The Black Card - ตอนที่ 372
ตอนที่ 372 – นายได้รับข้อมูลอะไรหรือไม่?
คทามีเพียงสิ่งเดียวที่จะกล่าวให้กับความมั่นใจของสือเหล่ย “เจ้ามาร์มอตโง่!”
แต่หลังจากที่มันพูดแล้ว มันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ เห็นได้ชัดว่าการวิเคราะห์ของสือเหล่ยนั้นสมเหตุสมผล
“แกไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วเหรอ โอ้ โอ้ โอ้ บางทีอาจจะเป็นมิกกี้เมาส์เจ้าเล่ห์ แต่ฉันก็คุ้นเคยกับมันแล้ว และฉันถือว่ามันเป็นคำชมเพราะแกจะต้องพูดมันเมื่อแกโกรธที่ฉันมองแกออก”
คทาเงียบไป “… “
สือเหล่ยหัวเราะ “ฉันไม่เชื่อจริงๆว่าแกจะเงียบเป็น งั้นคทาผู้ยิ่งใหญ่ แกน่าจะบอกฉันได้แล้วมั้ง การใช้จ่ายนั้นนับเป็นระดับห้าดาวบวกหรือไม่? ฉันคาดเดาว่ามันเป็นนะ”
คทาพ่นลมหายใจออกมาและไม่ตอบ นี่แสดงให้เห็นว่าไม่บัตรสีดำที่ไม่อนุญาตให้เขาถามก็ต้องเป็นบัตรสีดำไม่ยอมให้มันพูด บัตรสีดำอนุญาตให้ประกาศในวันคำนวณเท่านั้น
สือเหล่ยไม่ได้ตั้งคำถามอะไรอีกในขณะที่เขามั่นใจแล้วว่าการใช้จ่ายนี้ถูกนับ จากปฏิกิริยาของคทา เขารู้ดีว่ามันเป็นการใช้จ่ายที่มีค่าที่สุด
สือเหล่ยกังวลแค่กับจำนวนครั้งที่เขาจะได้รับจากการใช้จ่ายระดับห้าดาวบวก
“ฉันสามารถสร้างการใช้จ่ายระดับห้าดาวได้สองครั้ง ห้าดาวบวกอีกหนึ่งครั้ง อย่างน้อยฉันคงมีโอกาสจับรางวัลถึงสี่ครั้ง และฉันก็ยังมีตัวเลือกคูณสองอีก ซึ่งหมายความว่าฉันมีโอกาสจับรางวัลถึงแปดครั้ง อุวะฮ่าๆ คทาผู้สูงศักดิ์ รอให้ฉันจัดหนักกับรางวัลในอีกสามวันได้เลย! เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะจับเอาบัตรทั้งหมดที่แกมี!”
“เจ้ามาร์มอตโง่ อย่าพยายามใช้ความคิดโง่ๆของเจ้าเพื่อคาดเดาถึงการตัดสินใจของข้า ไม่ว่าเจ้าจะได้รับรางวัลอะไรหรือมีโอกาสในการจับรางวัลกี่ครั้ง มันก็ไม่ใช่การตัดสินใจของเจ้า เจ้าเชื่อไหม? เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสแม้แต่ครั้งเดียว!” เสียงของคทาฟังดูโหดร้ายราวกับเสียงของโลหะถูกเข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้สือเหล่ยไม่สบายใจเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตาม สือเหล่ยก็ไม่เชื่อสิ่งที่คทาพูด ข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวข้องกับการจับรางวัล เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่เขาใช้เวลากว่าครึ่งปีที่ผ่านมาเพื่อพิสูจน์
“ไม่จำเป็นต้องพยายามทำให้ฉันเข้าใจผิดหรอก คิดดูสิ หลังจากที่ฉันได้รับบัตรสีดำมา ระหว่างเราใครถูกหลอกมากกว่ากัน? คทาผู้สูงส่ง แกรู้ไหมว่าไอคิวของแกไม่ได้สูงอย่างที่แกคิด แกจำเป็นต้องรู้ว่าไม่ว่าปัญญาประดิษฐ์จะสูงล้ำแค่ไหน มันก็ยากที่จะคิดได้แบบมนุษย์ ทำไมน่ะเหรอ? เพราะความคิดของมนุษย์เต็มไปด้วยอารมณ์และเป็นสิ่งที่แกไม่สามารถวัดเป็นข้อมูลได้”
คทาทำได้เพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาราวกับว่ามันตระหนักได้ว่ามันได้เปิดเผยสิ่งที่ไม่ควรออกมาแล้วเมื่อมันโกรธ ไม่ว่าสือเหล่ยจะดูถูกอะไรมา มันก็ตัดสินใจว่าจะไม่พูดอะไรกลับไปแม้แต่คำเดียว
“อีกอย่าง พรุ่งนี้จะเข้าเดือนกุมภาพันธ์แล้ว บัตรการลงทุนของฉันจะถูกรีเฟรชใช่ไหม?”
คทาไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำถามนี้ได้ “ใช่ พนักงานระดับที่สอง บัตรการลงทุนของเขาจะได้รับการฟื้นฟูสี่ครั้งในเวลาเที่ยงคืนพรุ่งนี้ กรุณาใช้อย่างระมัดระวัง”
สือเหล่ยยิ้ม “ในที่สุดฉันก็เริ่มลงทุนได้อีกครั้ง เงินของฉันไม่สามารถรอได้!”
“อย่าลอกคำพูดของสุ่ยหยู [TLN: นักเขียนนิยายออนไลน์ชาวจีน] ตัวละครบางตัวที่เขาสร้างไม่ได้ตลกเลย และฉันก็คิดว่าเขาลืมตัวตนของตัวละครของตัวเองไปแล้ว ตัวละครตัวนั้นไม่ได้มีส่วนร่วมมานานแล้ว!”
อืม… คทาก็อ่านนิยายออนไลน์ด้วยเหรอ?
สือเหล่ยพูดไม่ออกและเอาบัตรออกมาอย่างเงียบๆ
ในขณะทีเดินออกมา สือเหล่ยได้เตือนตัวเองต่อไปว่าเขาจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับคะแนนสะสม
สือเหล่ยไม่ลืมว่าคทามีคำอธิบายที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับเรื่องนี้ แน่นอน มันอธิบายทั้งหมดให้กับคำถามของสือเหล่ย
คทากล่าวว่าพนักงานระดับที่สองไม่สามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคะแนนพื้นฐานได้ ทำได้เฉพาะกับคะแนนพิเศษ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คทาไม่สามารถเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับคะแนนได้เมื่อสือเหล่ยยังคงเป็นพนักงานระดับที่สอง หรือถ้าสือเหล่ยขอรายละเอียดเพิ่มเติม มันก็จะบอกเขาแค่เกี่ยวกับคะแนนพิเศษ
นี่ต้องเป็นกับดัก
สือเหล่ยเตือนตัวเองอย่างต่อเนื่องระหว่างทางกลับบ้าน
ในขณะที่เขาเดินอยู่ก็มีรถขับมาจอดข้างเขา และเสียงเบรกได้ทำให้สือเหล่ยสะดุ้งในขณะที่เขาได้สติกลับมา
มันเป็นมาเซราติจีที และสือเหล่ยก็คิดว่ารถคันนี้ดูคุ้นๆ
หน้าต่างลดลงเรื่อยๆเผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมาก
เว่ยฉิง
“ฮะ? นายมาทำอะไรที่จี้โจว?” ถึงอย่างนั้นสือเหล่ยก็ค่อยข้างพอใจที่ได้พบกับเว่ยฉิงโดยบังเอิญในวันนี้
เห็นได้ชัดว่าเว่ยฉิงก็ดีใจเหมือนกัน “ฮ่าฮ่า บังเอิญจริงๆ ไม่ใช่ว่าฉันบอกนายเมื่อไม่กี่วันก่อนเหรอว่าฉันจะมาหวูตง? วันนี้ฉันเสร็จธุระแล้วดังนั้นฉันเลยมาดื่มกับนายได้ มันอยู่ห่างกันแค่ 80 กิโลเมตร และใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงในการมาที่บ้านของนาย ฉันขับรถตรงมายังบ้านของนายหลังจากออกจากทางหลวง ฉันเห็นว่ามีคนดูเหมือนนายจากด้านหลัง ดังนั้นฉันจึงขับรถมาข้างๆนาย แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นนาย นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ”
สือเหล่ยพยักหน้าเห็นด้วย เขาเดินไปทางที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าและนั่งลง
“มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ เอาล่ะ ไปหาสถานที่ไปกันสักหน่อย ฉันเลี้ยงเอง”
เว่ยฉิงขับรถและพูดว่า “ฉันต้องหาโรงแรมก่อน เราสามารถดื่มที่โรงแรมได้”
สือเหล่ยพบว่ามันแปลกๆ เว่ยฉิงเป็นคนที่ไม่ชอบการไม่มีอะไรให้ทำนี่ไม่ใช่สไตล์ของเขาที่จะชวนไปดื่มที่โรงแรม
สือเหล่ยไม่ได้ถามอะไรนัก เว่ยฉิงเปิดโทรศัพท์เพื่อค้นหาโรงแรม เขาเจอโรงแรมชื่อโซฟิเทลที่อยู่กลางเมืองและขับรถไปที่นั่นด้วยการบอกทางของจีพีเอส
สิบนาทีต่อมา เว่ยฉิงก็เสร็จสิ้นการลงทะเบียนและพวกเขาทั้งสองก็เข้าไปนั่งในห้องห้องบอลรูม
พวกเขาสั่งวิสกี้มาและชนแก้วกัน ณ มุมที่เว่ยฉิงเลือกด้วยตัวเอง
ในขณะนี้ สือเหล่ยสามารถบอกได้ว่าเว่ยฉิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะดื่ม อย่างน้อยเขาก็ดูเหนื่อยล้า ความเหนื่อยล้าที่เขาแสดงออกมานั้นเกินกว่าแค่จากการขับรถ
“นายไม่ได้ดูเหมือนจะอยู่ในอารมณ์ที่ดีจริงๆใช่ไหม?” สือเหล่ยรินเหล้าและถาม
เว่ยชิงขยี้ตาของเขาและถอนหายใจ “ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ ก้อนหิน บอกฉันมาตามตรงนะ นายได้รับข้อมูลอะไรมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ไหม?”
สือเหล่ยนิ่งไป “ฉันจะไปมีข้อมูลอะไรได้? ฉันก็แค่ไอ้ขี้แพ้คนหนึ่ง…”
“เราเป็นพี่น้องกันกัน ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนั้น ฉันไม่รู้ว่านายมีเบื้องหลังอะไร แต่ฉันรู้ว่าอย่างน้อยนายก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนที่ดูจากข้างนอก ฉันขอถามนายตรงๆ นายได้ข้อมูลอะไรมาไหม?”
สือเหล่ยขมวดคิ้ว “เอาให้ชัดๆหน่อยสิ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ! มันเกี่ยวกับใคร?”
“ช่วงนี้เว่ยชิงเยว่ได้ติดต่อมาหานายบ้างไหม?”
สือเหล่ยอึ้งไป ใช้แล้ว เขากลับมาได้หลายวันแล้วและเว่ยชิงเยว่ก็ไม่ได้ตามตื้อเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว หลังจากที่เว่ยชิงเยว่ลากเขาไปดูพระอาทิตย์ สือเหล่ยก็ปล่อยเธอให้นอนอยู่ในห้องของเขาเพียงลำพัง เขารับจางเหลียงเหลียงและซุนอี้อี้ออกไปเที่ยวทั้งวัน เมื่อเขากลับมาในตอนกลางคืน เว่ยชิงเยว่ก็จากไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ สือเหล่ยได้พูดกับเว่ยชิงเยว่ถึงเหตุผลที่เขาไม่ได้บอกลาเธอเมื่อเขากลับจากหวูตงมาที่จี้โจวในช่วงตรุษจีน นั่นเป็นเพราะเขาคิดว่าเว่ยชิงเยว่จะมาหาเขาที่นี่ในอีกสักสามวัน
แต่นี่มันสิบวันแล้ว เว่ยชิงเยว่ไม่ได้ส่งข้อความอะไรมาหาเขาเลย แม้แต่ WeChat