The Black Card - ตอนที่ 398
ตอนที่ 398 – บัตรระดับ S+
คทาพูดต่อ
“อย่างที่สอง เจ้าจะได้รับบัตรลิ้นดอกบัว มันสามารถได้ครั้งเดียวและจะถูกทำลายหลังจากใช้งาน บัตรทั้งสองใบจะอยู่ในรูปแบบของแอพฯในโทรศัพท์ของเจ้า บัตรลิ้นดอกบัวจะถือว่าใช้เมื่อกดเข้าไป ในขณะเดียวกัน บัตรความสนิทสนมจะไม่มีจำกัด”
สือเหล่ยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
บัตรความสนิทสนม! มันคือบัตรที่สือเหล่ยฝันถึง สือเหล่ยคิดว่าบางทีบัตรสีดำอาจจะมอบให้กับเขาหลังจากเขาพยายามได้มันมาอยู่หลายครั้ง แค่ตัวบัตรอย่างเดียวก็เป็นระดับ A แล้ว และตามที่เขาคาดไว้ รางวัลในคราวนี้ดียิ่งกว่าการจับรางวัล
รางวัลในคราวนี้คือบัตรสองใบ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าบัตรลิ้นดอกบัวทำอะไรได้ แต่มันก็ใช้ได้ครั้งเดียวและถูกนับว่าใช้หลังจากกดเข้าไปในแอพฯ มันคงไม่ต่ำไปกว่าระดับ E เมื่อรวมบัตรสองใบนี้เข้าด้วยกัน เขาก็เหมือนได้จับรางวัลถึงสองครั้ง หนึ่งในนั้นคือบัตรระดับ A ซึ่งสือเหล่ยฝันถึงการได้มาและมันก็คุ้มค่า
คุ้มค่า คุ้มค่ามาก!
ดูเหมือนว่าบัตรทั้งสองใบนี้จะยอดเยี่ยมยิ่งกว่ารางวัลระดับห้าดาวบวก
เขาคำนวณว่าในสามรางวัลที่เขาได้รับจากระดับห้าดาวบวก สิ่งที่มีประโยชน์จริงๆก็มีแค่การเลื่อนระดับบัตรการลงทุน สำหรับการถ่ายโอนสมาชิกของดวงตาแห่งรัตติกาลและยาที่สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด สือเหล่ยไม่คิดว่ามันจะมีความหมายอะไรที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง
บางทีหลายๆคนอาจจะใฝ่ฝันถึงการได้เป็นสมาชิกของดวงตาแห่งรัตติกาล แต่สือเหล่ยไม่
สำหรับยาที่สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด มันก็ไม่ได้มีความหมายสำหรับสือเหล่ย เพราะมันไม่สามารถยกเลิกการลงโทษของบัตรสีดำได้และสือเหล่ยก็ยังหนุ่มยังแน่ โอกาสที่เขาจะมีโรคที่รักษาไม่หายนั้นแทบจะเป็นศูนย์ ไม่ใช่ว่าเขาต้องเก็บมันไว้อีก 30 – 40 ปีก่อนที่จะกินมันเพื่อรักษาโรคมะเร็งอย่างนั้นเหรอ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย สือเหล่ยคิดว่าเขาคงจะอายุไม่ยืนไปกว่า 10 ปีภายในการควบคุมของบัตรสีดำเช่นนี้ โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ยอดเงินที่ถูกมอบให้คงจะเป็นแสนล้านหรือแม้กระทั่งล้านล้านก็ได้ ไม่ใช่ว่าสือเหล่ยต้องซื้อเกาะทั้งหมดในมหาสมุทรและรวมพวกมันให้เป็นประเทศงั้นเหรอ?
แต่รางวัลที่ได้จากการแก้ไขบัคคือบัตรความสนิทสนม! มันเป็นบัตรสำหรับช่วยชีวิตเขา ถ้าสือเหล่ยเจอคนที่เขาไม่มั่นใจ เขาก็สามารถตรวจสอบได้ว่าเขาจะใช้จ่ายเงินกับคนพวกนั้นได้ไหม
ส่วนบัตรลิ้นดอกบัว เขาไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร และชื่อของมันก็ฟังดูดีอยู่เหมือนกัน
ลิ้นดอกบัว แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเล่าเก่าๆซึ่งมีคนมีดอกบัวหล่นออกมาจากปากหรอกนะ อย่างไรก็ตาม มันก็หมายความว่าสือเหล่ยจะกลายเป็นนักต้มตุ๋นที่ดีที่สุดในโลกและเขาก็สามารถหลอกใครก็ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆน่ะสิ?
สือเหล่ยจำเป็นต้องยืนยัน
“หลังจากที่ฉันใช้บัตรลิ้นดอกบัว อัตราการสำเร็จของการหลอกลวงเป้าหมายจะเป็นเท่าไร?”
คทาประหลาดใจ “ไอ้หยา เจ้าฉลาดไปหน่อยมั้ย? เขาไม่แม้แต่จะถามข้าถึงกฏและข้อจำกัดของบัตรใบนั้น?”
สือเหล่ยพูดด้วยความดูถูก “จากนิสัยที่น่ารังเกียจของแกและบัตรสีดำ มันคงไม่จำเป็นต้องพิจารณาถึงเรื่องนั้นหรอก มันคงใช้ได้แค่กับเป้าหมายคนเดียว มันไม่ใช่บัตรที่สามารถควบคุมฝูงชนได้ มิฉะนั้น ฉันคงจะวิ่งเข้าไปในสนามกีฬาใหญ่ๆในระหว่างที่มีงาน แล้วพวกเขาคงจะทำให้ฉันกลายเป็นนายกงั้นหรอกเหรอ?”
คทาเงียบไป มันเริ่มชื่นชมในจินตนาการที่สือเหล่ยมี อย่างไรก็ตาม มันก็หลั่งเหงื่อออกมาด้วยความประหลาดใจ โชคดีที่บัตรใบนี้สามารถใช้ได้แค่กับคนๆเดียว ไม่อย่างงั้นชายคนนี้ที่ไม่เคยทำอะไรปกติๆคงจะสามารถควบคุมฝูงชนได้จริงๆและ…
นายกที่อายุไม่ถึง 22 ปีคงจะเกิดขึ้นมาจริงๆ!
แล้วสิ่งที่น่ากลัวอย่างการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สามก็อาจจะเกิดขึ้นได้จริงไหม?
“อย่าแกล้งตาย รีบตอบคำถามมา”
คทาไม่ได้มีทางเลือกอื่นนอกจากเริ่มแนะนำกฏของบัตรลิ้นดอกบัว
“บัตรลิ้นดอกบัวคือบัตรระดับ S+ มันสามารถใช้ได้เฉพาะกับคนที่ระบุไว้เท่านั้น เวลาที่แสดงผลจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางจิตใจของเป้าหมาย แต่พนักงานระดับที่สองสามารถเปลี่ยนความคิดเห็นของคนๆนั้นและทำให้คนๆนั้นทำงานให้กับเจ้าได้ เมื่อมันถูกใช้ อัตราความสำเร็จคือ 100% เมื่อพนักงานระดับที่สองต้องการใช้ เจ้าจะต้องเปิดแอพฯ ระบุเป้าหมาย และตั้งค่ายืนยันโดยการยอมรับว่าให้เปลี่ยนแปลงคนๆนั้น”
สือเหล่ยเข้าใจ บัตรใบนี้คือบัตรล้างสมอง มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการพูดจาของเขา มันเพียงพอที่จะทำให้ใครสักคนทำสิ่งต่างๆตามที่สือเหล่ยต้องการ
ฟังก์ชั่นของบัตรใบนี้เหมือนกันกับการสะกดจิต เว้นเสียแต่ว่าเป้าหมายจะยังตื่นตัวอยู่และทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังดูเป็นเหตุเป็นผล เป้าหมายจะไม่รู้สึกว่าพวกเขากำลังทำอะไรที่ขัดต่อเจตจำนงของตน
สือเหล่ยสงสัยว่าเป้าหมายจะมีความรู้สึกว่าถูกชักจูงอยู่ในระดับไหน แม้ว่าผลของบัตรจะจำกัดแค่คนๆเดียว แต่มันก็มีผลต่อเนื่อง ซึ่งอย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รับสหายมาหนึ่งคน
“หลังจากฉันใช้บัตรนี้มันเป็นไปได้ไหมที่เป้าหมายจะรู้สึกว่ามันมีผลอย่างต่อเนื่อง? พูดง่ายๆ ถ้าฉันใช้บัตรกับคนแปลกหน้า ทำให้เขาคิดว่าฉันเป็นครูของเขาในความเป็นจริงหรืออะไรบางอย่าง อย่างน้อยเขาจะเห็นว่าฉันเป็นสหายที่ดีที่สุดของเขาไหม?”
คทาเงียบไปสักพักและสือเหล่ยก็เดาว่ามันกำลังคำนวณอยู่ หลังจากนั้น 5 – 6 นาที ในที่สุดคทาก็ตอบ “พูดตามหลักการแล้ว นั่นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะอารมณ์ของมนุษย์จะทำให้คนผู้นั้นไว้ใจและเชื่อใจเจ้าในระดับหนึ่ง”
สือเหล่ยพยักหน้า ไม่ต้องสงสัยเลยที่มันเป็นบัตรระดับ S+ แม้ว่ามันจะสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียว ถ้าสือเหล่ยใช้มันให้ดี ผลของมันอาจยาวนานไปชั่วชีวิต
นี่คือสิ่งที่น่าสนใจ
“เจ้ามาร์มอตโง่ เจ้าไม่มีความสุขเหรอที่เจ้าไม่แปลกเปลี่ยนรางวัลในคราวนี้กับโอกาสในการจับรางวัล?”
สือเหล่ยกรอกตาของเขา “อย่าทำให้ฉันตกใจน่า บัตรสีดำตัดสินแล้วว่ารางวัลคืออะไร แกก็แค่คนส่งสาร แกไม่มีอำนาจที่จะปล่อยให้ฉันแลกเปลี่ยนรางวัลกับสิ่งอื่น แม้ว่าฉันจะขอขี้หมาก็ตาม ฉันไม่อยากเสียเวลามาไร้สาระกับแก มันยังมีอย่างอื่นอีก”
“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?! เจ้ายังได้ผลประโยชน์ไปไม่พออีกเหรอ?” คทาแผดเสียง
สือเหล่ยไม่สนใจเนื่องจากความโกรธของคทาไม่ได้มีผลอะไรต่อเขา
“แน่นอนว่ายังมีอีก ฉันใช้บัตรภาษาสัตว์และฉันใช้มันแบบพิเศษ คอลลี่กลายเป็นสายลับได้สำเร็จ มันนับว่าเป็นฟังก์ชั่นใหม่ของบัตรไหม? ไม่ใช่ว่าแกควรเลื่อนระดับมันและให้รางวัลกับฉันอีกเหรอ?”
“เจ้ามาร์มอตโง่ เจ้ากำลังคิดมาก เจ้าก็แค่ใช้บัตรภาษาสัตว์ตามปกติโดยไม่ได้ค้นพบฟังก์ชั่นใหม่อะไร ถ้าเจ้าสามารถทำให้คอลลี่เข้าใจภาษามนุษย์และรายงานกลับมาที่เจ้าได้ นั่นสิถึงจะเป็นสายลับ มิฉะนั้นมันก็เป็นแค่เครื่องมือและเจ้าต่างหากที่เป็นสายลับตัวจริง นอกเหนือจากการพูดกับสุนัขอยู่ 10 นาที เจ้าได้เปลี่ยนอะไรอีกไหม?”
สือเหล่ยเกาหัว เขาแค่ต้องการตรวจสอบดู ถ้าสำเร็จ เขาก็จะได้ประโยชน์ ถ้าไม่ เขาก็ไม่ได้เสียอะไร
“ได้ ได้…” สือเหล่ยกำลังจะเอาบัตรออก แต่เขาก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด