The Divine doctor : ชายาข้าคือแพทย์เทวะ - ตอนที่ 903-904
ตอนที่ 903 อาเฮง, องค์ชายผู้นี้มาแต่งงานกับเจ้า !
ตอนที่903 อาเฮง, องค์ชายผู้นี้มาแต่งงานกับเจ้า !
คำว่า“พระองค์มา” ทำให้เฟิงหยูเฮงรู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่ง ซวนเทียนหมิงมา ? อะไรคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับความปั่นป่วนเช่นนี้ ? ตั้งแต่เมื่อใดที่บ่าวรับใช้สองคนนี้ไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ ? ตะโกนออกมาราวกับว่าเป็น “ฮ่องเต้เสด็จมา”
ในขณะที่แปรงผมนางเดินไปเปิดประตู หลังจากผมของนางแห้งด้วยเครื่องเป่าผม มันสะอาดและสดชื่นมาก นางมัดผมของนางเป็นหางม้าทำให้นางดูดีมาก
เสียงร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนอกประตูและพวกนางดูเหมือนจะรีบเร่งมากยิ่งขึ้น แม้แต่บานซูเข้าร่วมด้วยเช่นกัน เสียงของเขาดังเข้ามา มันสุภาพน้อยกว่าวังซวนและหวงซวน “คุณหนูทำอะไรอยู่ ? ขบวนขององค์ชายเก้าได้ถึงทางเข้าห้องโถงสมุนไพรแล้ว คุณหนูยังไม่รีบแต่งหน้าอีก ! ”
เฟิงหยูเฮงโกรธจัดเปิดประตูออกมานางตะโกนเสียงดัง “แค่ซวนเทียนหมิงที่มาใช่หรือไม่ ! ถ้าพระองค์มาก็ให้เข้ามา เจ้าจะตะโกนอะไร เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าต้องการให้ข้าคุกเข่าและคำนับ 3 ที จากนั้นก็โขกหัวให้พระองค์อีก 5 ทีเพื่อต้อนรับพระองค์ ? พวกเจ้า…เอ่อ…” เฟิงหยูเฮงรู้สึกงงงวย ทำไมถึงมีคนจำนวนมากอยู่ข้างนอก ? มีหลายคนที่อยู่ข้างนอก มีบ่าวรับใช้และองครักษ์เงา หมอและพยาบาลของร้านห้องโถงสมุนไพร และมีผู้ป่วยของห้องโถงสมุนไพรและครอบครัวของพวกเขา ยังมีพลเมืองจากภายนอกที่เข้ามา ในขณะที่พวกเขามองนางด้วยท่าทางฉลอง พวกเขาทุกคนมีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า
สถานการณ์เช่นนี้คืออะไร?
เฟิงหยูเฮงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย“ซวนเทียนหมิงให้เงินกับพวกเจ้าหรือ ? ” ทำไมถึงดีใจกันนัก ? แต่ซวนเทียนหมิงเพิ่งมาถึง นี่เป็นโอกาสดีอะไร ? มันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ?
เมื่อเห็นว่านางยังคงดูสับสนหวงซวนก็กระทืบเท้าของนางอย่างกังวลใจ “ฮ่าๆๆ คุณหนู ! ท่านได้สติหรือยัง ขบวนพิธีสมรสขององค์ชายเก้ามาแล้วเจ้าค่ะ เมื่อได้ยินว่าคุณหนูกำลังทำการผ่าตัด พระองค์ได้สั่งไม่ให้รบกวนคุณหนู ได้ยินว่าคุณหนูเหนื่อยหลังจากการผ่าตัดและต้องการพักผ่อนสักครู่ พระองค์ก็รออย่างอดทนอีกครึ่งชั่วยาม ตอนนี้เกือบเที่ยงแล้ว หากคุณหนูไม่ไปเร็ว ๆ นี้ เราจะไม่ไปถึงเมืองชาปิงก่อนที่มันจะมืด ! ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เฟิงหยูเฮงสับสนมากขึ้นนี่คืออะไร ขบวนแต่งงาน “ขบวนแต่งงานอะไร ใครกำลังจะแต่งงาน ? ”
“คุณหนูเจ้าค่ะ! ” วังซวนไม่สามารถกลั้นอารมณ์ของนางไว้ได้เพราะน้ำตาคลอในดวงตาของนาง คว้ามือของเฟิงหยูเฮง นางระงับอารมณ์และกล่าวว่า “พวกเราทุกคนตำหนิองค์ชายเก้าอย่างผิด ๆ ปรากฏว่าพระองค์ไม่ได้พูดอะไรและมาที่นี่เพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับคุณหนู นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อคุณหนูเพิ่งเข้าผ่าตัด ขบวนแต่งงานเพิ่งมาถึง พระองค์สวมชุดแต่งงานสีแดงสดและขี่ม้าทหารของพระองค์มา พระองค์ทนความร้อนและรออยู่ข้างนอก นี่ทำให้หลายคนในหลานโจวรวมตัวกันดู ! ”
ใจของเฟิงหยูเฮงตกตะลึงเพราะนางไม่สามารถตอบสนองได้ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดอะไร ซวนเทียนหมิงมาเพื่อแต่งงาน แต่งงานกับนางใช่หรือไม่ ? ยังคงมีการต่อสู้ในภาคใต้ ไม่จำเป็นที่จะเลื่อนงานแต่งงานออกไปหรือ ? เขาจะแต่งงานเงียบ ๆ ได้อย่างไร ?
นางก้าวไปข้างหน้าด้วยความงุนงงผู้คนที่อยู่ข้างนอกเปิดทางให้นางผ่าน วังซวนและหวงซวนไปกับนางทั้งสองข้างโดยบานซูตามหลัง ในขณะที่เดินเขากล่าวอย่างเงียบ ๆ “อย่าใช้อารมณ์เกินไป อย่าร้องไห้ อย่าอาย เดินเป็นเส้นตรง ยิ้มเล็กน้อย และอย่าทำตัวแข็งทื่อ”
“ช่างพูดมากเสียจริง! ” เฟิงหยูเฮงสาปแช่ง แต่นางก็เพิ่มความเร็วขึ้นเล็กน้อย จากชั้นสองของห้องโถงสมุนไพรลงไปถึงชั้นล่าง ในที่สุดก็มาถึงทางเข้าด้านหน้า นางจึงพบว่าทำไมผู้คนถึงขยับอย่างนั้น
ขบวนแต่งงานของซวนเทียนหมิงช่างงดงามจริงๆ ! จากเจ้าบ่าวไปจนถึงผู้คนที่อยู่ในขบวนแห่ มันเป็นสายยาวสีแดง ใครจะรู้ว่าแม่สื่อมาจากไหน เพราะรอยยิ้มของนางนั้นสว่างมาก เมื่อเห็นเฟิงหยูเฮงออกมา นางก็ก้าวไปข้างหน้าในทันทีและกล่าวอย่างร่าเริง “ขอแสดงความยินดี องค์หญิงจี่อัน ! ด้วยอายุของท่านสามารถจัดงานแต่งงานได้แล้ว ! องค์ชายเก้าได้มาต้อนรับท่านด้วยม้าตัวใหญ่ ! ”
เมื่อพูดคำเหล่านี้ทุกคนใกล้เคียงเริ่มปรบมือให้มีผู้คนจำนวนมากเริ่มโห่ร้อง และฉากตรงหน้าก็มีชีวิตชีวามาก
นางพยักหน้าอย่างอ่อนโยนไปยังแม่สื่อผู้นั้นเพื่อแสดงความขอบคุณจากนั้นมองซวนเทียนหมิง นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นซวนเทียนหมิงสวมชุดสีแดง เดิมทีนางเคยคิดว่าองค์ชายเก้าซึ่งชอบสีม่วง จะใส่ชุดแต่งงานที่ทำจากผ้าสีม่วงในวันแต่งงาน แต่ใครจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จริง ๆ แล้ว… มีรสนิยมที่ไม่ดี นิยมสวมเสื้อชุดแดงเหมือนคนทั่วไป ในเวลานี้คนขี่ม้าตัวใหญ่ที่แม่สื่อพูดถึง เขามีรอยยิ้มที่แทบไม่เคยเห็น รอยยิ้มนี้ทำให้ดอกบัวสีม่วงบนหน้าผากของเขาเบ่งบานมากยิ่งขึ้น ภายใต้ความสว่างของดวงอาทิตย์ในภาคใต้ มันทำให้นางตาพร่าเล็กน้อย
“อาเฮง”คำพูดเหล่านี้ช่วยให้นางฟื้นความรู้สึกของนาง แต่นางได้ยินว่าเจ้าบ่าวกล่าวทันที “วันนี้เจ้าอายุครบแล้ว องค์ชายผู้นี้ได้เคยตกลงกับเจ้าและได้มาแต่งงานกับเจ้าแล้ว”
น้ำตาไหลรินลงมาบนใบหน้าของนางทันทีเหมือนหยดน้ำลูกปัดไหลลงมาที่ใบหน้าของนาง ทำให้คนที่นั่งอยู่บนม้ารู้สึกปวดใจ เขาลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็วและรีบไปข้างหน้า ขณะเช็ดน้ำตาเขาถามว่า “เจ้าร้องไห้ทำไม ? เจ้าโทษข้าที่มาช้างั้นหรือ ? ข้าต้องการให้เจ้าประหลาดใจ ดังนั้นข้าไม่ได้พูดอะไรมาก่อน แต่เราเคยพูดกันแล้วว่าเราจะแต่งงานในวันที่เจ้าปักปิ่น สัญญากับอาเฮง องค์ชายคนนี้จะไม่เคยโกหก”
“แต่ข้ายังไม่ได้เตรียมตัว”นางกล่าวด้วยความเศร้าใจว่า “ดูสิ ข้าไม่ได้แต่งหน้าเลย ไม่ได้เตรียมชุดแต่งงานล่วงหน้าเลย ไม่ได้พูดหรือว่าผู้หญิงในราชวงศ์ต้าชุนจำเป็นต้องเตรียมชุดแต่งงานก่อนแต่งงาน ข้าคิดว่าเพราะการสู้รบในภาคใต้ งานแต่งงานของเราจะเลื่อนออกไปก่อน” นางเล่นนิ้วของนางและรู้สึกผิดเล็กน้อย ในท้ายที่สุดนางเป็นคนที่ขาดศรัทธาในซวนเทียนหมิง และนางก็เอาแต่บ่นในใจว่าเขาไม่ได้มาพูดกับนาง อย่างไรก็ตามนางไม่เคยคิดเลยว่าคนผู้นี้จะมาพร้อมแต่งงานในทันที ก่อนหน้านี้เขาเคยสัญญาไว้ หลังจากผ่านไปหลายปีเขาก็ไม่ลืมมัน นี่คือผู้ชายที่นางอยากแต่งงานด้วย !
ได้ยินนางพูดแบบนี้ก่อนที่ซวนเทียนหมิงจะพูดแทรกขึ้นมา แม่สื่อก็กล่าวอย่างมีความสุขว่า “ฮ่า ๆ องค์หญิง ! ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ องค์ชายเก้าเตรียมความพร้อมให้ท่านแล้ว ! ชุดแต่งงานที่ทำจากผ้าดิ้นทอเงินดิ้นทองธรรมดา และมงกุฎหงส์ทำด้วยผลึกล้วนถูกนำมาที่นี่ ดูเจ้าค่ะ ! ”
หลังจากแม่สื่อพูดเสร็จนางก็ก้าวไปด้านข้าง และหญิงสาวสองคนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับมองด้วยความดีใจบนใบหน้าของพวกนาง คนหนึ่งถือชุดแต่งงานสีแดง และอีกคนหนึ่งถือมงกุฎหงส์ โค้งคำนับต่อหน้านางพวกนางกล่าวอย่างชัดเจนว่า “องค์หญิงได้โปรดเปลี่ยนชุดก่อนเจ้าค่ะ”
มงกุฎหงส์ทำด้วยผลึกสีเหลืองดูสวยงามยิ่งกว่าทำด้วยทองคำในยุคนี้ราคาของผลึกจะสูงกว่าราคาทองคำหลายเท่า แม้แต่ตระกูลที่ร่ำรวยปกติ พวกเขาไม่สามารถซื้อต่างหูผลึกได้ แม้ว่ามันจะเป็นตระกูลของขุนนาง แต่ทว่าสำหรับเด็กผู้หญิงที่มีเครื่องประดับผลึกชิ้นหนึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้พวกนางมีหน้ามีตามากมาย ย้อนกลับไปเมื่อเฟิงหยูเฮงเพิ่งกลับมาที่เมืองหลวง และรับของหมั้นจากซวนเทียนหมิง นี่คือเหตุผลที่เฟิงเซียงหรูและอันชิเกิดหวั่นไหวโดยของขวัญต่างหูผลึกสีชมพูของนาง
สิ่งที่มีค่าเช่นนั้นใช้เพื่อสร้างมงกุฎหงส์โดยซวนเทียนหมิง! ในขณะนี้ทุกคนต่างก็จ้องมองที่มงกุฎด้วยดวงตาเบิกกว้าง แม้แต่วังซวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “พระองค์ช่างมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ! ”
หวงซวนกล่าวอีกว่า“มันทำมาจากผลึกสีเหลืองทั้งหมด ด้วยมงกุฎนี้นี้แม้แต่ผ้าดิ้นทอเงินดิ้นทองธรรมดาก็ยังถูกกลบรัศมี ! ”
แต่ถึงแม้ว่ามันจะถูกกลบรัศมีแต่มันก็ยังเป็นหนึ่งในห้าสมบัติที่มีค่าควรเมือง ผู้คนในเมืองหลานโจวก็พากันนิ่งงันโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาฮูหยินและบุตรของตระกูลที่ร่ำรวย เมื่อพวกนางได้ยินมาว่าองค์ชายเก้าแต่งงานกับองค์หญิงจี่อัน พวกนางต่างก็วิ่งออกมาดูงานฉลอง เมื่อพวกนางเห็นความเอื้ออาทรขององค์ชายเก้า ปากของพวกนางก็อ้าค้างด้วยความตกใจ พวกเขาไม่สามารถปิดปากได้เป็นเวลานาน
เฟิงหยูเฮงไม่สนใจมากเกี่ยวกับสิ่งที่มีคุณค่าหรือไม่นางคุ้นเคยกับการเห็นสิ่งต่าง ๆ เช่น ผลึก นางยังรู้จักนิสัยของซวนเทียนหมิงอีกด้วย นางได้เตรียมตัวเองก่อนเวลา เมื่อคนผู้นี้ทำหน้าที่ เขาจะไม่ให้อะไรเลยหรือจะให้สิ่งที่ดีที่สุด แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่มงกุฎหงส์ที่ทำจากผลึกสีเหลืองเกือบทำให้นางงุนงง
มันสวยมาก! มันสวยมากจริง ๆ ! แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นรสนิยมที่ไม่ดี
โดยปกติแล้วหากพูดถึงอะไรบางอย่าง เช่น มงกุฎหงส์จะทำจากทองคำหรือเงิน และมีการตกแต่งไม่มากเกินไป อย่างมากจะมีการแกะสลักบางส่วน คุณภาพของสิ่งของก็จะเห็นได้จากนี้ แต่ใครจะรู้ว่าจะมีบางคนที่กล้าที่จะใช้ผลึกในการสร้าง การใช้ผลึกสีเหลืองเพื่อทำมงกุฎหงส์นั้นหาที่เปรียบมิได้
แต่…สิ่งนี้ควรหนักมากใช่ไหม เฟิงหยูเฮงถอนหายใจภายใน มันเป็นแค่นางราวกับว่าเป็นคนอื่น พวกนางจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่จะทนต่อน้ำหนักของสิ่งนี้ !
นางไม่สามารถปกปิดความสุขที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางและรอยยิ้มก็มาถึงหางตาของนาง มันไม่สามารถถูกกำจัดทิ้งได้ วังซวนและหวงซวนรีบเอื้อมมือออกไปรับมงกุฎหงส์และชุดแต่งงานตามที่บานซูเตือนนางจากด้านหลัง “คุณหนูรออะไรขอรับ รีบกลับไปเปลี่ยนชุดขอรับ ! ”
เฟิงหยูเฮงตอบโต้แล้วรีบกล่าวกับซวนเทียนหมิงว่า“รอข้าสักครู่ ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด”
ซวนเทียนหมิงกล่าวว่า“ไม่ต้องรีบเร่ง เราสามารถไปถึงเมืองชาปิงได้ก่อนที่มันจะมืด ที่นั่นได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว แค่รอการไปถึงของเจ้า”
เด็กสาวพุ่งตัวเข้าไปในร้านห้องโถงสมุนไพรเพื่อเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าด้านนอกห้องโถงสมุนไพร พลเมืองของเมืองหลานโจวก็รวมตัวกัน มันเป็นทะเลของฝูงชน อย่างไรก็ตามมันจะเปิดเส้นทางโดยอัตโนมัติเพื่อให้ขบวนแต่งงานดำเนินต่อไป มันเป็นระเบียบมาก
เมื่อคืนแรกที่ซวนเทียนหมิงมาถึงภาคใต้และยึดเมืองชาปิงเขาได้กลายเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามในสายตาของพลเมืองของหลานโจว ต่อมาเขายังยึดเมืองจือปิงด้วยการต่อสู้เพียงครั้งเดียว ข่าวลือเกี่ยวกับเขาว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามดูเหมือนว่าจะได้รับความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น การเปิดร้านห้องโถงสมุนไพรของเฟิงหยูเฮงที่เปิดในเมืองหลานโจวเพื่อปลอบประโลมผู้คนมากมายที่ป่วยด้วยโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ก็รอดตายได้ มีหลายคนที่ซื้อยารักษาโรคและยาเม็ดของนาง และพวกเขาพบว่าพวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์ของพวกเขา มีคนจนจำนวนมากที่ได้รับยาฟรีและพวกเขาไม่จำเป็นต้องทนกับความเจ็บปวดที่เกิดจากอาการป่วย เมื่อได้ยินว่าองค์ชายเก้าจะแต่งงานกับองค์หญิงจี่อันในวันนี้
ใครจะรู้ว่าใครเป็นผู้เริ่มมันในขณะที่ใครบางคนตะโกนว่า “ทุกคนขออวยพรให้องค์ชายเก้าและองค์หญิงจี่อันมีงานแต่งงานที่รื่นเริง เราขอให้องค์ชายเก้าและองค์หญิงจี่อันครองคู่กันเป็นร้อยปี ! ”
ในทันใดเสียงตะโกนแบบนี้ก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในขณะที่ทุกคนอยากให้เสียงดังยิ่งขึ้น ใบหน้าของทุกคนมีรอยยิ้มจริงใจและมีบางคนที่เช็ดน้ำตา และรู้สึกว่าพวกเขาโชคดีมากที่ได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้ในขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่
ซวนเทียนหมิงไม่ตระหนี่เนื่องจากผู้เข้าร่วมเริ่มโยนชุดของขวัญที่เตรียมไว้ล่วงหน้า สิ่งนี้ทำให้คนเริ่มแย่งชิงของขวัญ
ชุดเหล่านี้ได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถันพวกมันดูเหมือนของกำนัลทั่วไป แต่พวกมันเต็มไปด้วยสิ่งของต่าง ๆ และบางคนก็ได้เงิน มีทั้งเครื่องประดับที่ดีและเครื่องประดับเล็ก ๆ ที่ทำจากทองคำหรือเงิน มีแม้กระทั่งบางชิ้นที่เป็นเครื่องประดับหยกชิ้นเล็ก ๆ โดยสรุปชุดของขวัญเป็นของที่ดีมากและราคาก็ไม่น้อย คนที่สามารถแย่งพวกมันไปจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้จากสิ่งของภายในห่อของขวัญเป็นเวลาครึ่งปี
มีชุดของขวัญไม่กี่ชุดเนื่องจากซวนเทียนหมิงไม่ได้ขาดเงิน ด้านหน้านี้เขาใช้เวลาค่อนข้างน้อย แน่นอนว่าเขาใช้สิ่งนี้เพื่อดึงดูดใจพลเมืองของหลานโจวโดยกำจัดความทรงจำขององค์ชายแปดออกไปจากจิตใจของพวกเขา
ผู้คนคว้าของขวัญเหล่านี้จากคลื่นที่ตกลงมาจากท้องฟ้าในที่สุดเมื่อพวกเขาเกือบจะฉวยทุกอย่างเสร็จ พวกเขาได้ยินเสียงประกาศจากภายในห้องโถงสมุนไพร “เจ้าสาวมาถึงแล้ว ! ”
——————————————————————————————————
*TN: หนึ่งในห้าสมบัติที่มีค่าควรเมืองจากตอนที่ 31
ตอนที่ 904 เซอร์ไพร์สที่ยิ่งใหญ่จากองค์ชายเก้า
ตอนที่904 เซอร์ไพร์สที่ยิ่งใหญ่จากองค์ชายเก้า
เมื่อเฟิงหยูเฮงกลับมานางสวมชุดแต่งงานที่ทำจากผ้าทอดิ้นเงินดิ้นทองธรรมดาและรองเท้าที่ทำจากสมบัติที่มีค่าควรเมืองทั้งห้าชิ้น นางสวมผ้าคลุมศีรษะของนางซึ่งคลุมมงกุฎหงส์ที่ทำจากผลึกสีเหลือง
แม้ว่าผู้คนจะไม่สามารถเห็นรูปลักษณ์ขององค์หญิงจี่อันได้แต่บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาก็ยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้น ฝั่งตรงข้ามถนนจากห้องโถงสมุนไพรเป็นโรงเตี้ยม ย้อนกลับไปเมื่อเฟิงหยูเฮงเตรียมพร้อมแล้ว เจ้าของโรงเตี้ยมเตรียมบะหมี่ใส่ชามมา ในเวลานี้เขานำมันมาเองและกล่าวกับซวนเทียนหมิงว่า “องค์ชายเก้า เราชาวภาคใต้มีประเพณี เมื่อเจ้าสาวกำลังจะแต่งงาน นางจะต้องกินบะหมี่ก่อน ข้าเป็นเจ้าของโรงเตี้ยมฝั่งตรงข้ามถนนและนำบะหมี่ชามนี้มาเป็นพิเศษ ถ้าองค์หญิงจี่อันไม่ชอบประเพณีนี้ ก็กัดดินเล็กน้อยเพื่อโชคลาภ ! ”
ซวนเทียนหมิงไม่ได้พูดอะไรเป่ยจื่อเป็นคนที่อยู่ข้างเขาเสมอและก้าวไปข้างหน้ารับบะหมี่มาให้ และขอบคุณ ในขณะที่หันไปรอบ ๆ เขาทดสอบหาพิษอย่างรวดเร็ว หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่เป็นไร เขาก็นำไปให้เฟิงหยูเฮง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พระชายาทานได้ขอรับ ! ”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้าด้วยความช่วยเหลือจากวังซวน นางจึงมีความคิดที่จะทำตามประเพณีจากภาคใต้
พลเมืองเห็นนางกินบะหมี่และรอยยิ้มของพวกเขาก็กว้างขึ้นพวกเขาพูดอวยพรเพิ่มเติม มันเป็นเพียงหลังจากที่เฟิงหยูเฮงนั่งอยู่ในเกี้ยวแต่งงาน และขบวนแต่งงานของซวนเทียนหมิงถูกทิ้งไว้ที่ประตูทางใต้ซึ่งภายในของเมืองก็สงบสุขอีกครั้ง แต่การสนทนาที่ร้อนแรงระหว่างพลเมืองยังคงดำเนินต่อไป งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ระหว่างองค์ชายเก้ากับองค์หญิงจี่อันถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับพลเมืองของเมืองหลานโจวโดยเฉพาะอย่างยิ่งของขวัญพิเศษที่ซวนเทียนหมิงมอบให้ เมื่อผู้คนเปิดออก พวกเขาพบว่าของขวัญข้างในนั้นดีจริง ๆ และพวกเขาต่างก็มีความสุขมากจนยิ้มไม่หุบ
เฟิงหยูเฮงนั่งอยู่ในเกี้ยวแต่งงานและฟังเพลงข้างนอกเกี้ยวเดินช้า ๆ ตามขบวนผ่านประตูทางใต้ของเมืองสู่ทะเลทราย ผ่านไปทางใต้ พวกเขาเดินไปตามทางที่มุ่งไปยังเมืองชาปิง
วังซวนและหวงซวนอยู่ทางด้านขวาของเกี้ยวขณะที่แม่สื่ออยู่ทางซ้าย ในเวลานี้นางกำลังกล่าวกับเฟิงหยูเฮงทางหน้าต่าง “องค์หญิง ข้าเป็นเพียงแม่สื่อธรรมดา องค์ชายเก้าบอกว่าทุกอย่างจะต้องทำอย่างถูกต้องสำหรับงานแต่งงาน แม้ว่าภาคใต้จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับเมืองหลวงได้ สิ่งต่าง ๆ ที่ควรเตรียมไว้ได้ถูกเตรียมไว้ ดังนั้นข้าจะพาไป ข้าหวังว่าองค์หญิงจี่อันจะชอบมันเจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงจะไม่ชอบสิ่งนี้ได้อย่างไรยิ่งกว่านั้นถึงแม้ว่าแม่สื่อผู้นี้แต่งตัวเป็นแม่สื่อ แต่รูปร่างหน้าตาของนางค่อนข้างดี นางไม่มีนิสัยที่ไม่ดีและคำพูดของนางก็สมเหตุสมผล เฟิงหยูเฮงชอบสิ่งนี้ นางจึงยิ้มและตอบว่า “ขอบคุณมากที่ช่วยงานแต่งงานครั้งนี้ ข้าจะให้รางวัลแก่ท่านในภายหลัง”
“ข้าไม่กล้ารับมันเจ้าค่ะ! ” แม่สื่อกล่าวอย่างรวดเร็ว “องค์ชายเก้าได้ให้รางวัลแก่ข้าแล้วด้วยเงินจำนวนมหาศาล ข้าไม่สามารถรับรางวัลเพิ่มเติมจากองค์หญิงจี่อันได้เจ้าค่ะ ! ” หลังจากกล่าวอย่างนี้แล้วนางไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้และเริ่มกล่าวถึงเรื่องสำคัญ “องค์หญิงจี่อัน สำหรับห้องจัดพิธีแต่งงานของท่านกับองค์ชายเก้าได้ถูกจัดขึ้นในเมืองจือปิง แต่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวไม่ควรเดินทางกลางคืน นั่นเป็นเหตุผลที่เราจะพักในเมืองชาปิง พรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางจากเมืองชาปิงไปยังเมืองจือปิง ด้วยวิธีนี้เราสามารถมาถึงเมืองจือปิงก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด สำหรับทำพิธีแต่งงานเจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงรู้ว่ามันกลับกลายเป็นว่าเพราะนางทำให้ไม่สามารถจัดพิธีแต่งงานได้ในวันนี้!
แม่สื่อดูเหมือนจะสังเกตเห็นอารมณ์ของนางอย่างรวดเร็วกล่าวว่า“องค์ชายเก้าบอกว่าการที่ไม่สามารถจัดงานแต่งงานในวันที่องค์หญิงถึงวัยปักปิ่นทำให้พระองค์เสียใจมาก แต่ก็มีสิ่งที่น่าประหลาดใจในเมืองชาปิง ข้าเชื่อว่าองค์หญิงจี่อันจะไม่ผิดหวังหลังจากไปถึงที่นั่นเจ้าค่ะ”
แม่สื่อกล่าวเพียงว่าจะมีสิ่งน่าประหลาดใจอย่างไรก็ตามไม่ว่าเฟิงหยูเฮงจะถามนางยังไง นางก็จะไม่เปิดเผยว่ามันคืออะไร คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเริ่มกระสับกระส่ายและเริ่มไตร่ตรอง ความประหลาดใจนี้จะเป็นเช่นไร ? น่าเสียดายที่ไม่ว่านางจะคิดอย่างไร นางก็ไม่สามารถคิดได้
ขบวนแห่งานแต่งงานมาถึงเมืองชาปิงก่อนค่ำเมื่อเข้ามาในเมือง วังซวนและหวงซวนจะได้ยินเสียงโห่ร้อง ทำให้เฟิงหยูเฮงต้องการเอาผ้าคลุมของนางออกเพื่อดู อย่างไรก็ตามนางหยุดโดยแม่สื่อ “องค์หญิงจี่อัน ท่านไม่สามารถเอามันออกได้เจ้าค่ะ แม้ว่าท่านจะไม่จำเป็นต้องปิดตลอดเวลา แต่ก็สามารถเอามันได้หลังจากเข้าที่พักในเมืองชาปิงเท่านั้น มันจะถูกใส่คืนในวันพรุ่งนี้ ! ”
“วังซวนหวงซวน ! ” นางเพิกเฉยต่อแม่สื่อ และเรียกหาบ่าวรับใช้ของนาง “เจ้าสองคนร้องอะไรกัน ? บอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้น ! ” นางเป็นกังวลมาก ความรู้สึกแบบนี้ที่สามารถได้ยินโดยที่ไม่สามารถมองเห็นนั้นช่างน่ากลัวจริง ๆ
เป็นที่ชัดเจนว่าวังซวนและหวงซวนตกใจกับเรื่องนี้มันเป็นเช่นนั้นที่พวกนางไม่สามารถตอบสนองต่อคำถามของคุณหนูของพวกนางได้ มันเป็นเพียงหลังจากเฟิงหยูเฮงถามครั้งที่สอง นางจึงได้ยินหวงซวนกล่าวว่า “คุณหนู… คุณหนูไม่สามารถจินตนาการได้ คุณหนูไม่สามารถจินตนาการถึงฉากแบบนี้ได้แน่นอน ! มันน่าตกใจมาก ข้าไม่กล้าเชื่ออย่างแท้จริงว่าองค์ชายเก้าสามารถทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ! ”
วังซวนยังกล่าวอีกว่า“ใช่ มันยากที่เชื่อจริง ๆ เจ้าค่ะคุณหนู นี่เป็นความประหลาดใจที่น่ายินดีอย่างแน่นอน มันเป็นความประหลาดใจที่ดีต่อความดี ! ”
คำพูดที่ทั้งสองกล่าวนั้นเหมือนกับว่าพวกนางไม่ได้พูดอะไรและจมูกของเฟิงหยูเฮงเกือบจะบิดไปด้วยความคับข้องใจ ในท้ายที่สุดนางเลี้ยงดูบ่าวรับใช้อย่างไร ในช่วงเวลาที่สำคัญ พวกนางพยายามอย่างหนักที่จะสร้างปัญญหาให้นางใช่หรือไม่ ? ! นางโกรธ นางนั่งลงในเกี้ยว แก้มของนางพองขึ้น ลมหายใจของนางเริ่มฟืดฟาดจนสามารถขยับม่านได้เล็กน้อย แต่นางก็ยังไม่สามารถมองเห็นฉากข้างนอกได้
แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่เพื่อให้สลดใจตลอดเวลาเมื่อขบวนเดินไปข้างหน้า จะได้ยินเสียงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นางได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวขณะหัวเราะ “พวกเจ้าเดาสิ เมื่ออาเฮงเห็นเรา นางจะร้องไห้หรือหัวเราะ ? ”
เมื่อเสียงนี้เข้าสู่หูของนางเฟิงหยูเฮงเกือบจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของนาง นางผุดขึ้นยืนภายในเกี้ยว ด้วยเสียง “ปัง” หัวของนางกระแทกหลังคาของเกี้ยวและนางไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งลง แม่สื่อข้างนอกมีท่าทางที่มีปัญหาและกล่าวว่า “องค์หญิงจี่อันต้องระวังให้มาก ๆ เจ้าค่ะ แม้ว่าคนหามเกี้ยวจะนิ่ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการได้ ถ้าท่านยังทำเรื่องวุ่นวายอยู่ข้างใน ! ”
แต่เฟิงหยูเฮงจะนั่งนิ่งๆ ได้อย่างไร ? หากไม่ใช่วันนี้ นางก็จะรีบออกไปข้างนอกเพราะนางได้ยินเสียงนั้นชัดเจนในตอนนี้ มันเป็นเสียงของซวนเทียนเก้อ ! นั่นคือเสียงของซวนเทียนเก้อ ! ซวนเทียนเก้อมาภาคใต้งั้นหรือ สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อใด นี่เป็นความประหลาดใจที่ซวนเทียนหมิงพูดถึงใช่หรือไม่ ความปีติยินดีปรากฏบนใบหน้าของนางขณะที่นางกำมือแน่นภายในแขนเสื้อและชื่นชมยินดี
แต่นี่ไม่ใช่จุดจบเช่นเดียวกับซวนเทียนเก้อพูดจบ เสียงที่คุ้นเคยอีกเสียงจะได้ยินทันที “แน่นอนว่านางจะหัวเราะ เพียงแต่ว่าเสียงหัวเราะนี้จะมาพร้อมกับน้ำตา น้ำตาแห่งความสุข เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ข้าว่าพวกเจ้าลดเสียงของลงหน่อยอย่าปล่อยอาเฮงได้ยินเสียงของเจ้า องค์ชายเก้าต้องการให้นางประหลาดใจ ถ้านางได้ยินเรามันคงไม่สนุกแน่ โดยเฉพาะเจ้า เทียนเก้อ ! เจ้าพูดเสียงดังที่สุด”
“เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังพูดเสียงเบาหรือ? เราได้ติดตามขบวนแต่งงานตลอดเวลานี้ ถ้าอาเฮงไม่ได้ยินเรา นางคงไม่ใช่อาเฮง ! ” หลังจากที่คนนี้กล่าวจบ นางก็ตะโกนไปทางเกี้ยว “อาเฮง ! เจ้าได้ยินที่เราพูดหรือไม่ ? เรามาจากเมืองหลวงเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับเจ้า ! ”
ในเวลาไม่นานเฟิงหยูเฮงเริ่มร้องให้และน้ำตารินไหลบนใบหน้าของนางนอกจากนี้ยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนางที่ไม่สามารถปกปิดได้ น้ำตาไหลออกมา แต่นางมีความสุขมาก ดีใจและปลื้มใจ
นางได้ยินมันมันคือซวนเทียนเก้อ, เฟิงเทียนหยู, เหรินซีเฟิง และเป่ยฟูหรง พวกนางเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนางจากเมืองหลวง และพวกนางทั้งหมดมาจริง ๆ นี่เป็นความประหลาดใจที่ซวนเทียนหมิงวางแผนไว้สำหรับนางหรือไม่ ? มันเป็นเรื่องประหลาดใจมากจริง ๆ !
นางได้แต่ร้องไห้และไม่ตอบในทันทีมันเป็นแม่สื่อที่กล่าวว่า “ฮ่า ๆ คุณหนู ! เจ้าสาวไม่สามารถตอบกลับจากภายในเกี้ยว จะต้องทำตามกฎเจ้าค่ะ ! ”
ซวนเทียนเก้อกล่าวว่า“ฮ่าๆๆ ! กฎ ? อย่าล้อเล่นคนที่มากับพี่เก้าของข้า พวกเขาจะทำตามกฎได้อย่างไร ? พี่เก้าของข้าคือคนที่เพิกเฉยต่อกฎมากที่สุดในโลกนี้ แต่ลืมมันไปเถิด วันนี้เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองของอาเฮง เราต้องทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เราแค่ไม่พูด รีบเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว เร็ว อาเฮง พวกเราคิดถึงเจ้ามาก”
นางก็คิดถึงพวกเขาเช่นกันหัวใจของเฟิงหยูเฮงเต้นแรงและนางรับรู้ด้วยสัญชาตญาณของนางว่าความประหลาดใจของซวนเทียนหมิงไม่ได้จบที่นี่ อาจมีความประหลาดใจอีกครั้งที่รออยู่ในที่พักซึ่งนางจะอยู่ในคืนนี้
การคาดเดาของเฟิงหยูเฮงนั้นถูกต้องนางออกจากเกี้ยวที่ประตูทางเข้าของที่พักและด้วยความช่วยเหลือพาให้ผ่านธรณีประตู ซวนเทียนหมิงช่วยนาง จับมือนางแล้วเดินไปที่เรือนหลังบ้าน เนื่องจากพวกเขาจะไม่ทำพิธีในวันนี้จึงมีกฎไม่มาก เมื่อเข้ามาในห้อง เขาก็ถอดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกจากหัวของเฟิงหยูเฮงและต้องการที่จะลากเด็กผู้หญิงออกไปดูข้างนอก อย่างไรก็ตามใครจะรู้ว่าเฟิงหยูเฮงจะกอดเขาทันทีและเริ่มร้องไห้
ซวนเทียนหมิงตกใจอย่างมากกับการร้องไห้ของนางหลังจากผ่านไปครู่หนึ่งก็จะตอบสนองต่อการตรวจสอบ “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? เฮ้ อาเฮง เจ้าต้องมีศรัทธาในองค์ชายผู้นี้ องค์ชายผู้นี้กล่าวว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้าในวันที่เจ้าอายุครบวัยปักปิ่น สิ่งที่ถูกกล่าวแล้วจะต้องทำได้ตามนั้นอย่างแน่นอน อย่าร้องไห้ ! ”
ใครจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่เฟิงหยูเฮงร้องไห้นางสูดหายใจเข้าและกล่าวว่า “เจ้าขยันเกินไป นำเทียนเก้อและพวกนางมาภาคใต้ ข้าคิดว่าเราจะแต่งงาน แต่ข้าจะไม่มีเพื่อนที่คุ้นเคยใกล้เคียงเพื่อแสดงความยินดี และข้าจะไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย จิตใจของข้ารู้สึกแย่ลงตลอดเวลาเพราะเรื่องนี้”
ซวนเทียนหมิงตัวแข็งไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะ“เจ้าร้องไห้กับเรื่องนี้หรือ ? ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ร้องไห้เร็วไป มา ! ติดตามองค์ชายผู้นี้ออกไปเดินเล่น เพียงแค่อยู่ในที่พักแห่งนี้ เรามาดูกันว่าเจ้าพอใจกับความประหลาดใจที่องค์ชายนี้เตรียมไว้ให้เจ้าหรือไม่ ? ”
เช่นนี้เฟิงหยูเฮงถูกนำตัวออกจากห้องพร้อมกับดวงตาของนางยังแดงและบวมหลังจากออกจากเรือนเล็ก ๆ ของนางแล้ว นางก็รู้ว่าห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยผู้คน และพวกเขาก็เป็นทุกคนที่นางรู้จัก ซวนเทียนเก้อ, เฟิงเทียนหยู, เหรินซีเฟิง, เป่ยฟูหรง, ซูซื่อ, ฉินซื่อ, เฟิงเซียงหรู, และ…น้องชายของนาง เฟิงจื่อหรูและเหมียวซื่อ มองไปอีกด้านหนึ่งมีองค์ชายสี่, ซวนเทียนยี่ และองค์ชายเจ็ด, ซวนเทียนฮั่ว
น้ำตาของเฟิงหยูเฮงไหลอีกครั้งนางไม่สามารถกลั้นได้อีกต่อไป นางจึงปิดหน้านางและเริ่มร้องไห้ทันที
เฟิงจื่อหรูเป็นคนแรกที่รีบมาหานางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตานาง ขณะที่เช็ดน้ำตา เขากล่าวว่า “ท่านพี่อย่าร้องไห้ พี่เขยกล่าวว่าการแต่งงานเป็นโอกาสมงคลที่น่ายินดี หากร้องไห้จะไม่ดีขอรับ ดูสิ จื่อหรูมาแล้ว ท่านพี่ไม่คิดถึงจื่อหรูหรือ ? ”
นางคิดถึงสิ! นางจะไม่คิดถึงเขาได้อย่างไร ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหยาซื่อและเฟิงจินหยวนได้เสียชีวิตไปแล้ว นางคิดถึงน้องชายคนนี้มากยิ่งขึ้น นางดึงเฟิงจื่อหรูเข้าสู่อ้อมแขนของนาง นางไม่สนใจภาพลักษณ์ของนางแม้แต่น้อย ในขณะที่นางร้องไห้ไม่หยุด
นางร้องไห้และจื่อหรูก็ร้องไห้เช่นกันน้องชายและพี่สาวไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้
ในที่สุดซูซื่อและน้องสะใภ้ของนางไม่สามารถทนดูอีกต่อไปในขณะที่เช็ดน้ำตา พวกนางก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “อาเฮง จื่อหรู จงเชื่อฟังและหยุดร้องไห้ ! แม้ว่าจะไม่มีพิธีในวันนี้ แต่วันนี้ยังคงเป็นวันที่อาเฮงอายุครบวัยปักปิ่น มันเป็นสิ่งที่ดี และเจ้าไม่สามารถร้องไห้ได้”
แต่เฟิงหยูเฮงจะฟังคำเหล่านี้ได้อย่างไรนางจะกลั้นน้ำตาไว้ได้อย่างไร ? ในช่วงเวลาสั้น ๆ มารดาและบิดาของนางเสียชีวิต และมีบางสิ่งที่นางอดกลั้นตลอดเวลา ในปัจจุบันนางเห็นคนที่นางรักมากมาย นางสวมชุดแต่งงานในสถานที่ไม่เหมือนใคร และสถานการณ์ก็ไม่เหมือนใคร เมื่อน้ำตาเริ่มไหล นางก็ไม่สามารถหยุดพวกมันได้ ดังนั้นนางจึงกอดป้าทั้งสามของนาง และร้องไห้ด้วยกัน
ซวนเทียนหมิงถอยห่างออกไปสองสามก้าวและยักไหล่อย่างไร้ประโยชน์ถ้ามันเป็นแค่เจ้าสาวของเขาร้องไห้ มันคงง่ายสำหรับเขาที่จะปลอบนาง แต่ด้วยผู้คนมากมายที่ร้องไห้ด้วยกัน เขาก็ไร้พลังจริง ๆ !