The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 539
The Dark King – Chapter 539 ศพที่ว่างเปล่า
นี่เป็นครั้งแรกที่เทียนได้เห็นคนของตระกูลแฟเทอร์ หลังจากที่เขาได้เห็นความร้อนภายในร่างกายของชายหนุ่มคนนี้ก็ทำให้เขาต้องยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ความร้อนในร่างกายของชายหนุ่มคนนี้ที่เขาเห็นนั้นรุนแรงราวกับกองไฟขนาดใหญ่ — มันไม่ได้ด้อยไปกว่าของเฮลี่ย์เลย เห็นได้ชัดว่าต่างคนนี้ต้องเป็นผู้บุกเบิกของตระกูลแฟเทอร์อย่างแน่นอน!
เขานึกถึงเพรชฆาตเงาอสูรที่อยู่ด้านหลังของตนเองและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ถ้าผมจำไม่ผิดคุณคือนักรบของตระกูลแฟเทอร์ใช่ไหมครับ?” สีหน้าของเอียนดูผิดหวังเล็กน้อย เขาค่อยๆเดินถอยหลังเข้าไปหาศพของเพรชฆาตเงาอสูรที่อยู่ด้านหลังของทุกๆคนและพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “คุณกล้าเข้ามาในเขตแดนรกร้างของตระกูลดราก้อนของพวกเราได้ยังไง? ผู้บุกเบิกของตระกูลดราก้อนของพวกเรากำลังมาที่นี่ผมแนะนำว่าให้คุณถอยกลับไปจะดีกว่า!”
ชายหนุ่มของตระกูลแฟเทอร์เงยหน้าขึ้นมามองเอียนช้าๆด้วยดวงตาสีเขียวเข้มของเขา เขาไม่ได้สนใจเอียนและมองไปที่ถ้ำที่อยู่ด้านหลังของทุกๆคน ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะรู้ว่ามีอะไรบางอย่างที่อยู่ภายในความมืดนั่น ดวงตาของเขาเริ่มเป็นประกายขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลายเป็นสีหน้าที่ดูสงสัย เขาหันมามองเอียนอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะถามขึ้นมาว่า “นายเป็นคนฆ่าเพรชฆาตเงาอสูรตัวนี้หรอ?”
สีหน้าของทุกๆคนเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาถืออาวุธของตนเองเอาไว้แน่นและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
“มันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฆ่าเพรชฆาตเงาอสูรได้ด้วยความแข็งแกร่งเพียงน้อยนิดของพวกเขา” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มออกมา ปีกค้างคาวขนาดใหญ่พับเก็บและหายเข้าไปในหลังของเขา มันดูเหมือนกับโล่สีดำขนาดใหญ่ที่อยู่บนหลังของเขา
เขาเดินเข้าไปในถ้ำโดยไม่สนใจทุกๆคน
เทียนเดินถอยออกมาเป็นคนแรก เขาไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับชายหนุ่มคนนี้เลย
สีหน้าของเอียนและคนอื่นๆเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาไม่คิดว่าเทียนจะยอมถอยออกไป หรือว่าเทียนตั้งใจให้พวกเขาเข้าไปปะทะกับชายหนุ่มคนนี้ก่อน? ทุกๆคนเริ่มคิดในใจแต่ก็ไม่มีใครที่ถอยออกไปเหมือนกับเทียน เพราะการถอยออกไปมันหมายความว่าพวกเขาสละสิทธิ์โอกาสที่จะได้รับสัญลักษณ์เวทย์มนต์ของสัตว์ร้ายในตำนานไปแล้ว
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” เอียนพูดออกมาทันที
ชายหนุ่มคนนั้นยังคงเดินตรงไปที่ถ้ำอย่างสงบนิ่งราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของเอียน
รูบี้ก็ยืนอยู่ด้วยความตึงเครียดและความกังวลพร้อมกับกลืนน้ำลายของตนเอง เขากำหมัดแน่นพร้อมกับครุ่นคิดจากนั้นก็ตัดสินใจเดินถอยออกไปเหมือนกับเทียน
“โจมตีได้!” เอียนร้องตะโกนออกมา
มาร์ตินวิ่งไปอย่างรวดเร็วจนดูราวกับว่าร่างของเขาแบ่งออกเป็น 3 คนขณะที่เขาโจมตีไปที่ชายหนุ่มคนนั้น
รูบี้หน้าซีดขึ้นมาเล็กน้อย เขารู้ดีว่ามาร์ตินใช้พลังทั้งหมดของตนเองในตอนนี้
ฉัวะ!
เสียงของเนื้อที่ถูกของมีคมตัดผ่านดังขึ้นมาจากนั้นเลือดก็เริ่มไหลออกมา รูบี้และเทียนสามารถมองเห็นศีรษะของมนุษย์ที่กระเด็นออกมาได้อย่างชัดเจน ศีรษะนั้นกระเด็นลงมาที่พื้นพร้อมกับกลิ้งไปประมาณ 4-5 เมตรท่ามกลางความประหลาดใจของทุกๆคน — มันเป็นศีรษะของมาร์ติน
ทุกคนรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
เทียนอยู่ในความตกตะลึง แล้วว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ผู้บุกเบิกธรรมดาแน่นอนแต่เขาก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเหี้ยมโหดขนาดนี้ แผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นเยียบและร่างกายของเขาแข็งทื่อ ความรู้สึกในตอนนี้มันเหมือนกับกบที่โดนงูจ้องมองเอาไว้จนกบตัวนั้นตายไปเอง
ทุกๆคนต่างก็ยืนนิ่งพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มของตระกูลแฟเทอร์จัดส่งพลังถึงเพียงนี้ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าทำไมเทียนจึงถอยออกไป นี่ไม่ใช่เพราะเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้นแต่เป็นเพราะเขารู้ว่าชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งมากแค่ไหนตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้เห็น พลังของชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถรับมือได้เลย!
ในขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังเดินต่อไปปากของเอียนก็กำลังสั่นและหัวใจของเขาก็เต้นอย่างบ้าคลั่ง เขายืนนิ่งจนไม่กล้าขยับไปไหนในตอนนี้
เขากำลังสั่นในขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาหาช้าๆ
ในตอนนี้สัญลักษณ์เวทย์มนต์ของสัตว์ร้ายในตำนานไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาอีกต่อไปแล้วสิ่งเดียวที่เขากำลังคิดตอนนี้คือหนทางรอดของตนเอง
โรสแมรี่รีบถอยมาด้านหลังของเอียน เธอไม่กล้ามองหน้าของชายหนุ่มคนนี้ตรงๆ
ชายหนุ่มไม่สนใจพวกเขาและเดินต่อเข้าไปหาศพของเพรชฆาตเงาอสูรที่อยู่ภายในถ้ำ
เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนี้เดินเข้าไปในถ้ำเอียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ขณะที่เขากำลังรวบรวมพลังของตนเองเพื่อเตรียมพร้อมที่จะหลบหนีเขาก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มคนนั้นดังกลับมาว่า “อย่าเพิ่งไป ฉันยังมีคำถามอีก จงเชื่อฟังคำสั่งของฉันถ้าแกไม่อยากตาย”
สีหน้าของเอียนเปลี่ยนไปทันที เขาไม่เห็นชายหนุ่มคนนั้นมองกลับมาและยังคงยืนอยู่ตรงหน้าศพของเพรชฆาตเงาอสูร
แม้ว่าจะเห็นว่าเขาไม่ได้หันมามองแต่เอียนก็ไม่ได้มีความคิดที่จะลอบโจมตีเลย แม้ว่าเขาจะหนีไปตอนนี้แต่ชายหนุ่มคนนี้คงจะสามารถตามไปฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย
เทียนเห็นว่าทุกๆคนกำลังตกอยู่ในความกลัวจึงล้มเลิกความคิดที่จะหลบหนี ในใจของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธ เขาอยากจะให้ทุกคนหนีออกไปจากที่นี่เพื่อที่เขาจะใช้โอกาสนั้นหนีไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากพวกเขาแยกกันหนีชายหนุ่มคนนี้คงตามทุกๆคนไปไม่ได้แน่นอน ดังนั้นจะมีบางคนที่หนีไปได้สำเร็จ ไม่ต้องเดาเลยว่าชายหนุ่มคนนี้คงจะถามพวกเขาเรื่องสาเหตุการตายของเพรชฆาตเงาอสูรจึงให้พวกเขารออยู่ที่นี่ก่อน
เมื่อหมดคำถามแล้วก็ถึงเวลาตายของพวกเขาทุกๆคน!
ดูจากความสามารถของชายหนุ่มคนนี้แล้วเขาคงรู้ดีว่าเพรชฆาตเงาอสูรอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว ถ้าหากเป้าหมายของชายหนุ่มคนนี้คือการฆ่าผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนเขาคงสามารถฆ่าทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ได้ทันทีในตอนที่เขามาถึง
เหตุผลนั้นก็ชัดเจนเขามาที่นี่เพราะเพรชฆาตเงาอสูร ในหมู่ผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนหรือคนของตระกูลดราก้อนคงจะมีสายลับของตระกูลแฟเทอร์แฝงตัวอยู่แน่นอนและได้แจ้งข้อมูลว่ามีเพรชฆาตเงาอสูรอยู่ภายในพื้นที่สีส้มหมายเลข 3 ของแดนรกร้างออกไป ดังนั้นตระกูลแฟเทอร์จึงไม่ลังเลที่จะใช้โอกาสนี้ส่งคนมาตรวจสอบทันที
“หืม?” ชายหนุ่มคนนั้นดูเหมือนประหลาดใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนหลังของเพรชฆาตเงาอสูรและสำรวจซากศพที่เหลือก่อนที่จะมองไปรอบๆถ้ำ ความประหลาดใจในสายตาของเขาเปลี่ยนเป็นความตกตะลึง “ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ที่รุนแรง บาดแผลนี้เกิดจากการโจมตีที่รุนแรงเพียงครั้งเดียว มันเป็นไปได้ยังไงกัน? หรือว่ามีอะไรบางอย่างที่อยู่ภายในแดนรกร้างแห่งนี้?”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังตรวจสอบรอบๆบาดแผลของศพ เขานำขวดออกมาและเปิดขวดออกพร้อมกับโรยผงสีเหลืองบางอย่างลงไปบนบาดแผลของศพ
หลังจากนั้นเขาก็เก็บขวดนี้กลับไปและรอคอย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆด้วยความเงียบ — สิ่งที่เขาคาดหวังไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนี้
“หนอนวิญญาณกาฝากหายไปไหน?” ชายหนุ่มคนนั้นขมวดคิ้วขึ้นมาทันที