The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 580
The Dark King – Chapter 580 อสูรมฤตยู
“วิวัฒนาการ? มัจจุราชทมิฬ?” เทียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย มัจจุราชทมิฬเป็นหนึ่งในสัตว์ร้ายระดับหายาก เขารู้จักเกล็นที่เป็นเจ้าของสัญลักษณ์เวทย์มนต์สัญลักษณ์เวทมนตร์ของมัจจุราชทมิฬ เขารู้ว่ามันมีความสามารถในการหลบซ่อนตัวอย่างดีเยี่ยม และยังสามารถปล่อยใยแมงมุมที่เหนียวมากออกมาได้ มันสามารถใช้ในการควบคุมพื้นที่ ดักจับศัตรูจากระยะไกล และใช้ในการลอบสังหารได้ดี นี่คือความสามารถโดยรวมของสัญลักษณ์เวทมนตร์ชนิดนี้
แต่ในสารานุกรมของสัตว์ร้ายระดับตำนานที่เขาเคยอ่านมาก่อนหน้านี้ อสูรกลืนกินความฝันมีความสามารถเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นคือการทำให้ประสาทสัมผัสของศัตรูอ่อนแอลงเพื่อสร้างภาพลวงตาขึ้นมา นอกจากเรื่องนี้แล้วมันก็ไม่ได้แตกต่างจากสัตว์ร้ายตัวอื่นๆเลย
“กล่าวคือเมื่อสัญลักษณ์เวทมนตร์ได้รับการวิวัฒนาการ พลังของมันจะแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง” ดวงตาของเทียนเป็นประกายขึ้นมาในขณะที่เขายังคงอ่านต่อไป ในหนังสือเล่มนี้ยังระบุชนิดของสัตว์ร้ายที่วิวัฒนาการไปเป็นสัตว์ร้ายในตำนานด้วยเช่นกัน อย่างเช่น มังกรอสูรบรรพกาลที่เป็นสัญลักษณ์เวทมนตร์ของไอช่าก็วิวัฒนาการมาจากมังกรเหล็ก ในขณะที่เพรชฆาตเงาอสูรนั้นวิวัฒนาการมาจากปีศาจลวงต
ส่วนสัญลักษณ์เวทมนตร์ของเขา แมลงอสูรโลกันต์ ก็วิวัฒนาการมาจากแมลงใบมีดโลหิต
แมลงใบมีดโลหิตเป็นแค่สัตว์ร้ายระดับหายากชนิดหนึ่งเท่านั้น มันมีการโจมตีที่เรียบง่ายแต่รุนแรงซึ่งก็คล้ายกับแมลงอสูรโลกันต์
“การวิวัฒนาการของพวกสัตว์ร้ายนั้นเต็มไปด้วยเงื่อนไขมากมายและอัตราความสำเร็จก็ต่ำมาก หลังจากที่สัตว์ร้ายตัวนั้นได้เติบโตเต็มที่แล้วจะมีโอกาสที่วิวัฒนาการได้ แต่ก็มีสัตว์ร้ายบางตัวที่มีช่วงเวลาของการวิวัฒนาการก่อนกำหนดหรือแม้กระทั่งมีสัตว์ร้ายบางตัวที่สามารถวิวัฒนาการได้แต่ยังอยู่ในช่วงตัวอ่อนและวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์ร้ายชนิดใหม่ มีนักวิจัยมากมายที่ได้ศึกษาเรื่องนี้มาหลายปีแต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้…”
“แต่จากสถิติแล้วอัตราความสำเร็จที่สัตว์ร้ายตัวหนึ่งจะวิวัฒนาการไปได้อยู่ที่หนึ่งในหมื่น ขณะที่การวิวัฒนาการก่อนช่วงอายุหรือการวิวัฒนาการที่แปลกประหลาดอื่นๆนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นเพียงแค่ 1 ครั้งใน 100 ปีเท่านั้น”
ยิ่งเทียนอ่านหนังสือเล่มนี้ต่อไปเขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ “ถ้าอัตราการวิวัฒนาการของสัตว์ร้ายตัวหนึ่งจะน้อยแบบนี้มันหมายความว่าในมัจจุราชทมิฬจำนวน 10,000 ตัวจะมี 1 ตัวที่สามารถวิวัฒนาการได้อย่างนั้นหรอ?”
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมอสูรกลืนกินความฝันจึงหาตัวได้ยากมาก
แม้ว่าตระกูลดราก้อนจะเป็นตระกูลใหญ่แต่ก็คงไม่ง่ายที่จะหามัจจุราชทมิฬสัก 100 ตัวไม่ต้องพูดถึง 10,000 ตัวเลย!
เมื่อคิดแบบนี้ความหวังของเขาก็หายไปทันที เขาทำได้แค่จำชื่อของมันเอาไว้เท่านั้น
“เรายังได้สัมภาษณ์ศาสตราจารย์พุสที่ศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ร้าย เขากล่าวว่าเขาพบวิธีที่จะทำให้สัตว์ร้ายมีโอกาสวิวัฒนาการเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ได้ทดลองมาหลายครั้ง นั่นคือการให้สัตว์ร้ายพวกนั้นกินผงเทพแมลง ยิ่งพวกมันกินเข้าไปมากเท่าไหร่โอกาสก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น”
“แน่นอนว่าโดยปกติแล้วพวกสัตว์ร้ายนั้นหวาดกลัวผงเทพแมลง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำให้พวกมันยอมกินเข้าไป พวกเราทำได้เพียงทำให้สัตว์ร้ายสลบและกรอกเข้าไปในปากของมัน หลังจากให้อาหารมานานกว่า 2 ปีศาสตราจารย์พุสก็สามารถทำให้อสูรโลหิต (สัตว์ร้ายธรรมดา) วิวัฒนาการไปเป็นอสูรโลหิตกาฝาก (สัตว์ร้ายระดับหายาก) ได้สำเร็จ”
เทียนตกตะลึงในทันที ผงเทพแมลงหรอ?
“ศาสตราจารย์พุสกล่าวเอาไว้ว่า ยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้โอกาสในการวิวัฒนาการของสัตว์ร้ายนั้นเพิ่มมากขึ้น ในระหว่างการทดลองของเขานั้นเขาพบว่ามีสิ่งต่างๆมากมายที่ช่วยเพิ่มอัตราของการวิวัฒนาการได้แต่มันก็มีผลกระทบด้วยเช่นกัน…”
เทียนยังคงอ่านต่อไป…
ในไม่ช้าเขาก็ได้เห็นเนื้อหาสำคัญที่กล่าวถึงในตอนต้น—การวิวัฒนาการของสัญลักษณ์เวทมนตร์
“โอกาสที่สัญลักษณ์เวทมนตร์จะวิวัฒนาการนั้นต่ำยิ่งกว่าการวิวัฒนาการของพวกสัตว์ร้ายและยังมีปัจจัยมากมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ สัญลักษณ์เวทมนตร์ของบางคนอาจจะวิวัฒนาการเพราะอารมณ์ที่ถูกกระตุ้น ในขณะที่บางคนอาจจะวิวัฒนาการเพราะกินพืชหรือเนื้อสัตว์ที่แปลกประหลาดเข้าไป…
“…ศาสตราจารย์พุสยังเคยให้นักล่าคนหนึ่งกินผงเทพแมลงเข้าไป แต่นักล่าคนนั้นก็สำลักและตายทันทีที่เขากินเข้าไป และนอกจากนี้เขายังได้การทดลองกับนักล่ามากกว่า 30 คนที่มีสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่แตกต่างกันแต่ผลที่ออกมาต่างก็เหมือนกัน และนั่นทำให้ศาสตราจารย์พุสต้องหาวิธีอื่น…”
“…หลังจากที่ทดลองซ้ำๆหลายครั้ง สิ่งที่ทำให้โอกาสที่สัญลักษณ์เวทมนตร์จะวิวัฒนาการเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั่นก็คือการใช้หนอนวิญญาณกาฝากระดับตำนาน”
ไม่นานเทียนก็อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ ในเมื่อเขาอ่านข้อสรุปมันก็ทำให้เขาต้องผิดหวัง อย่างที่เขาคิดเอาไว้หนังสือเล่มนี้มันห่วยแตก เริ่มต้นมาดีกระตุ้นให้คนอ่านรู้สึกสงสัยและอยากได้คำตอบ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีคำตอบอะไรในหนังสือเล่มนี้เลย
ใช้หนอนวิญญาณกาฝากระดับตำนานมาบำรุงสัญลักษณ์เวทมนตร์ระดับตำนาน นี่มันบ้าชัดๆ!
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสงสัยว่าศาสตราจารย์พุสได้ทดลองเรื่องนี้กับตัวเองหรือเปล่า
“มันเสียเวลาจริงๆ” เทียนรู้สึกพูดไม่ออก หลังจากที่เก็บหนังสือกลับขึ้นไปบนชั้นวางเขาก็เดินออกไปและพยายามคิดหาวิธีลอบออกไปจากที่นี่
เวลาผ่านไป 2 วัน
ในช่วง 2 วันนี้เทียนอยู่ในที่พักอาศัยของเขาตลอดเวลา ทุกอย่างสงบเงียบไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเฮลี่ย์ที่เขากลัวก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ยินจากยูเรก้าว่าเฮลี่ย์และไอช่าได้พบกันครั้งหนึ่งและทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกัน และเฮลี่ย์ก็มีท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อได้พบกับพี่สาวของตนเองไม่ได้ดุดันโหดเหี้ยมเหมือนที่เธอเคยเป็น ดูเหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในตอนนี้
ช่วงเวลาที่เขาและไอช่าได้อยู่ด้วยกันในแดนรกร้าง เขาเคยได้ยินความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฮลี่ย์และทำไมเธอถึงต้องยอมน้องสาวของตนเอง หรือว่าเฮลี่ย์รู้เรื่องนี้จึงทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนไป?
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มาสร้างปัญหาให้เขา?
เทียนรู้สึกสงสัยในใจแต่เขาก็ไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้มากนะ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่ดี ตัดสินใจผิดแค่ครั้งเดียวก็อาจทำให้ชีวิตของเขาต้องจบได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ควรมองทุกๆอย่างในแง่ดี
จากที่เขารู้ เฮลี่ย์ไม่ได้มีแค่ความอิจฉาหรือความเกลียดชังแต่เธอยังกระหายในความแข็งแกร่ง
“เทียน ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์เรียกนายไปพบ” เสียงของยูเรก้าดังเข้ามา
เทียนก็เงยหน้าขึ้นมาขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือเคล็ดวิชาการต่อสู้พื้นฐานอยู่ จากนั้นเขาก็มองไปที่ประตูยูเรก้ากำลังโบกมือมา เขาเดินออกไปแล้วถามว่า “คุณไอช่าหรอครับ?”
“ใช่” ยูเรก้าพยักหน้าเบาๆ จากนั้นเขาก็หันไปมองชุดคลุมที่ดูสุภาพของเทียนแล้วพูดว่า “นายไปเปลี่ยนเป็นชุดเกราะดีกว่า พวกเราต้องรีบไปรวมตัวกันที่ป้อมปราการเพราะเราได้เจอร่องรอยของอสูรมฤตยูแล้วในตอนนี้”