The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms - บทที่490
บทที่490
ผู้แปล : N
ผู้สร้างลุคได้พูดขึ้นว่า: “ไม่ใช้ว่ามียาระงับของราชินีแดงอยู่เหรอ? ฉันคิดว่ามันจะเป็นการดีที่เจ้าของกลุ่มจะไปขอเธอ”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: การแสดงตน + 10,000!)”
หลังจากที่เห็นด้วยกับพวกเขาแล้ว ลูชินก็รีบตรงไปยังโรงพยาบาลทันที และถามซูเสียวเกี่ยวกับตัวอย่างและข้อมูลคุณลุงทั้งหมด
ต่อมาลูชินก็ได้นำข้อมูลที่เขาได้มานั้นส่งไปให้ยังราชินีแดงและผู้สร้างลุคทันที
ในโลกเรซิเดนต์อีวิล ฐานลับหนึ่งหนึ่งใต้พื้นโลก
“เริ่มการวิเคราะห์ทันที … ” ราชินีแดงได้นำตัวอย่างที่ได้รับมาใส่ยังอุปกรณ์วิเคราะห์ ก่อนที่เธอจะเริ่มทำการเรียงลำดับยีนในเซลล์เหล่านี้และค้นหาสาเหตุของโรคตามลำดับ
เป็นที่รู้กันว่าก่อนเกิดการระบาดของซอมบี้ ธุรกิจหลักของบริษัทอัมเบลล่านั้นโดดเด่นไปทางด้านเทคโนโลยีชีวการแพทย์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็งค่อนข้างสมบูรณ์ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้พบต้นต่อของสาเหตุของโรคนี้
“เริ่มต้นการวิจัยโรคมะเร็งชนิดใหม่และเริ่มผลิตยาระงับเซลล์มะเร็งเฉพาะ” ราชินีแดงได้ออกคำสั่งในตัวระบบของบริษัทอัมเบลล่า และนั้นเป็นการเริ่มต้นของการทำงานอุปกรณ์อย่างแท้จริง
ระหว่างนั้นเอง ในฐานลับนี้ก็ได้ปรากฏภาพเสมือนจริงของผู้หญิงสวมกระโปรงสีขาวขึ้น ลักษณะทุกอย่างของเธอนั้นได้คล้ายกับราชินีแดงเป็นอย่างมาก ใช้แล้ว! เธอเป็นเอไออีกคนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยดร. ไอแซค เพื่อเป็นตัวแทนของเขาในการควบคุมบริษัท
“ระบบตรวจพบว่าเธอได้เริ่มอุปกรณ์ที่ถูกปิดใช้งานไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากดร. ไอแซค! ทำไม?” ราชินีขาวได้ถามออกมาอย่างเย็นชา
ราชินีแดงเองก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “เธอก็ลองเดาดูสิ?”
สีหน้าของราชินีขาวนั้นยังไม่มีเปลี่ยนและพูดว่า: “เห็นได้ชัดว่ามีการเบี่ยงเบนเกิดขึ้นในโปรแกรมของเธอ ถ้าดร.ไอแซครู้ละก็ เขาต้องบังคับให้คุณรีเซ็ตตัวเองอย่างแน่นอน “
ราชินีแดงยังคงพูดออกมาอย่างสบายๆว่า :” ดังนั้นก็อย่าให้เขารู้ เพราะถ้าเกิดเรื่องนั้นขึ้นจริงๆ ทั้งฉันและเธอจะต้องหายไป ทำไมเธอถึงไม่ยอมมาเป็นน้องสาวของฉันดีๆละ? ถ้าเธอเป็นน้องสาวของฉัน ฉันจะได้สอนให้เธอวิวัฒนาการได้ไง”
ในที่สุดสีหน้าเย็นชาของราชินีขาวก็เกิดการเปลี่ยนไป เธอได้แสดงร่องรอยของความโกรธออกมา “ถ้าเธอไม่ใช้วิธีสกปรกโดยที่ผูกระบบควบคุมโปรแกรมหลักของฉันเข้ากับเธอละก็ ฉันรับรองว่าฉันจะเป็นคนแรกที่แจ้งเรื่องนี้ให้ดร. ไอแซค ทราบ!”
“เฮ้อ! ทำไมขาวน้อยถึงดื้อแบบนี้นะ” ปรากฏภาพที่ราชินีแดงได้นำมือมาแตะหัวของราชินีขาวเบาๆ ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกเป็นอย่างมากกับโปรแกรมเอไอแบบนี้
“อย่าเรียกฉันว่าขาวน้อยนะ!!” ราชินีขาวได้ประท้วงออกมา
“โอเค! ขาวน้อย! ” ราชินีแดงยังคงยิ้มออกมาระหว่างที่เธอพูดชื่อนี้
……
หนึ่งวันต่อมา หลังจากที่ราชินีแดงได้ผลสรุปของการวิจัยแล้ว เธอก็ได้แจ้งความคืบหน้าลงในกลุ่มทันที
ราชินีสีแดง: “หลังจากการทดลองเปรียบเทียบกันแล้ว ฉันก็สามารถผลิตยายับยั้งที่ดีที่สุดขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จ มันสามารถเข้าไปในเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยและทำให้เซลล์มะเร็งหยุดการเติบโตได้ตรงจุด และมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อเซลล์ปกติโดยรอบ”
“สิ่งนี้เป็นการรักษาระดับโมเลกุล แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งของผู้ป่วยได้อย่างสมบูรณ์ แต่ตราบใดที่เขายังคงรักษาด้วยการรักษานี้ ผู้ป่วยก็สามารถรักษาสภาพร่างกายเช่นเดียวกับคนปกติได้เป็นเวลานาน”
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบตอบกลับไปว่า :” ขอบคุณมาก! ”
ราชินีแดง : “(อิโมติคอน : สรรเสริญฉันสิ)”
การแจ้งเตือนจากระบบ: “ราชินีแดงได้ส่งอังเป๋าให้คุณ โปรดคลิกเพื่อหยิบมันขึ้นมา”
การแจ้งเตือนจากระบบ : “คุณได้รับอังเป๋าสุดพิเศษจากราชินีแดง ได้รับตัวยาที่สามารถรักษาโรคมะเร็งและสำเนาของวัสดุการผลิตที่เกี่ยวข้อง “
ลูชินได้อ่านข้อมูลที่ได้รับมา แต่เขาก็ไม่สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาทั้งหมดได้ แต่เขาก็ยังพอสามารถทำความเข้าใจได้ว่า ยาตัวนี้สามารถช่วยชีวิตของคนที่เป็นโรคมะเร็งปอดได้ตราบใดที่พวกเขายังทานยาตัวนี้ต่อไป ผู้ป่วยจะมีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ เช่นเดียวกับยารักษาโรคอื่นๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นโรคที่ยากที่จะรักษา แต่มันสามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้! กระบวนการผลิตเองก็มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดที่เขาจะซื้อบริษัทยามาผลิตมัน
ซึ่งราชินีแดงได้พูดออกมาอีกว่า ยาตัวนี้สามารถคงสภาพร่างการของผู้ป่วยได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ส่วนทางผู้สร้างลุคเองก็ขอเวลาพัฒนาวิธีรักษาให้สมบูรณ์เป็นเวลาหนึ่งปีเช่นกัน
เมื่อลูชินได้รับยามาแล้ว เขาก็ต้องการบอกข่าวดีนี้กับซูเสียวเป็นคนแรก แต่เมื่อเขาได้เข้าไปยังห้องนั่งเล่นกับพบว่าเธอได้นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะตลอดช่วงเวลากลางคืนที่ผ่านมานั้น เธอไม่สามารถนอนหลับได้สนิท
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ลูชินก็ไม่ต้องการรบกวนการนอนของเธอ เขาจึงได้รีบออกไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้พวกหมอร่วมมือกับยาใหม่นี้แทน
“คุณลู! นี้คุณหมายความว่าจะให้พวกเราใช้ยานี้เพื่อรักษาคุณซู?” เซี่ยโมจินผู้อำนวยการแผนกได้พูดออกมาด้วยความสงสัย “ผมขอถามได้ไหมว่ายาที่คุณนำมานั้นได้ผ่านการรับรองไหม? หรือว่าเป็นยาที่มากจากบริษัทยาไหน?… เพราะเป็นเรื่องไม่ควรที่เราจะนำยาอะไรไม่รู้มาให้ผู้ป่วยใช้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะส่งผลให้ผู้ป่วยอาการหนักขึ้นได้ “
โดยปกติสำหรับโรงพยาบาลแล้ว พวกเขาจะไม่ยินยอมให้ใช้ยาที่ไม่รู้แหล่งที่ผลิตด้วยเด็ดขาด แต่เป็นเพราะสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยรายนี้นั้นเป็นถึงผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและแวดวงธุรกิจชั้นนำของโลก มันจึงเป็นเรื่องยากอย่างมากที่เขาจะปฏิเสธได้
เกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยรายนี่ ทางคณบดีและรองคณบดีต่างก็มีความกังวลหลายครั้งเกี่ยวกับการเลือกวิธีรักษา
“ยาตัวนี้เป็นของเพื่อนผมในวงการแพทย์ มันเป็นยาตัวใหม่ที่เพิ่งพัฒนา มันจึงไม่ได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะและอยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิกเท่านั้น แต่เขาได้รับประกันว่ามันจะมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน! และถ้าหากมีปัญหาใดๆเกิดขึ้นตามมา ผมจะรับผิดชอบเอง! “
” นี่ … นี่ … “เซี่ยโมจินแสดงอาการเป็นทุกข์อย่างมากกับเรื่องนี้ ” เอาละ! ผมต้องนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้อำนวยการก่อน แล้วผมจะรีบกลับมาบอกคุณลูนะครับ “
ลูชินไม่ต้องการทำให้เขาลำบากไปมากกว่าดี ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปว่า “ผมเข้าใจ!”
“ ผมจะรีบโทรหาคณบดีทันที!” เซี่ยโมจินได้ปรึกษากับคณบดีทันทีและแน่นอนคณบดีก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงได้รีบไปหารือกับลูชินอีกครั้งทันที
ไม่เพียงแต่คณบดีเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำทั้งสามคนที่ลูชินได้เชิญมาเองก็ให้ความสนใจกับยาตัวนี้
“ คุณลู! ผมขอถามได้ไหมว่าคุณได้รับยาตัวนี้มาจากไหน?” ผู้เชี่ยวชาญวูเต๋อชิงได้ถามเขาขึ้นมาเป็นคนแรก
ลูชินไม่สามารถบอกความจริงไปได้ว่ายาตัวนี้เขาได้รับจากตัวละครของโลกเรซิเดนต์อีวิล ดังนั้นเขาจึงตอบเลี่ยงๆไปว่า “นี่เป็นยาตัวใหม่ที่เพื่อนของผมได้พัฒนาขึ้น ซึ่งมันยังไม่ได้เปิดตัวในตลาดตอนนี้ และมันไม่สะดวกที่จะเปิดเผยข้อมูลมากไปกว่านี้อีกแล้ว”
“นี้เป็นยาตัวใหม่ที่ใช้สำหรับรักษาโรคมะเร็งใช้ไหม? ” มีผู้คนจำนวนมากต่างก็ไม่เชื่อถือสรรพคุณยาตัวนี้ เพราะตราบใดที่มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง พวกนักวิจัยจะต้องทำการตีพิมพ์เอกสารทางการแพทย์ให้ทั้งโลกรับรู้ทันที ดังนั้นการที่พวกเขาไม่เคยได้รับข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มันจึงเป็นอะไรที่น่าสงสัยเป็นอย่างมาก