The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 568
The Dark King – Chapter 568 เคล็ดวิชาลับโลหิตมังกร
“ชายตระกูลดราก้อนกำลังตามล่าผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนอย่างนั้นหรอ?” เทียนรู้สึกงุนงง ถ้าพิจารณาจากความแข็งแกร่งของชายคนนั้นเขาไม่ใช่ผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนอย่างแน่นอน
ในไม่ช้าเทียนก็คิดถึงสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้ขึ้นมา “การสวมชุดเกราะของตระกูลดราก้อนไม่ได้หมายความว่าชายคนนั้นจะต้องมาจากตระกูลดราก้อน เขาปลอมตัวเข้ามาอย่างนั้นหรอ? หรือว่าเขาเป็นสายลับจากตระกูลอื่นที่แฝงตัวอยู่ในตระกูลดราก้อน?”
สีหน้าของเทียนดูเคร่งเครียดในขณะที่กำลังใช้ความคิด ไม่ว่าชายคนนั้นจะเป็นใครมาจากไหนก็ตามเทียนได้ล่วงรู้ถึงความลับของชายคนนั้นไปแล้ว หากเขาเปิดเผยความลับนี้ออกไปจะต้องถูกตามล่าอย่างแน่นอน
บนถนนที่เงียบมีสงบมีสายลมอ่อนๆโชยพัดผ่าน
เสียงเคี้ยวและกลืนยังคงดังขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 10 นาที
เทียนรู้สึกปวดไปทั่วร่างกายราวกับว่าเขาได้ออกกำลังกายมาติดต่อกันหลายวันหลายคืน เขามองไปที่แขนของตัวเองก็พบว่ากระดูกสีขาวบนแขนค่อยๆกลับเข้าไปภายในร่างกายอย่างช้าๆ
เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที ดูเหมือนว่าระยะเวลาของร่างแปลงอสูรถึงขีดจำกัดแล้ว
เทียนรีบเกร็งร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาร่างแปลงอสูรเอาไว้ หากในตอนนี้เขาปล่อยให้ความร้อนในร่างกายของเขารั่วไหลออกมา ตัวตนของเขาที่ซ่อนอยู่ในตึกแห่งนี้จะถูกเปิดเผยในทันที!
อึก อึก มีเสียงกลืนดังมาจากถนน เสียงที่เขาได้ยินในตอนนี้เป็นเสียงที่เหมือนกับการกลืนของเหลวเข้าไปในลำคอ มันไม่ใช่เสียงดื่มน้ำ – แต่เป็นเลือด
เสียงดื่มเลือดอย่างหิวกระหายค่อยๆหายไปหลังจากเวลาผ่านไป 5 นาที
เทียนกลั้นหายใจและซ่อนตัวอยู่ที่เดิมด้วยความหวาดกลัว
ถนนที่เงียบสงบในตอนนี้เทียนกลับรู้สึกว่ามันเงียบกว่าปกติมาก เสียงลมที่พัดผ่านดังขึ้นแผ่วเบาราวกับว่ามันกำลังส่งเสียงหัวเราะอย่างน่าสยดสยอง
เทียนรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกายและไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
เขากัดฟันของตัวเองแน่นลุกขึ้นยืนช้าๆและมองออกไปนอกหน้าต่าง ร่างสีแดงได้หายไปแล้วบนท้องถนนที่กว้างขวางและว่างเปล่ามีเพียงศพของเหยื่อทั้งสี่คนนอนตายอยู่เท่านั้น
มีร่องรอยถูกกัดกินที่หน้าอก คอ แขนและส่วนอื่นๆของศพ หากเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คงจะคิดว่าศพเหล่านี้ถูกกัดกินโดยซอมบี้
เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นออกไปจากที่นี่แล้ว เทียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและค่อยๆผ่อนคลายร่างกายของตัวเองลง กระดูกสีขาวจมลงไปในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
เขาหายใจออกมาอย่างรุนแรงราวกับคนที่ขาดอากาศหายใจมานานและไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาหยิบไข่สองฟองขึ้นมาและมุ่งหน้าไปยังสระน้ำอย่างรวดเร็วในขณะที่เฝ้าดูสภาพแวดล้อมรอบๆตัวอย่างระมัดระวังโดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการเคลื่อนไหวของหนูกระดูก
เขาเพิ่งรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมหนูกระดูกที่อยู่ในอาคารชั้นล่างจึงรีบกลับไปที่รังของมัน ไม่ใช่ว่าพวกมันกลัวผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนทั้งสี่ แต่พวกมันรับรู้ถึงความน่ากลัวของร่างสีแดงเข้มที่กำลังใกล้เข้ามา
บางทีคนธรรมดาอาจไม่สามารถรับรู้ถึงร่างสีแดงเข้มได้ แต่ดูเหมือนว่าพวกหนูกระดูกจะมีความสามารถบางอย่างในการล่วงรู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาได้
เทียนบินไปตามทางที่หนูกระดูกมีท่าทีที่ปกติไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เขาอ้อมไปตามถนนหลายสายจับหนูกระดูกขึ้นมาสองตัวแล้วนำไปใส่ในกระเป๋าเป้ของเขาใช้มันเป็นเซ็นเซอร์ในการตรวจจับชายเจ้าของร่างสีแดงคนนั้น
เขาอุ้มไข่สองฟองตรงไปที่สระน้ำจากนั้นก็ดำลงไปแล้วรีบว่ายกลับไปที่กำแพงน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
“กลับมาแล้วหรอ”
เทียนได้ยินเสียงของไอช่าทันทีที่เขาขึ้นมาจากน้ำ เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงน้ำแข็งและมองมาที่เขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
เขาพยักหน้าเล็กน้อยวางไข่เพรชฆาตเงาอสูรลงบนพื้นและสะบัดน้ำออกจากร่างกายตนเอง เทียนถอดเสื้อคลุมขนสัตว์เพื่อบิดน้ำออกจากนั้นเขาเปิดกระเป๋าเป้และนำหนูกระดูกทั้งสองตัวออกมาโยนพวกมันลงบนพื้น
หนูสองตัวที่ถูกกักอยู่ในกระเป๋าเป้วิ่งหนีไปมาด้วยความหวาดกลัวทันทีที่พวกมันออกมา แต่ที่แห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงน้ำแข็งและทางออกมีแค่ทางเดียวคือทางน้ำ ซึ่งพวกหนูกลัวน้ำโดยธรรมชาติอยู่แล้วแม้ว่าพวกมันจะสามารถว่ายน้ำได้โดยไม่จมน้ำก็ตาม แต่ความกลัวที่มีต่อน้ำทำให้พวกมันไม่กล้าหนีไป ดังนั้นพวกมันจึงทำได้เพียงวิ่งหนีไปมาภายในกำแพงน้ำแข็ง
“จับได้แค่สองตัวเองหรอ?” ไอช่ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากความสามารถของเทียนมันเป็นเรื่องง่ายที่จะจับหนูกระดูกพวกนี้ครั้งละหลายๆตัว
เทียนถอนหายใจออกมาและพูดว่า “สองตัวนี้ไม่ได้จับมาเพื่อเป็นอาหารครับ ผมจับพวกมันมาเพื่อใช้เป็นสัญญาณเตือนภัย”
“สัญญาณเตือนภัย” ไอช่างงงวย
เทียนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอช่าฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เห็นมาก่อนหน้านี้ “ในตอนแรกผมจะเอาไข่พวกนี้กลับไปที่รังของเพรชฆาตเงาอสูรนำเสบียงอาหารที่ตกอยู่นอกรังของมันกลับมา แต่ผมกลัวว่าจะถูกชายคนนั้นเจอเข้าดังนั้นผมจึงรีบกลับมาที่นี่ก่อน”
ดวงตาของไอช่าดูเย็นชาในทันทีและเธอก็พูดว่า “ชายคนนั้นที่นายกำลังพูดถึงไม่ใช่ผู้บุกเบิกที่แทรกซึมมาจากตระกูลอื่นหรอก แต่เป็นคนที่ชั่วช้าอย่างมาก!”
เทียนประหลาดใจและพูดว่า “คุณรู้จักเขาหรอครับ? เขาเป็นคนของตระกูลดราก้อนอย่างนั้นหรอ?”
สีหน้าของไอช่าดูเศร้าหมองและพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “ชายคนนี้เป็นหนึ่งในแปดนายพลที่ดูแลดินแดนรกร้าง ฉายาของเขาคือปีศาจกินซากศพ
เทียนตกใจและพูดออกมาว่า “ชายคนนี้เป็นผู้ติดตามของคุณหรอครับ?”
ไอช่าพูดพร้อมกับพยักหน้า “ชายคนนี้มักชอบใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขาและไม่ฟังคำสั่ง เขายังมีความชอบที่น่ารังเกียจซึ่งเป็นสิ่งที่นายเห็นก็คือ การกินมนุษย์!”
เทียนตกตะลึง
เขาเคยเห็นอาชญากรทุกชนิดในคุกหนามดอกไม้ บางคนติดคุกจากการถูกใส่ร้ายและบางคนก็ชั่วร้ายอย่างแท้จริง คนชั่วเหล่านั้นมีรสนิยมที่แปลกประหลาดมากมาย แต่ไม่มีใครที่ชอบสิ่งที่ผิดปกติอย่างการกินมนุษย์เป็นอาหาร
“ปกติถ้าฉันเป็นผู้ดูแลทีมเขาจะไม่กล้าที่จะทำอะไรตามใจชอบ ฉันไม่คิดว่าหลังจากที่ฉันไม่อยู่เขาจะกล้าแอบเข้าไปในพื้นที่สีส้มของแดนรกร้างและออกตามล่าผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อน!” ใบหน้าของไอช่าเต็มไปด้วยความเย็นชา “นี่อาจจะไม่ใช้ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่อัตราการตายของผู้พิทักษ์ตระกูลดราก้อนอยู่ในระดับที่สูงมาก”
นัยน์ตาขอเทียนเป็นประกายเล็กน้อยและเขาไม่ได้พูดอะไร
ถ้าเป็นตัวตนของเขาในอดีตก่อนที่จะถูกจำคุก เขาจะถามออกไปอย่างแน่นอนว่าทำไมตระกูลดราก้อนยังปล่อยให้ชายคนนี้รับใช้ตระกูลและยังมีตำแหน่งเป็นถึงหนึ่งในแปดนายพลที่ดูแลดินแดนรกร้างเมื่อพวกเขารู้ว่าชายมีพฤติกรรมที่ชั่วช้าอย่างมาก
แต่ตอนนี้เขามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว เพราะว่าสำหรับตระกูลดราก้อนนั้นคุณค่าของชายคนนี้มีน้ำหนักมากกว่าพฤติกรรมอันชั่วช้าที่เขาทำ ดังนั้นแม้ว่าเบื้องบนของตระกูลดราก้อนจะรู้ว่าเขามีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจและเลวทรามแต่พวกเขาก็ทำเป็นปิดหูปิดตาไม่รู้ไม่เห็นต่อเรื่องนี้
ทุกๆสิ่งบนโลกล้วนเป็นเช่นนี้
ผู้ที่อ่อนแอย่อมไม่มีค่าในสายตาของผู้ที่มีอำนาจ
“สารเลวนั่น!” ไอช่ากัดฟันแน่น แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เทียนเห็นท่าทีของไอช่าที่เคียดแค้นอย่างมากและแนะนำเธอไปว่า “เมื่อคุณอาการดีขึ้นและกลับไปยังตระกูลดราก้อน อย่าเผชิญหน้ากับชายคนนั้นโดยตรงคุณไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะไปเอาผิดเขา หากคุณต้องการจัดการกับชายคนนั้นจงทำมันอย่างลับๆ”
ไอช่ามองกลับไปที่เทียนพร้อมกับพยักหน้า “ฉันรู้”
เทียนไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องของตระกูลดราก้อนมากเกินไป เขามองไปรอบๆและพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ดูเหมือนว่าพวกเราจะอดตายในคืนนี้”
ไอช่าเห็นไอเย็นออกมาจากปากของเทียนเมื่อเขาพูด ดวงตาของเธอส่องประกายขึ้นมาและเธอก็พูดว่า “ถ้าชายชั่วช่าคนนั้นยังอยู่แถวนี้ นายอยู่ที่นี่อย่าเพิ่งออกไปหาอาหารในช่วง 2-3 วันนี้เลยดีกว่า ฉันจะสอนเคล็ดวิชาลับของตระกูลดราก้อน “โลหิตมังกร” ให้มันสามารถทำให้ร่างกายของนายอบอุ่นขึ้นได้”