The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 586
The Dark King – Chapter 586 ที่หลบภัย
“เปิดแล้ว?” เทียนรู้สึกตกตะลึง
ยูเรก้าที่หมอบอยู่ที่พื้นก็เริ่มรู้สึกตัวและตกตะลึงก่อนที่เขาจะยื่นมือออกไปคว้าร่างกายของเทียนจากทางด้านหลังและดึงถอยกลับมาทันที เขาจ้องมองอุปกรณ์โลหะที่ส่งเสียงอิเล็กทรอนิกส์ออกมา “ใครกัน หรือว่านี่คือวิญญาณ รีบถอยออกมาเร็วเข้า!” ”
เมื่อได้ยินที่เขาพูดหญิงสาวผมสีทองก็รีบวิ่งถอยกลับมาด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว เธอดึงอาวุธของตนเองออกมาและจ้องมองไปที่อุปกรณ์โลหะด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่เห็นว่าจะมี “คนอื่น” ที่อยู่ที่นี่ด้วยแต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงนี้มาจากไหน มันช่างน่ากลัวจริงๆ!
“วิญญาณหรอ?” เทียนตกตะลึงและรู้สึกตัวทันที เขารู้สึกข์ในใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
ตึง!
ตอนนี้พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าของทุกๆคนก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาเศษฝุ่นที่อยู่บนประตูเหล็กเริ่มหล่นลงมาอีกครั้ง
“ไม่ดีแน่แบบนี้ แผ่นดินไหว!” สีหน้าของยูเรก้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่เขารีบพูดออกมาว่า “ที่นี่กําลังจะถล่มลงมา รีบออกไปแล้วเข้า” ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบทุกๆคนก็ต้องตกตะลึงและหันไปมองประตูเหล็กที่อยู่ตรงหน้า
ตึก~!
ประตูเหล็กเลื่อนเปิดออกช้าๆ การสั่นสะเทือนของพื้นดินค่อยๆเบาลงไปเรื่อยๆ
ฟู่ว!
ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนลมพัดพุ่งออกมาจากประตูหินอย่างรุนแรง
ประตูเหล็กเลื่อนออกไปจนสุดขอบและทําให้ก้อนหินที่อยู่ด้านบนหล่นลงมาเป็นจํานวนมาก
ท่ามกลางฝนที่ฟุ้งกระจายหนาในตอนนี้ทุกๆคนต่างก็ใช้มือบังเอาไว้ที่ใบหน้าของตนเอง พวกเขาหรี่ตาลงและหันมามองหน้ากัน เมื่อเห็นว่าประตูขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าถูกเปิดออกและมีเพียงความมืดเท่านั้นไม่มีแสงอะไรส่องออกมาเลย มันเหมือนกับปากของปีศาจขนาดใหญ่ที่พร้อมจะกินทุกๆคนเข้าไป
ยูเรก้าและผู้พิทักษ์ทั้งสามคนต่างก็รู้สึกกลัวและยังไม่กล้าขยับตัวในตอนนี้
แต่เมื่อเทียนเห็นประตูเปิดออกเขาก็รู้สึกตกตะลึง เพราะเขาไม่คิดว่าจะสามารถเปิดประตูบานนี้ได้จริงๆ! เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรประตูนี้จึงสามารถเปิดออกมาได้แต่โชคดีที่มันยังมีพลังงานที่ใช้เปิดประตูเหลืออยู่
หรือว่าการสแกนก่อนหน้านี้จะไม่ใช่การสแกนม่านตา?
แต่ในตอนเด็กๆ เมื่อเขาได้ไปที่ศูนย์วิจัยของพ่อเขาก็เคยเห็นและสามารถจําเครื่องสแกนนิ้วมือและเครื่องสแกนม่านตาได้เป็นอย่างดี เขาจําได้ว่าเครื่องสแกนที่อยู่ตรงหน้านี้ต้องเป็นเครื่องสแกนม่านตาอย่างแน่นอน!
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรประตูจึงสามารถเปิดออกมาได้ เขาหันไปมองยูเรก้าและหญิงสาวผมสีทองที่อยู่ข้างๆตนเอง ทุกๆคนต่างก็ดูกังวลและตื่นกลัว กล้ามเนื้อของพวกเขากําลังหดเกร็งทั่วร่างกาย ดูเหมือนว่าพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับ “วิญญาณ” ที่พวกเขาพูดถึงก่อนหน้านี้
ต้องเป็นเพราะอะไรบางอย่างหรือไม่ก็เครื่องสแกนอาจจะเสียแล้ว
เขาจําได้ว่ายูเรก้าถอยออกไปเป็นคนแรกเมื่อเขาเริ่มทําการสแกนม่านตาและหญิงสาวผมสีทองก็ก้มศีรษะของเธอลง ดูเหมือนว่ามีเพียงเขาและอีก 2 คนเท่านั้นที่ถูกสแกน
“ทุกๆคนต่างก็มาที่นี่เป็นครั้งแรก หรือว่าที่ประตูเปิดออกเพราะว่าฉันสแกนผ่านงั้นหรอ?” เทียนรู้สึกสงสัยแต่ก็ประหลาดใจว่าที่นี่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา? เขาจําได้ดีว่าเขาไม่เคยมาที่นี่อย่างแน่นอน
ฟังจากเสียงอิเล็กทรอนิกส์ก่อนหน้านี้แล้วดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็น “ค่ายลี้ภัย”?
ที่นี่คือสถานที่ที่คนสมัยก่อนสร้างขึ้นเพื่อหลบหนีจากภัยพิบัติงั้นหรอ?
ขณะที่เขากําลังใช้ความคิดนั้นเศษฝุ่นที่อยู่ในอากาศก็เริ่มหายไปเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังประตูเหล็กบานนี้ แม้จะมีความมืดแต่เทียนก็มีความสามารถในการมองเห็นในความมืด เขาสามารถมองเห็นว่าบนพื้นดินด้านหลังประตูนั้นมีโครงกระดูกของมนุษย์นอนทับถมกันอยู่มากมาย!
ทุกๆคนต่างก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าในยุคเก่า น่าประหลาดใจที่เสื้อผ้าเหล่านี้ยังดูสมบูรณ์และไม่ได้ถูกทําลายไปตามกาลเวลาในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา
เสื้อผ้าที่คนเหล่านี้แต่งกายนั้นมีหลากหลาย ทั้งชุดเดรส กางเกงยีนส์ เสื้อแขนยาวและอีกมากมาย
เทียนตกตะลึงทันที เสื้อผ้าเหล่านี้เป็นเสื้อผ้าที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในยุคเก่า หรือว่าศพพวกนี้คือศพของผู้ที่ตายอยู่ในค่ายลี้ภัยตั้งแต่ยุคเก่า?
“จุดคบเพลิง” ยูเรก้าออกคําสั่งทันที
ชายวัยกลางคนรีบนําคบเพลิงออกมาจากกระเป๋าสัมภาระของตนเองและจุดไฟทันที แสงจากคบเพลิงค่อยๆไล่ความมืดที่อยู่ตรงหน้าออกไปและเผยให้เห็นโครงกระดูกจํานวนมากที่ทําให้ทุกคนต้องตกตะลึง
ยูเรก้ายังคงจ้องมองไปที่เครื่องสแกนที่อยู่ข้างประตู เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะสิ่งนี้ที่ทําให้ประตูของโบราณสถานแห่งนี้เปิดออก
จากนั้นเขาก็หันมามองเทียนพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่าเด็กคนนี้บัเอิญจนสามารถทําให้ประตูเปิดออกได้หรือจริงๆแล้วเขาจะรู้อยู่แล้วว่าอุปกรณ์โลหะชิ้นนี้ทํางานยังไง?
“ผมไม่คิดว่าโบราณสถานจะเปิดออก คุณยูเรก้าครับ คุณรู้หรือเปล่าว่าโบราณสถานที่ตรงหน้าของพวกเรานี้เป็นแบบไหน? มีสมบัติอยู่ข้างในหรือเปล่า?” เทียนเห็นสายตาของยูเรก้าที่จ้องมองมาที่เขาจึงถามออกไปทันที
เมื่อได้ยินคําพูดของเทียน ความสงสัยในใจของยูเรก้าก็หายไปทันที เขาคิดว่าแม้ว่าเด็กคนนี้จันทร์รู้จักกับบุตรศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะรู้เรื่องโบราณสถานแน่นอน เพราะพวกโบราณสถานทุกๆแห่งต่างก็มีอายุมากกว่า 300 ปี เรื่องพวกนี้แม้แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังรู้ไม่แน่ชัดแล้วเขาเป็นใคร?
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” ยูเรก้าหันหน้ากลับเข้าไปมองในประตู เขาหันไปพูดกับชายวัยกลางคนที่ถือคบเพลิง “นายเดินนําหน้าไปก่อน”
สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปทันทีขณะที่เขารีบพูดออกมาว่า “ท่านนายพลครับ ผมว่าผมไม่เหมาะที่จะรับตําแหน่งนี้ ผม…”
“เดินนําไปเถอะน่า” ยูเรก้าถอนหายใจออกมาและพูดออกมาช้าๆยางเฉยเมยว่า “จากการวิเคราะห์ของฉันที่นี่น่าจะเป็นโบราณสถานที่มีสมบัติอยู่ข้างใน ถ้ามีกับดักอะไรพวกเราก็น่าจะถูกโจมตีตั้งแต่เราเปิดประตูออกมาแล้ว”
ชายวัยกลางคนตกตะลึงไปเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่เคลื่อนไหว เขาเองก็ผ่านประสบการณ์มามากมาย ในตอนนี้ความหวาดกลัวของเขาเอาชนะความโลภในใจ เขาจะเชื่อการวิเคราะห์ของคนอื่นได้ยังไงแม้ว่ามันจะเป็นคําสั่งของผู้บังคับบัญชาก็ตาม?
” ท่านนายพลครับ ผมไม่เหมาะที่จะเดินนําหรอกครับประสาทสัมผัสของผมค่อนข้างอ่อนแอ ถ้าหากข้างหน้ามีอันตรายผมจะไม่สามารถรับรู้ล่วงหน้าได้เลย ผมกลัวว่ามันจะเป็นการทําให้คนอื่นๆต้องบาดเจ็บไปด้วย” ชายวัยกลางคนรีบพูดเอาดีเข้าตัวทันที
เมื่อยูเรก้าได้ยินคําพูดของชายวัยกลางคน เขาก็ถอนหายใจและพูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “ฉันพูดไปแล้วไงว่าที่นี่ไม่มีอันตราย ถ้านายไม่ทําตามคําสั่งของฉัน ฉันจะฆ่านายตรงนี้!”
สีหน้าของชายวัยกลางคนดูยังแย่เพราะเขารู้ว่าคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคําสั่งได้แน่นอน เขากัดฟันของตนเองรวบรวมความกล้าแล้วถือคบเพลิงเดินเข้าไปข้างในโบราณสถานช้าๆ ทุกๆการก้าวเท้าของเขารู้สึกราวกับว่ากําลังเดินอยู่ในบึงโคลนที่พร้อมจะดูดกลืนร่างกายของเขาเข้าไปได้ตลอดเวลา..
กึก!
รองเท้าบูทของเขาสัมผัสโดนศพที่อยู่บนพื้นและกระดูกของศพที่เริ่มเปราะบางไปตามกาลเวลาก็หักทันทีเมื่อเขาเหยียบลงไป