The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 140
ตอนที่ 140 เจ้าของปราสาทอยากจะสร้างปัญหาอีกครั้ง
ที่ตึกผู้ป่วยพิเศษแห่งนี้มีทั้งสิ้น 30 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นจะรักษาผู้ป่วยในแต่ละระดับต่างกันไป
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าลิฟต์ มีพยาบาลสาวคนหนึ่งกำลังเข็นรถเข็นของออกมาจากลิฟต์พอดี เมื่อเธอเห็นผู้อำนวยการหลี เธอรีบร้อนทำความเคารพแทบจะในทันที “สวัสดีค่ะผู้อำนวยการหลี!!”
ผู้อำนวยการหลีคนนี้มีความจำดี เขาสามารถจำชื่อของพยาบาลได้แทบทุกคนที่ทำงานอยู่ในตึกผู้ป่วยพิเศษแห่งนี้ และยังจำได้ถึงผู้ป่วยคนไหนที่พยาบาลกำลังดูแลอยู่ด้วย
“ว่าไงน้องหลิว วันนี้อาการคนไข้เป็นไงบ้าง” เขาถามกลับไป
ผู้ป่วยที่นางพยาบาลหลิวดูแลอยู่นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างพิเศษ เมื่อพูดถึงคนไข้คนนั้นดูเหมือนว่ามันจะทำให้พยาบาลสาวคนนี้ไม่ค่อยพอใจเสียเท่าไร “ก็เหมือนเดิมค่ะ คนไข้เอาแต่พูดอะไรก็ไม่รู้ บางทีก็บอกว่าตนเป็นนักเดินทางข้ามเวลา บางทีก็บอกว่าตนนั้นมีพลังเหนือธรรมชาติ”
เทพมือระเบิดถามแทรกขึ้นมา “พลังอะไรหรอครับ?”
“เดี๋ยวหนูจะแสดงให้ดู…”
เมื่อพูดจบพยาบาลสาวคนนั้นก็กระโดดไปซ้ายกระโดดไปขวาและตะโกนเสียงดังออกมา “ไอย๊ะ!!”
ผู้อำนวยการหลีดูด้วยใบหน้าเรียบเฉย “…”
หลังจากการแสดงที่น่าอายจบลง พยาบาลหลิวก็กลับมายืนท่าทางสำรวมแบบปกติของเธอ “คนไข้คนนั้นเอาแต่พูดว่าเขาสามารถเทเลพอร์ตได้”
“…” ทั้งหวังลิ่งและเทพมือระเบิดยืนทำหน้าปลาตาย
“อย่างที่คุณเห็น พวกเรามีคนไข้แปลกๆเพียบ เมื่อไม่กี่ปีก่อนม่านน้ำฮวงโหได้ลงทุนก่อตั้งศูนย์วิจัยสำหรับเคสที่รักษายาก…แต่สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือ เรายังไม่ค้นพบยารักษาที่ดีพอที่จะรักษาโรคพวกนี้เลย” ผู้อำนวยหารหลีถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
พวกหวังลิ่งเดินตามผู้อำนวยการเข้าไปในลิฟต์ และผู้อำนวยการก็กดไปที่ปุ่มเลข 18 “หอผู้ป่วยในตึกนี้ถูกแบ่งตามความซับซ้อนของสถานะผู้ป่วย คนไหนที่อาการหนักกว่าจะอยู่ในชั้นที่สูงกว่า”
“แล้วอาการของเด็กสามคนนั่นหล่ะ”
เมื่อเทพมือระเบิดเห็นว่าพวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปยังชั้น 18 เขาจึงมีคำถามบางอย่างขึ้นมาในหัว
‘ถ้าหากเด็กพวกนั้นอยู่ในชั้น 18 แล้วคนที่อยู่ชั้น 30 จะมีสภาพยังไง…’
สถานะของผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยคัดแยกพิเศษนั้นโดยปกติแล้วจะต้องปิดเป็นความลับ แต่ผู้อำนวยการหลีก็สามารถหาข้อมูลผ่านเส้นสายของเขามาได้ “เท่าที่ผมรู้มา สถานะของเด็กทั้งสามนั้น อยู่ในการควบคุมได้แค่เพียงสองคน แต่ก็ยังไม่แน่นอน ส่วนอีกคนนั้นแย่กว่า”
“ทางโรงพยาบาลรู้แล้วหรือยังว่าส่วนผสมของน้ำยาตัวนั้นมันคืออะไร” เทพมือระเบิดถาม
“พวกเขาให้เราเขียนสัญญาว่าจะปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับและให้เงินแก่ครอบครัวเป็นค่าตอบแทน พวกเขาไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมใดเลย แค่ปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ให้เราทำการรักษาเท่านั้น”
ผู้อำนวยการหลีส่ายหัว “ตามผลการรักษา ณ เวลานี้ ยาตัวนั้นไม่เพียงแค่ส่งผลต่อโครงสร้างเซลล์ มันยังทำลายประสาทอีกต่างหาก… พวกคุณจะเห็นสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อถึงหอผู้ป่วย…”
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ลิฟต์ก็ได้ขึ้นมาถึงชั้นที่พวกเขากดไว้ ผู้อำนวยการหลีเดินนำผ่านระเบียงทางเดินเข้าไปยังห้องที่อยู่ลึกสุด ภายในห้องมีเตียงอยู่ทั้งหมดสามเตียง และถูกแยกจากกันด้วยฉากกั้นซึ่งทำมาจากกระจก
หวังลิ่งเห็นเด็กผู้ชายสามคนซึ่งอายุประมาณเขา คนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงและปรบมือไม่ยอมหยุด อีกคนนั้นนอนตัวตรงเป็นเสาอยู่บนเตียง ส่วนอีกคนนั้นนอนคว่ำและมือดันพื้นเอาไว้
หวังลิ่งรู้สึกว่าโลกทัศน์ของเขาได้ถูกขยายขึ้น… มันมีคนเคยพูดว่าผู้ป่วยทางจิตนั้นมีความคิดที่ค่อนข้างกว้างไกลกว่าคนปกติและมันก็ถูกอย่างที่พวกเขาว่าไว้ ความสามารถในการอ่านใจอ่านความคิดนั้นแทบจะไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าสามคนนี้เหมือนกับคราวที่ไม่สามารถช่วยเหลือปู่ของเขาได้
ผู้อำนวยการหลีได้ชี้ไปยังผู้ป่วยคนแรก คนที่ปรบมือตลอดเวลา “คนไข้คนแรกนั้น หลังจากที่ได้รับน้ำยาตัวดังกล่าว เขาก็ประสาทหลอนคิดว่าตัวเองนั้นสามารถเรียกไฟศักดิ์สิทธิ์ได้”
เทพมือระบิดถามขึ้นเพราะเขายังคงมีอะไรสงสัยอยู่ “ทำไมเขาปรบมือไม่หยุดหล่ะ”
“นั่นก็เพราะว่าเขากำลังเลียนแบบการใช้วิชาดอกบัวไฟแห่งความโกรธ”
“…”
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าอยู่ภายใต้การควบคุม เพราะก่อนหน้านี้เขาจะตะโกนขึ้นมาว่า “ดอกบัวไฟแห่งความโกรธ” ตลอด…”
“…”
ผู้อำนวยการชี้ไปยังคนไข้รายถัดไป “คนไข้คนนี้ ได้รับผลข้างเคียงเป็นร่างกายไร้การตอบสนอง”
เทพมือระเบิดขมวดคิ้ว “เหมือนผู้ฝึกตนที่อยู่สภาวะผักใช่ไหม”
ผู้อำนวยการหลีพยักหน้า “คุณจะว่าอย่างนั้นก็ได้ เขาสามารถกินได้แต่อาหารนั้นจะต้องป้อนใส่ปากเขา แต่ที่แย่ที่สุดก็คือเขาไม่สามารถเคี้ยวได้ด้วย แต่ว่าหลังจากที่เราเปลี่ยนมาใช้วิธีการป้อนสารอาหารให้กับร่างกายโดยตรง เราก็เปลี่ยนสถานะของเขาลง”
“…”
“ส่วนคนไข้คนสุดท้าย…” ผู้อำนวยการหลีชี้ไปยังเด็กชายคนสุดท้ายที่นอนคว่ำอยู่ “ในบรรดาเด็กทั้งสามคน คนนี้ถือว่าเป็นคนที่ยาตัวนั้นได้ผล แต่พลังของเขานั้นค่อนข้างอ่อนแอเท่านั้นเอง”
“ทำไมเขาถึงต้อมนอนคว่ำก้มหน้าตลอดเวลา” เทพมือระเบิดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
ผู้อำนวยการหลีตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เขากำลังเลียนแบบสไปเดอร์แมน”
“…”
………………………………………………….
ไม่นานนักหลังจากที่หวังลิ่งและเทพมือระเบิดเดินตามผู้อำนวยการหลีเข้าไปยังตึกผู้ป่วยพิเศษ กระจกรถไมบาคก็ค่อยๆเลื่อนลงมาเผยให้เห็นลูกน้องตัวสูงของสองคิงชูนั่งอยู่ฝั่งคนขับ
เขาได้นั่งดูจนพวกหวังลิ่งเดินหายลับเข้าไปในตัวอาคารก่อนที่จะรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา “หัวหน้า หัวหน้าเดาถูกเรื่องนี้มันช่วยดึงความสนใจเจ้าพวกนั้นได้…”
สองคิงชูถอนหายใจด้วยความโล่งอก ‘คิดถูกแล้วจริงๆ ที่ส่งคนไปคอยสังเกตการณ์ไว้’
“แล้วพวกเราจะทำยังไงต่อดี” ลูกน้องตัวสูงถามขึ้น
“เจ้านายของเราพูดด้วยความมั่นใจว่าไม่มีทางที่คนนอกจะรู้เรื่องยาของเราได้ หลังจากนักบุญลำดับสามทรยศ เจ้านายก็กังวลว่าคนกลุ่มนี้จะเริ่มเคลื่อนไหว แต่ฉันก็ไม่คิดว่าพวกมันจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้! ตอนนี้เรามีด้วยกันทั้งหมดสองทาง หนึ่งกำกัดเด็กทั้งสามหรือสองกำจัดไอคนกลุ่มนั้น”
ลูกน้องตัวสูงรีบตอบกลับมาด้วยความกลัว “…หัวหน้า ด้วยความเคารพนะ ดูเหมือนว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าสองคนนั่น…”
“แม้ว่ากำลังพลของพวกเราจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน แต่10นักบุญก็ยังเหลืออีกตั้งเจ็ดคน ด้วยผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณ แค่คนเพียงสองคนทำไมจะจัดการไม่ได้?”
ลูกน้องตัวสูงตอบกลับมาด้วยเสียงอันเบาหวิว “แต่ว่าหนึ่งในสองคนนั้นคือ…เทพมือระเบิดนะครับ”
“…”
สองคิงชูนิ่งไปพักใหญ่แต่ภายในใจของเขากลับคิดว่า ‘นี่คุณมึงอีกแล้วหรอ?!!!’
เขารีบสงบสติตัวเองก่อนที่จะถามข้อมูลเพิ่มเติม “แล้วอีกคนนี่ใคร”
“เป็นเด็กผู้ชาย…ปกติแล้วเด็กคนนี้ก็จะไปไหนมาไหนกับเทพมือระเบิดตลอด แต่ดูเหมือนเทพมือระเบิดจะเคารพเด็กคนนี้มาก”
‘หือเด็กผู้ชายที่มากับเทพมือระเบิด??’
คราวก่อนที่พวกเขาเสียผู้นำฝีมือดีจาก10นักบุญไป ก็ด้วยคำว่า ”เด็กผู้ชาย” นี่แหละ แค่ได้ยินคำว่าเด็กผู้ชาย สองคิงชูก็รู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ… ‘อย่าบอกนะว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนคนเดียวกันกับเด็กที่อยู่ในบ้านของเทพมือระเบิดเมื่อตอนนั้น???’
เมื่อเขาวิเคราะห์เหตุการณ์ทั้งหมด มือเขาก็สั่นเทิ้มเพราะความหวาดกลัว
‘เขากลัวถึงขนาดนี้เลยหรือ?’