The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 161
ตอนที่ 161 ทรงผมมันควรจะต้องเรียบง่าย
สองสีไม่ได้อยากจะฆ่าเจ้าสองคนนี้ แต่พวกเขาดันบุกรุกเข้ามาในบ้านของครอบครัวหวังเจ้านายของมันเพื่อที่จะกระทําการก่อการร้ายบางอย่าง…ถ้าหากเจ้านายหวังสิ่งของเขารู้เข้าเขาคงรู้สึกไม่พอใจ ตั้งแต่แรกมันก็ไม่คิดจะไว้ชีวิตทั้งสองคนนี้อยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปากกาและยางลบปีศาจลูกสมุนของหวังสิ่งแทน
ชายในชุดสูททั้งสองนั้นโดนตรึงไว้อยู่กับที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้อย่างสิ้นเชิง และพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าสองพี่น้องที่อยู่ข้างหลังพวกเขาจะทําอะไรพวกเขา พวกเขากลัวจนถึงขั้นนี่รดกางเกง แต่โชคดีของพวกเขาที่คลื่นตรึงวิญญาณนั้นสามารถหยุดได้แม้กระทั่งฉี่ที่ออกมาจากเจ้าโลกของพวกเขา
แต่ถึงแม้ว่าจะสามารถตรึงได้ทุกส่วนของร่างกายแต่ก็ไม่อาจะหยุดการตัวสั่นจากความกลัวของพวกเขาได้
ปากกา “อยากฆ่าเขาไหม?”
ยางลบ “ไม่เอา ถ้าหากพวกเราฆ่าที่นี่เลือดต้องกระจายไปทั่วห้องนอนแน่ๆ นายน้อยอาจจะไม่ค่อยชอบใจนัก”
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ก็คงมีแค่เพียงทางเดียว…
ชายร่างกํายําทั้งสองมองไปยังห้องน้ําที่อยู่ภายในห้องของหวังลิ่ง และลากทั้งสองคนเข้าไป
ปากกา “โชคดีของพวกนายนะเนี่ย ที่นายน้อยของพวกเรานั้นเป็นคนค่อนข้างสะอาดเรียบร้อย พวกเราจะไม่ทําให้พวกนายเสียเลือดแม้แต่หยดเดียว”
ชายในชุดสูทถามกลับไปด้วยความกลัว “แล้วคุณจะทําอะไรพวกเรา?”
“ฮีฮี ทําอะไรงั้นเหรอ?”
ปีศาจยางลบหักข้อนิ้วมือของตัวเอง และเปิดฝาชักโครกขึ้นก่อนที่จะคว้าข้อเท้าของชายในชุดสูทคนหนึ่งขึ้นมา จากนั้นปล่อยร่างทั้งร่างลงไปในชักโครกและกดชักโครกอย่างรวดเร็ว ชายคนดังกล่าวโดนชักโครกดูดหายไปพร้อมกับเสียงชักโครกที่จบลง
หวังลิ่งได้ใช้วิชาประตูมิติบางอย่างลงไปในชักโครกโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าปลายทางของสิ่งนั้นจะไปโผล่ที่ไหน หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆว่า ถ้าหากปล่อยเจ้าสองคนนี้ลงไปพวกเขาจะหายไปจากโลกนี้อย่างถาวร
ชายในชุดสูทคนที่เหลือเหงื่อตกด้วยความหวาดกลัว “คุณ”
ปีศาจยางลบยกเท้าข้างนึงวางไว้บนขอบชักโครกและชี้ไปที่มัน “นายจะลงไปเองหรือจะให้เราจับยัดลงไป?”
“…..”
………………………
มันมีอะไรต่างๆเกิดขึ้นมากมายในวันพฤหัสนี้ เมื่อหวังลิ่งไปถึงโรงเรียนในตอนเช้า เสี่ยวหัวเฉิงก็กําลังแปะประกาศข่าวสารจากทางโรงเรียนด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก
“มันคือ?” กัวหาวอ่านประกาศแผ่นสีเหลืองเทานั่น
ประกาศอันนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเข้าค่ายฝึกทหารตอนกลางเดือน มันบอกถึงรายละเอียดสิ่งของที่จําเป็นต้องนําไป กัวหาวไล่อ่านไปเรื่อยๆจนไปสะดุดอยู่ตรงบรรทัดหนึ่งที่ทําให้ทุกคนต้องร้องออกมา
“มันคือเห้อะไรเนี่ย! พวกเราต้องโกนหัวเพื่อไปเข้าค่ายด้วยเรอะ?” เช็นเฉาไม่ถูกใจสิ่งนี้ สําหรับเขาการไว้หน้าม้าของเขานั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นอะไรที่ทําใจลําบากถ้าจะให้โกนมันทิ้งไปหมดเลย! แล้วทําไมพวกผู้หญิงถึงได้รับข้อยกเว้นกันหล่ะ?!
เช็นเฉารู้สึกไม่พอใจในความไม่เท่าเทียม
กัวหาวพูดด้วยน้ําเสียงเคร่งขรึม “ทุกคนใจเย็นก่อน ไม่ต้องไปพูดถึงความเท่าเทียม ฉันขอถามหน่อยว่าระหว่างผมหน้าม้ากับหนังหุ้มอวัยวะเพศอะไรสําคัญกว่ากัน?” [บางครั้งก็ไม่ค่อยเก็ตมุขของผู้แต่งนะ ผู้แปล]
นักเรียนชายทุกคนในห้องต่างนิ่งเงียบไม่มีคําตอบใดออกมา
เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบกัวหาวจึงหยักหน้าและพูดออกมา “นั่นไง…ที่จริงแล้วผมสั้นมันก็ไม่ได้แย่ อีกอย่างเมืองซ่งไห่ก็เข้าสู่หน้าร้อนแล้ว มันจะรู้สึกดีขึ้นถ้าพวกเราโกนหัว! สมัยก่อนฉันก็ชอบไว้หน้าม้านะ แต่หลังจากที่ได้คิดอะไรหลายๆอย่าง ฉันก็เข้าใจว่ามันไม่สําคัญหรอกว่าจะไว้ผมทรงไหน ขึ้นอยู่กับตัวเราเองนี่แหละที่จะฝันฝ่าอุปสรรคไปได้หรือเปล่า!”
การตัดผมนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกสําหรับหวังลิ่งเพราะเขาเคยไว้หน้าม้ามาก่อน แต่สําหรับเขามันต่างออกไปเพราะเขาสามารถจะไว้หน้าม้าเมื่อไรก็ได้ เพราะเขาสามารถเร่งการเจริญเติมโตของเส้นผมได้
การรวบรวมพลังวิญญาณไปที่จุดจุดเดียวนั้น สําหรับคนที่มีระดับแก่นแท้ปราณทองคําสามารถทําได้หมด ด้วยเหตุนี้ผมของหวังสิ่งจึงยาวเร็วกว่าคนทั่วไป
เพราะเขาเคยมีช่วงเวลาหนึ่งที่เขาเปลี่ยนทรงผมไปหลายทรงก่อนที่เขาจะคิดได้ว่า
ทรงผมนั้นไม่ใช่สิ่งสําคัญ มันสําคัญที่ว่าคุณนั้นหน้าตาดีแค่ไหนต่างหาก
และเพราะเหตุนั้นเอง จนถึงปัจจุบันหวังสิ่งจึงตัดผมสั้นธรรมดาตลอด
เขาอ่านประกาศเสร็จจึงเอามือลูบหัวตัวเอง
‘รู้สึกว่าผมจะเริ่มยาวแล้วสิ’
……………………………….
หลังเลิกเรียนหวังลิ่งไปยังร้านตัดผมเล็กๆราคาถูกร้านหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเล็กแต่อุปกรณ์ภายในร้านก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือมีราคาพิเศษสําหรับนักเรียน
แน่นอนว่ามันมีร้านตัดผมอื่นที่ใหญ่กว่าดูดีกว่า แต่ราคาของมันก็แพงตามไปด้วยจนหวังลิ่งไม่สามารถจ่ายไหวด้วยเงินค่าขนมอันมีจํากัดของเขา และผมทรงนักเรียนสั้นของเขานั้นไปตัดที่ไหนก็คงจะเหมือนกัน
เขาจึงเดินเข้าร้านตัดผมที่ชื่อว่า “Alice” ไป
เมื่อเขาก้าวเข้ามาในร้าน เสียง วื้อออออ ของไดเป่าผมก็ดังเข้าหูของเขา
เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนไว้ผมทรง slicked-back (ผมสั้นปาดไปข้างหลัง มองไม่เห็นภาพสามารถเสิร์ชอาได้เลยครับ) ใบหน้าของเขาค่อนข้างอ้วนนิดนึงและสวมแว่นตากรอบเหล็ก เมื่อเขาเห็นหวังสิ่งเขาก็ยิ้มให้กับหวังสิ่ง “มีช่างประจําไหมพ่อหนุ่ม?”
หวังลิ่งเงียบไปครู่นึ่งก่อนที่จะส่ายหัว
นัยน์ตาของเจ้าของร้านส่องแสงวิบวับเพราะเขาเห็นโอกาสเสนอขายของ “พ่อหนุ่ม พวกเรามีช่างฝีมือดีราคาสามสิบหยวน ระดับผู้ดูแลหกสิบหยวน และหัวหน้าทีมช่างตัดผมราคาหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน แต่เดี๋ยวก่อนถ้าหากคุณซื้อบัตรสมาชิกตอนนี้และเติมเงินเข้าบัตรห้าร้อยหยวน คุณจะสามารถใช้มันลดค่าบริการของหัวหน้าทีมช่างตัดผมได้ถึงเก้าสิบเปอเซนต์ หรือในราคาเพียงสิบห้าหยวน!”
หวังลิ่งส่ายหัวอีกครั้ง เขากวาดสายตาไปรอบๆและพบกับเด็กหนุ่มคนนึง
เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นผู้ช่วยไว้ผมทรง quiff (ผมสั้นเซ็ตผมตั้งปาดไปข้างหลังและหน้า) เขากําลังยืนอยู่ข้างคุณป้าที่กําลังดัดผมอยู่
“ คนนั้นเป็นใคร?” เสียงของหวังลิ่งดังขึ้นในหัวของเจ้าของร้านทําให้เขาตกใจเล็กน้อย
แต่เจ้าของร้านดูเหมือนจะตั้งสติกลับมาได้ไว
ร้านของเขานั้นลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่คนธรรมดา แม้จะเป็นนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมแรกเริ่มลมปราณ พวกเขาก็จะไปเลือกใช้บริการร้านที่ใหญ่กว่าซึ่งอยู่ข้างๆ ดังนั้นการปรากฏตัวของหวังลิ่งและการแต่งกายทําให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
ผู้ฝึกตนนั้นส่วนใหญ่จะต้องร่ํารวยสิ! พวกเขาใช้แต่ของฟุ่มเฟือยและใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย..พวกเขาสามารถใช้เงินหลายล้านหยวนเพียงเพื่อสายชาจโทรศัพท์
เจ้าของร้านรู้สึกดีใจและเริ่มต้นอธิบาย “เด็กคนนั้นเป็นเด็กใหม่ของทางร้าน แต่ก็ไม่มีลูกค้าคนไหนกล้าให้เขาตัดผมให้ สําหรับตอนนี้เขากําลังฝึกทําวิกผมอยู่ แต่ถ้าหากเธอสมัครสมาชิกวันนี้ ฉันจะให้อาจารย์ของเด็กคนนั้นเควินเป็นคนตัดผมของเธอให้! เขาเป็นช่างตัดผมระดับต้นๆของทางร้านเราเลยนะ!”
“ยังไงผมก็ต้องจ่ายตังงั้นหรอ?”
หวังลิ่งเลิกคิ้วขึ้นในขณะที่ส่งคําพูดผ่านทางความคิดไป
“ พ่อหนุ่ม ตราบใดที่เธอที่บัตรสมาชิก ค่าตัดผมของเควินก็จะเหลือสิบห้าหยวนเช่นกันนะ”
หวังลิ่งส่ายหัวและหันไปทางเด็กหนุ่มฝึกหัดของทางร้านและพูดทางโทรจิตอีกครั้ง “ผมหมายถึงสําหรับคนนั้น…”
เจ้าของร้านรู้สึกงุนงงกับคําถามเขาแต่เขาก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ “ถ้าหากเป็นช่างฝึกหัด…ไม่มีค่าใช้จ่าย”
หวังลิ่งพยักหน้าและชี้ไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น “ผมเลือกคนนั้นแหละ!”