วของเธอซึ่งเขาได้ลิ้มลองมาแล้ว…
การหายใจของพวกเขาทั้งคู่เริ่มหนักหน่วงขึ้น สือเหล่ยลุกขึ้นและถอดเสื้อผ้าของเขาและเว่ยชิงเยว่ก็เช่นกัน ร่างกายของพวกเขากดเข้าหากันแน่นและซ่อนตัวอยู่ในผ้าปูที่นอนสีขาวราวกับหิมะ
(ละเว้นมากกว่า 30,000,000 คำตรงนี้)
มุมผ้าปูที่นอนถูกกระชากออก เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามของเว่ยชิงเยว่ ผมของเธอยุ่งเหยิงและดวงตาของเธอได้สูญเสียโฟกัสไป
เธอหายใจอย่างหนักหน่วงและก่อนที่เธอจะหายใจได้ทัน สือเหล่ยก็ดึงเธอลงไปข้างใต้ผ้าปูที่นอนอีกครั้ง
(ละเว้นอีกกว่า 30,000,000 คำตรงนี้อีกครั้ง)
มันมืดแล้ว สือเหล่ยและเว่ยชิงเยว่นอนอยู่บนเตียงข้างๆกัน เว่ยชิงเยว่วางหัวของเธอไว้บนหน้าอกของสือเหล่ยและวาดวงกลมด้วยนิ้วของเธอบนจุดใต้คอของเขา
“พี่ชายสามของเธอที่เป็นลูกของพ่อบุญธรรมของเธอ เขามีโรคอะไร?” สือเหล่ยถาม