The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 124
ตอนที่ 124 เจ้าหน้าที่หวังผู้โชกโชน
วันพุธที่ 26 พฤษภาคม สัปดาห์ที่ 5 ของภาคเรียนที่หนึ่ง
หลังจากที่ลี่เหมงเหมงมาเยี่ยมเมื่อคืนก่อน พ่อของหวังลิ่งก็ยืนยันได้แล้วว่าอาการทางสมองของพ่อเขานั้นหายดีแล้ว และขณะนี้เองชายแก่ก็กำลังคิดถึงสวนผักของแกที่บ้าน ก่อนที่ชายแก่จะมาที่นี่เขาได้วานให้เจียงซานซึ่งเป็นเพื่อนบ้านดูแลสวนผักให้ เมื่อพวกมันโตเต็มที่เจียงซานจะได้นำมันไปขายเพื่อเป็นรายได้อีกทางหนึ่งของเขา
แต่ก่อนที่ชายแก่จะกลับบ้านนอกพร้อมกับโชเลย์สามล้อของแกก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นกับแม่ของหวังลิ่ง! ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ของหวังเขาได้ออกไปจ่ายตลาดและกำลังเดินทางกลับมาบ้าน
เธอไม่ได้แค่เพียงถูกลวนลาม คนร้ายยังผลักเธอ หน้าผากของเธอไปกระแทกเข้ากับเสาที่จับบนรถไฟจนศีรษะของเธอเป็นแผล
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือคนร้ายที่พยายามวิ่งหนีก็ได้เตะแม่ของเขาไปอีกครั้งนึง และตะโกนท่ามกลางฝูงชนว่า “การที่คุณแต่งตัวโป๊แบบนี้! คุณจะโทษว่าฉันผิดงั้นหรือ?!”
คนร้ายคนนั้นพยายามพูดว่าตนเองไม่ผิดท่ามกลางฝูงชน เขามีลายสักอยู่บนแขนซึ่งน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของแก๊งอะไรสักแก๊งนึงแถมเขายังมีท่าทางน่ากลัว จนไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาช่วยแม่ของหวังลิ่งเลย
แม่ของหวังลิ่งไม่เคยที่จะไปสร้างปัญหา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอโดนต่อว่าท่ามกลางฝูงชนว่าแต่งตัวโป๊ เธอรู้สึกผิดจนแทบจะร้องไห้ออกมา
เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน สามีของเธอเห็นเธอในสภาพมีเลือดออก เขาก็รู้สึกโกรธจนแว่นแทบหลุด! ส่วนทางด้านคุณปู่ก็รีบโทรหาตำรวจทันที
ไกลออกไปประมาณ 50 ลี้จากถนนหวงตะวันออก มีสถานีตำรวจอยู่แห่งหนึ่งซึ่งมักจะไม่เคยได้รับสายรายงานอะไรเลย เพราะว่าบริเวณบ้านนอกเช่นนี้ พวกเขามักจะไม่พบเจอคดีลักทรัพย์หรือพบโจรมากนัก ซึ่งนั่นก็เป็นบ่อเกิดของความขี้เกียจในสถานีตำรวจแห่งนี้
นี่ก็สองชั่วโมงเข้าไปแล้วหลังจากที่แม่ของหวังลิ่งกลับมาถึงบ้านและปู่ของเขาก็โทรหาตำรวจแล้ว รอแค่เพียงตำรวจเข้ามาสอบปากคำ…
เมื่อพ่อของหวังลิ่งเริ่มที่จะอารมณ์เสียก็มีเสียงออดจากหน้าบ้านดังขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจมาพร้อมกับสมุดจดเล่มหนึ่งในมือยืนรออยู่หน้าบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจมองไปยังพ่อของหวังลิ่งซึ่งมาเปิดประตูให้ “ครอบครัวคุณใช่ไหมที่เป็นคนโทรเรียกตำรวจ?”
พ่อของหวังลิ่งจึงตอบกลับไป “ใช่แล้วครับ คุณพ่อของผมเองที่เป็นคนโทร”
จากนั้นเองเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเหลือบไปมองปู่ของหวังลิ่งซึ่งยืนอยู่ข้างพ่อของเขา “…ถ้าเช่นนั้นคุณคือ…?”
ชายแก่พยักหน้า “ใช่แล้ว ฉันเองแหละที่เป็นคนโทร”
“…”
และเมื่อเขาพาตำรวจเข้าไปในบ้าน แม่ของหวังลิ่งก็นำน้ำมาให้กับตำรวจคนนี้ เขามองไปยังแผลบนหัวของแม่หวังลิ่ง “คุณคือผู้เสียหายใช่ไหม?”
เมื่อคุณปู่หวังได้ยิน ชายแก่ก็รีบพูดออกมาด้วยความโมโห “ใช่แล้วตำรวจ! นี่ลูกสะใภ้ของฉันเอง! เธอถูกลวนลามและยังถูกทำร้ายร่างกายที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน! เมื่อไหร่คุณจะตามหาคนร้ายเจอ…ถ้าฉันเจอมันฉันจะฆ่ามันให้ตายด้วยมือของฉันนี่แหละ!”
ทั้งพ่อของหวังลิ่งและคุณตำรวจได้แต่มองชายแก่ที่กำลังโกรธอย่างไม่สามารถทำอะไรได้
“อย่าพึ่งวู่วามคุณปู่หวัง” เขาหยิบเอาบัตรประจำตัวตำรวจขึ้นมาและยื่นไปให้ชายแก่ดู “ดูสิ ผมก็มีสกุลหวังเหมือนกัน ดังนั้นพวกเรามาจากตระกูลเดียวกัน เชื่อมือผมเถอะว่าผมจะรับหน้าที่ดูแลคดีนี้เอง”
ทั้งพ่อของหวังลิ่งและคุณปู่เหลือบไปเห็นหมายเลขบนบัตรประจำตัวตำรวจ “SB12138”
“เขตถนนหวงตะวันออกนั้นอยู่ทางเหนือของเมืองซ่งไห่ ซึ่งตัวย่อของมันก็คือ SB”
ทั้งคู่จีงพยักหน้าตอบ “ถ้าหากคุณตำรวจหวังอยากรู้อะไรเพิ่มเติมถามมาได้เลย”
นายตำรวจสกุลหวังจึงกระชับปกคอเสื้อตนเองและพูดขึ้นว่า “ผมมีประสบการณ์ในด้านนี้มาอย่างโชกโชน สถานีตำรวจของเรามีตำรวจถึงหกสิบคนที่ประจำการ และพวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของผมถึงสามสิบคน! เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง!”
เมื่อพูดจบตำรวจหวังก็มองไปยังแม่ของหวังลิ่ง “ผมแนะนำว่าให้คุณตำแผลให้เสร็จก่อนหรือคุณอยากจะถ่ายบาดแผลไว้เป็นหลักฐานก็ได้ แต่ตอนนี้เรามาเริ่มจดบันทึกเหตุการณ์ก่อนดีกว่า…คุณผู้หญิงจำได้ไหมว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนไหน?”
แม่ของหวังลิ่งตอบไปกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างมั่นใจ “มันเกิดขึ้นระหว่างสี่ถึงห้าโมงเย็น เมื่อตอนที่ฉันกำลังจะกลับบ้านหลังจากไปจ่ายตลาดมา มันเกิดขึ้นบนรถไฟฟ้าใต้ดิน”
ตำรวจหวังพยักหน้าและจดบันทึกลงสมุดบันทึกของเขาจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา “ตอนช่วงเวลานั้นเป็นชั่วโมงเร่งรีบมันไม่ใช่เรื่องปกติหรือที่จะต้องมีการเบียดเสียดกัน? บางทีอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้?”
เมื่อคุณปู่หวังได้ยินดังนั้นเขาหยิบเอามีดทำครัวด้ามสีดำออกมาจากใต้โซฟา…
“นั่นสินะ…คงไม่น่าจะเป็นแบบนั้น หรือบางทีเป็นเพราะคุณนายสวมใส่เสื้อผ้าล่อแหลมจนเกินไป?”
ชายแก่เดินไปหยิบหินลับมีดซึ่งวางไว้อยู่ใต้โต๊ะกาแฟออกมาอีกอย่าง…
“เออะ…มันก็ใกล้จะเข้าช่วงหน้าร้อนของเมืองซ่งไห่แล้วนี่เนอะ อากาศมันเลยอบอ้าวในช่วงหน้าฝนแบบนี้ คงไม่แปลกที่จะใส่เสื้อผ้าบางๆแบบนี้”
นายตำรวจหวังถึงกับเหงื่อตกเมื่อเห็นท่าทางของคุณปู่ “ถ้าเช่นนั้น ผมขอถามเพิ่มเติมหน่อย นอกจากรอยช้ำบนหัวของคุณแล้ว คุณนายได้รับบาดเจ็บตรงส่วนไหนอีกหรือเปล่า”
แม่ของหวังลิ่งจึงชี้ไปที่แขนข้างซ้าย “คนร้ายมันเตะแขนฉันก่อนที่รถไฟใต้ดินจะเปิดประตู”
เมื่อฟังจบชายแก่ก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโห “ไอตำรวจส้นติงปากพล่อย ลูกสะใภ้ของฉันพึ่งจะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจมานะ”
ตำรวจหวังพยักหน้าและจดบันทึกเพิ่มเติมลงไป “งั้นเดี๋ยวผมจะสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ผู้เสียหายคือ คุณนายหวัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางกลับบ้านโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน ระหว่างเวลาสี่ถึงห้าโมงเย็น หลังจากการไปจ่ายตลาด คุณถูกลวนลามโดยคนร้ายซึ่งมีลายสัก ซึ่งภายหลังได้มีการทำร้ายร่างกายทำให้คุณหัวไปกระแทก และก่อนที่เขาจะวิ่งหนีไปเขาก็เตะแขนข้างซ้ายของคุณ รวมไปถึงมีการต่อว่าด่าทอ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นบนรถไฟฟ้าใต้ดิน ระยะเวลารวมทั้งสิ้นไม่ถึงห้านาที และเมื่อคนร้ายหนีไปทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ…”
คุณปู่หวังหันไปตามเจ้าหน้าทีตำรวจหวัง “คุณคิดว่ายังไงฮึ คุณตำรวจหวัง?”
นายตำรวจหวังยกมือขึ้นมาแตะที่คางและพูดข้อสันนิษฐานไปว่า “จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นการลวนลามบนรถไฟฟ้าธรรมดาทั่วไป”
“…” ทั้งสามคนตั้งใจฟังข้อสันนิษฐานของนายตำรวจหวัง
“ถ้าหากคุณอยากจะตามหาคนร้ายคนนั้นคุณต้องดำเนินขั้นตอนตามกฎหมาย”
“แล้วพวกเราต้องทำยังไง?” พ่อของหวังลิ่งถามออกมาอย่างสงใส
“ตามขั้นตอนทั่วไปแล้ว คุณนายหวังถูกทำร้ายร่างกายที่สถานีถนนหวงตะวันออกฝั่งทิศเหนือ อย่างแรกพวกเราซึ่งดูแลรับผิดชอบในเขตนี้จะเป็นฝ่ายเปิดคดีให้ จากนั้นพวกเราจึงสามารถขอความร่วมมือไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด คนจำนวนกว่าล้านคนซึ่งใช้งานรถไฟฟ้าใต้ดินภายในหนึ่งวัน พวกเราจะคัดกรองบุคคลซึ่งน่าสงสัยเป็นรายคน ซึ่งนี่แหละเป็นขั้นตอนทั่วไปตามกฎหมาย ซึ่งมันจะต้องผ่านหลายศาลหลายขั้นตอนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุด…จากประสบการณ์ของผมคดีแบบนี้มันยากมากที่จะระบุตัวคนร้ายเนื่องจากคนใช้บริการรถไฟฟ้าก็มีเป็นเกือบล้านคนต่อวัน เว้นเสียว่าขณะนั้นจะมีใครบางคนอัดคลิปวีดีโอไว้ และถืงแม้พวกเราจะหาตัวผู้ต้องสงสัยเจอ กระบวนการอย่างต่ำก็น่าจะราวๆสามปี”
คุณปู่หวังผู้ดื้อดึงประกาศเสียงแข็งออกมาว่า “ไม่ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน พวกเราจะต้องจับคนร้ายคนนี้มาลงโทษให้ได้!”
และตอนนั้นเองนายตำรวจหวังยักไหล่และพูดขึ้นมาว่า “แต่น่าเสียดาย ถ้าหากคุณอยากจะดำเนินการตามกระบวนการกฏหมาย ผมไม่สามารถดำเนินการให้คุณได้… ผมไม่มีอำนาจพอที่จะเปิดคดีเพื่อเริ่มการสอบสวน”
พ่อของหวังลิ่งถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ก็ไหนคุณบอกว่าคุณมีกระสบการณ์?”
นายตำรวจหวังพยักหน้าอย่างเศร้าๆ “ใช่ครับประสบการณ์ของการเป็นตำรวจฝึกหัด…”
“…”
คุณปู่ของหวังลิ่งซึ่งนั่งถัดไปจากนายตำรวจเริ่มลงมือลับมีดอย่างเงียบเชียบ…