The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 173
ตอนที่ 173 น้องหยิงจากฟากฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นคนในหรือคนนอกทุกคนต่างมีความคิดแตกต่างกัน ผู้อํานวยการสมาคมร้อยโรงเรียนผู้ที่ได้รับตําแหน่งตั้งแต่ยังหนุ่ม บางคนก็คิดว่าเขาได้ตําแหน่งนี้มาด้วยความสามารถของตนเอง แต่ก็มีบางคนคิดว่าเขาต้องมีเส้นสายถึงได้ตําแหน่งนี้มา
มีเพียงโจวยี่เท่านั้นที่รู้ความจริงทั้งหมด…เขาอาจจะบังเอิญได้สิ่งเหล่านี้มาโดยที่ไม่ได้ทําอะไรเลย มันเป็นสิ่งที่แม้แต่เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้เช่นกัน
เลขาซุนดาคังได้เรียกเขาให้ไปที่คุกสูงสุดและเขาได้มีโอกาสเห็นนักฆ่าสาวอก36Dหนีออกจากคุกสําเร็จ พูดกันตามตรงเขารู้สึกค่อนข้างเสียใจที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้
ยังมีอีกหนึ่งคนที่อยู่ในสภาพเดียวกับโจวยี่นั่นคือวอร์เดนเหลียงหรือผู้คุมเหลียง หลังจากที่นักฆ่าสาวสามารถหลบหนีภายใต้การควบคุมดูแลของเขา ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาคิดว่าเขาจะสามารถจับเธอได้ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปมากกว่านี้ แต่ท้ายที่สุดนักฆ่าสาวก็สามารถหนีรอดไปได้ มิหนําซ้ำยังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเลขาซุนดาคังอีกด้วย
ผู้คุมเหลียงเดินมาส่งโจวยี่ที่หน้าประตูทางเข้าคุกสูงสุด แม้ว่าเรื่องนี้จะมีการแถลงข่าวต่อสาธารณะแล้ว ยังไงเขาก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เขาต้องจับนักฆ่าสาวที่หนีไปกลับมาลงโทษให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาอาจจะเป็นฝ่ายถูกลงโทษเสียเอง
วิเคราะห์จากสถานการณ์เขาน่าจะถูกลดขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย…เขาทํางานตําแหน่งนี้มาเป็นเวลาหลายปี นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาประสบพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ จนเขาแอบคิดว่ามันอาจจะเป็นปีชงของเขา
สนามพลังซึ่งอยู่ที่หน้าประตูทางเข้านั้น เมื่อสองวันก่อนนักฆ่าสาวได้ใช้หน้าอกทุบจนสนามพลังส่วนนั้นพัง ตอนนี้มันถูกซ่อมแซมฉุกเฉินไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ถ้าหากเป็นสถานการณ์ปกติ มีเพียงเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่จะสามารถเดินผ่านสนามพลังได้ บุคคลภายนอกจําเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่เป็นคนพาเข้ามาหรือพาออกไปเท่านั้น
ในขณะที่เขาเดินมาส่งโจวยี่ประตูทางเข้า ผู้คุมวอร์เด็นเหลียงรู้สึกหดหูอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนสามารถจิตนาการถึงใบหน้าของเขาได้ในขณะที่เขาเขียนรายงานตนเองส่ง ทางเบื้องบนอาจจะเห็นแก่ความขยันของเขาที่ผ่านมาและลดโทษให้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรายงานที่เขาจะเขียนส่งไป
โจวยี่ไม่รู้ว่าจะปลอบใจผู้เหลียงยังไงดี เขาทําได้แค่ถอนหายใจ “ผู้คุมเหลียง ไม่ต้องกังวลไปหรอก มีคําพูดหนึ่งที่ว่า “รถเข็นมันจะหาทางขึ้นเขามาด้วยตัวของมันเอง…” [ในส่วนนี้เป็น สํานวนจีนมีความหมายว่า ปัญหาจะถูกแก้ด้วยตัวของมันเอง…ผู้แปล]
นัยน์ตาของผู้คุมเหลียงนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าและขมขื่น
“บางครั้งเมื่อคุณตกอยู่ในความสิ้นหวัง อาจจะมีปาฏิหาริย์บางอย่างเกิดขึ้นก็ได้” โจวยี่พยายามพูดปลอบใจและชี้ขึ้นไปบนฟ้า “ดูนั่นสิ เมื่อพระเจ้าปิดประตูท่านจําเป็นต้องเปิดหน้าต่างอย่างแน่นอน”
ทันทีที่โจวยี่พูดจบ ก็มีก้อนเมฆสีสดใสโผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้า
มันมาพร้อมกับเสียงร้องและมีเงาดําหลุดออกมาจากเมฆนั่นตกลงบนพื้น *พร๊อบ!*
…………………………………………
มันอาจจะพูดได้ว่านี่เป็นบริการ “ส่งด่วน” จากหวังลิ่งที่มาได้เวลาพอเหมาะพอเจาะพอดี
และเพราะเหตุนี้ เจียงหลิวหยิงจึงโดนจับกุมอีกครั้งนึง
ผู้คุมเหลียงรีบแจ้งทุกคนว่ามีการประชุมด่วน และบังคับให้โจวยี่ที่กําลังจะกลับอยู่รอที่นี่ก่อน
โจวยี่เข้าใจกระบวนการการทํางานดี การจับกุมนักฆ่าสาวในครั้งนี้ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่สามารถอธิบายอะไรได้ เพราะนักฆ่าสาวดันหล่นมาจากท้องฟ้าท่ามกลางสายตาของคนทุกคน ในขณะที่มันเกิดขึ้น นิ้วของโจวยี่ยังคงชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าอยู่เลย และฉากนี้ก็มีผู้เห็นเหตุการณ์อยู่หลายสิบคน
ในระหว่างการประชุม ทุกคนต่างรอคอยผู้คุมเหลียงเริ่มเปิดการประชุม
เลขาซุนดาคังนั้นกําลังนั่งจิบชาอยู่ข้างห้องเพื่อรอฟังการประชุม
อันที่จริงแล้ว ทุกคนในคุกทราบข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปบ้างแล้ว
โจวยี่ที่กําลังนั่งก้มหัวอยู่ภายในห้องมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
ผู้คุมเหลียงเริ่มต้นพูดขึ้น
“เหตุผลที่พวกเราสามารถจัดการกับปัญหานักโทษแหกคุกได้อย่างรวดเร็วนั้น แน่นอนว่าเป็นเพราะการทํางานที่ยอดเยี่ยมของพวกเราในการออกค้นหาตัวนักโทษ และเหนือสิ่งอื่นใดบุคคลที่สมควรได้รับคําขอบคุณจากพวกเรามากที่สุดก็คือผู้อํานวยการโจวยี่!”
เมื่อพูดจบ ผู้คุมเหลียงก็กลั้นน้ําตาไว้ไม่อยู่ “พูดกันตามตรง ก่อนหน้านี้ฉันก็เข้าใจในตัวผู้อํานวยการโจวยี่ผิดมาตลอด แต่จากผลงานของเขานั้นมันเหนือคําบรรยายจริงๆ รัฐบาลของเรานั้นช่างโชคดีที่ได้คนอยากผู้อํานวยการโจวยี่มาทํางาน ผู้ซึ่งทํางานด้วยใจรักประชาชนและผู้ที่ปิดทองหลังพระอยู่สม่ำเสมอ!”
โจวยี่: “…”
“ไม่เป็นไรหรอกน้องโจวยี่ ไม่ต้องถ่อมตัว! งานก็คืองาน คราวก่อนเธอก็เป็นคนวางแผนจับกุมแต่เธอก็ยังคงถ่อมตัว การที่เป็นคนถ่อมตัวมันก็ดีอยู่แหละ แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าเธอนั้นทํางานได้ดีจริงๆ!” เลขาซุนดาลังรีบพูดขัดโจวยี่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร “เธอไม่เคยทําให้ฉันผิดหวังเลยจริงๆ!”
โจวยี่ “…” ‘อืมครับ’
และเพราะเหตุนี้โจวยี่ก็ได้ทําหน้าที่อย่างสมเกียรติอีกครั้ง
คําพูดของเลขาซุนดาคังนั้นมีค่าเสียยิ่งกว่าคําพูดจากปากคนทั่วทั้งประเทศจีน
แต่สําหรับโจวยี่นั้น…เขากลับรู้สึกสลด
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นข้อคิดเห็นดีหรือร้าย ผู้คนมักจะเลือกไปตามเทรนด์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามักจะยึดติดกับความประทับใจแรก และตัดสินตามทัศนะคติส่วนตัว
โจวยี่จําได้ว่าเมื่อตอนที่เว็บบอร์ดผู้ฝึกตนของเทพมือระเบิดโด่งดังนั้น จํานวนเว็บบอร์ดที่พยายามลอกเลียนแบบเกิดขึ้นตามมามากมาย หนึ่งในนั้นมีชื่อว่า “Zhudi Sky” ในตอนนั้นมีคนอยู่สองประเภทที่เล่นเว็บบอร์ด หนึ่งคือผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียงแอบแฝงตัว และสองคือพวกนักรบคีย์บอร์ดที่เรียกตัวเองว่า “เฉินหนง” (เฉินหนงเป็นเทวดาในนิยายปรัมปราของจีน เขาเป็นเทวดาผู้ลงมาสอนให้มนุษย์เข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์การรักษา เช่น การจับชีพจร การฝังเข็มและการรมยา)
พวกเฉินหนงนี้มักจะทําตัวเป็นผู้ฝึกตนทั้งๆที่ตัวพวกเขาเองนั้นไม่มีประสบการณ์อะไรเลย
ถ้าหากมีใครทําเตาปรุงยาระเบิด พวกเขาจะออกมาพูดทันทีว่าสูตรผสมตัวยานั้นผิด!
ถ้าหากทั้งสองฝ่ายเกิดขัดแย้งกัน พวกเขาพร้อมที่จะทะเลาะกันทุกเมื่อโดยที่ไม่สนว่าใครจะถูกหรือใครจะผิด
ครั้งหนึ่งมีคนที่บอกว่าตนเองเป็นนักปรุงยาเฉินหนงซึ่งได้รับการรับรองจากรัฐบาล ผู้ซึ่งวิจารณ์ด้านลบตัวยาสูตรหนึ่ง แต่ผลสุดท้ายตัวยาตัวนั้นที่ถูกเขาวิจารณ์เสียๆหายๆ กลับถูกวางขายในตลาดและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง…นักปรุงยาเฉินหนงคนนั้นเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ แต่ดูเหมือนนักปรุงยาคนนั้นกลับไม่สนใจอะไรยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิจารณ์ยาคนอื่นต่อไป
โจวยี่พบเรื่องที่น่าตลกที่สุดก็คือ เฉินหนงพวกนั้นชอบเหมารวมว่าการวิจารณ์ทั่วไปนั้นเกี่ยวข้องกับตัวพวกเขา ถ้าหากมีใครคนใดคนหนึ่งในพวกเขาถูกวิจารณ์ พวกเขารู้สึกว่าตนเองถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวกันและต่อสู้กลับทั้งในและนอกเว็บบอร์ด ผลสรุปก็คือเว็บบอร์ดแห่งนั้นจะเต็มไปด้วยบรรยากาศไม่น่าเข้าชม
และนี่เองก็เห็นเหตุผลที่เว็บบอร์ดผู้ฝึกตนลดลง
หลังจากเกิดเหตุการณ์นักโทษแหกคุก โจวมี่รู้สึกว่าประสบการณ์ที่เขาพบเจอนั้นค่อนข้างคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเว็บบอร์ด เขามักจะถูกเหมารวมว่าเป็นคนที่ทําบางสิ่งบางอย่าง แต่กลับกันเขากลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เขาเก็บหลายๆสิ่งหลายๆอย่างไว้ในใจ แต่จะมีใครสักคนไหมที่เขาจะสามารถระบายเรื่องเหล่านี้ออกไป…?
โจวยี่รู้สึกเป็นทุกข์กับเรื่องนี้จริงๆ