The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 535
The Dark King – Chapter 535 หายไป
เทียนพูดต่อไปว่า “ก่อนหน้านี้ลูน่าอยู่ห่างจากฉันประมาณ 10 เมตรขณะที่ฉันอยู่ห่างจากทุกๆคนประมาณ 15 เมตร ทำไมมันถึงไม่โจมตีฉัน? เพราะมันคงเห็นการต่อสู้ระหว่างฉันกับยูจินและเลือกที่จะโจมตีลูน่าที่อยู่ใกล้กับทุกคนมากกว่าแต่อ่อนแอกว่าแทนที่จะเป็นฉัน มันเลือกลูน่าซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดา มันมีสติปัญญา!”
“วิธีเดียวที่จะแก้แค้นให้ลูน่าในตอนนี้ก็คือเผาถ้ำนี้ทั้งหมดและบังคับให้สัตว์ร้ายตัวนั้นปรากฏตัวออกมา แต่การทำแบบนั้นพวกเราจะสูญเสียไข่ที่นี่ไปทั้งหมดและมันอาจจะทำให้สัตว์ร้ายที่อยู่ด้านบนพวกเราตื่นขึ้นมาด้วยเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วพวกเราคงไม่รอดออกไปแน่นอน!”
เอียนและทุกๆคนต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เทียนพูดออกมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว
โรสแมรี่และเอียนต่างก็กังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้แต่คำแนะนำของเทียนทำให้พวกเขาคิดขึ้นมาได้ทันที พวกเขาเข้าใจแล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้วิกฤตมากแค่ไหน
มาร์ตินจ้องมองไปที่เอียนอย่าเงียบๆ เขารู้ว่าคำพูดของเทียนเปลี่ยนแปลงความคิดของทุกๆคนแล้วพูดออกมาเบาๆว่า “พวกเราต้องออกไปจากที่นี่แต่เราต้องพาร่างของลูน่าออกไปกับพวกเราด้วย เราจะไม่ปล่อยให้เธอกลายเป็นอาหารของไอ้พวกสัตว์ร้ายบัดซบนี้เด็ดขาด!”
เอียนและโรสแมรี่ปากก็โล่งใจเมื่อพวกเขาเห็นว่ามาร์ตินเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เอียนก็พยักหน้า “รูบี้ นำสัมภาระที่อยู่ในกระเป๋าออกมาให้หมดแล้วใส่ร่างของลูน่าเอาไว้ในนั้น ไปเก็บซากสัตว์ร้ายจากไข่ที่แตกออกมาก่อนหน้านี้ด้วย.. พวกเราจะออกไปจากที่นี่ทันที”
รูบี้พยักหน้าขณะที่เขานำสัมภาระออกมาจากกระเป๋าและเดินออกไปยังตำแหน่งที่ไข่แตกออกมาก่อนหน้านี้ประมาณ 10 เมตร ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลอย่างยิ่งและกลัวว่าจะมีอะไรบางอย่างที่จะโจมตีเขาจากความมืดตรงหน้า
ตุบ~ รูบี้สะดุ้งทันทีเมื่อเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างสัมผัสที่ไหล่ของตนเอง
เขารีบหันไปและเห็นว่ามาร์ตินยืนอยู่ด้านหลังของตนเอง “ฉันช่วยนายเอง”
รูบี้ยิ้มออกมาแต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำด่า “ไอ้เวรเอ้ย! แกอยากให้ฉันกลัวจนตายหรือไง?”
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงตำแหน่งที่ไข่แตกก่อนหน้านี้ รูบี้ยื่นคบเพลิงให้กับมาร์ตินและสวมถุงมือทันที เขาเดินไปหาสัตว์ร้ายที่ออกมาจากไข่ก่อนเวลาฟักตัว
มาร์ตินเตือนเขา “เร็วๆหน่อย!”
รูบี้กลืนน้ำลายของตนเองและเอนตัวไปข้างหน้า เขาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบและต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรอยู่ภายในเมือกเหลวอีกแล้ว สัตว์ร้ายที่ถูกฟักออกมาก่อนกำหนดที่ทุกๆคนได้เห็นก่อนหน้านี้หายไปแล้ว!
มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
รูบี้รู้สึกกลัวขณะที่เขาหันไปพูดกับมาร์ติน “ส่งคบเพลิงมาหน่อย”
มาร์ตินตกตะลึงไปในตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นสีหน้าที่แปลกประหลาดของรูบี้ เขารีบส่งคบเพลิงไปทันที “มันไม่อยู่ที่นี่แล้วหรอ! เป็นไปได้ยังไง?”
หัวใจของเทียน เอียน และโรสแมรี่เต็มไปด้วยความกังวลเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของมาร์ติน พวกเขารีบวิ่งเข้าไปหาโดยไม่ลังเลเลย
เทียนมองเข้าไปภายในไข่และเห็นว่าสัตว์ร้ายตัวเล็กๆที่พวกเขาได้เห็นในไข่ที่แตกออกมาก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว สมองของเขากำลังคิดถึงเรื่องต่างๆมากมาย
โรสแมรี่พูดออกมาเบาๆขณะที่เธอก้มตัวลงไปดูที่เปลือกไข่ “เป็นไปได้หรือเปล่าว่าสัตว์ร้ายตัวนี้แกล้งตายในตอนที่มันออกมาจากไข่?”
เอียนตกตะลึงพร้อมกับหน้าซีดทันที “ฉันกลัวว่าพี่น้องของมันจะมาเอามันไปแล้วมากกว่าในตอนที่พวกเรา… นี่หมายความว่ามันตั้งใจโจมตีลูน่าเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเราจากไข่ที่แตกออกมาหรือเปล่า?”
รูบี้ตกตะลึงไปทันที “แต่มันฟักตัวออกมาก่อนกำหนดไม่ซ้ำทำไมมันถึงแกล้งตายได้….”
เทียนตรวจสอบที่พื้นรอบๆเปลือกไข่ เขาเห็นร่องรอยของของเหลวที่ลากยาวเป็นทางไปจนถึงกำแพงหิน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขามองไปยังกำแพงหินในตอนนี้
โรสแมรี่ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “ถ้าหากไข่ทั้งหมดนี้ฟักตัวออกมาฉันกลัวว่า…”
เอียนเข้าใจความคิดของเธอทันที “ไปกันเถอะ พวกเราต้องออกจากที่นี่ เดี๋ยวนี้!”
มาร์ตินหันไปมองใครทั้งหมดที่อยู่ภายในรังแห่งนี้ “พวกเราควรทำลายไข่นี้ทั้งหมดก่อนที่จะออกไปจากที่นี่หรือเปล่า?”
เอียนตอบกลับมาว่า “พวกเราคงไม่ได้อะไรมากนักแม้ว่าจะรายงานเรื่องนี้กับทางตระกูล..”
มาร์ตินก็พูดต่อไปว่า “ทางตระกูลคงส่งผู้บุกเบิกมาตรวจสอบเรื่องนี้ถ้าหากพวกเราแจ้งเรื่องนี้ไป… แต่ปัญหาก็คือสัตว์ร้ายพวกนี้คงฟักตัวออกมาก่อนที่ทีมของผู้บุกเบิกจะมาถึงที่นี่และนั่นอาจทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้บุกเบิกก็เป็นได้ พวกเขาจะต้องเผชิญกับอันตรายจนอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่…”
เทียนมองออกไปและไม่คิดว่ามาร์ตินจะยอมทิ้งความโลภของตนเองและห่วงใยคนอื่น
ถ้าหากสัตว์ร้ายพวกนี้ฟักออกมาจากไข่และเติบโตทั้งหมดคงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับตระกูลดราก้อนอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจะต้องส่งผู้บุกเบิกมาจัดการเรื่องนี้ไม่ว่าพวกเขาจะแจ้งไปหรือไม่ แต่ผู้ที่สูญเสียมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นผู้บุกเบิกที่ออกมาทำธุรกิจที่นี่
“ฉันเห็นด้วยกับมาร์ติน” เอียนตบไปที่ไหล่ของมาร์ติน “เราไม่รู้ว่าสัตว์ร้ายพวกนี้แข็งแกร่งมากแค่ไหน เป็นไปได้มากกว่ามันจะเป็นสัตว์ร้ายชนิดใหม่ ฉันคิดว่าทางตระกูลจะให้รางวัลใหญ่กับพวกเราอย่างแน่นอนถ้าหากพวกเราสามารถนำหลักฐานเรื่องนี้กลับไปได้ รางวัลน่าจะเทียบเท่ากับ 10 เท่าของภารกิจปกติ… เราสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะมีชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่ต้องออกมาเสี่ยงอีก…”
มาร์ตินพยักหน้าขณะที่เขายังคงเงียบอยู่ “ฉันเห็นด้วย”
เอียนพูดออกมาทันที “งั้นก็ลงมือกันเถอะ”
เทียนมองขึ้นไปยังรูที่อยู่สูงขึ้นไปประมาณ 20 เมตร “ใครสามารถขึ้นไปบนนั้นได้บ้าง?”
ความสูงนี้มันเกินกว่าผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของมนุษย์ระดับแรกเริ่มจะกระโดดขึ้นไปได้
โรสแมรี่ก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันเอง” ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เสียงกระดูกของเธอดังขึ้นมา เธอกระโดดขึ้นไปจนถึงปากรูทันที
จากนั้นเธอก็เริ่มโยนเชือกลงมาหลังจากที่ขึ้นไปได้สำเร็จ
เทียนรีบคว้าเชือกเอาไว้และปีนขึ้นไปทันที
เอียนและมาร์ตินต่างก็ตกตะลึงแต่พวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมเทียนถึงทำแบบนั้น สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปแต่พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามเทียนแต่อย่างใด
เอียนและมาร์ตินยังคงเงียบขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้เชือก
รูบี้เป็นคนสุดท้ายที่กลืนน้ำลายตัวตนเองขณะที่เขาจับเชือกและปีนขึ้นไป