The Black Card - ตอนที่ 367
ตอนที่ 367 – ตบสองที
หวังเพิงหัวเราะอย่างขื่นขม เขาได้สูญเสียทุกๆอย่างไปแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับเจียงหยวนเชา เขาไม่รู้ว่าทำไมชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวเป็นใคร แต่แม้กระทั่งเจียงหยวนเชายังดูสุภาพกับเขามาก
“ถ้าคุณถามแบบนี้ มันก็เป็นความผิดของเราแน่นอน…” หวังเพิงตอบโดยไม่มีทางเลือก เขาไม่เข้าใจว่าครอบครัวหลินไปมีเส้นสายกับตระกูลชั้นสูงแบบนี้จนมีคนออกหน้าพูดให้กับพวกเขาตั้งแต่เมื่อไรหรือได้ยังไง
หวังเซียวหยูกลัวที่จะถูกทำร้ายอีกครั้ง เขาส่งข้อความ WeChat เพื่อรวมคน เขาได้ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังพ่อของตน จากนั้นก็ตะโกนออกมา “พ่อ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พวกเราผิดอะไร? ผมได้เรียกคนมาแล้วและพวกเขากำลังมา พวกเราจะสอนบทเรียนให้กับพวกมัน!”
ใบหน้าของหวังเพิงตกฮวบ เขาหันไปมองลูกชายไร้ประโยชน์ของตัวเองเขาคิด ‘ฉันเป็นแค่คนขับรถ นายคิดว่าพ่อของนายเป็นนายกฯรึยังไง?’
หวังเพิงนึกย้อนไปถึงอดีตและตระหนักได้ว่าเขาให้ท้ายลูกชายของตัวเองมากไป ลูกชายของเขาผยองไปทั่วอยู่ตลอด แต่เขาก็ไม่สนใจมันเนื่องจากเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
พวกเขารังแกคนทั่วไปอยู่เนืองๆ แต่ในตอนนี้ ตัวตนของเจียงหยวนเชาคืออะไร? นอกเหนือจากปัญหาอื่นๆแล้ว ถ้าเจียงหยวนเชาได้แจ้งไปที่สำนักงาน เขาก็คงจะถูกไล่ออก
เขามองไปที่ใบหน้าของลูกชายซึ่งเขียวช้ำและมีเลือดออกมาพร้อมกับใบหน้าอันฉุนเฉียว หวังเพิงถอนหายใจ เขายกมือขึ้นมาในทันใดและตบหน้าหวังเซียวหยูอย่างรุนแรง
เสียงตบดังชัดเจนเป็นพิเศษ ฝูงชนที่กำลังส่งเสียงอื้ออึงเงียบลงในทันทีเมื่อได้ยินเสียงตบ
คนที่ยืนมุงดูอยู่นั้นตระหนักได้ถึงสถานการณ์แล้ว แต่หวังเซียวหยูกลับจ้องมองไปที่พ่อของเขาด้วยความตกตะลึง
นับตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อของเขาไม่เคยแตะต้องลูกชายคนนี้แม้แต่ปลายนิ้ว ลูกชายคนนี้ทำทุกอย่างได้ดั่งใจมาเสมอ แต่ในวันนี้ พ่อของเขาที่ให้ท้ายเขามาโดยตลอดได้ตบหน้าของเราอย่างรุนแรง
“ไอ้โง่! ขอโทษนายน้อยเจียงซะ!” เสียงของหวังเพิงสั่นสะท้าน แต่เขาก็บังคับให้ตัวเองข่มใจเอาไว้
หวังเซียวหยูยังคงมองไปที่พ่อของเขาด้วยความไม่เชื่อถือ เขาคิดว่าเขาได้ยินอะไรผิดไป เขาเป็นคนที่ถูกทำร้าย แต่เขากลับต้องขอโทษงั้นเหรอ?
เสียงต่ำดังออกมาจากภายในฝูงชน “ขอโทษนะครับ ขอผมผ่านเข้าไปหน่อย…”
ทุกๆคนหันไปและเห็นผู้จัดการร่างท้วมในขณะที่เขาเบียดผ่านฝูงชนเข้ามา ผู้จัดการรู้สึกราวกับว่าเขาโดนฟ้าผ่าเมื่อเขาเห็นเจ้าชายแห่งบริษัท
“นายน้อยเจียง…?” แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการตัวเล็กๆ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้จักเจ้าชายแห่งอสังหาริมทรัพย์
ผู้จัดการได้รับรายงานจากลูกน้องว่าหวังเซียวหยูได้ต่อยเจียงหยวนเชา ในตอนนี้ที่เขาเห็นรอยแดงและบวมบนใบหน้าของเจียงหยวนเชา ผู้จัดการก็ทรุดลงไปเนื่องจากหมัดๆนี้ไม่ได้ดูเบาๆเลย เขาเริ่มเกลียดครอบครัวของหวังเพิงขึ้นมาในทันใด ฉันเปิดไฟเขียงทั้งทางเข้าและทางออกให้กับนาย และนายดันมาต่อยเจ้าของเขาบริษัทฉันเนี้ยนะ?
“นายเป็นผู้จัดการของที่นี่งั้นเหรอ?” เจียงหยวนเชาถามด้วยใบหน้าอันเย็นชา
ผู้จัดการเช็ดเหงื่อบนหน้าผากและพยักหน้าอย่างรุนแรง “นายน้อยเจียง ผมยุ่งๆ ผม…”
เจียงหยวนเชาโบกมือของเขาและหยุดผู้จัดการไว้ “ไม่ต้องอธิบาย ฉันไม่ได้ตาบอดและฉันก็เห็นว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง ฉันจะถามนายคำถามเดียว คนๆนั้นบอกว่านายคือคนที่ยอมให้พวกเขาใช้ทั้งทางเข้าและทางออกเป็นทางผ่าน ใช่หรือไม่?”
ผู้จัดการทรุดลงในทันใด เขาเหลือบมองหวังเพิงและลูกชายของเขาด้วยความเกลียดชังและพูดตะกุกตะกัก “ผม… ผม… นายน้อยเจียง นี่ คุณ…”
เจียงหยวนเชาเดือด “ฉันถามว่าใช่หรือไม่ นายแค่ตอบว่าใช่หรือไม่!”
ผู้จัดการคิดว่าไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถยอมรับได้ เขาอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาแห่งความโกรธเกรี้ยวไปยังคู่พ่อลูก เขากัดฟันของตัวเอง “ไม่ครับ! ฉันไม่เคยสัญญากับพวกเขาเลย! บางทียามอาจจะตกลงลับหลังผม! ผมเป็นผู้จัดการของย่านนี้และมันเป็นไม่ไปไม่ได้ที่ผมจะยอมรับเรื่องไร้สาระแบบนี้ นี่คือทางเข้าเดียวสำหรับรถยนต์ในย่านนี้ ถ้าผมให้ทั้งทางเข้าและทางออกกับพวกเขา ไม่ใช่ว่าผมต้องปิดทางเข้าและทำให้ชาวบ้านที่นี่ไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้เลยเหรอครับ?”
เจียงหยวนเชาหรี่ตาลง เขาจะไม่สามารถบอกได้อย่างไรว่าผู้จัดการกำลังโกหก? มันไม่ใช่เวลาที่ต้องถามหาความรับผิดชอบจากผู้จัดการในตอนนี้ เขาปฏิเสธมันและค้านหัวชนฝา มันเป็นประโยชน์ต่อเขาสำหรับการเติบโตในอนาคต
“หวังเพิง ผู้จัดการของที่นี่บอกว่าเขาไม่เคยตกลงอะไร นายพูดว่าไงนะ?”
“โกหก! ฉันให้บุหรี่นายไปสองซองเมื่อคืนนี้ นายตกลงและบอกว่ามันไม่มีปัญหาอะไรและนายยังได้สั่งยามต่อหน้า…”
ผู้จัดการถลึงตาใส่เขาและกัดฟันแน่น “หวังเซียวหยู ระวังคำพูดด้วย ฉันไปรับบุหรี่ของนายมาตอนไหน? ฉันไปสัญญาอะไรกับนายเมื่อไหร่? นายควรจะปฏิบัติตามกฎแม้ว่านายจะจัดงานแต่งก็ตาม นายกำลังใส่ร้ายฉัน นายมีหลักฐานอะไร? หวังเพิง สั่งสอนลูกชายของนายด้วย”
หวังเพิงรู้สถานการณ์ดีกว่าหวังเซียวหยู เขารู้ว่าผู้จัดการคนนี้จะต้องปฏิเสธมันแน่ๆและจะไม่รับผิดชอบ ผู้จัดการยอมตกลง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ลมปากและพวกเขาจะไปมีหลักฐานในยังไง
ข้อได้เปรียบของเขาได้หายไปแล้วและสิ่งที่หวังเพิงต้องพิจารณาในตอนนี้คือว่าเจียงหยวนเชาจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดไหม ถ้าเจียงหยวนเชารายงานเรื่องนี้ เขาก็จะถูกไล่ออก เขาเป็นคนขับรถของรัฐบาลที่มีสัญญาผูกมัด แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีเงินเดือนมากมายอะไร แต่เขาก็มีช่องทางอื่นในการหารายได้และไม่เต็มใจที่จะสูญเสียงานนี้ไป ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาได้รุกรานคนไปเป็นจำนวนมาก เมื่อไม่มีงานนี้ ทุกคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นสหายของเขาก็จะหายไปในทันที เมื่อถึงเวลานั้น มันก็ยากสำหรับเขาที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เขาจะได้รับการทักทายด้วยการกรอกตาใส่ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน
ดังนั้นหวังเพิงจึงหันไปตบแก้มของลูกชายอีกครั้ง
เสียงตบดังลั่นทำให้หัวใจของหวังเพิงหลั่งเลือด
“พ่อ พ่อตบผมอีกแล้ว?” หวังเซียวหยูตะโกนออกมาด้วยความไม่เชื่อ
หวังเพิงเตะด้วยความโกรธ ส่งให้หวังเซียวหยูกลิ้งลงไปกับพื้น เขากระทืบลูกชายอีกสองสามครั้งเพื่อปลดปล่อยความโกรธออกมา “มันผิดอะไรที่ฉันจะตีแก? แกเป็นลูกชายบัดซบของฉันและฉันกำลังจะตีไอ้ลูกชายไร้ประโยชน์คนนี้ แกไปรักแกคนอื่นเพราะอำนาจที่แกมีและแกได้ไปใส่ร้ายผู้จัดการ ฉันคิดอยู่แล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตอนแกบอกฉันว่าผู้จัดการยอมให้เราใช้ทาง เขาปฏิเสธมันแล้วและแกยังกล้าไปใส่ร้ายเขาอีก! แกมันบัดซบ ฉันน่าจะตีแกให้ตาย!”
เจียงหยวนเชาเฝ้าดูหวังเพิงเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ เขาหันไปพูดกับผู้จัดการ “นายยืนทำซากอะไรอยู่? งานของนายคือทำให้ที่นี่ราบลื่น มีคนมากมายอยู่ที่นี่และนายยังมีหน้ามายืนอยู่เฉยๆอีกเหรอ?”
ผู้จัดการพยักหน้าและโค้งคำนับในขณะที่เขาตอบรับ เขาหันไปรอบๆด้วยความตื่นตระหนกเพื่อหาพนักงาน และสั่งให้พวกเขาสลายฝูงชน ชาวบ้านในย่านนี้ฟังเขาและจากไปเมื่อเขาบอก คนที่อยากจะดูละครฉากนี้ต่อก็ได้แต่เฝ้ามองจากระยะไกล
สือเหล่ยรู้สึกรำคาญและพูดกับเจียงหยวนเชา “พี่หยวนเชา ได้เวลาจบเรื่องแล้ว วันนี้เป็นวันดีของญาติผม”
ในตอนนี้ ในที่สุดหวังเพิงก็เข้าใจว่าทำไมเจียงหยวนเชาจึงออกหน้าให้กับครอบครัวหลิน มันเป็นเพราะครอบครัวหลินมีสือเหล่ยเป็นญาติ แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักตัวตนของสือเหล่ย แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าเจียงหยวนเชาต้องต่ำต้อยกว่าเด็กหนุ่มคนนี้อยู่บ้าง