The Black Card - ตอนที่ 403
ตอนที่ 403 – WeChat ของคุณเว่ย
เมื่อสือเหล่ยตื่น ทุกๆครอบครัวก็แขวนโคมไฟไว้เพื่อเป็นการต้อนรับวันที่ 30 และวันตรุษจีน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ประชาชนเริ่มออกมาจุดประทัดกัน
เมืองเล็กๆแบบนี้ไม่ได้ห้ามการจุดดอกไม้ไฟ
ถึงแม้ว่าเสียงจะดัง แต่มันก็เป็นบรรยากาศของช่วงตรุษจีน ในหวูตง ดอกไม้ไฟถูกห้าม สือเหล่ยได้ยินมาว่าในปีนี้มันยิ่งคุมเข้มเข้าไปอีก
พ่อแม่ของสือเหล่ยสวมเสื้อผ้าใหม่อย่างมีความสุข ในตอนนี้ที่สือเหล่ยเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของระดับความสนิทสนมและรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซุนอี้อี้และแม่ของเธอควรจะอยู่ราวๆ 71 – 80 คะแนน หรือไม่ก็ 81 – 90 คะแนนมันจึงไม่มีปัญหาอะไรที่จะให้ของขวัญกับพวกเธอ
ดังนั้นเขาจึงพาซุนอี้อี้ออกไปแต่เช้า นอกเหนือจากการซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้กับเธอในช่วงตรุษจีนแล้ว เขายังซื้อให้กับแม่ของซุนอี้อี้ด้วย
หลังจากที่พวกเขากลับมา แม่ของซุนอี้อี้ก็ขอบคุณเขาอย่างต่อเนื่องเพราะเคยไม่คิดว่าสือเหล่ยจะคิดถึงการซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้กับเธอ พูดตามตรง เธอขาดแคลนเงินอยู่เสมอหลังจากย้ายไปที่หวูตงและเธอก็ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใหม่เลย แม้ว่าเธอจะซื้ออะไร มันก็มีราคาไม่เกิน 100 หยวน นับตั้งแต่วันที่เธอล้มป่วย เธอก็ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใหม่อีก
แม่ของซุนอี้อี้รู้ว่ามันมีค่ามากเมื่อเธอถือมันไว้ในมือและเธอก็แทบจะไม่กล้าใส่มัน
สือเหล่ยยิ้ม “คุณป้า ไม่ต้องสุภาพกับผมก็ได้ มันเป็นความกตัญญูและความรับผิดชอบของผม เหมือนอย่างที่พ่อแม่ผมบอก พวกเราจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดแม่ของซุนอี้อี้ก็เดินเข้าไปยังห้องของเธอและเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ด้วยความช่วยเหลือจากกำลังใจของซุนอี้อี้
เธอมองไปที่ตัวเองในกระจกอยู่นานและพูดกับซุนอี้อี้อย่างขึงขัง “อี้อี้ ก้อนหินปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี ในอนาคตลูกต้องปฏิบัติต่อเขาให้ดีด้วย เขายุ่งกับงานข้างนอกและมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะอารมณ์ไม่ดีไปบ้าง ลูกต้องเข้าใจเขา แม่จะบอกให้นะ ถ้าลูกทะเลาะกับเขา แม่จะอยู่ข้างเขาโดยไม่ต้องถามเลย”
ซุนอี้อี้เบ้ปาก “แม่ไว้ใจเขาด้วยชุดแค่ชุดเดียว เขายังไม่ใช่ลูกเขยของแม่เลยนะ!”
“เขาจะเป็นในไม่ช้าก็เร็ว!” ใบหน้าของแม่ของซุนอี้อี้เต็มไปด้วยความสุข ซุนอี้อี้ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไปนั้นมันน่าละอายเกินไปและเธอได้ก้มหน้าลงพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสี
พวกเขากินข้าวเช้าและข้าวเที่ยงด้วยกันและตอนเวลา 5 โมงเย็น สือเหล่ยก็ประคองสือจงผิงลงไปข้างล่างพร้อมกับคนอื่นๆเพื่อจุดดอกไม้ไฟ ด้วยการจุดดอกไม้ไฟ ประกายไฟสะท้อนอยู่บนใบหน้าของพวกเขาในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเป็นสีแดง นี่คือความสุขในการต้อนรับปีใหม่
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะดื่มกันเล็กน้อยในช่วงเวลาอาหารเย็นของตรุษจีน ทั้งห้าคนฉลองกันอย่างกลมกลืนหลังจากการกินดื่มกันอย่างอึดอัดในช่วงเวลาสั้นๆของเมื่อวาน วันนี้พวกเขาดูเป็นครอบครัวจริงๆ สือเหล่ยและซุนอี้อี้ยิ้มให้กับและทั้งสองต่างก็พึงพอใจมาก
หลังจากล้างจาน พวกเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการชมการแสดงประจำปีใหม่ จากนั้น โทรศัพท์ของสือเหล่ยก็เริ่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วีรบุรุษจากทุกมุมโลกกำลังระดมข้อความมายังโทรศัพท์ของเขา
เพื่อนร่วมชั้น สหายทั้งสามจากหอพัก เว่ยฉิง ซงเมียวเมียว และทุกๆ คนที่มีเบอร์ของเขา เพื่อนที่เขาเพิ่งพบเมื่อไม่นานมานี้หรือที่รู้จักกันไม่นาน
เมื่อเห็นว่าโทรศัพท์ของสือเหล่ยดังอย่างต่อเนื่อง และได้รับการแจ้งเตือนซ้ำแล้วซ้ำก่อนที่จะทันอ่านข้อความเสร็จ พ่อแม่ของเขาก็ประหลาดใจ มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่สือเหล่ยผ่านมาในช่วงที่อยุ่ในหวูตง เมื่อพวกเขาใช้เวลาช่วงตรุษจีนที่บ้านเมื่อปีที่แล้ว โทรศัพท์ของเขาแทบจะไม่ดังออกมาเลย เกิดอะไรขึ้นในปีนี้กัน? ทำไมโทรศัพท์ของเขาจู่ๆถึงดังไม่ขาดสายแบบนี้
ทุกสาย ทุกข้อความ และทุก WeChat ไม่หยุดลงจนกระทั่งสี่ทุ่ม และยังคงมีมาเรื่อยๆ แต่ไม่มากเท่าเดิม
สิ่งที่ทำให้สือเหล่ยประหลาดใจก็คือว่าแม้แต่ไป่หยวนและเลขานุการหยางยังได้ส่งคำทักทายมาหาเขา คนเหล่านี้จะไม่ส่งข้อความเป็นกลุ่มๆเช่นคนอื่นๆ และสือเหล่ยก็ตัดสินใจที่จะโทรกลับไปหาพวกเขาทีละคน ถึงอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เป็นเจ้าหน้าที่ของจี้โจว เขากำลังจะไปหวูตงบ่อยมากยิ่งขึ้นในอนาคตและบางทีเขาอาจจะต้องรบกวนคนพวกนี้อีกในอนาคตถึงครอบครัวของเขามีปัญหา
เขาโทรไปไม่กี่สายและมันก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
หลังจากนั่งลงแล้ว หูเซียวหัวและเจียงหยวนก็โทรมาหาเขาทีละคน ทั้งคู่บอกว่าพวกเขาเพิ่งกินมื้อค่ำเสร็จและใช้เวลากับครอบครัวไปพอสมควรแล้ว พวกเขากล่าวว่าพวกเขาพร้อมแล้วที่จะฉลองปีใหม่กับเพื่อนๆ
สือเหล่ยพูดโดยไม่มีทางเลือก “อืม ผมไม่อ้อมค้อมเลยนะ แต่โทรศัพท์ของผมยังไม่เงียบเลยตั้งแต่มื้อค่ำ พ่อแม่ของผมรำคาญมาก ไม่ต้องพูดถึงการใช้เวลากับพวกเขา พวกเขาไล่ผมออกไปด้วยซ้ำ”
ตามที่คาดไว้ ผู้หญิงทั้งสามคนพากันหัวเราะออกมา “ก็ได้ หนุ่มสาวออกไปฉลองกันข้างนอกเถอะ คนแก่เค้าจะรอดูโชว์และเข้านอนแล้ว”
สือเหล่ยวางสายและพาซุนอี้อี้ออกไป
หูเซียวหัวและเจียงหยวนรอพวกเขาอยู่ด้านหน้าและพวกเขาก็ประหลาดใจที่ได้เห็นซุนอี้อี้เนื่องจากสือเหล่ยไม่ได้พูดถึงเธอผ่านสายเลย ดังนั้นพวกเขาจึงสบตากันและบอกให้สือเหล่ยตามรถของพวกเขาไป หลังจากที่พวกเขาเดินกลับมาที่รถ พวกเขาก็รีบติดต่อกับคนอื่นๆและบอกให้พวกเขาเปลี่ยนแผน
เดิมทีพวกเขาเตรียมที่จะต้อนรับปีใหม่ด้วยการแสดง หนึ่งในนั้น หรือบางทีอาจจะมีแค่การแสดงเดียวคือการเปลื้องผ้า พวกเขาได้จ้างมืออาชีพจากมาเก๊ามาหลายคนเพื่อค่ำคืนแห่งความสำราญ แต่มันก็ต้องถูกพับเก็บไปเพราะซุนอี้อี้
ผลสุดท้ายมันจึงเปลี่ยนเป็นการปาร์ตี้แบบปกติ มันไม่ได้เลวร้ายเท่าไรนักเนื่องจากพวกเขาหานักร้องท้องถิ่นหลายๆคนมาและมันก็ไม่ได้แย่อะไรหลังจากที่พวกเขามารวมตัวกัน
ณ เวลาตีห้า ในที่สุดปาร์ตี้ก็สิ้นสุดลงเมื่อทุกๆคนเมา
สือเหล่ยไม่กล้าดื่มมากเกินไปดังนั้นเขาจึงดื่มไปแค่เครื่องดื่มเบาๆเท่านั้น หลังจากที่พวกเขากลับบ้าน ซุนอี้อี้ก็เข้าห้องของเธอเพื่อไปนอนเนื่องจากเธอง่วงมาก แต่สือเหล่ยได้อาบน้ำและรู้สึกตื่นขึ้นมาแล้ว เขาเดินไปที่ระเบียงและหยิบบุหรี่ของสือจงผิงมาสูบ
ราวๆ 7 โมงเช้า สือเหล่ยได้เอาโทรศัพท์ออกมาและพยายามจะโทรหาเว่ยชิงเยว่อีก น่าแปลกที่เขาได้รับข้อความ WeChat
“เด็กดื้อ มันเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่นายเจอฉันครั้งสุดท้าย คิดถึงฉันไหม? สวัสดีปีใหม่นะ” จากนั้นเธอก็ส่งซองแดงมา
สือเหล่ยตอบทันที “ตอนนี้เธออยู่ไหน?” อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้ตอบกลับมาอยู่เป็นเวลานาน
สือเหล่ยส่งข้อความไปอีก “ฉันคิดถึงเธอ คุยกับฉันหน่อย ฉันจะโทรหาเธอ!”
จากนั้นสือเหล่ยก็โทรหาเว่ยชิงเยว่ในทันที แต่มันก็ยังเป็นเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยซึ่งกำลังบอกเขาว่าโทรศัพท์ของเธอปิดอยู่
สือเหล่ยคิดว่าเว่ยชิงเยว่กำลังใช้ Wi-Fi เพื่อใช้ WeChat และเขาก็เริ่มวิดีโอคอลไปในทันที อย่างไรก็ตาม มันก็ถูกวางสายโดยอัตโนมัติเนื่องจากเว่ยชิงเยว่ไม่ได้เลือกที่จะรับ
เมื่อยืนอยู่บนระเบียง บุหรี่ในมือของเขาก็ไหม้จนหมดและเขาก็ไม่ได้ตระหนักถึงมันเลยจนกระทั่งมันไหม้นิ้วมือของเขา
เขาโยนก้นบุหรี่ทิ้งและส่งข้อความหาเว่ยชิงเยว่: ชิงเยว่ ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ พี่หยูไม่ได้ปิดบังฉัน ฉันบอกเขาว่าฉันไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรกับตระกูลของเธอ แต่สำหรับเธอ ฉันจะไม่ปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับเธอ! ไม่ต้องห่วง เธอมีฉัน ฉันจะรอให้เธอติดต่อมาหาฉันอยู่ตลอดเวลา อย่าคิดว่าฉันไม่สามารถช่วยอะไรได้ ฉันช่วยเธอได้แน่ๆ
มันเห็นได้ชัดว่าข้อความ WeChat อันนี้จมดิ่งลงสู่ห้วงสมุทร
ณ อีกฝากหนึ่งของโรงแรมแห่งหนึ่ง เว่ยชิงเยว่ยืนอยู่บนชั้นที่สูงที่สุดในชุดนอน เธอมองโทรศัพท์ของเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
“คนโง่ นายจะช่วยอะไรได้? แม้แต่พ่อบุญธรรมผู้สูงส่งของฉันยังไม่อยากเจอฉัน การแยกจากนายคือช่วงชีวิตที่นานแสนนาน บางที ฉันอาจจะได้เจอนายอีกในชาติหน้า” เว่ยชิงเยว่ปิดโทรศัพท์ของเธออย่างเงียบๆ เธอเปลี่ยนเป็นชุดที่สือเหล่ยซื้อให้เธอ เธอสวมเสื้อคลุมยาวและเดินออกจากโรงแรมด้วยสีหน้าอันมุ่งมั่น