The Dark King – กษัตริย์แห่งความมืด - ตอนที่ 648
The Dark King – Chapter 648 ทุกๆการกระทํา
“ผมทราบแล้วครับ” ริเชลตอบกลับมาทันที
ไม่ว่าเทียนจะสั่งอะไรไปริเชลก็รับคําสั่งอย่างง่ายดาย เขาหยิบปากกาและกระดาษออกมาจากลิ้นชัก เขียนอะไรบางอย่างลงไปในกระดาษ จากนั้นก็ยื่นให้กับเทียน
เทียนก้มลงไปอ่านเนื้อหาในกระดาษและเห็นว่ามันเหมือนกับที่เขาต้องการให้เขียนโดยไม่มีการเพิ่มเติม เนื้อหาอื่นที่อาจจะเป็นข้อความลับลงไป เขาพยักหน้าและพูดว่า “โอเค ถึงเวลาที่คุณต้องออกไปพร้อมกับผมแล้ว”
ริเชลเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่พูดอะไรออกมา เขาเปิดลิ้นชักของตัวเองขึ้นอีกครั้งหยิบสิ่งของต่างๆภายในนั้นออกมารวมถึงปากกาขนนกสีทองพร้อมที่วาง
เทียนหันไปมองสัมภาระต่างๆของชายชราและถามว่า “กล่องสีดํามันคืออะไร?”
“ผมเคยได้รับเหรียญตราของทหารม้าในตอนที่ผมได้เลื่อนยศเป็นหัวหน้ากองทหารม้าครับ อยากเก็บมันเอาไว้เป็นที่ระลึก” ริเชล
เทียนกวาดตามองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในกระเป๋า มีปากกาขนนกที่ดูราคาแพง กระดาษสีขาวพี่ดูแปลกประหลาด เหรียญตราและตะปูขนาดเล็กสีเงิน… สิ่งของแต่ละชิ้นช่างแปลกประหลาดและไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย
เขามองของแต่ละอย่างจากนั้นก็หันไปมองริเชลและพูดว่า “ของพวกนี้คุณจะพาไปด้วยจริงๆหรอครับ?”
ริเชลยิ้มเจื่อนๆออกมาและพูดว่า “ผมคิดว่าคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว แม้ว่าของพวกนี้จะดูแปลกประหลาดไปบ้าง แต่มันก็คือสิ่งที่มีค่าสําหรับผมเหมือนอย่างตะปูชิ้นนี้ มันเคยช่วยผมมาก่อน ในตอนที่ผมได้รับภารกิจใหม่ๆผมตกลงไปในกับดักซึ่งคนที่วางกับดักเอาไว้ก็เป็นเพื่อนของผมเอง ตะปูดอกนี้ปักเข้าไปที่หน้าอกของผม โชคดีที่ไม่ได้ปักเข้าไปลึกมากไม่อย่างนั้นผมคงตายไปแล้ว ดังนั้นช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมจะเก็บตะปูดอกนี้เอาไว้เสมอเพื่อเป็นการเตือนตัวเอง”
เทียนจ้องมองสายตาของริเชลและเห็นว่าสายตาของเขาไม่ได้ดูหวั่นไหวเลยในตอนที่พูด จากนั้นเขาก็พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณเถอะ”
ริเชลมีสีหน้าที่ดูโล่งใจและรีบตอบกลับมาว่า “ขอบคุณครับ!”
เทียนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเขาหันไปจับมือของไอช่าเอาไว้และเดินมาที่หน้าต่างเพื่อรอริเชลเก็บของ
ริเชลแบบกระเป๋าสัมภาระของเขาเดินตามเทียนมาทันที
ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก
เทียนพาริเชลลงมาจากภูเขา ด้วยการนําทางของริเชลพวกเขาสามารถหลบทหารที่ลาดตะเวนอยู่และออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย ภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นมีการป้องกันที่หนาแน่นและมีทหารที่ลาดตะเวนอยู่ต ลอดเวลาแต่ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าพระสันตะปาปาของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปแล้ว
ริเชลไม่ได้ใช้โอกาสนี้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อเทียนสั่งให้เขานําทางเขาก็รู้ว่าเทียนต้องการทดสอบตนเองอยู่ แต่บททดสอบแบบนี้ทําไมเขาจะไม่รู้แม้ว่าเขาจะตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปเขาก็คงไม่รอดอยู่ดี เทียนสามารถฆ่าเขาได้ในทันที
เมื่อออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เทียนก็พาริเชลขึ้นไปบนรถม้าและออกจากที่นี่ไปทันที หลังจากนั้นประมาณ 2-3 ชั่วโมงเทียนและริเชลก็ได้มาถึงปราสาทที่อยู่ริมแม่น้ํา
เมื่อทั้งสองคนกลับเข้าไปในปราสาททุกคนที่อยู่ข้างในเซอร์กี้ เกล็น และนิโคลัส ต่างก็ตกตะลึง พวกเขาจ้องมองพระสันตะปาปา ริเชลที่เดินตามหลังเทียนมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ นี่มันเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้
เทียนเรียกนิโคลัสมาแล้วพูดว่า “พื้นที่เพาะปลูกเป็นยังไงบ้าง?”
นิโคลัสกําลังจ้องมองไปที่ริเชลที่อยู่ด้านหลังของเทียน เมื่อได้ยินคําถามก็รู้สึกตัวและตอบกลับมาว่า “เราเอาคืนมาได้แล้วครับนายท่านตอนนี้พื้นที่เพาะปลูกกลับมาเป็นปกติแล้ว คนงานทุกคนเข้าไปดูแลแล้วครับ”
“มีผลผลิตหรือยัง?” เทียนถาม
นิโคลัสตอบกลับมาด้วยความเคารพ “ผมได้เก็บผลผลิตที่เก็บเกี่ยวแล้วไว้ในโกดังตามที่คุณสั่งแล้วครับ”
เทียนพยักหน้าและพูดว่า “ออกไปได้แล้ว”
นิโคลัสรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เรียกมาถามหรอ? แต่เขาก็ตอบกลับมาว่า “รับทราบครับนายท่าน” และเดินออกไปจากห้องโถงของปราสาททันที
เมื่อริเชลได้ยินคําพูดของเทียน เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพาะปลูกอะไรกัน? อะไรคือพื้นที่เพาะปลูก?
หลังจากที่นิโคลัสออกไป เทียนก็เรียกนอยซ์เข้ามาแล้วพูดว่า “นายไปที่พื้นที่หมายเลข 9 ฮอว์กอายน่าจะอุ ปกรณ์แยกส่วนประกอบเอาไว้แล้ว 2 ชุด “
นอยซ์ลังเลเล็กน้อยและตอบกลับมาว่า “ครับ นายท่าน” หลังจากได้มีส่วนร่วมในการยึดครองพื้นที่ทั้ง 12 เขตของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ในคืนนั้น เขาก็คิดว่าตัวเองต้องกลับไปที่พื้นที่หมายเลข 9 อีกครั้งแน่นอน และในครั้งนี้ จะไม่มีใครสามารถขับไล่เขาออกมาได้
หลังจากที่นอยซ์ออกไป เทียนก็บอกให้เกล็นไปที่ตลาดวัสดุและขโมยรายงานวัสดุที่อยู่ในตลาดเหล่านั้นมา ด้วยความสามารถในการซ่อมตัวของเกล็นที่ได้มาจากมัจจุราชทมิฬการทําแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
ริเชลตั้งใจฟังคําสั่งต่างๆของเทียนและรู้สึกได้ถึงวิกฤตการณ์ที่อธิบายไม่ถูก เด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะเตรียมทําเรื่องอะไรบางอย่างที่ใหญ่โตอยู่ ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงวางแผนและเพาะปลูก! เห็นไม่ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจลูกน้องของตนเองมากเท่าไหร่ ตั้งแต่เขาถูกกําแพงชั้นในจับตัวไปดูเหมือนว่าความไว้ใจที่เขามีให้ลูกน้องของตนเองจะหายไปเลย
หลังจากที่เทียนได้ออกมาจากกําแพงชั้นในริเชลก็จับตามองเด็กหนุ่มคนนี้อยู่เสมอ เขาคิดว่าตนเองสามารถควบคุมเด็กหนุ่มคนนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ยิ่งช่วงหลังๆมานี้เทียนไม่ค่อยอยู่ในสายตาของเขาเท่าไหร่นัก
แต่ใครจะคิดกันว่าเพียงแค่ไม่กี่เดือนผ่านมาเด็กหนุ่มคนนี้ได้ก้าวข้ามผ่านเข้าไปแล้ว ถ้าหากเขาตรวจสอบ เรื่องนี้ให้ละเอียดมากพอบางทีเขาอาจจะไม่ต้องจบเส้นทางชีวิตของตนเองลงเหมือนในวันนี้
เขาทําได้เพียงส่ายศีรษะและถอนหายใจออกมาและเกลียดความรู้สึกแบบนี้
เทียนหันไปมองเซอร์กี้และถามว่า “คุณเมลตื่นหรือยัง?”
“ตื่นแล้วครับแต่ยังไม่ยอมพูดอะไร” เซอร์กี้ตอบกลับมา
เทียนพยักหน้าเบาๆ “แล้วผู้หญิง 2 คนนั้นล่ะนายได้อะไรมาบ้างหรือเปล่า?”
“ไม่ได้เลยครับพวกเธอปากแข็งมาก ผมพยายามแยกทั้งสองคนออกจากกันแต่พวกเธอก็ไม่ยอม พวกเธอไม่ยอมทําตามคําสั่งแม้แต่ร้องขอความเมตตาก็ไม่ยอมครับ” เซอร์กี้ยิ้มเงื่อนๆ
เทียนพยักหน้าเบาๆ “ดูเหมือนว่านายกดดันพวกเธอไม่มากพอ ไม่ต้องสงสารพวกเธอหรอก”
เซอร์กี้เกาศีรษะของตนเองเบาๆและตอบกลับมาว่า “ผมก็รุนแรงไปมากแล้วนะครับ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงทางร่างกายหมายถึงทางจิตใจ นายเข้าใจหรือเปล่า?” เทียนพยายามบอกเขา
เซอร์ก็รีบพยักหน้าทันที “ผมเข้าใจแล้วครับ”
“ออกไปได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันต้องการเห็นพวกเธออ้อนวอนขอความเมตตา” เทียนพูดออกมาอย่างเย็นชา
เซอร์กี้พยักหน้าและเดินขึ้นบันไดไปทันที
เมื่อริเชลได้ยินคําพูดของเทียนสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าคนที่ฆ่าล้างตระกูลตระกูลเมลจะเป็นเทียน! ดูจากคําพูดของเด็กหนุ่มคนนี้แล้วมือของเขาเปื้อนเลือดมาเท่าไหร่แล้ว?
ริเชลพูดออกมาว่า “ตระกูลเมลถูกทําลายไปแล้ว แม้แต่พวกคนแก่หรือเด็กๆก็ไม่เหลืออยู่เลย ทําไมคุณถึงยังทรมานพวกเขา?”
“ไม่มีใครเหลืออยู่แล้วจริงๆหรอ?” เทียนจ้องมองมาที่เขา
ริเชลตกตะลึงและไม่ได้ตอบเลยกลับมา
“ถ้าผมจําไม่ผิดยังมีนายน้อยของตระกูลเมลที่มีชื่อว่า เมิคล์ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นอัศวินแห่งแสงที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ของคุณ เขาไม่ได้อยู่ที่บ้านในวันที่เกิดเหตุการณ์และหายตัวไปจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ทันที คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาไปไหน?” เทียนพูดออกมาอย่างเฉยเมย
ริเชลยืนขึ้นมาและส่ายศีรษะ “ผมไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้มาก่อนแต่ถ้าคุณอยากรู้จริงๆผมจะสามารถหาคําตอบให้ได้”
“ไม่จําเป็นหรอก” เทียนพูดต่อไปว่า “ถึงแม้กําแพงยักษ์นี้จะมีขนาดใหญ่แต่มันก็ไม่ใช่โลกทั้งใบหาคนสักคนไม่ใช่เรื่องยากหรอก”
ริเชลได้ยินคําพูดของเด็กหนุ่มก็รู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก