The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 649
The Dark King – Chapter 649 ความล่าช้า
เทียนพาริเชลไปที่ห้องของเขาและพูดว่า “ด้วยจดหมายที่คุณทิ้งเอาไว้จะต้องมีการตรวจสอบแน่นอน วันนี้ตอน 7 โมงเช้าคุณต้องไปปรากฏตัวที่จัตุรัสฝั่งตะวันออกเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของคุณ”
“ผมทราบดีครับ” ริเชลพยักหน้าเบาๆ
“คุณคิดว่านานแค่ไหนกําแพงชั้นในถึงจะรู้เรื่องนี้?” เทียนถาม
ริเชลไม่คิดว่าจะได้รับคําถามแบบนี้ เขามีคําตอบในใจอยู่แล้วแต่ก็ยังต้องใช้เวลาคิดสักครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า “หลังจากนี้คุณคงจะต้องซ่อนตัวสักพักหนึ่ง โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์มีคน 5 คนที่จะเป็นผู้แจ้งข้อมูลของผมให้กับทางมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ แม้ว่าพวกเขาจะติดต่อผมไม่บ่อยนักแต่ถ้าพวกเขารู้ว่าผมหายตัวไปพวกเขาจะต้องแจ้งมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน”
เทียนไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย “คุณน่าจะพูดเรื่องนี้ก่อน”
ริเชลไม่สนใจแล้วพูดต่อไปว่า “แม้ว่าจะไม่มี 5 คนนี้แต่มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์จะต้องรู้เรื่องนี้ภายใน 7 วันอย่างแน่นอน และเมื่อมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพวกเขาจะต้องส่งคนมาดูแลเรื่องทุกๆ อย่างของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ผมคิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นคุณให้ผมกลับไปเป็นพระสันตะปาปาเหมือนเดิมจะดีกว่า ผมไม่ได้เห็นแก่ตัวนะและผมยินดีทําตามคําสั่งของคุณอยู่เสมอ ผมไม่อยากให้เรื่องของคุณถูกเปิดโปงออกไป ถ้าคุณเชื่อผม…”
“มันสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว” เทียนตอบกลับไปอย่างเย็นชา “เราจะไม่เปลี่ยนแปลงแผนที่วางไว้ ถ้าเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างที่วางแผนเอาไว้ก็จะล่าช้าตามไปด้วย”
ริเชลพูดออกมาเบาๆพร้อมกับขมวดคิ้ว “คุณรีบเกินไปหรือเปล่า? จะล่าช้าไปสักครึ่งเดือนแต่คุณก็ยังสามารถปกครองกําแพงชั้นนอกได้อย่างสะดวกสบาย? เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะกลัวอะไรอีก ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว”
เทียนมองมาที่เขาได้ตอบกลับมาอย่างสงบนิ่งว่า “คุณเคยได้ยินคํานี้หรือเปล่า ลงมือก่อนได้เปรียบ ตอนนี้พวกเราถือเป็นศัตรูของมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้ว และสงครามที่กําลังจะเกิดขึ้นพวกเราจะต้องฉวยโอกาสก่อนที่ศัตรูจะรู้ตัว คุณเข้าใจหรือเปล่า?”
ริเชลตกตะลึงไปทันที ตอนนี้เขาเข้าใจสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้นแล้ว มันช่างรวบรัดและหลักแหลมมาก สถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งเทียนสามารถปกครองพื้นที่กําแพงชั้นนอกได้เร็วมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งมีเวลาจัดการมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเท่านั้น ถ้าปล่อยให้เวลาล่าช้าไปแผนที่วางไว้ทั้งหมดก็จะล้มเหลว!
“คุณมีญาติหรือคนรักหรือเปล่า?” เทียนหยิบชิ้นงานแกะสลักบนโต๊ะขึ้นมาและถามเขา
ริเชลเงียบไปสักพักและยิ้มขึ้นมา “ผมอยู่ในตําแหน่งสูงมานานจะมีความสัมพันธ์กับใครได้?”
“นั่นสินะ ยิ่งสูงยิ่งหนาว.” เทียนพยักหน้าไม่ได้ถามอะไรกลับมาอีก
เมื่อเห็นท่าทีของเทียน ริเชลก็ถอนหายใจออกมาจากนั้นเขาก็ได้ยินเทียนถามกลับมาอีกครั้ง “ผมขอชื่อ 5 คนที่เป็นผู้ติดต่อมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์หน่อย”
สีหน้าของริเชลเปลี่ยนไปเล็กน้อย “คุณจะฆ่าพวกเขาหรอครับ?”
“ตอนนี้ไม่ว่าผมจะทําอะไร คุณต้องให้ความร่วมมือทุกอย่าง” เทียนตอบกลับมา
ริเชลตอบกลับมาเบาๆ “ผมทราบดีครับ ชื่อและตําแหน่งของพวกเขาคือ…” จากนั้นเขาก็แจ้งข้อมูลของทั้ง 5 คนให้กับเทียนแม้แต่ข้อมูลของพวกสายลับที่แฝงตัวอยู่ก็ด้วยเช่นกัน..
เทียนตอบกลับมาว่า “ถ้าผมอยากเป็นพระเจ้าของกําแพงชั้นนอก มีอะไรอีกบ้างที่ผมต้องทําหรือต้องกําจัด?”
“ก็มีอยู่บ้างแต่ไม่มากหรอกครับ ถ้าหากกําแพงชั้นในพบเจอพวกเขาพวกเขาจะถูกจับและถูกฆ่าทันที!” ริเชลรู้ความคิดของเทียนและพูดต่อไปว่า “คุณต้องฝึกฝนคนของคุณให้ดี การทําให้นักล่าเป็นผู้บุกเบิกนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ผมคิดว่าคุณเองก็น่าจะรู้ดี”
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเทียนมีผู้บุกเบิกคนอื่นที่หนุนหลังอยู่หรือเปล่าหรือไม่มี?
เขารู้สึกสงสัยในใจขณะที่เทียนพูดขึ้นมาว่า “แค่บอกผมมาว่าผมจะหาเรือนร่างแห่งพระเจ้าได้ที่ไหน”
ริเชลเห็นว่าเด็กหนุ่มต้องการทราบเรื่องนี้ให้ได้ เขารู้ดีว่าวิธีการหาเรือนร่างแห่งพระเจ้านั้นมีหลายช่องทาง อย่างแรกคือมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์มอบให้โดยตรงโดยผ่านผู้แทนของพวกเขาและยังมีวิธีอื่นๆอีกหลายวิธี
เมื่อทั้งสองกําลังพูดคุยกันก็มีเสียงม้าที่ควบมาจากด้านนอกของปราสาท นอยซ์ เกล็น และนิโคลัส ได้กลับมาที่ปราสาทนี้แล้ว หลังจากที่ทุกๆคนเข้ามาในปราสาท เทียนหยิบยาขวดนึงออกมาซึ่งเป็นยาระดับสูงที่สร้างโดยนักปรุงยาระดับสูง เขาเทยาในขวดลงบนมือของริเชล 2 หยดและพูดว่า “คุณไปพักก่อนเถอะยังพอมีเวลาก่อนจะเช้าเดี๋ยวผมจะให้คนไปเรียกคุณเอง”
เมื่อริเชลได้กลิ่นยาในมือของตนเองเขาก็รู้สึกตกตะลึงในใจทันที เขารู้ว่าเทียนต้องการให้เขาเป็นลมไปและไม่อยากให้เขารับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้
ในใจของเขารู้สึกไม่ยินยอมแต่เมื่อเห็นสายตาของเทียนที่มองมาเขาก็รู้ดีว่าตนเองไม่มีทางเลือกแล้ว เขาทําได้เพียงส่ายศีรษะเบาๆและใส่ยาเข้าไปในปาก
หลังจากที่ยาเข้าไปในปากของเขาแล้วเขาไม่ได้กลืนลงไปทันที เขาอมยาอยู่ในปากจนเกิดความรู้สึกเย็นระหว่างฟันกระพุ้งแก้มของเขา ในเวลาเดียวกันเทียนก็ตบมาที่ไหล่ของเขาเบาๆและถามว่า “รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างบีบคอของเขาไว้จนหายใจไม่ออกและเขาต้องกลืนยาที่อยู่ในปากของตนเองลงไปทันที
เขารู้สึกกังวลในขณะที่เขาไอออกมาอย่างรุนแรงจนหน้าแดง
เทียนส่ายศีรษะเบาๆและหันกลับไป
ริเชลจ้องมองแผ่นหลังของเทียน สายตาของเขาเริ่มพร่ามัวมากขึ้นเรื่อยๆและในตอนนี้เขาเห็นเทียนยืนอยู่ถึง 7 คนในห้องนี้ เขาพยายามหยิกเนื้อตัวเอง กัดฟัน เพื่อทําให้ตัวเองตื่น แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทนไม่ไหวและล้มลงไปนอนทันที
เมื่อเทียนเดินออกมาจากห้องเขาก็ได้ยินเสียงริเชลที่ล้มลงไปนอนที่พื้น เขาไม่ได้หันกลับไปมองและเดินลงบันไดไปพร้อมไอช่า
“นายท่านครับ ใบต้นหลิงและพืชอื่นๆที่คุณให้ผมปลูก…” นิโคลัสยกถุงที่ใส่พืชอยู่จํานวนมากภายในนั้นยื่นให้กับเทียน
เทียนมองมาที่เขาและเห็นว่าใบของพืชพวกนี้ยังอยู่ในสภาพที่ดี เขาพยักหน้าเบาๆและรับไปทันที จากนั้นเขาก็สั่งให้นอยซ์นําอุปกรณ์ที่เขายืมมาลงไปที่ห้องทดลองชั้นใต้ดินของตัวเองทันที
เวลากว่า 1 ชั่วโมงได้ผ่านพ้นไป
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมาตอนนี้เป็นเวลาประมาณตี 4 ใกล้จะถึงตี 5 แล้ว
เทียนออกมาจากห้องทดลองใต้ดินของตนเองและกลับมาที่ห้องโถง ในตอนนี้ริเชลยังคงนอนอยู่ที่พื้นเสื้อคลุมสีทองที่ดูหรูหราของเขาแนบไปกับผมที่อยู่บนพื้น เทียนยกเขาขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่งในขณะที่มืออีกข้างถือเข็มฉีดยาเอาไว้ เขาฉีดของเหลวสีขาวบางอย่างเข้าไปที่ลําคอของชายชราทันที หลังจากนั้นเขาก็หยิบเข็มฉีดยาอีกอันหนึ่งขึ้นมาและฉีดของเหลวสีเขียวตามเข้าไป
จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปหยิบแก้วน้ําชาบนโต๊ะทํางานของเขาที่เย็นแล้วและเทน้ําชาลงไปที่ใบหน้าของริเชลทันที
ริเชลตื่นขึ้นมาด้วยความงง ดูเหมือนว่าสติของเขายังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มด้วยความตกตะลึงแต่สายตาของเขายังมีความพร่ามัวอยู่เล็กน้อย เขาล้มลงไปนั่งอีกครั้งจากนั้นก็หันไปมองรอบๆ ศีรษะของเขารู้สึกปวดเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันท้องของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงและมีอาการคลื่นไส้