The Black Card - ตอนที่ 394
ตอนที่ 394 – ความเศร้าโศกของลูกหลานจากตระกูลใหญ่
สือเหล่ยเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่หยูปันจือกำลังทำไม่ใช่แค่สิ่งที่เขาต้องการในขณะที่สือเหล่ยเฝ้าดูหยูปันจือหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
หยูปันจืออาจจะเห็นแก่ตัวกับทางเลือกของเขาเกี่ยวกับอนาคตและด้วยทางเลือกทั้งหมดในชีวิตของเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถเห็นแก่ตัวกับการตัดสินใจของตระกูลได้
ก่อนหน้านี้ ซงเมียวเมียวบอกกับสือเหล่ยว่าหยูปันจือทำเพราะประโยชน์ของคนรุ่นต่อไปอีกสามรุ่น อย่างไรก็ตาม สือเหล่ยก็รู้ว่าการกระทำของหยูปันจือนั้นผิด
ความมั่งคั่งที่หยูปันจือเป็นเจ้าของในตอนนี้ไม่สามารถใช้จ่ายได้ภายในชีวิตของเขา ส่วนรุ่นต่อๆไปนั้นก็คงยิ่งกว่า และอีกสามรุ่นต่อมาก็คงทำได้เพียงแค่ใช้จ่ายเพื่อกินอยู่และรอความตาย สิ่งที่สำคัญสำหรับตระกูลหยูคือพ่อของหยูปันจือคว้าตำแหน่งนั้นมาได้สำเร็จ และสำหหรับตัวหยูปันจือเอง เขาไม่ได้สนใจอะไร แม้ว่าความมั่นคั่งจะได้มาในวิธีที่น่ารังเกียจ เขาอาจจะเสี่ยงต่อการพาปัญหามาให้ตัวเอง แต่อย่างมากลูกหลานของเขาก็ยังสามารถย้ายไปต่างประเทศได้
ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากำลังทำก็เพื่อประโยชน์ของตระกูลใหญ่
ความรุ่งโรจน์และหายนะของตระกูลไม่สามารถตัดสินได้ด้วยตัวหยูปันจือเพียงลำพัง แม้ว่าเขาจะทำตัวเหมือนเขาไม่ต้องการทำก็ตาม แต่เมื่อตระกูลของเขาต้องการ หยูปันจือก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับผิดชอบ
นี่เป็นความเศร้าโศกของลูกหลานจากตระกูลใหญ่
นี่คือเหตุผลที่หยูปันจือเป็นแบบนี้
แม้ว่าเขาจะเริ่มต้นที่เส้นชัยสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว แต่ความพยายามที่เขาทุ่มลงไปในสิบปีที่ผ่านมาก็ไม่สามารถมองเห็นได้โดยเหล่าคนที่ที่ถือว่าจุดเริ่มต้นของเขาเป็นเส้นชัยของตัวเอง
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาเต็มใจที่จะทิ้งความมั่งคั่งเช่นนี้ไป หยูปันจืออดที่จะเศร้าโศกไม่ได้เมื่อนึกถึงความยากลำบากทั้งหมดที่เขาต้องเผชิญมา
ไม่สงสัยเลยว่าหยูปันจือบอกว่าเขาและไป่หยวนต่างก็เป็นตัวหมาก เมื่อพวกเขาถูกวางไว้บนกระดาน เขาก็สามารถทำได้เพียงแค่ถูกล้อม ถูกจับ และถูกใช้งานอีกครั้ง หรืออีกนัยหนึ่ง เขาต้องร่วมมือกับหมากตัวอื่นๆเพื่อชนะเกม
ตระกูลเว่ยและเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของความมั่งคั่งของตระกูลหยูเพื่อแลกกับตำแหน่งของพ่อของเขาในอีกสองปีต่อมา
หรือไม่ก็…
จากมุมมองของหยูปันจือ สิ่งนี้ถูกวางแผนไว้เกือบหมดแล้ว แม้ว่าตระกูลจะไม่เอาด้วยกับเขาในตอนท้าย เขาก็ยังมีทางอื่นที่จะจัดการกับนายท่านเว่ย อย่างไรก็ตาม หลังจากสือเหล่ยได้ยินสิ่งที่หยูปันจือกล่าว เขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ในทันใดว่าเกมนี้อาจจะจบลงด้วยบาดแผลสาหัสของทั้งสองฝ่าย สุดท้าย ใครบางคนอาจจะแทงพวกเขาจากทางด้านหลังและจะไม่มีผู้ชนะเหลืออยู่ ทั้งสองฝ่ายจะเป็นผู้แพ้ทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม สือเหล่ยก็ไม่มีทางเตือนหยูปันจือได้ มันเหมือนกับสิ่งที่หยูปันจือกล่าว แม้ว่าเขาจะบอกแผนการทั้งหมดของเขากับสือเหล่ย สือเหล่ยก็ไม่สามารถช่วยตระกูลเว่ยได้
แผนการของหยูปันจือเปิดเผยทั้งหมดและความพ่ายแพ้ของหยูปันจือก็อาจจะเป็นเพราะมันด้วย
……
หยูปันจือหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและโศกเศร้า
ในที่สุดเขาก็หยุดแผดเสียงหัวเราะและเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเขา และกลับคืนสู่สภาพปกติของตน
“ขอโทษทีที่ทำให้นายต้องเห็นอะไรแบบนี้ ตั้งแต่ฉันเกิดมา ฉันไม่เคยหัวเราะหรือร้องไห้แบบนี้มาก่อน ช่วงตรุษจีนมั่นใจได้เลย มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยก็ก่อนหน้านั้น ถ้าตระกูลเว่ยไม่ตื่นตระหนก บางทีพวกเขาอาจจะยังมีตรุษจีนที่ดีได้ หลังจากตรุษจีน เว่ยจินกังจะตายก่อน ตามมาด้วยเว่ยชางฉิง สือเหล่ย นายสามารถเลือกที่จะบอกเว่ยชางฉิงได้ แต่ฉันจะบอกนายให้นะ มันไม่มีประโยชน์!”
สือเหล่ยไม่พูดอะไร เมื่อเห็นว่าหยูปันจือหนักแน่นดุจขุนเขา เขาก็ส่ายหัว “พี่หยู พี่ควรจะระวังด้วยนะ”
หยูปันจือเหลือบมองสือเหล่ยด้วยความประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาลุกขึ้นยืนและออกจากเลาจน์แห่งนี้ไปตามลำพัง
สือเหล่ยนั่งอยู่อีกสองสามนาทีก่อนที่จะลุกขึ้น
เมื่อคอลลี่เห็นสือเหล่ยออกมา มันก็กระดิกหางของมันอย่างมีความสุข สือเหล่ยนั่งยองๆลงและเล่นกับมันสักพักก่อนที่จะจกาไปด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความคิดขุ่นมัว
เมื่อเขากลับมาที่อาคาร มันก็เป็นเวลาการแสดงของสาวๆรัสเซียแล้ว สือเหล่ยเช็คโทรศัพท์ของเขาและมันก็เป็นเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว เขาพูดกับไป่ชู “ฉันต้องไปก่อนนะ หารถให้ฉันด้วย”
“พี่หิน พี่ดูไม่ดีเอาซะเลย”
สือเหล่ยส่ายหัว “ฉันไปเจอเพื่อนมาและคุยกับเขา เขาเล่าบางอย่างที่ฉันไม่ควรจะรู้ให้ฉันฟัง”
ไป่ชูเกาหัวของเขาในขณะที่เขาไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของสือเหล่ยเอาซะเลย “อืม ถ้าพี่หินจะกลับ ผมก็จะกลับด้วย ผมไม่สนใจนางแบบพวกนี้หรอก แม่ง ขาของพวกเธอทำให้พวกเธอสูงกว่าผม ผมไม่คิดว่าผมจะเอื้อมถึง”
สือเหล่ยรู้สึกขบขันด้วยคำพูดของไป่ชูและพวกเขาก็เดินออกมาด้วยกันก่อนที่จะบอกหลินน้อย
ไป่ชูขับรถมาส่งสือเหล่ยที่ทางเข้าโรงงาน ในตอนแรกเขาจะไปส่งสือเหล่ยถึงหน้าบ้าน แต่สือเหล่ยบอกเขาอยากจะเดินไปเองมากกว่า ไป่ชูไม่ได้บังคับอะไรเขาและบอกเพียงแค่ว่าสือเหล่ยสามารถโทรมาหาเขาได้ตลอดถ้าเขาอยากสนุก
เมื่อเห็นว่าไป่ชูกำลังจะจากไป สือเหล่ยก็รู้ว่าเขาเป็นคนง่ายๆ เขาแตกต่างไปจากพ่อของเขาและต่างไปจากคนของตระกูลซง
สือเหล่ยได้เห็นความน่าเกลียดมามากเกินไปและเขาไม่อาจทนเห็นมันได้อีก
สือเหล่ย เคาะหน้าต่างและถามว่า “ไป่ชู นายเรียนอยู่ที่ไหน?”
“อังกฤษครับ ทำไมเหรอพี่?”
สือเหล่ยลังเลเล็กน้อย “บอกให้แม่ของนายไปที่อังกฤษกับนายหลังจากตรุษจีน”
“ฮะ? ทำไม? แม่อยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ถ้าแม่ไปอังกฤษ ไม่ใช่ว่าผมจะถูกแม่คุมไว้ตลอดเวลาเหรอ?”
“ไม่ว่าจะยังไงก็ฟังฉันเถอะ หลังจากตรุษจีน พาแม่ของนายไปที่อังกฤษด้วยและอยู่ที่นั่นสักพัก”
“พี่เขย ผมไม่เข้าใจ”
“นายไม่จำเป็นต้องเข้าใจ แค่จำสิ่งที่ฉันพูดไว้ก็พอ” สือเหล่ยโบกมือของเขาและจากไป
คนอื่นๆก็ต้องมีประสบการณ์ชีวิตเป็นของตัวเอง สือเหล่ยไม่ใช่คนใจดีเท่าไรและเขาก็ไม่ได้มีความรับผิดชอบพอที่จะช่วยชีวิตใครในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เขาทำได้เพียงแค่มอบคำเตือนแบบนี้ให้เท่านั้น ไม่ว่าไป่ชูจะฟังเขาหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง
พวกเขาได้พบกันและไป่ชูก็เรียกสือเหล่ยว่า “พี่” นี่ก็เป็นสิ่งที่มากที่สุดที่สือเหล่ยจะทำให้เข
มันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
สือเหล่ยเดินเข้าไปในตู้เอทีเอ็ม หยิบบัตรสีดำออกมา และสอดมันเข้าไป
หลังจากที่เขาป้อนรหัสผ่าน คทาก็ปรากฏตัวขึ้นตามปกติ แต่สือเหล่ยได้ก้มหน้าลงด้วยการแสดงออกที่เศร้าหมอง
“พนักงานระดับที่สอง เจ้าดูไม่ค่อยดีเลย โดยปกติ เมื่อถึงวันคำนวณ เจ้าจะตื่นเต้นมาก ทำไมเจ้าถึงหมดพลังแบบนี้?” คทาอยากรู้อยากเห็นกับสภาพของสือเหล่ยและเสียงของมันก็มีความกังวลที่หาได้ยากยิ่ง
สือเหล่ยเงยหน้าขึ้นมองคทาและฝืนยิ้มออกมา”แกเป็นแค่โปรแกรม แกรู้เหรอว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง? ไม่ต้องพูดถึงแก แม้แต่ฉันก็อาจจะไม่รู้จริงๆด้วยซ้ำ”
“เจ้ามาร์มอตโง่ ดูสิ่งที่เจ้าพูดกับคทาผู้สูงส่งสิ!” ตามที่คาดไว้ มันก็ยังเป็นคทาผู้จองหองและมันก็ไม่สามารถทนรับฟังอะไรแบบนี้ได้
สือเหล่ยถอนหายใจ “ช่างเถอะ ฉันหยุดเอง บอกฉันมา ฉันจัดการกับโควต้าในครั้งนี้เสร็จแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ เสร็จแล้ว” คทาดูเหมือนจะยังไม่พอใจ
“งั้นก็หมายความว่าฉันสามารถรับรางวัลสำหรับช่วงเวลานี้ได้ใช่ไหม? รีบประกาศมาซะทีว่าข้อตกลง 100 หยวนของฉันอยู่ในระดับไหน”
“ฮึ่ม! พนังงานระดับที่สองสร้างดีล 100 หยวนขึ้นในระหว่างช่วงเวลาการใช้จ่าย และหลังจากการตรวจสอบ มันคือการใช้จ่ายระดับห้าดาวบวก”
เห็นได้ชัดว่าเสียงของคทาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธ