The Black Card - ตอนที่ 404
ตอนที่ 404 – เงื่อนไขที่จะทำให้เว่ยชิงเยว่ปลอดภัย
ที่ด้านหน้าของโรงแรม Buick gL8 คันหนึ่งกำลังรออยู่แล้ว ในทันทีที่คนขับเห็นเว่ยชิงเยว่ เขาก็เปิดประตูอัตโมมัติและลงมาจากรถด้วยตัวเอง
เขาวางมือในถุงมือสีขาวลงบนขอบประตูเบาๆและพูด “สวัสดีปีใหม่ครับคุณเว่ย”
เว่ยชิงเยว่พยักหน้าและยิ้มอย่างสดใด “สวัสดีปีใหม่ค่ะ” เธอหยิบเอาซองแดงออกมาและยื่นมันให้กับเขา “นี่ของคุณ”
“คุณเว่ย ผมจะรับมันจากคุณได้ยังไง?”
“คุณควรเอามันไป บางทีนี่อาจจะเป็นซองแดงสุดท้ายที่ฉันสามารถให้คุณได้” เมื่อพูดจบ เว่ยชิงเยว่ก็ขึ้นไปบนรถ เธอนั่งหลังตรงและมองไปข้างหน้าโดยไม่ตื่นตระหนก พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพายุ
คนขับรับซองแดงมา ถอนหายใจ และส่ายหัว “คุณเว่ย คุณควร…”
“อืม ไปที่บ้านพ่อบุญธรรมของฉัน”
“แต่มันเป็นเวลากว่าสิบวันแล้วและเขาก็ไม่ยอมมาเจอคุณ…”
“ไม่ว่ายังไง มันก็เป็นวันขึ้นปีใหม่วันแรกและฉันก็ต้องไปทักายและอวยพรเขา ไม่ว่าเขาจะช่วยฉันหรือไม่ ฉันก็ต้องไปกล่าวสวัสดีปีใหม่กับเขา ในฐานะลูกบุญธรรมของเขา มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำมากว่า 10 ปีแล้ว”
คนขับไม่พูดอะไรอีกและสตาร์ทรถอย่างเงียบๆ
ในตอนเช้าของวันขึ้นปีใหม่ มันแทบไม่มีรถอยู่บนถนนเลย ซึ่งปกติจะคับคั่งไปด้วยรถมากมาย
เว่ยชิงเยว่มองออกไปนอกหน้าต่างและยิ้มในขณะที่เขาเดินทางผ่านไป เธอคิดว่ามันคงจะดีถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นในวันนี้
เมื่อเธอมาถึง เว่ยชิงเยว่ก็ลงจากรถ มียามยืนอยู่หน้าประตู เธอสามารถเข้าไปได้ แต่รถเข้าไปไม่ได้
“เอาล่ะ คุณกลับไปได้แล้ว ขอโทษนะที่ฉันบอกให้คุณออกมาแต่เช้า ฝากทักทายภรรยาของคุณแทนฉันด้วย”
คนขับตกใจ “ไม่เป็นไรครับ ผมจะรอจนกว่าคุณจะออกมา คุณต้องใช้รถเมื่อคุณออกมา”
เว่ยชิงเยว่หัวเราะและทัดผมไว้หลังหูของเธอ “ไม่เป็นไร วันนี้ฉันคงจะไม่ออกมาเร็วนัก ถ้าฉันต้องการคุณ ฉันจะโทรหาคุณก่อนที่ฉันจะออกมา บางทีพ่อบุญธรรมของฉันอาจจะให้ฉันเข้าไปพบเพราะมันเป็นวันปีใหม่ ใครจะไปรู้?”
คนขับตอบโดยไม่มีทางเลือก “โอเคครับ โทรหาผมได้ทุกเมื่อและผมจะมาให้เร็วที่สุด”
เว่ยชิงเยว่โบกมือของเธอและเดินเข้าไปพร้อมกับทหารถือปืนสองคน
ทหารทั้งสองคนโค้งตัวลงโดยพร้อมเพรียงกันเมื่อพวกเขาเห็นเว่ยชิงเยว่ เว่ยชิงเยว่หยิบซองออกมาสองซองและยื่นมันให้กับทั้งคู่ “มันมีเงินไม่มากหรอก มันคงจะไม่ละเมิดหลักการอะไร มันแค่ความสุขในช่วงตรุษจีนหน่ะ”
ทหารทั้งสองสบตากันและมองไปที่ซองแดง อันที่จริงพวกมันก็ไม่ได้หนามากและน่าจะมีเงินอยู่แค่ 100 – 200 หยวน พวกเขาพยักหน้าและรับมาพร้อมกับขอบคุณเธอ “ขอบคุณครับคุณเว่ย สวัสดีปีใหม่ครับคุณเว่ย แต่…”
“ไม่เป็นไร มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกคุณ ฉันจะอยู่ข้างนอกและไปในที่ที่ฉันได้รับอนุญาตเท่านั้น” เว่ยชิงเยว่เดินผ่านพวกเขาไป เดินเข้าไปยังลานด้านหน้า และหยุดอยู่หน้าอาคารที่ทำขึ้นจากอิฐแดงและมีหลังคาสีเขียว
เธอกดกริ่งเบาๆและคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้าของเธอ ประตูเปิดออกหลังจากนั้นสักพักและผู้หญิงวัยกลางคนที่มีอายุราวๆ 40 ปีคนหนึ่งได้ยืนอยู่ที่หน้าประตู
“ชิงเยว่ เธอมาแล้วเหรอ?”
เว่ยชิงเยว่พยักหน้า “พี่ ฉันมาสวัสดีปีใหม่พ่อบุญธรรม”
หญิงวัยกลางคนถอนหายใจ “ชิงเยว่ เธอน่าจะรู้ว่าพ่อ… มันไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้จริงๆ มันไม่สะดวกที่เขาจะออกหน้า”
“จุดประสงค์หลักของฉันในวันนี้คือการมาทักทายเขาสำหรับวันปีใหม่ ไม่ว่าจะได้เจอเขาหรือไม่มันก็ไม่เป็นไร แต่ในฐานะลูกบุญธรรมของเขา ฉันต้องทำหน้าที่ของฉัน”
หญิงวัยกลางคนถอนหายใจอีกครั้งและหลีกทางให้ “ไม่ว่ายังไงก็เข้ามาก่อนเถอะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันสามารถช่วยได้ พ่ออยู่ชั้นบนและฉันไม่สามารถทำอะไรเพื่อทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ ถ้าเขาไม่ต้องการ เธอต้องออกไปเมื่อเขาลงมาในภายหลัง”
เว่ยชิงเยว่ยิ้มกว้างขึ้น “ขอบคุณมากพี่ ฉันขอบคุณมากๆที่ไม่ต้องให้ฉันยืนตากหิมะ ฉันไม่กล้าขออะไรอีกแล้ว”
หญิงวัยกลางคนพยักหน้าและปล่อยให้เว่ยชิงเยว่เข้ามาข้างในขณะที่เธอปิดประตู
เธอโลกมือของเธอ และทำท่าทางให้พี่เลี้ยงออกไป เธอรินชาให้กับเว่ยชิงเยว่ด้วยตัวเองและวางมันไว้ข้างหน้าเธอ
“ชิงเยว่ ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อวานและพรุ่งนี้ฉันจะออกไปอีก ฉันรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลของเธอ ตระกูลหยูได้ออกหน้าในครั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตนในอีกสองปีข้างหน้า ทั้งสองตระกูลต่างมอบในสิ่งที่พวกเขามีเพื่อตำแหน่งของพ่อของฉัน ตระกูลของพวกเขาไม่ได้หัวรุนแรงเท่าไรนัก แต่พ่อของเธอ… เมื่อเขายังหนุ่ม…” หญิงวัยกลางคนลังเลและหยุดไปกลางคัน
เว่ยชิงเยว่หยิบชาขึ้นมาและอุ่มมือของเธอ “พ่อของฉันเองก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ได้เข้าทางเขา พวกเราไม่คิดว่าพ่อบุญธรรมจะช่วยพวกเรามาก พวกเราสามารถมอบความมั่งคั่งทั้งหมดของพวกเราให้ได้ เขาแค่ต้องการความปลอดภัยของตระกูล”
“วงศ์ตระกูลของตระกูลหยูมีรากฐานมาจากกองทัพและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเหลืออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ ฉันเฝ้ามองดูเธอและปู้ถีเติบโตขึ้นมาและฉันรู้ว่าเธอและน้องสาวไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอเกิดขึ้นมาในตระกูลจักรพรรดิ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะละเว้นเธอ พ่อบอกว่ามันไม่มีทางที่เขาจะช่วยเธอได้ด้วยฐานะลูกบุญธรรมของเขา วิธีการเดียวคือเธอต้องแต่งเข้าตระกูลของพวกเราเพื่อกลายเป็นลูกสะใภ้ ด้วยฐานะลูกสะใภ้ของตระกูลของฉัน ตระกูลหยูย่อมไม่กล้าแตะต้องเธอแน่ อย่างไรก็ตาม พ่อของฉันไม่สามารถทำอะไรกับจินกังและปู้ถีได้ เรื่องนี้ซับซ้อนมากเกินไปและตระกูลหยูก็มีชื่อเสียง”
รอยยิ้มของเว่ยชิงเยว่เริ่มเศร้า “พี่ พวกเราต่างก็เป็นผู้หญิง ฉันสามารถแต่งงานกับใครก็ได้และฉันก็ไม่เคยดูถูกพี่สาม แต่มันจะมีความหมายอะไรในชีวิตของฉันถ้าฉันต้องดูพ่อ พี่ชาย และน้องสาวของฉันจมดิ่งลงสู่ขุมนรก? ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าฉันมีผู้ชายที่ฉันรัก และมันก็ไม่ยุติธรรมถ้าฉันจะแต่งงานกับพี่สาม”
“คนโง่ พี่สามจะอยู่ได้กี่ปี่กัน? เธอสามารถแต่งงานกับเขาก่อนและไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นก็ได้ เธอคิดว่าพ่อจะหยุดเธอจากการแต่งงานอีกรอบเหรอ? พ่อบอกฉันหลายครั้งว่าเธอเป็นคนที่เขาโปรดปรานมากที่สุดจากตระกูลเว่ยทั้งหมด เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้แตะต้องเรื่องราวโสมม แม้แต่ปู้ถีก็ยังเคยช่วยพ่อและพี่ชายของเธอ เธอไม่รู้เลยเหรอ?”
“แต่พวกเขาคือครอบครัวของฉัน ฉันจะทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลังได้ยังไง?”
หญิงวัยกลางคนถอนหายใจอยู่นานและไม่ได้พูดอะไร
เธอถามพ่อของเธอและพ่อของเธอก็ชัดเจนว่าเขาสามารถช่วยได้แค่เว่ยชิงเยว่ เขาต้องทำหน้าที่อีกวาระหนึ่งและเขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้มาคุกคามเขาในอีกสองปีต่อมา เขาไม่สามารถจ่ายได้ และตระกูลของเขาก็ไม่อาจจ่ายไหว
ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เว่ยชิงเยว่จะขอให้เขาช่วยทุกๆคนที่มีแซ่เว่ย
ทหารคนหนึ่งเดินลงมาและหยักหน้าให้กับหญิงวัยกลางคน “ผมตรวจสอบดูแล้ว สภาพร่างกายของเขาปกติดี ความดันโลหิตของเขาอาจสูงขึ้นเล็กน้อยเพราะเขามีความสุขและดื่มนิดหน่อยสำหรับช่วงปีใหม่ ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว”
หญิงวัยกลางคนยืนขึ้นและเดินไปด้านนอกกับหมอทหาร ก่อนที่จะพูดกับเว่ยชิงเยว่ “ฉันจะขึ้นไปถามอีกครั้งว่าเธอจะเจอเธอไหม ถ้าฉันไม่กลับมาในอีก 5 นาที เธอก็ควรกลับไปได้แล้ว พ่อน่าจะลงมาทานข้าวเช้าในไม่ช้า”
เว่ยชิงเยว่ยิ้มในขณะที่เธอตกลง แต่รอยยิ้มของเธอก็ไม่สามารถปกปิดความเศร้าหมองภายในหัวใจของเธอได้
หลังจากที่หญิงวัยกลางคนเดินขึ้นไป เว่ยชิงเยว่ก็จ้องมองไปที่เวลาบนโทรศัพท์ของเธอ ห้านาทีผ่านไป เธอไม่สามารถร้ังอยู่ได้อีกเนื่องจากเธอต้องปฏิบัติตามกฎของตระกูลอย่างเคร่งครัด
หลังจากผ่านไปสี่นาทีครึ่ง เว่ยชิงเยว่ก็กำลังจะยอมแพ้ แต่หญิงวัยกลางคนได้เดินลงบันไดมาอย่างรวดเร็วและพูดด้วยเสียงต่ำๆที่เต็มไปด้วยความสุข “พ่อบอกให้เธออยู่ทานข้าวเช้ากับเขา!”
เว่ยชิงเยว่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง