The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 182
ตอนที่ 182 กางเกงบ็อกเซอร์ล… เจียงหลิวเย: “มันเป็นกลุ่มผู้ชายที่ชอบแต่งตัวด้วยชุดผู้หญิงและมีบางคนยังได้รับคําชมว่าสว ยกว่าผู้หญิงอีก”
จอมมารกัวผี: “ ” “นี่เราไม่ได้ออกมาเจอโลกภายนอกกว่าพันปี โลกมันดูน่ากลัวขึ้นขนาดนี้เลยเรอะ?”
ยังคงเป็นเวลา 10 โมงเช้าของวันที่ 8 มิถุนายน
ในขณะที่อาจารย์ดังยังคงสอนนักเรียนอยู่ในวิชาของเขา อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่ใช้เวลาพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บมาสามวัน เจียงหลิวเย่คิดว่าเธอใช้เวลารักษาตัวน้อยกว่าที่เธอคิดเอาไว้
เมื่อเธอออกมาจากห้องใต้ดิน แสงจากดวงอาทิตย์ก็สาดส่องลงมากระทบใบหน้าเธอเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา
เธอรู้ดีว่าตอนนี้บรรดานักฆ่าต่างกําลังตามหาตัวเธออยู่…เธอจําเป็นต้องระวังตัวจากหนึ่งนิ้วสีเทาเป็นพิเศษ ถ้าหากเธอถูกจัดการ บรรดานักฆ่าที่อยู่อันดับล่างเธอจะถูกเลื่อนขึ้นมาหนึ่งระดับ
แต่อย่างไรก็ตามการที่จะตามหาตัวเธอนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ห้องใต้ดินนี้เป็นสถานที่ลับซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองจิงหัว
มันเคยเป็นลานจอดรถใต้ดินของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างมาก่อน เมื่อเจ้าของร้านและน้องสะใภ้ของเขาหนีตามกันไปพร้อมเงินก้อนหนึ่ง ทางผู้จัดการเรื่องทรัพย์สินที่ดินก็ทําการปล่อยให้เช่าพื้นที่ตรงนี้ หลังจากทราบข่าว เจียงหลิวเย่จึงตัดสินใจเช่าที่แห่งนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่ฝึกลับของเธอ โดยการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า50ปีรวดเดียว
เธอคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ผู้ฝึกตนนั้นมักจะเลือกสถานที่ฝึกวิชาลับของพวกเขาและส่วนใหญ่พวกเขาเลือกที่จะใช้ “ดวงตาวิญญาณ” เจ้าสิ่งนี้ทําหน้าที่เหมือนกับเครื่องกําเนิดพลังวิญญาณ เพียงแต่มันมีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องผลิตพลังวิญญาณ ตรงที่มันจะทําการปล่อยพลังวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเหมาะแก่สถานที่ฝึกวิชาลับของพวกเขา
และสําหรับผู้ฝึกตนบางคนที่ไม่ชอบเจ้าดวงตาวิญญาณ พวกเขาจะเชิญผู้วิเศษมาทําการปลุกเสกสถานที่หรือก็คือทําการเสริมฮวงจุ้ยนั่นเอง และเมื่อพวกเขาได้สถานที่ฝึกวิชาลับแล้วพวกเขาจะทําทุกวิถีทางเพื่อป้องกันสถานที่แห่งนั้นจากการรบกวน
แต่การที่เจียงหลิวเย่เลือกห้างร้างนั้น เธอไม่แม้แต่จะติดตั้งดวงตาวิญญาณหรือทําการเสริมฮวงจุ้ย..เธอต้องการแค่ความเงียบสงบและไม่เป็นจุดสนใจ ใครจะคิดว่าหัวหน้าขององค์กรเงาสายธารจะเลือกอาศัยอยู่ในรูเช่นนี้
แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอจําเป็นต้องทําก็คือเร่งกู้คืนพลังของเธอกลับมาให้ไวที่สุด
แม่น้ําที่เขตชานเมืองจิงหัวนั้นได้ถูกใช้เป็นที่ทิ้งของเสียจากเมืองจิงหัว ที่นี่มีระบบบําบัดน้ําเสียเพื่อที่จะนําน้ําเหล่านั้นหมุนเวียนกลับไปใช้อีกครั้ง
เจียงหลิวเยู่ที่รีบเร่งมายังสถานที่แห่งนี้แต่กว่าเธอจะมาถึงมันก็เป็นเวลาบ่ายโมงเสียแล้ว ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดในเมืองจิงหัว จึงทําให้แม่น้ําแห่งนี้ส่งกลิ่นเหม็นออกมามากเป็นพิเศษยากที่จะมีใครสักคนเข้ามาใกล้แม่น้ําแห่งนี้
“ที่นี่สินะ”
หลังจากที่เธอนําหน้ากากผีดิบออกมาจากกล่องหิน เธอได้ฝากให้น้องสาวของเธอเจียงหลิวหยิง น้ํามันมาผนึกไว้ยังที่แม่น้ําแห่งนี้ เพื่อหาโอกาสที่จะได้ใช้งานมันในภายภาคหน้า
เธอได้ใช้วิชาจมูกเต่าในขณะที่ยืนอยู่ข้างแม่น้ําอันเน่าเหม็นแห่งนี้ มันมีกลิ่นที่เหม็นมากหากเธอไม่ได้เตรียมตัวมาดี เธอคงสลบไปตั้งแต่ที่ได้กลิ่นของมันแล้ว เพราะผู้ฝึกตนนั้นจะมีประสาทสัมผัสทั้งห้าดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป
เธอยกมือขึ้นและยิงลําแสงพลังวิญญาณออกจากนิ้วมือของเธอตรงไปยังแม่น้ํา
เมื่อตอนที่น้องสาวของเธอนําหน้ากากผีดิบมาผนึกไว้ยังแม่น้ําแห่งนี้ เจียงหลิวเยู่ได้ตั้งกลไกบางอย่างไว้ ผนึกจะตอบสนองต่อพลังวิญญาณของเธอเท่านั้น
หลังจากปล่อยลําแสงพลังวิญญาณลงไปในแม่น้ําผิวน้ําก็เริ่มสั่นไหว
น้ําในแม่น้ํากระเพื่อมก่อนที่จะผุดขึ้นมาเหมือนบ่อน้ําพุ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุดที่ลําแสงพลังวิญญาณส่องลงไป เจียงหลิวเย่เห็นถุงบางอย่างในน้ําลางๆ ซึ่งเธอจําได้ว่าเธอเป็นคนน้ําหน้ากากใบนั้นใส่ไว้ในถุงกันน้ํา
เธอโบกมือเพียงครั้งเดียว ถุงใบนั้นก็บินมาหาเธอในทันที
หลายปีก่อน เธอได้หน้ากากผีดิบนี้มาจากโจรขุดสุสาน และนั่นทําให้เธอมีโอกาสที่จะลืมตาอ้าปากในโลกผู้ฝึกตน
มีข่าวลือต่างๆมากมายเกี่ยวกับหน้ากากใบนี้ แต่เจียงหลิวเย่นั้นเป็นคนที่ระมัดระวังตัว เธอไม่เคยตกเป็นเหยื่อของความโลภ แต่ในตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว…เธอไม่มีทางเลือก
เธอค่อยๆแกะเชือกที่มัดถุงออก ทันใดนั้นเองก็มีควันดําลอยออกมาจากถุง มันกระจายตัวไปบนอากาศและมีเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายออกมาจากกลุ่มควันนั่น “ว่าไงสาวน้อย หลังจากที่เธอทิ้งฉันไว้ในแม่น้ํานี่ ฉันคิดว่าเธอจะลืมฉันไปเสียแล้วมันเป็นเวลาหลายปีเลยนะ…ทําไมเธอดูโทรมขนาดนี้หล่ะ? ไปเผชิญกับอะไรมาหล่ะ?”
“สถานการณ์ในตอนนี้ ฉันเหลืออะไรไม่มากนัก” เจียงหลิวเยู่พูดด้วยเสียงเบาหวิว
“ถ้าหากมันจะเป็นแบบนี้ เธอควรจะร่วมมือกับฉันเสียตั้งแต่แรก ถ้าหากเธอยอมตั้งแต่ตอนนั้นเธอคงไม่ต้องมาเผชิญอะไรแบบนี้” หน้ากากผีดิบในควันดําหัวเราะออกมาไม่หยุด “แล้วเธอคิดมันออกหรือยัง? เธอควรจะร่วมมือกับฉันแล้วนะตอนนี้”
เจียงหลิวเย: “ในอดีต คุณจอมมารหาทางที่จะแก้วิชากักขังวิญญาณจอมมาร แต่สุดท้ายดันพลาดโดนขังเสียเอง การร่วมมือนี้มันก็ไม่ต่างกันจากที่คุณต้องการความช่วยเหลือหรอก”
จอมมารกัวผี: “เธอ!! เธอไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
มีเสียงร้องโหยหวนออกมาจากหน้ากากด้วยความอับอาย
เจียงหลิวเย: “เรื่องของคุณจอมมารแน่นอนว่ามันถูกบันทึกอย่างดีไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์มีการเรียนการสอนการสอบในทุกๆปี”
จอมมารกัวผี: “…”
หลังจากเงียบอยู่ครู่ใหญ่ เจียงหลิวเย่ก็ลืมตาขึ้น “มันมีสิ่งหนึ่งที่ฉันยังไม่เข้าใจ…ในโลกผู้ฝึกตนมีผู้คนมากมายที่มีโอกาสได้ครอบครองหน้ากากใบนี้ ทําไมคุณจอมมารถึงไม่ยอมร่วมมือกับพวกเขา?”
“ฮิๆ แล้วไงหล่ะ? ฉันจะไม่ยอมทํางานร่วมกับคนที่เข้ากับฉันไม่ได้หรอกนะ ในรอบร้อยปีที่ผ่านมาเธอเป็นคนแรกที่ไม่สนใจที่จะฟังแม้แต่ข้อเสนอของฉันและผนึกฉันลงในแม่น้ําแห่งนี้”
จอมมารกัวผีส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันสามารถช่วยเธอสมหวังได้สองอย่าง แต่ข้อแม้ก็คือเธอจะต้องให้ฉันยืมร่างเป็นการชั่วคราว ซึ่งระหว่างที่ฉันยืมร่าง ดวงวิญญาณของเธอจะต้อง ติดอยู่ในหน้ากากผีดิบ”
“เปลี่ยนวิญญาณงั้นหรือ?” เจียงหลิวเขมวดคิ้ว
“มันเป็นเพียงทางเดียวเท่าที่ฉันคิดออกในตอนนี้ แน่นอนว่าเธอสามารถเชื่อใจฉันได้ ฉันไม่ทิ้งเธอไว้ในนั้นหรอก หลังจากที่ฉันหาร่างกายที่เหมาะกับฉันได้แล้ว ฉันจะคืนร่างนี้ให้แก่เธออย่างแน่นอน”
“ดิฉันเชื่อในตัวคุณจอมมารอยู่แล้วค่ะ” เจียงหลิวเยู่หัวเราะแห้ง เพราะเธอเสียไปหมดแล้วทุกสิ่ง “และฉันก็เชื่อว่าระดับคุณจอมมาร คุณคงไม่อยู่ในร่างของผู้หญิงไปตลอดหรอกแม้ว่าปัจจุบันการครอสเดรส (Cross-dressing ) จะเป็นเรื่องปกติแล้วก็ตาม…”
“ครอสเดรสสั้นหรือ? มันคืออะไร?” จอมมารกัวผีซึ่งไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมาเป็นระยะเวลานาน เขารู้สึกไม่เข้าใจกับศัพท์ใหม่ที่เขาพึ่งจะได้เรียนรู้
เจียงหลิวเย: “มันเป็นกลุ่มผู้ชายที่ชอบแต่งตัวด้วยชุดผู้หญิง และมีบางคนยังได้รับคําชมว่าสวยกว่าผู้หญิงอีก”
จอมมารกัวผี: “ ” “นี่เราไม่ได้ออกมาเจอโลกภายนอกกว่าพันปี โลกมันดูน่ากลัวขึ้นขนาดนี้เลยเรอะ?”