The Divine doctor : ชายาข้าคือแพทย์เทวะ - ตอนที่ 733-734
ตอนที่ 733 การโจมตีของเฟิงเซียงหรู
ตอนที่733 การโจมตีของเฟิงเซียงหรู
เฟิงเซียงหรูได้เคลื่อนไหวและ”ตบ” ความดุร้ายของนางทำให้คนในห้องตัวสั่น พวกบ่าวรับใช้ที่มากับเสี่ยวหยาก็รีบคว้าตัวเฟิงเซียงหรู อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ยินเฟิงเซียงหรูกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าเป็นคุณหนูสามของตระกูลเฟิง และข้าก็ได้รับแต่งตั้งเป็นอาจารย์ขององค์ชายสี่, ซวนเทียนยี่ เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้ากล้าทำอะไรข้า”
บ่าวรับใช้ที่ดูแลเสี่ยวหยานั้นเป็นเพียงแค่ยายและคนแข็งแรงที่ซื้อมาไม่มีใครสามารถยืนหยัดต่อสู้กับนางได้ พวกเขาจะไม่กลัวคำพูดของเฟิงเซียงหรูได้อย่างไร เสี่ยวหยาเองในขณะที่คนของนางถอยกลับพร้อมความกลับบนใบหน้า ความโกรธเต็มหัวใจของนาง อย่างไรก็ตามนางยังเห็นความแตกต่างระหว่างนางกับคนที่เป็นของตระกูลผู้สูงศักดิ์ พวกเขามีเสาค้ำยันที่เชื่อถือได้โดยไม่คำนึงถึงความสามารถของตัวเอง เนื่องจากชื่อเพียงอย่างเดียวนั้นค่อนข้างน่ากลัว แต่แล้วนางล่ะ บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างนางถูกซื้อมา พวกเขาเป็นบ่าวรับใช้ไร้ฝีมือที่ซื้อจากพ่อค้าทาสและความภักดีของพวกเขาขึ้นอยู่กับเงิน พวกเขายังไม่ได้เห็นอะไรมากและอาจถูกข่มขู่ให้หวาดกลัวด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ สำหรับตัวนางเอง นางพึ่งพาเหยาซื่ออย่างแท้จริงในขณะที่พูดถึงตัวเองว่าเป็นคุณหนูตระกูลเฟิง ในความเป็นจริงนางแค่แกล้งทำเป็น ในการเผชิญหน้ากับคุณหนูตระกูลเฟิงที่แท้จริง นางจะได้รับการพิจารณาอย่างไร ?
เฟิงเซียงหรูมองที่เสี่ยวหยาด้วยสายตาที่เย็นชาไร้อารมณ์อย่างไรก็ตามเสี่ยวหยาต้องการฟื้นฐานรากของตัวเอง ดังนั้นนางจึงกัดฟันกล่าวว่า “น้องสาม”
ใครจะรู้ว่าเฟิงเซียงหรูจะตอบทันที“อย่าเรียกข้าว่าน้องสาม ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าไม่มีอะไร ยิ่งกว่านั้นข้ายังไม่อยากตาย ตระกูลเฟิงไม่ต้องการที่จะตาย เจ้าสาปแช่งฮ่องเต้และพระชายาหยุนต่อหน้าผู้คนมากมายในเมืองหลวง เสี่ยวหยา หากเจ้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ อย่าลากตระกูลเฟิงและตระกูลเหยาลงโคลนไปพร้อมกับเจ้า ! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นศัตรูกันมากแค่ไหน ระหว่างเจ้ากับองค์หญิงจี่อัน ให้ออกไปข้างนอก อย่าทำอะไรที่เลวร้ายในร้านปักของข้า เจ้าดูถูกฮ่องเต้และพระชายาหยุนในวันนี้เป็นสิ่งที่ข้าจำได้ มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าอยากตายอย่างไร สำหรับการดูแลท่านฮูหยินเหยา ข้าอาจช่วยเจ้าได้นิดหน่อย”
เสี่ยวหยาสั่นเทาคำพูดของเฟิงเซียงหรูวางนางไว้บนลานประหาร และนี่เป็นสิ่งที่นางไม่ได้เตรียมไว้ให้ ในอดีต นางถามไปทั่วและทุกคนรู้ว่าคุณหนูสามตระกูลเฟิงเป็นบุตรสาวของอนุ บุคลิกของนางอ่อนแอ และแม้แต่มารดาที่ให้กำเนิดของนางก็เงียบ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังในบ้านของตัวเอง เนื่องจากบ้านตระกูลเฟิงไม่ได้จัดเตรียมเงินทองไว้ให้ พวกเขาจึงต้องพึ่งพาร้านปักแห่งนี้เพื่อดูแลตัวเอง นางคิดว่าเฟิงเซียงหรูจะเป็นคนที่นางสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากข้อมูลที่นางรวบรวมมา ?
เสี่ยวหยาคิดอย่างรวดเร็วแต่ถูกเฟิงเซียงหรูทำให้กลัวอย่างสมบูรณ์ใบหน้าของนางซีดเซียวแต่นางก็หายเป็นปกติเร็วมาก จากนั้นนางก็ยิ้มและกล่าวกับเฟิงเซียงหรู “เจ้าพูดเรื่องอะไร น้องสาม อย่ากลัวพี่สาวอย่างนั้น ส่วนที่ว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ก็ไม่เป็นไรถ้าเจ้าไม่ยอมรับ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นบุตรสาวของอนุ ในปัจจุบันการตัดสินใจของตระกูลเฟิงซึ่งเป็นสิ่งที่คุณหนูสี่ยอมรับ และข้าก็ยอมรับเจ้า แม้แต่ท่านพ่อก็ปฏิบัติต่อข้าอย่างอ่อนโยน แม้ว่าผู้คนจากคฤหาสน์เหยามาที่บ้าน พวกเขาปฏิบัติต่อข้าอย่างสุภาพ นั่นเป็นสาเหตุที่ไม่ว่าน้องสามจะยอมรับข้าหรือไม่ ข้าไม่สนใจอะไรมาก ข้าจะเตือนน้องสามว่า ข้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้และพูดบางสิ่งที่ไม่ควรพูด นี่คือความจริง แต่ถ้าน้องสามจะมีความเด็ดเดี่ยวมาก มันจะไม่เป็นเรื่องดีสำหรับตระกูลเฟิงหรือตระกูลเหยา นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าหวังว่าน้องสามจะคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้”
หลังจากเสี่ยวหยาพูดจบเฟิงเซียงหรูก็เงียบไปครู่หนึ่ง เป็นที่ชัดเจนว่าคำพูดของเสี่ยวหยาทำให้นางรู้สึกวิตกกังวล อย่างไรก็ตามหวงซวนก็ไม่สามารถคิดอะไรมากมาย นางแค่รู้สึกว่าเสี่ยวหยาพูดแรงเกินไป และนางก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “เจ้าพอใจอะไร ? อย่าลืมว่ามันไม่ใช่แค่คุณหนูสามตระกูลเฟิงที่ได้ยินเจ้าพูดสิ่งเหล่านั้น นอกจากนี้ยังมีพวกเราและองค์หญิงจี่อัน เจ้าต้องการปัดความรับผิดชอบนี้หรือไม่ ? เจ้าค่อนข้างจะมองโลกในแง่ดี”
“โอ้? ” เสี่ยวหยามองไปที่หวงซวนเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกลัวบ่าวรับใช้คนนี้ ดังนั้นนางจึงกล่าวว่า “ลองกระจายข่าวสิ ไม่เป็นไรถ้าข้าตายคนเดียว แต่จะมีหลายคนที่ไปกับข้าที่หลุมศพ มีตระกูลเฟิงและตระกูลเหยา คิดดูแล้วมันค่อนข้างน้อย ไปสิ มาดูกันว่าใครจะความสูญเสียมากที่สุด”
หวงซวนโกรธมากจนนางต้องการตบเสี่ยวหยาอย่างไรก็ตามนางถูกหยุดเฟิงหยูเฮง “เจ้าต้องการลากตระกูลเฟิงและตระกูลเหยาลงไปในหลุมศพกับเจ้าใช่หรือไม่ ? ” เฟิงหยูเฮงยิ้มและกล่าวว่า “มีคนหนึ่งทำผิด แต่ตระกูลทั้งสองไปลงหลุมศพกับเจ้า มันค่อนข้างน่ากลัวจริง ๆ แต่…มันเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไร เจ้ากำลังขู่ข้าด้วยวิธีเดียวกันกับที่เจ้าขู่คุณหนูสามตระกูลเฟิงงั้นหรือ ? ”
เสี่ยวหยาตกใจตอนนี้นางรู้แล้วว่าเฟิงหยูเฮงตัดสัมพันธ์กับทั้งตระกูลเฟิงและตระกูลเหยาเป็นเรื่องจริง นางเป็นคนระวังและกังวลเล็กน้อย หากเฟิงหยูเฮงไม่สนใจจริง ๆ ว่าทั้งสองตระกูลนั้นมีชีวิตอยู่หรือตายและกระจายข่าวนี้ นางจะไม่ถูกบังคับให้ตายหรอกหรือ ? เสี่ยวหยากำลังคิดว่านางจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้อย่างไร ในขณะที่นางกำลังคิดเกี่ยวกับมัน ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเฟิงเซียงหรูกล่าวว่า “องค์หญิงจี่อัน ท่านได้ยินอะไร ? มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นที่จะทำให้เกิดปัญหากับทั้งตระกูลเฟิงและตระกูลเหยาเจ้าคะ ? ”
เสี่ยวหยาสะดุ้งในขณะที่นางมองที่เฟิงเซียงหรูด้วยความประหลาดใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมาก อย่างไรก็ตามนางสามารถเข้าใจเหตุผลที่เฟิงเซียงหรูเปลี่ยนด้านและช่วยเหลือนาง ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากช่วยตระกูลเฟิงและตระกูลเหยาจากหายนะครั้งนี้ มันไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแม้แต่น้อย แต่นางก็มีความสุขที่ได้ดูละครเรื่องนี้ คุณหนูสามตระกูลเฟิงที่ขัดแย้งอย่างเปิดเผยกับเฟิงหยูเฮง นี่เป็นบทละครที่นางรู้สึกว่าสนุกสนานมาก
เสี่ยวหยาก้าวถอยหลังสองสามวินาทีแล้วยกแขนขึ้นกอดอกด้วยความคิดของนางที่เต็มไปด้วยความคิดในการมองดูทั้งสองตรงหน้านาง นางได้ยินเฟิงหยูเฮงถามว่า “คุณหนูสามตระกูลเฟิง เจ้าหมายถึงอะไร ? ”
เฟิงเซียงหรูมีใบหน้าที่ไร้อารมณ์เพราะนางแค่จ้องที่เฟิงหยูเฮงไม่มีใครสามารถคาดเดาสิ่งที่นางรู้สึก นางพูดอย่างจริงจังกับเฟิงหยูเฮง “ข้าไม่ได้ยินอะไรเลยและไม่เห็นอะไรเลย ในห้องนี้นอกจากท่านและคนที่ท่านพามา จะปิดปากเงียบเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นองค์หญิงจี่อันได้โปรดกลับไปเจ้าค่ะ” นางทำท่าให้แขกออกไป และไม่สนใจว่าเฟิงหยูเฮงปฏิเสธหรือไม่รีบไปด้วย “โปรดรีบไป ร้านค้าเล็ก ๆ แห่งนี้ยังคงต้องการทำธุรกิจ ด้วยสถานะอันสูงส่งของท่าน สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถรับใช้ใครสักคนที่น่านับถือเหมือนท่านได้เจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงไม่พูดอะไรมากอย่างไรก็ตามนางมองวังซวน หวงซวนเป็นคนที่เปิดเผย ในขณะที่วังซวนเป็นคนที่ถี่ถ้วนมาก ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว นางก็เข้าใจในทันทีว่าสิ่งที่นางคิดถึงคืออะไร นางจึงก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวกับเฟิงเซียงหรู “คุณหนูสามตระกูลเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าความผิดประเภทใดที่เจ้าได้กระทำโดยการปกป้องคนที่กล้าดูถูกฮ่องเต้ ?
เฟิงเซียงหรูยังมีสีหน้าเหมือนเดิมราวกับว่านางไม่เห็นวังซวนเนื่องจากนางยังคงจ้องมองที่เฟิงหยูเฮง หลังจากนั้นไม่นานนางก็กล่าวว่า “ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ข้าไม่เห็นสิ่งที่ข้าไม่เห็น ข้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าไม่ได้ยิน หากองค์หญิงจี่อันประสงค์จะยื่นฟ้องเรา พวกเราจะจ่ายให้ทั้งหมด พวกเจ้ามีแค่ 3 คน แต่เรามีพยานหลายคนที่นี่ องค์หญิงเป็นคนฉลาด ข้ารู้สึกว่าท่านจะไม่ไปกับพวกเราสามัญชนที่ต่ำต้อยในสำนักงานของทางการที่จะเผชิญหน้ากันใช่ไหมเจ้าค่ะ ? ”
เฟิงหยูเฮงหัวเราะสำหรับเสี่ยวหยา เสียงหัวเราะนั้นดูเหมือนว่าเป็นคนที่ยืนอยู่เหนือฝูงชน อย่างไรก็ตามไม่มีใครเข้าใจว่าเสียงหัวเราะนี้มีความพึงพอใจมากเพียงใด “ลืมมันไปเถิด” นางเพียงแต่จ้องมองที่เฟิงเซียงหรู แต่กล่าวกับวังซวนว่า “องค์หญิงผู้นี้ไม่มีความสามารถหรือความปรารถนาเช่นนั้น ไปกันเถิด จะพูดอะไรกับคนเหล่านี้ เพียงแค่มองที่พวกนางก็ทำให้ข้ารู้สึกรำคาญ”
ในที่สุดเฟิงหยูเฮงก็ออกจากร้านเย็บปักโดยที่ยังคงเชิดหน้าสูงความกล้าหาญขององค์หญิงไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถเทียบได้ มีคนไม่กี่คนที่ได้เห็นละครเรื่องนี้ตีแผ่ นางกล้าที่จะเชื่อคำพูดขององค์หญิงจี่อันและคุณหนูสามของตระกูลเฟิงที่ได้รับการโต้เถียงจะกระจายไปทั่วเมืองหลวง ในเวลาเดียวกันคุณหนูสามตระกูลเฟิงก็ยืนอยู่ข้างเดียวกับคุณหนูจากบ้านตระกูลเหยา เจ้านายของตระกูลเฟิงและคุณหนูสี่ซึ่งตอนนี้กำลังตัดสินใจได้ยอมรับนางแล้ว ดูเหมือนว่าองค์หญิงจี่อันนั้นโดดเดี่ยวและไม่มีญาติเลย
เฟิงหยูเฮงเดินผ่านหิมะและเสียงที่ดังกึกก้องฟังดูน่าพอใจมากหวงซวนค่อยๆ เข้ามาทำความเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากการที่นางพลาดไป มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าองค์หญิงจี่อันตัดขาดจากตระกูลเฟิงและตระกูลเหยาแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นธรรมต่อเฟิงหยูเฮง “คุณหนู ทำไมเราที่ต้องทำแบบนี้ ? แม้ว่ามันจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพวกเขา ข้ายังรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงมองกลับไปปลอบใจนาง“อะไรคือความทุกข์นี้ ? ถ้าข้าไม่ทำสิ่งนี้ จะมีอาการเจ็บมากขึ้นในอนาคต ทุกคนสามารถเห็นว่าอันตรายที่อยู่รอบตัวข้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จะมีวันหนึ่งที่พวกเขาจะกำหนดเป้าหมายไปที่สหายและครอบครัวของข้า ถ้าข้าไม่ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาให้หมดจด เมื่อพวกเขากลายเป็นจุดอ่อนของข้าและกลายเป็นเป้าหมายสำหรับศัตรูของข้า มันจะสายเกินไปที่จะร้องไห้ ยิ่งไปกว่านั้นเหยาซื่อไม่ได้อยู่ใกล้ข้าอีกต่อไป นางยอมรับเสี่ยวหยา และความรู้สึกของข้าที่มีต่อนางมีทั้งหมดหายไปแล้ว น่าเสียดาย”
เมื่อได้ยินนางพูดอย่างนี้หวงซวนก็ยอมแพ้ในเรื่องนี้และไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่เฟิงหยูเฮงกล่าวกับตัวเองว่า “เมื่อเห็นเฟิงเซียงหรูตอนนี้ ข้ารู้สึกปลื้มใจจริง ๆ ! ในที่สุดนางก็เข้าใจวิธีการใช้ประโยชน์จากคนที่อยู่ข้างนางด้วยอำนาจ เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียใด ๆ นางจะไม่ถูกกลั่นแกล้งอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อน นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก”
“ใช่เจ้าค่ะคุณหนูสามกล้าหาญกว่าเมื่อก่อน” วังซวนยกย่องนางเช่นกัน “แม้แต่อนุอันก็ยังไม่อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อน”
รอยยิ้มอันน่ายินดีของเฟิงหยูเฮงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งขณะที่นางพาบ่าวรับใช้สองคนของนางไปเล่นหิมะบนถนน ดูเหมือนว่านางจะอารมณ์ดี
ในอีกด้านหนึ่งภายในร้านเย็บปักเสี่ยวหยากำลังเตรียมที่จะแสดงความขอบคุณนางต่อเฟิงเซียงหรูที่ช่วยเหลือ ในเวลาเดียวกันนางก็ต้องการที่จะได้ใกล้ชิดกับคุณหนูสามของตระกูลเฟิง อย่างไรก็ตามนางได้ยินเฟิงเซียงหรูใช้น้ำเสียงเย็นชาและไร้อารมณ์ที่จะกล่าวกับนาง “เอาสิ่งที่เจ้าซื้อออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว โปรดจำไว้ว่าเนื่องจากเจ้ากำลังเคลื่อนไหวโดยใช้ชื่อคุณหนูตระกูลเฟิง เจ้าต้องใส่ใจกับคำพูดและการกระทำของเจ้า อย่าเชื่อว่าเจ้าคุกคามข้าได้จริง ๆ ข้าไม่อยากสร้างปัญหามากเกินไป ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าคำพูดของคนพวกนี้มีน้ำหนักมากเมื่อเทียบกับข้อกล่าวหาขององค์หญิงจี่อันหรือไม่ ? ออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว”
เสี่ยวหยาเข้าใจดีว่าเฟิงเซียงหรูไม่ต้องการให้ตระกูลเฟิงเข้ามามีส่วนร่วมดังนั้นนางจะต่อสู้กับเฟิงหยูเฮง แต่เมื่อมองจากอีกด้านหนึ่ง นางไม่มีความประทับใจในตัวเอง นางไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่นี่ นางเพียงแค่พูดอย่างเย็นชาขณะที่นางจากไปกับบ่าวรับใช้ที่ถือของที่ซื้อมา
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหยาจากไปอันชิก็ให้พนักงานปิดประตูร้าน นางจะปิดร้านแล้วในวันนี้ จากนั้นนางก็ไปหาบุตรสาวของนาง และต้องการที่จะปลอบนางเล็กน้อย อย่างไรก็ตามนางเห็นว่าใบหน้าของเฟิงเซียงหรูเต็มไปด้วยน้ำตา เฟิงเซียงหรูกัดริมฝีปากล่างและพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ส่งเสียง แต่นางอยู่ใกล้และได้ยินเสียงสะอื้นที่เงียบสงบของเฟิงเซียงหรูกล่าวว่า “พี่รอง ท่านพี่ต้องดูแลตัวเองให้ดี”
ตอนที่ 734 คนที่ซ่อนอยู่ในพระราชวัง
ตอนที่734 คนที่ซ่อนอยู่ในพระราชวัง
คนอื่นอาจไม่เข้าใจความตั้งใจของเฟิงหยูเฮงแต่เฟิงเซียงหรูและอันชิก็สามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี เฟิงหยูเฮงทำตัวห่างเหินจากตระกูลเฟิงอย่างไม่คาดคิด เหยาซื่อแสวงหาความตายด้วยตัวเอง และตระหนักว่าเสี่ยวหยาอาจทำให้เฟิงหยูเฮงขุ่นเคือง แต่เฟิงเซียงหรูรู้ว่าพี่รองของนางไม่มีวันที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลเหยา ในขณะเดียวกันตระกูลเหยาก็ไม่อาจไร้เหตุผลจนดูถูกผู้คนในระดับนี้เพราะเรื่องของเหยาซื่อ
ทั้งหมดนี้ทำเพื่อให้เฟิงหยูเฮงสามารถปกป้องพวกเขาได้แม้แต่องค์ชายสี่ก็บอกนางว่า “เจ้ามีพี่สาวที่ดี เพื่อให้สามารถปกป้องเจ้าในระดับนี้ ไม่ต้องกังวล นับจากนี้ไปข้าจะปกป้องเจ้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกกลั่นแกล้ง”
นางไม่อยากฟังข้อความหลังคำแช่งของซวนเทียนยี่นางแค่ต้องการช่วยพี่รองของนาง เนื่องจากผู้คนจำเป็นต้องเชื่อมั่นในปริศนานี้ นางจะทำให้มันดูสมจริง แม้ว่านางจะร่วมมือกัน ทำไมนางถึงรู้สึกเศร้าหลังจากทำเช่นนั้น ?
ก่อนเที่ยงวันรุ่งขึ้นมีคนจากพระราชวังมาเยี่ยมคฤหาสน์โดยกล่าวว่าฮ่องเต้จะเสด็จไปล่าสัตว์ทางตะวันออกในอีก5 วันข้างหน้า องค์หญิงจี่อันถูกเสนอชื่อเข้าในรายชื่อคนที่ได้รับเชิญ นางได้รับเชิญให้เตรียมการบางอย่างและเข้าสู่พระราชวังในตอนเช้าของอีก 5 วันถัดไป
หลังจากบ่าวรับใช้ในพระราชวังออกไปวังซวนบอกกับเฟิงหยูเฮงว่าพื้นที่ล่าสัตว์ตะวันออกแห่งนี้จะล่าสัตว์ทุกปี ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันไม่ได้ถูกจัดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หวงซวนกล่าวว่า “บางทีฮ่องเต้ก็ทรงชราแล้วเจ้าค่ะ”
อย่างไรก็ตามวังซวนไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้นางดุหวงซวน “อย่าพูดเหลวไหล ฮ่องเต้ยังมีสุขภาพที่แข็งแรง” จากนั้นนางก็หันไปหาเฟิงหยูเฮง และกล่าวว่า “เท่าที่บ่าวรับใช้ผู้นี้เห็น ปีก่อนเกิดภัยพิบัติในฤดูหนาวและพลเมืองก็ทุกข์ทรมาน มันคงไม่ดีถ้าฮ่องเต้จะทรงล่าสัตว์ เมื่อปีที่แล้วเป็นไปได้มากว่าเพราะคุณหนูและองค์ชายเก้าเดินทางไปภาคเหนือ การต่อสู้ในเฉียนโจวอยู่ในระหว่างดำเนินการ ดังนั้นฮ่องเต้จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้าและรู้สึกว่าคำอธิบายของนางมีเหตุผลดังนั้นนางจึงไม่ได้ขออะไรเพิ่มเติม นางเพิ่งบอกหวงซวน “หลังจากนี้ดูแลเรื่องการเลี้ยงเสี่ยวไป๋ เราจะเตรียมอาหารให้มากขึ้น ข้าจะนำมันไปด้วย”
หวงซวนรู้สึกหมดหนทางและต้องทำตามคำแนะนำซ้ำ“เสือกินเนื้อ มันไม่สามารถให้นมผงต่อไปได้ มันไม่เหมือนกับน้ำหรือเจ้าคะ ? มันจะกินได้อย่างไร ดูว่าเสี่ยวไป๋กำลังเจริญเติบโต คุณหนู ข้ารู้สึกว่ามันเกี่ยวข้องกับที่คุณหนูให้อาหารมันเจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงส่ายหัวแล้วบอกนางว่า“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้ายังให้อาหารแข็งเสี่ยวไป๋ด้วย ข้าให้ขนมอบอร่อย ๆ จากครัวเล็กน้อย มันไม่ได้แค่กินนม นอกจากนี้ทำไมมันถึงตัวโต ? มันจะอยู่ที่ไหนหลังจากตัวใหญ่ ? เราจะขังมันไว้ในกรงเหล็กจริง ๆ หรือ ? ข้าไม่อยากขังมันไว้ แล้วพวกเจ้าล่ะ ? ”
หวงซวนและวังซวนส่ายหัว“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ” พวกนางมีปฏิสัมพันธ์กับเสี่ยวไป๋เล็กน้อย ขณะที่พวกนางเล่นกับมันราวกับว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยง พวกนางทำเช่นนั้นได้อย่างไร พวกนางไม่อยากขังมันไว้ในกรง
“แต่ถ้ามันไม่ถูกขังเมื่อตัวใหญ่และถูกปล่อยให้เดินเตร่ไปรอบ ๆ อย่างอิสระ พวกเจ้าสองคนไม่ต้องกลัว พวกเจ้ามีศิลปะการต่อสู้ แต่คนอื่น ๆ ล่ะ ? ถ้าเสี่ยวไป๋หิวและอยากกินคน บอกมาว่าใครในคฤหาสน์ของเราควรถูกกิน ? ” เฟิงหยูเฮงแทะเม็ดแตงในขณะที่ยุ่งกับบ่าวรับใช้สองคนของนาง
หวงซวนโกรธกระทืบเท้าและวังซวนกล่าวอย่างไร้ปัญหา “ไม่ได้บอกว่าเสี่ยวไป๋ไม่ได้กินเนื้อหรือเจ้าคะ ? มันจะกินคนเพื่ออะไรเจ้าคะ ? ”
“ไม่ใช่หวงซวนเพิ่งพูดว่าควรให้อาหารเป็นเนื้อสัตว์หรือ”
“ลืมมันไปเถิดปล่อยให้มันกินนมไป” หวงซวนยอมแพ้ “ใครสนใจว่ามันโตขึ้นหรือไม่ ไม่ว่าจะอย่างไรการอุ้มตลอดทั้งวันก็เป็นเรื่องสนุกเช่นกัน”
เฟิงหยูเฮงพูดติดตลกกับบ่าวรับใช้สองคนของนางสักพักแล้วยืนขึ้นเพื่อเข้าไปในห้องเก็บยาของนางนางได้เพิ่มห้องพักผ่อนพิเศษสำหรับเสี่ยวไป๋เพื่อให้อยู่ต่อ แต่หลังจากสภาพของเป่ยฟูหรงเริ่มดีขึ้น เฟิงหยูเฮงคิดว่าเมื่อนางกลับมาจากการล่าสัตว์ตะวันออก จะย้ายนางออกจากห้องเก็บยาไปที่ห้องปกติ
เมื่อนางมาถึงเป่ยฟูหรงก็ตื่นแล้ว และนางก็เล่นกับขวดยา นางจ้องมองที่คำแปลก ๆ ที่เขียนไว้ด้านบน เมื่อเห็นเฟิงหยูเฮงมา นางก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและกล่าวกับเฟิงหยูเฮงด้วยรอยยิ้มว่า “อาเฮง ตอนนี้ข้าสามารถอยู่ได้ครึ่งวันแล้ว เมื่อข้าอยากนอนหลับ ข้าไม่หลับทันทีอีกต่อไป แต่ข้าสามารถเดินกลับไปที่เตียงของข้าและนอนหลับได้ อาเฮงทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้ารักษาข้า ข้าขอบคุณเจ้ามาก ๆ ”
เฟิงหยูเฮงเห็นว่านางมีความสุขและเริ่มรู้สึกมีความสุขดังนั้นนางอยู่กับเป่ยฟูหรงสักพัก จากนั้นนางก็บอกเป่ยฟูหรงว่านางจะต้องตามเสด็จไปล่าสัตว์ในอีก 5 วัน ถ้านางต้องการอะไรนางก็จะเรียกฉิงหยู อย่างไรก็ตามเป่ยฟูหรงยังคงเคลื่อนไหวเหมือนพูดแล้วหยุด เฟิงหยูเฮงเข้าใจสิ่งที่นางต้องการถาม ดังนั้นนางจึงกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล เป่ยจื่ออยู่กับองค์ชายเก้า ทุกอย่างปกติดี ฝ่าบาทสัญญากับข้าว่าพวกเขาจะกลับมาก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นเจ้าคงหายดีแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นคงเป็นการจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่”
ใบหน้าของฟู่โหร่งเปลี่ยนเป็นสีแดงสดจากสิ่งที่นางพูดนางอาย นางไม่กล้าเงยหน้าขึ้นซึ่งทำให้เฟิงหยูเฮงหัวเราะ แต่เป่ยฟูหรงยังคงเป็นกังวล “อาเฮง เจ้าบอกว่าข้าไม่สามารถหายเป็นปกติได้เหมือนเมื่อก่อน ถ้าข้าแก่และน่าเกลียด… เป่ยจื่อจะยังต้องการข้าอยู่หรือ ? ”
เฟิงหยูเฮงไม่เคยกังวลเรื่องนี้นางบอกกับเป่ยฟูหรงว่า “เป่ยจื่อไม่ใช่คนที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวย เกณฑ์การเลือกภรรยาของเขานั้นแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น เจ้าต้องเชื่อใจเขาและเชื่อใจตัวเอง แน่นอนเจ้าต้องเชื่อใจข้ามากกว่านี้ด้วย” นางจับมือของเป่ยฟูหรงและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เชื่อใจข้า วางใจในทักษะการแพทย์ของข้า ข้าจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อรักษาเจ้า”
ห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็วท้องฟ้ายามเช้ายังคงมืดมิดเมื่อผู้คนในคฤหาสน์ขององค์หญิงเริ่มลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัว เฟิงหยูเฮงสวมเสื้อคลุมฤดูหนาวจากนั้นอุ้มเสี่ยวไป๋ไว้ในอ้อมกอด นางกินขนมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ขึ้นรถม้า รถม้าของราชสำนักถูกขับเคลื่อนโดยบานซูและมุ่งตรงไปยังพระราชวังของฮ่องเต้ หวงซวนถามนางว่า “คุณหนูไม่ให้บานซูไปที่ลานล่าสัตว์กับเราหรือเจ้าคะ ? ”
“ไม่”เฟิงหยูเฮงกล่าวอย่างมั่นคง “ฮ่องเต้จะออกไปข้างนอก คงหนีไม่พ้นที่ฝ่าบาทจะนำพระสนมไปด้วย จะไม่มีปัญหาการขาดองครักษ์เงา ถ้าข้าพาเขาไปด้วยจะไม่สะดวก ถ้าคนที่มีแรงจูงใจซ่อนเร้นใช้สิ่งนี้เพื่อพูดอะไรบางอย่าง นั่นไม่อาจอธิบายได้โดยง่าย”
บานซูได้ยินคำพูดของนางอย่างชัดเจนและเขาไม่สามารถช่วยได้ แต่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถ้าคุณหนูไม่ต้องการพาข้าไปก็พูดตรง ๆ คุณหนูจะหาข้อแก้ตัวเหล่านี้เพื่ออะไรขอรับ ? ”
เฟิงหยูเฮงงงงวย“ข้าจะแก้ตัวอย่างไร หวงซวนถาม ข้าจึงอธิบายให้นางฟัง ข้าบอกโดยตรงจากตั้งแต่ต้น เจ้าบอกไม่ได้หรือ ? ”
บานซูตะโกนอย่างเย็นชาอีกครั้งจากนั้นก็เงียบลง
พวกเขามาถึงประตูพระราชวังอย่างรวดเร็วมีบ่าวรับใช้ในพระราชวังอยู่ในสถานที่นี้แล้วในตอนเช้าตรู่เพื่อรับแขกเข้ามาในพระราชวัง นอกพระราชวังนอกจากเฟิงหยูเฮงแล้ว ยังมีครอบครัวของซวนเทียนเก้อและครอบครัวของขุนนางที่สำคัญ มีคนไม่กี่คนที่เข้าไปในพระราชวัง
เฟิงหยูเฮงมาถึงเร็วกว่าแทนที่จะไปที่พระราชวังด้านในก่อน นางไปที่บ้านพักของช่างฝีมือก่อน ย้อนกลับไปตอนนั้นช่างฝีมือเป่ยต้องการกลับมาที่พระราชวัง ดังนั้นเขาจึงอยู่ในพระราชวังหวังที่จะได้พบกับคนที่ต้องสงสัย แต่มันก็เป็นเวลานานตั้งแต่เรื่องนั้น เมื่อเฟิงหยูเฮงเห็นเขาอีกครั้ง นางพบว่าช่างฝีมือเป่ยส่ายหน้าอย่างไร้ประโยชน์ “ข้าอยู่ในพระราชวังมานานแล้วและสังเกตมานาน แต่ข้าไม่สามารถหาคนนั้นได้ มีหลายครั้งที่ข้าสงสัยว่าการตัดสินใจของข้าในเวลานั้นถูกต้องหรือไม่ องค์หญิง ท่านเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่าเราอาจเข้าใจผิด ? ”
ในเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องนี้เฟิงหยูเฮงไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ อย่างไรก็ตามนางรู้ว่าต้องมีใครบางคนอยู่ในพระราชวังแห่งนี้อย่างแน่นอน หรือแม้แต่คนไม่กี่คนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับภาคเหนือและเฉียนโจว นางเตือนช่างฝีมือเป่ย “ถ้าเราไม่สามารถหาใครซักคนด้วยการสังเกตด้วยตา เพียงแค่สังเกตด้วยหัวใจของท่านแล้วลองคิดดู มีหลายครั้งที่สิ่งที่ดวงตาไม่สามารถมองเห็นได้แต่จะชัดเจนขึ้นเมื่อท่านหลับตา”
เมื่อนางพูดอย่างนี้ช่างฝีมือเป่ยคิดอะไรบางอย่างจริง ๆ เขาบอกกับเฟิงหยูเฮง “ที่จริงแล้วมันไม่สามารถถือว่าเงียบสนิท ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาท่านส่งจดหมายเข้าไปมาพระราชวังเรื่องสุขภาพของฟูหรง ข้าได้ยินมาว่านางสบายดี ข้าผ่อนคลายอย่างมาก นอกจากนี้ตั้งแต่ท่านกลับมามีงานในพระราชวังไม่มากนัก แม้ว่าข้าจะสัญญาไว้แล้วว่าข้าสามารถทำเครื่องประดับให้กับทุกคนได้ แต่ผู้คนในพระราชวังยังคงมีน้ำใจและข้าไม่ได้ทำงานหนักมาก เมื่อข้าไม่ได้ทำงาน ข้าคิดอยู่เสมอว่าทำไมข้าถึงถูกผูกติดอยู่กับเรื่องแบบนั้น ? ยิ่งข้าคิดจะออกไปตามหาฟูหรง ยิ่งมีงานส่งถึงข้ามากขึ้น ในเวลานั้นรู้สึกว่างานชิ้นหนึ่งเสร็จสมบูรณ์ คำขออื่นจะเข้ามา ไม่ว่าอะไรข้าไม่สามารถผลักมันออก แม้ว่างานนั้นจะถูกส่งมาจากคนต่าง ๆ แต่ก็ต้องมีคนคนหนึ่งเพื่อกำกับมันทั้งหมด ดังนั้นคนเหล่านั้นก็สามารถมาหาข้าอย่างไม่รู้จบ”
บางทีสภาพจิตใจของช่างฝีมือเป่ยนั้นช่างวุ่นวายนอกจากนี้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นเพียงการเก็งกำไร และไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน แต่เฟิงหยูเฮงก็สามารถเข้าใจได้ นางถามช่างฝีมือเป่ย “ท่านลุงสงสัยใครบ้างเจ้าคะ ? ”
ช่างฝีมือเป่ยมองนางและไตร่ตรองสักพักก่อนที่จะกล่าว“คนผู้นั้นมีสถานะที่สูงมากในพระราชวัง อย่างน้อยที่สุดนางก็ไม่มีใครเทียบได้ในพระราชวังชั้นใน องค์หญิง ข้าสงสัย…”
“ฮองเฮาหรือ? ” เฟิงหยูเฮงพูดกับเขาด้วยท่าทางที่จริงจัง คิ้วที่สง่างามของนางนั้นมีรอยย่นแน่น และความตกใจเล็กน้อยอยู่ในแววตาของนาง
ช่างฝีมือเป่ยพยักหน้า“ใช่ขอรับ เป็นฮองเฮา แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของข้า อย่างน้อยที่สุดดูเหมือนว่าไม่มีการจัดการกับฮองเฮาในมือของเรา นอกจากนี้นางปฏิบัติต่ฮ่องเต้และองค์หญิงเป็นอย่างดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นเรื่องดี สำหรับองค์หญิงที่จะฟังสิ่งนี้โดยไม่คำนึงถึงอะไร มิฉะนั้นถ้าคนดีถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ นั่นจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี ยิ่งกว่านั้นแม้ว่านางจะไม่ได้เป็นคนดี แต่นางก็มีอำนาจมาก องค์หญิงต้องระวังขอรับ”
เฟิงหยูเฮงไม่ได้พูดอีกต่อไปเพราะนางกลับไปที่พระราชวังอย่างรวดเร็วก่อนอื่นนางไปถามพระชายาหยุนว่าจะไปหรือไม่ แต่ปรากฏว่าพระชายจาหยุนยังคงหลับอยู่และยังไม่ตื่นเลย โดยธรรมชาติแล้วนางจะไม่ไป นางไม่ได้ไปรบกวนพระชายาหยุนอีกต่อไป นางมุ่งหน้าไปหาฮองเฮา
วันนี้บรรดาพระสนมของฮ่องเต้และบรรดาผู้หญิงที่เข้ามาในพระราชวังจะมารวมตัวกับฮองเฮาก่อนเมื่อถึงเวลา พวกนางจะออกจากพระราชวังไปด้วยกัน เมื่อนางมาถึงมีคนมากมายรออยู่ที่นั่น เฟิงหยูเฮงมองไปรอบ ๆ และเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยบ้างเล็กน้อย โดยธรรมชาติไม่จำเป็นต้องพูดถึงพระสนมของฮ่องเต้ แต่มีตระกูลหลู่, หลู่หยาน ตระกูลเฟิง, เฟิงเฟินไดและเฟิงเซียงหรู และมีซวนเทียนเก้อ, เหรินซีเฟิง และเฟิงเทียนหยู พวกนางทั้งหมดรออยู่ที่นั่น
นางคารวะฮองเฮาจากนั้นก็ถอยกลับหลังจากคุยกันสักพัก ขณะที่นางกำลังจะทักทายซวนเทียนเก้อ สหายเก่า 2 คนเข้ามาในวิสัยทัศน์ของนาง เมื่อได้เห็นคนสองคนนี้ สิ่งที่ช่างฝีมือเป่ยพูดกับนางก็ผุดขึ้นในใจของนางอีกครั้ง นางคิดเล็กน้อยแล้วเดินไปที่ทั้งสอง…