The Black Card - ตอนที่ 385
ตอนที่ 385 – การตามตื้อของหนูขาว
ก่อนที่ซงเมียวเมียวจะจากไป เธอได้บอกให้สือเหล่ยอดทนรอ นี่เป็นเรื่องใหญ่และแม้ว่าตระกูลหยูจะทรงอำนาจมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเริ่มได้ก่อนตรุษจีน แม้ว่าตระกูลหยูจะไม่สามารถรอได้ แต่ก็ไม่มีพันธมิตรกลุ่มไหนที่จะเลือกช่วงเวลาเช่นนี้
“ใช้ช่วงตรุษจีนให้มีความสุข ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะคุยกับปู่ของฉันให้ แต่นายอย่างตื่นตระหนกไปเพราะฉันไม่สามารถบอกปู่ของฉันถึงเรื่องนี้ได้ตรงๆ เขาคงจะไม่เห็นด้วยแน่ถ้าฉันทำแบบนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่พ่อของฉันจะให้คำตอบที่แน่นอนใดๆกับตระกูลหยูในเวลานี้เหมือนอย่างที่ฉันให้ข้อมูลกับนายไป”
สือเหล่ยพยักหน้าและเฝ้าดูซงเมียวเมียวขับรถออกไป เขารู้สึกผิดอยู่บ้าง
ไม่ว่าต้นกำเนิดของความรู้สึกของซงเมียวเมียวที่มีต่อเขาจะเป็นอะไร สือเหล่ยก็เข้าใจว่าเธอจะคุยกับปู่ของเธอเพื่อเขาแน่ๆ แค่จุดนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้สือเหล่ยรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาได้แล้ว
เหลืออีก 3 วันจะเป็นวันที่ 30
สือเหล่ยได้ถามคทาไปก่อนแล้วและเขาเหลือเงินที่ต้องใช้อีก 37,000 หยวน เขาได้ใช้เงินไปกว่า 10,000 หยวนสำหรับการซื้อของเข้าบ้านใหม่และเขาก็เหลือเงินที่ต้องใช้อีก 20,000 หยวน
เขาต้องใช้จ่ายให้เสร็จในวันนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่อาจสำเร็จภารกิจได้
สือเหล่ยเดินไปตามถนนในจี้โจวอย่างช้าๆ แม้ว่าจะเป็นช่วงตรุษจีน แต่ก็ยังมีคนอยู่มากมายและไม่มีใครมีเวลาพอที่จะมาสนใจสือเหล่ยที่รู้สึกไม่สบายและดูป่วยอยู่
เขาเดินผ่านห้างสรรพสินค้าและมีแผงขายของอยู่ที่ด้านหน้า สือเหล่ยเดินเข้าไปและเห็นว่าพวกเขากำลังขายเก้าอี้นวด
เมื่อคิดว่าพ่อของเขากำลังฟื้นตัวอยู่ที่บ้านและบ้านหลังใหม่ยังดูว่างเปล่าอยู่บ้าง สือเหล่ยจึงหยิบแผ่นโบรชัวร์ขึ้นมา อันที่มีราคาแพงที่สุดมีราคาประมาณ 30,000 – 40,000 หยวน ส่วนอันที่ราคาถูกที่สุดมีราคาราวๆ 10,000 หยวน เขาถามคนขายว่าสามารถส่งมอบในวันนี้ได้หรือไม่และคนขายก็บอกว่าพวกเขาสามารถจัดส่งและติดตั้งมันได้ในทันที ถ้าเขาจ่ายตอนนี้ เขาสามารถกลับไปพร้อมกับรถบรรทุกจัดส่งได้เลย
ดังนั้นสือเหล่ยจึงซื้ออันที่มีราคาประมาณ 20,000 หยวน และเมื่อคนขายกำลังจัดเก้าอี้ลงไปในรถบรรทุกจัดส่ง เขาจึงเดินไปที่ชั้นล่างและซื้อขนมอีกเป็นจำนวนมาก ในที่สุดการใช้จ่ายสำหรับเดือนนี้ของเขาก็เสร็จสิ้น
หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่อีก สือเหล่ยจึงเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าพร้อมด้วยถุงขนาดต่างๆในมือของเขา คนขายจัดเตรียมสิ่งของเสร็จสิ้นแล้วและในที่สุดสือเหล่ยก็กลับบ้าน
แม่ของสือเหล่ยเห็นว่าเขาซื้อเก้าอี้นวดมาและจำได้ว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้กลับบ้าน เธออดบ่นไม่ได้ การแสดงออกของเธอดูแปลกไปเนื่องจากเธอรู้ว่าผู้หญิงมีผู้หญิงโทรมาหาสือเหล่ยเมื่อคืนนี้และเธอเป็นกังวลว่าสือเหล่ยจะไปทำอะไรที่ไม่ดีข้างนอกบ้าน
สือเหล่ยไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะอธิบายและเขาก็บอกเพียงว่าเขาต้องการจะนอน ในทางตรงกันข้าม สือจงผิงดูมีความสุขเมื่อมองพนักงานติดตั้งเก้าอี้นวดและพยายามที่จะใช้มัน
แม่ของสือเหล่ยพึมพำบางสิ่งแก่สือจงผิงด้วยเสียงต่ำและสือเหล่ยก็สามารถได้ยินเพียงบางส่วนของการสนทนาจากในห้องของเขาเท่านั้น จากนั้นเขาก็ได้ยินสือจงผิงตอบไปว่า “ก้อนหินมันโตแล้ว และเขาก็มีความคิดเป็นของตัวเอง เขาไม่ควรก้าวก่ายเรื่องของเขามากเกินไป ฉันเชื่อว่าลูกชายของเรารู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่”
เขาไม่ตื่นมาจนกระทั่งตอนบ่ายและสือเหล่ยก็ยังกังวลอยู่ เขาพยายามโทรหาเว่ยชิงเยว่อีกครั้งและโทรศัพท์ของเธอก็ยังปิดอยู่ สือเหล่ยไม่เข้าใจว่าถ้าเวลาชิงเยว่ไปพาพ่อบุณธรรมของเธอแบบที่ซงเมียวเมียวกล่าว ทำไมเธอถึงจะต้องตัดการติดต่อกับโลกภายนอกทั้งหมดด้วย?
หลังจากมื้อค่ำ สือเหล่ยก็ได้รับสายๆหนึ่ง มันมาจากไป่ชูและสือเหล่ยก็ค่อนข้างประหลาดใจ
“พี่เขย…” ไป่ชูเอ่ยขึ้นมา
สือเหล่ยยังปวดหัวไมเกรนอยู่ในขณะที่เขาเดินไปที่ระเบียงและลดเสียงลง “นายช่วยเลิกเรียกฉันแบบนั้นได้ไหม? ฉันน่าจะแก่กว่านายแค่สองปี เรียกฉันว่าพี่หินก็พอ”
“แต่พี่คือพี่เขยของผม ไอ้หยา ผมกำลังจะบอกพี่ ผมรู้จักพี่ซงดี เมื่อเธอมองไปที่พี่ ดวงตาของเธอได้บอกถึงทุกสิ่งทุกอย่าง เธอรักพี่มากแน่ๆจนเธอยอมทำทุกสิ่งทุกอย่าง…”
“ถ้านายกำลังจะพูดอะไรแบบนี้ ฉันจะบล็อคนาย” สือเหล่ยทำได้เพียงแค่ใช้ไม้ตายของเขา
ไป่ชูหัวเราะอย่างอึกๆอักๆ “ก็ได้ๆ ผมจะเรียกพี่ว่าพี่เขยถ้าไม่มีคนนอกอยู่ ถ้ามี ผมจะเรียกพี่ว่าพี่หิน”
“นายมีอะไรกับฉัน?”
“แน่นอน ผมกำลังจะชวนพี่มาปาร์ตี้ พี่คิดว่าไง? งานปาร์ตี้เมื่อคืนเป็นไงบ้าง?”
สือเหล่ยปฏิเสธ “ฉันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้จริงๆ ไปสนุกกันเถอะ”
“ไม่ต้องห่วงน่าพี่ พี่ซงกลับไปแล้ว บอกผมมาได้เลยว่าขาต้องยาวแค่ไหนพี่ถึงจะชอบ ผู้หญิงสองหรือสามคนก็ยังได้ พวกเราคือผู้ชาย พี่หิน ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งกับผม”
อาการปวดหัวของสือเหล่ยแย่ลงไปอีกและเขาก็ไม่เข้าใจว่ามีอะไรผิดปกติกับเด็กๆทุกวันนี้ ไป่ชูอายุแค่ 19 – 20 ปี และยังเด็กกว่าเขา เขาควรจะออกจากเมืองเพื่อไปเรียนที่มหาวิทยาลัย แต่เขากลับดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้
“ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้จริงๆ ไม่ต้องคิดถึงฉันก่อนได้ตอนนายมีกิจกรรมเหล่านี้…” สือเหล่ยกำลังพูดแต่เขาก็ได้ยินเหมือนเสียงที่คุ้นเคยกำลังเรียกชื่อของไป่ชู
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและคิดว่ามันน่าจะเป็นเสียงของรองนายกไป่
“พี่หิน รอแปปนะ พ่อเรียกผม” ไป่ชูลดเสียงลงและตะโกนออกมาพร้อมด้วยโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ “พ่อ ผมกำลังโทรศัพท์อยู่ มีอะไร?!”
เสียงของรองนายกไป่ไม่ได้ดังมาก แต่สือเหล่ยก็พอได้ยินอยู่ “ฉันก็กำลังจะออกไปและฉันจะกลับมาดึก ไอ้ลูกคนนี้ วันนี้ห้ามออกไปไหนเพราะแม่แกไม่ได้เอากุญแจไปด้วย เดี๋ยวแม่จะเข้าบ้านไม่ได้ถ้าแกไม่อยู่”
“ไอ้หยา ไม่เอาสิพ่อ ผมสัญญากับคนอื่นไว้แล้วว่าผมจะออกไป ปีนึงผมกลับมาไม่กี่วันเอง ให้ผมออกไปเถอะ”
“โอ้ แกนี่มันจะนิสัยเสียจริงๆแล้วใช่ไหม? กับพวกเพื่อนๆแบบนั้นของแก ไม่ใช่ว่าจะเที่ยวกันจนดึกจนดื่นรึยังไง? เดี๋ยวค่อยออกไป รอให้แม่ของแกกลับมาก่อน”
“พ่อรออยู่ที่บ้านเองไม่ได้เหรอ? แขกคนไหนถึงได้สำคัญขนาดนั้น?!” ไป่ชูบ่นด้วยความไม่พอใจ
รองนายกไป่ถอนหายใจออกมา “ฉันเองก็ไม่ได้อยากเจอเขา แต่เขาเป็นหนึ่งในตระกูลชั้นสูงของหวูตง แม้ว่าฉันจะมาจากตระกูลซง แต่ฉันก็ต้องเอาชีวิตรอดในสังคมนี้ให้ได้และฉันไม่สามารถขัดใจคนแบบเขาได้ อ่า แกไม่เข้าใจหรอกแม้ว่าฉันจะบอกอะไรแก เอาล่ะ รอแม่ของแกอยู่ที่บ้าน ตัดสินใจแล้ว”
ไป่ชูตื่นตระหนก “ไม่ได้นะพ่อ ผมมีนัดกับแฟนของพี่ซง”
“แฟนของคุณซง? แกกำลังพูดถึงเด็กหนุ่มแซ่สืองั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ พี่หิน ทำไม พ่อรู้จักเขาด้วยเหรอ? โอ้ ใช่ พี่ซงก็ปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี เขามาจากจี้โจวด้วย และเธอต้องหาเส้นสายให้เขาแน่ๆ”
รองนายกไป่เงียบไป แน่นอนว่าเขารู้ว่าซงเมียวเมียวแคร์สือเหล่ยมากแค่ไหน และเขาก็รู้ว่าสือเหล่ยมีอิทธิพลต่อซงเมียวเมียวมากแค่ไหน ความใกล้ชิดระหว่างซงเมียวเมียวและสือเหล่ยยังได้รับการยอมรับจากปู่ของซงเมียวเมียว พ่อของซงเมียวเมียวไม่ค่อยพอใจสือเหล่ยเท่าไรเนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงและมันก็ไม่ค่อยดีนักที่จะมาเกาะแกะกับผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ปู่ของเธอได้กล่าวว่า “เด็กๆย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง สือเหล่ยคนนั้นสามารถทำให้หลานสาวกบฏของฉันเปลี่ยนไปได้และถ้ามีใครกล้าพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา งั้นก็บอกให้พวกเขามาพูดต่อหน้าฉัน” จากนั้นจึงไม่มีคนในตระกูลซงกล้าถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาอีก
ดังนั้นมันจึงเป็นสือเหล่ย ดังนั้นไป่ชูจึงจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อเขาไว้ให้ได้ เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีศักยภาพอันยิ่งใหญ่
“เอาล่ะ งั้นแกไปได้ ฉันจะหาคนไปส่งกุญแจให้แม่ของแกเอง”