The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 521
The Dark King – Chapter 521 ตายอนาถ
ลูน่าเงยหน้าขึ้นมาเมื่อพวกเขาทั้งหมดอยู่ห่างจากพื้นที่เขตสีส้มประมาณ 35 ไมล์
ทุกคนที่กำลังตามเธออยู่ก็หยุดเดินในเวลาเดียวกัน เอียนหันไปหาลูน่าและพูดออกมาเบาๆว่า “มีอะไรหรอ?”
“กลิ่นเลือด…” ลูน่าสูดดมไปบนอากาศ เธอขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “มันลอยมาจากทิศ 10 นาฬิกา ดูเหมือนว่าจะเป็นกลิ่นเลือดของมนุษย์”
“มนุษย์หรอ?” คนอื่นๆในทีมต่างก็สงสัย
ยูจินถามกลับมาเบาๆว่า “ด้านหน้าเรายังมีทีมอื่นอีกหรือเปล่า?”
“อาจจะเป็นไปได้” เอียนครุ่นคิดและหันไปถามลูน่า “เธอได้กลิ่นของสัตว์ร้ายตัวไหนอีกหรือเปล่า?”
“มันมีกลิ่นที่เหมือนกับกลิ่นคาวและความเปียกแฉะ.. อาจจะมาจากสัตว์ร้ายสักตัว” ลูน่าตอบกลับมา
เอียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามต่อไปว่า “พวกเราต้องไปตรวจสอบดู”
ทุกๆคนในทีมต่างก็หันมามองหน้ากัน ไม่มีใครคัดค้านหรือพูดอะไรออกมาดังนั้นทุกๆคนจึงไปยังทิศทางที่ลูน่าพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้
เทียนใช้การมองเห็นตรวจจับความร้อนของเขาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ มีเพียงพวกหนูหรือสัตว์ตัวเล็กๆเท่านั้นที่หลบซ่อนอยู่ภายในซากปรักหักพังแต่ไม่มีสัตว์ร้ายระดับสูงเลย
ประมาณ 10 นาทีพวกเขามาถึงสถานที่ที่ลูน่าได้พูดถึงก่อนหน้านี้ พวกเขามาถึงจัตุรัสที่กว้างใหญ่ที่ถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยอาคารที่พังทลายลงมา ส่วนของอาคารที่เป็นคอนกรีตต่างก็ถูกลมและฝนกัดเซาะไปเป็นจำนวนมาก
กลิ่นของเลือดลอยมาจากตรงกลางของจัตุรัสแห่งนี้ พวกเขาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบว่าไม่มีสัตว์ร้ายที่ซุ่มโจมตีอยู่จากนั้นก็เดินเข้าไปในจัตุรัส เทียนเห็นศพของชายคนหนึ่งที่สวมชุดเกราะของตระกูลดราก้อน ศีรษะท่อนบนตั้งแต่ดวงตาขึ้นไปของชายคนนี้ได้หายไปแล้ว สมองของเขาไหลลงมากองอยู่บนพื้นขณะที่หน้าอกของเขามีรอยแผลขนาดใหญ่
สีหน้าของทุกๆคนเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้เห็นศพที่นอนอยู่บนพื้น
เทียนขมวดคิ้วขณะที่เขาเห็นบาดแผลบนหน้าอกของศพ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้จะถูกฆ่าตายประมาณ 20 นาทีก่อนหน้านี้ เขารีบหันไปตรวจสอบรอบๆและเห็นรอยเล็บขนาดใหญ่ที่ข่วนทิ้งเอาไว้บนพื้นมากมาย มีรอยเล็บที่อยู่บนรถยนต์ที่ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยตะไคร่น้ำและบนผนังของซากปรักหักพังที่อยู่บริเวณโดยรอบ
มาร์ตินนั่งลงและหยิบป้ายชื่อที่อยู่บนแขนของศพมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีขณะที่เขาพูดออกมาเบาๆว่า “นี่คือทอมมี่จากทีมที่ 5 ”
รูบี้รู้สึกประหลาดใจ “ทอมมี่? เขามาตายที่นี่ได้ไง? พวกเรายังไม่ถึงแดนรกร้างด้วยซ้ำ!”
เอียนมองไปที่ศพจากนั้นก็หันมองไปรอบๆ เขาดูเป็นกังวลอย่างมากในขณะที่พูดออกมาเบาๆว่า “สัตว์ร้ายตัวนี้น่าจะตามเขามาจากแดนรกร้างและจัดการเขาที่นี่ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำทอมมี่ถึงถูกฆ่าตายที่นี่”
ลูน่ามองมาที่เทียน “นายเห็นอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีเลย” เทียนตอบกลับมา
ลูน่ามองไปที่เอียน “พวกเราไม่ควรอยู่ที่นี่นานนัก ต้องรีบออกไปเดี๋ยวนี้”
เอียนพยักหน้าขณะที่เขามองไปยังศพที่อยู่บนพื้น เขาถอนหายใจพร้อมกับพูดว่า “โรสแมรี่เผาศพของทอมมี่ซะ อย่าให้เหลือไว้เป็นอาหารของพวกสัตว์ร้าย”
“ได้ค่ะ” โรสแมรี่หยิบขวดน้ำมันออกมาจากกระเป๋าของตนเองและกำลังราดลงไปบนศพแต่เทียนก็รีบห้าม “อย่า”
ทุกๆคนหันมามองเขาทันที
เทียนคู่ต่อไปว่า “เขาเพิ่งจะตายไป หมายความว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ยังไม่ได้ไปไหนไกล บางทีการจุดไฟขึ้นมาอาจจะทำให้มันหันมาสนใจที่นี่อีกครั้งก็ได้”
“พวกเรามีตั้ง 7 คน ถ้าการจุดไฟขึ้นมาทำให้สัตว์ร้ายตัวนั้นหันมาสนใจก็ดีแล้วพวกเราจะได้แก้แค้นให้กับทอมมี่! นายกลัวหรือไง?” รูบี้กำลังโกรธ
ยูจินก็พูดขึ้นมาว่า “ที่เทียนพูดมาก็มีเหตุผลนะ แม้ว่าพวกเราจะจัดการกับสัตว์ร้ายตัวนั้นได้แต่ก็คงต้องบาดเจ็บล้มตายแน่นอน มันจะคุ้มจริงๆหรอ?”
โรสแมรี่อยากจะพูดอะไรออกมาแต่เอียนก็ยกมือของตนเองขึ้นมาเพื่อหยุดการโต้เถียงครั้งนี้ เขาพูดขึ้นมาว่า “เทียนพูดถูก พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่”
มาร์ตินและคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึงไม่ได้ยินคำพูดของเอียน พวกเขาหันไปมองรอบๆและโรสแมรี่ก็เก็บขวดน้ำมันของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋า ทุกๆคนรีบออกจากที่นี่ไปทันที
ไม่นานหลังจากที่ทุกๆคนออกไปก็มีแสงสีแดงเข้ม 2 ดวงที่ปรากฏขึ้นมาจากซากอาคารที่ถล่มลงมา
…
…
“สัตว์ร้ายตัวนี้ฆ่าทอมมี่แต่ไม่ได้กินเขา บางทีมันอาจจะแค่ฆ่าทอมมี่เพราะความโกรธเฉยๆ” มาร์ตินพูดออกมาเบาๆขณะที่เขามองไปที่เอียนแต่ทุกๆคนก็ได้ยินด้วยเหมือนกัน
เอียนพยักหน้า “ปกติแล้วสัตว์ร้ายระดับสูงจะมีอาณาเขตของตนเองและมันจะไม่ยอมให้สัตว์ร้ายตัวอื่นเข้ามาในอาณาเขตของตนเอง นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากที่มีสัตว์ร้ายไล่ตามทอมมี่จนมาถึงที่นี่”
“ใช่” มาร์ตินหรี่ตาของเขาลง “มันจะต้องเป็นสัตว์ร้ายที่ล่าสัตว์ร้ายตัวอื่นๆเป็นอาหาร เมื่ออาหารของมันไม่เพียงพอทำให้มันต้องออกมาจากอนาเขตของตนเอง”
“หวังว่าพวกเราจะไม่ต้องเจอกับมันนะ” เอียนมองมาที่เทียน “โชคดีที่นายคิดได้ทันไม่อย่างนั้นแล้วพวกเราอาจจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่ก็เป็นได้”
เทียนยิ้มออกมาเมื่อเขาเห็นว่าเอียนกล่าวชื่นชมเขา เขาสังเกตเห็นว่าในตอนที่พวกเขาได้เข้าไปในจัตุรัสแห่งนั้นการต่อสู้เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน นี่แสดงให้เห็นว่าสัตว์ร้ายที่ฆ่าทอมมี่จะต้องแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมากที่สัตว์ร้ายตัวนี้ยอมให้ทอมมี่หนีออกมาจากแดนรกร้างได้ เทียนกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ บางทีสัตว์ร้ายตัวนี้อาจจะใช้ทอมมี่เป็นเหยื่อล่อให้คนอื่นเข้ามาที่นี่
บางทีสัตว์ร้ายตัวนั้นอาจจะไล่ต้อนทอมมี่ให้เข้ามาในอาณาเขตของมันเพื่อที่มันจะได้ฆ่าทอมมี่ในอาณาเขตของตนเอง
ถ้าสิ่งที่เขาคิดเป็นจริงนั่นหมายความว่าสัตว์ร้ายตัวนี้มีสติปัญญาที่ฉลาดมาก!
สิ่งเดียวที่มนุษย์ได้เปรียบสัตว์ร้ายนั่นก็คือความฉลาด เมื่อมนุษย์เผชิญกับสัตว์ร้ายที่ทรงพลังมากกว่าก็สามารถใช้สติปัญญาที่มีคิดหาวิธีการเอาชนะต่างๆได้แต่มันพลิกหน้ามือเป็นหลังมือทันทีถ้าหากว่าสัตว์ร้ายตัวนั้นก็มีสติปัญญาเหมือนกัน!
…
…
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้มาถึงแดนรกร้าง
เทียนและยูจินคงไม่รู้ว่าพวกเขาได้มาถึงแดนรกร้างแล้วถ้าหากว่าเอียนไม่บอก พื้นที่ของแดนรกร้างนั้นไม่ได้แตกต่างจากพื้นที่ด้านนอกกำแพงยักษ์เลย ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพังมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีอาณาเขตที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าที่นี่คือแดนรกร้าง
“ตรงนี้คือขอบเขตของผงเทพแมลง ยิ่งสัตว์ร้ายระดับสูงมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหวาดกลัวต่อกลิ่นของผงเทพแมลงมากขึ้นเท่านั้น พวกมันจะไม่สามารถผ่านเข้ามาที่นี่ได้” เอียนอธิบายให้เทียนและยูจินได้เข้าใจ
เทียนเคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว เขาลองสูดอากาศดูและได้พบกับสิ่งที่แปลกประหลาด ความรู้สึกแรกคือมันเหม็นแต่จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันหอมอย่างแปลกประหลาด หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นนี้ไม่ได้รบกวนเขาเลย
ทันใดนั้นเทียนก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นบนแขนข้างซ้ายของเขา มันรู้สึกราวกับว่าโรคเกล็ดเลือดน้ำแข็งบนแขนซ้ายของเขากำลังจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง