The Divine doctor : ชายาข้าคือแพทย์เทวะ - ตอนที่ 917 -918
ตอนที่ 917 ตำหนักขององค์ชายผู้นี้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว!
ตอนที่917 ตำหนักขององค์ชายผู้นี้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว!
คำว่าพระชายาเป็นการประกาศการเปลี่ยนแปลงสถานะของเฟิงหยูเฮงทุกคนในตำหนักหยูคุกเข่าเพื่อต้อนรับนาง แม้แต่พลเมืองที่เฝ้าดูจากข้างนอกก็คุกเข่าจากบรรยากาศ พวกเขาไม่ได้เรียกนางว่าองค์หญิงจี่อันอีกต่อไป พวกเขาเรียกนางตามที่ขันทีจางประกาศ “เรายินดีต้อนรับพระชายากลับมา ! ”
เฟิงหยูเฮงนั่งอยู่ในรถม้าและอารมณ์ค่อนข้างดีพระชายา ในที่สุดนางก็กลายเป็นพระชายาหยู นางรู้สึกว่านางไม่คุ้นเคยกับมันเล็กน้อย ! ด้วยความช่วยเหลือของวังซวนและหวงซวน นางจึงลงจากรถม้า นางไม่ได้เปลี่ยนชุด ในขณะที่นางยังคงสวมใส่ที่นางใส่ในระหว่างทางกลับ นางไม่ได้สวมใส่อะไรให้สมฐานะของพระชายา แต่รัศมีที่อยู่รอบ ๆ นางก็ทำให้ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องจากทั่วทุกมุม
นางก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและช่วยประคองนางกำนัลอาวุโสโจวและขันทีจางด้วยตัวเองจากนั้นนางก็หันไปหาบ่าวรับใช้ที่คุกเข่าอยู่ข้างหลังและกล่าวว่า “ทุกคนลุกขึ้นได้ ! เราทุกคนต่างคุ้นเคยกันดี ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” หลังจากกล่าวแบบนี้ นางก็กล่าวกับนางกำนัลอาวุโสโจวว่า “อาเฮงยังนึกถึงการกลับมาเมืองหลวงเมื่อสามปีก่อน ในเวลานั้นนางกำนัลอาวุโสโจวได้มอบของหมั้นของตำหนักหยูให้กับคฤหาสน์เฟิงเพื่อช่วยเหลือข้า นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่นางกำนัลอาวุโสโจวไปเยี่ยม ชีวิตของอาเฮงในคฤหาสน์เฟิงก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี อาเฮงจดจำความเมตตาของนางกำนัลอาวุโสโจวได้เสมอเจ้าค่ะ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้นางกำนัลอาวุโสโจวรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากแน่นอนว่านางยังจำได้ว่าเมื่อองค์ชายเก้าขอให้นางจัดการส่งมอบของหมั้นให้กับตระกูลเฟิง กล่าวตามจริงแล้วนางก็ไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย ไม่มีใครมีความประทับใจมากนักต่อคุณหนูรองตระกูลเฟิง และไม่เคยมีใครพบนางมาก่อน นางใช้เวลาสามปีในหมู่บ้านบนภูเขา เมื่อกลับมาที่เมืองหลวง องค์ชายเก้าก็ให้ความสนใจ ในฐานะที่เป็นคนที่เลี้ยงดูองค์ชายเก้าตั้งแต่วัยเด็ก นางก็ไม่พอใจเช่นกัน แต่จากการมีปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางยกย่องการมองการณ์ไกลขององค์ชายเก้า คุณหนูรองตระกูลเฟิงไม่เพียงแต่งดงามมาก แต่นางยังเป็นคนที่ทำให้ประหลาดใจ ! เมื่อนางอยู่เคียงข้างขององค์ชายเก้า เขาจะเป็นเหมือนพยัคฆ์ติดปีก
“พระชายากำลังพูดเรื่องอะไรกันเพคะ? นับจากวันนี้เป็นต้นไป พระชายาได้เข้าสู่ตำหนักหยู และกลายเป็นเจ้านายของสถานที่แห่งนี้ ข้าและบ่าวรับใช้คนอื่นต้องเชื่อฟังพระชายาเพคะ”
นางกำนัลอาวุโสโจวแสดงท่าทีของนางแล้วบ่าวรับใช้คนอื่นก็ทำตามนางอย่างรวดเร็ว เฟิงหยูเฮงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้นที่บ่าวรับใช้เหล่านี้จะต้องตระหนักในตนเอง เนื่องจากนางจะเดินบนเส้นทางนี้ นี่เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการเก็บรักษาไว้
เฟิงหยูเฮงเข้าไปในตำหนักหยูอย่างรวดเร็วภายใต้การกระตุ้นของทุกคน วันนี้นางจะเข้ามาในตำหนักในฐานะเจ้านายหญิง นางกำนัลอาวุโสโจวพานางเข้าไปในห้องโถงใหญ่เป็นครั้งแรก โดยที่นางนำบ่าวรับใช้มาเข้าเฝ้านาง นางให้วังซวนและหวงซวนแจกซองสีแดงที่เตรียมไว้ล่วงหน้า พระชายาหยูเป็นคนใจกว้างในการให้ของกำนัลของนาง เนื่องจากทุกคนต่างได้รับต่างหูหยกที่สวยงาม
นางกำนัลอาวุโสโจวและขันทีจางก็ได้เตรียมสิ่งต่างๆ ในตอนท้าย นางกำนัลอาวุโสโจวเป็นผู้รับผิดชอบคลังของตำหนัก ในขณะที่ขันทีจางรับผิดชอบในการบริหารเงิน มีการส่งมอบกุญแจและสมุดบัญชี และพวกเขาก็ทำด้วยความเต็มใจ พวกเขายอมรับเจ้านายหญิงคนใหม่อย่างมากและส่งมอบตำหนักหยูให้นาง
อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงไม่ยอมรับมันก่อนอื่นนางกล่าวกับนางกำนัลอาวุโสโจว “ในฐานะพระชายา ข้าควรมีความชัดเจนในเรื่องของคลัง ดังนั้นข้าจะทำให้นางกำนัลอาวุโสโจวจัดการให้ข้า สำหรับกุญแจ… ” นางส่ายหน้า “มันจะยังคงอยู่ในมือของนางกำนัลอาวุโวโจวต่อไป อาเฮงจะรับหน้าที่พระชายาเอกของตำหนัก อย่างไรก็ตามข้าไม่ต้องการสิทธิ์ทั้งหมด” หลังจากกล่าวอย่างนี้แล้วนางก็หันไปหาขันทีจาง “เมื่อตระกูลเฟิงส่งมอบร้านค้าจากสินเดิมของท่านแม่ และใช้บัญชีปลอมจำนวนหนึ่งมาหลอกข้า มันคือขันทีจางที่ช่วยข้าดูแลมันเป็นการส่วนตัว ข้าชื่นชมความสามารถด้านการบัญชีของขันทีจาง นอกจากนี้แม้ว่าข้าจะใช้เวลาตลอดชีวิตในการทำงานด้านการบัญชี แต่ข้าก็ไม่มีสามารถเท่ากับขันทีจาง การดูแลคลังอยู่ในมือของขันทีจางนั้นทำให้มั่นใจได้มากที่สุด”
นางแสดงจุดยืนของนางนางจะยอมรับความรับผิดชอบแต่นางไม่ต้องการสิทธิ นี่ทำให้นางกำนัลอาวุโสโจวและขันทีจางรู้สึกอายอย่างยิ่ง ขณะที่นางกำนัลอาวุโสโจวกล่าวว่า “พระชายา สิ่งนี้ไม่มีเหตุผลเพคะ”
นางส่ายหัวแล้วกล่าวว่า“ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ในตำหนักของเรา กฎที่เราคิดขึ้นมาเองนั้นเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล ข้าเชื่อใจท่านและต้องการให้สิทธิเหล่านี้แก่ท่าน นี่คือสิ่งที่ข้าเชื่อ”
ทั้งสองได้ยินนางพูดเช่นนี้ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พูดอะไรต่อ พวกเขาได้แต่เอ่ยว่าพวกเขาจะทำงานร่วมกับพระชายาในการดูแลพระราชวัง จากนั้นขันทีจางพาบ่าวรับใช้คนอื่นออกจากห้องโถง
จากนั้นนางกำนัลอาวุโสโจวก็นำเฟิงหยูเฮงและบ่าวรับใช้ของนางไปที่เรือนชั้นในมุ่งตรงไปที่ซึ่งซวนเทียนหมิงเคยอยู่ เฟิงหยูเฮงจำได้ว่ามันเป็นเรือนที่งดงามที่สุดในตำหนัก มันอยู่ด้านหลังน้ำ ล้อมรอบด้วยป่าไผ่ และมีต้นท้ออยู่ด้านหลัง กลางเรือนมีพื้นที่ขนาดใหญ่และว่างเปล่า ซวนเทียนหมิงเคยกล่าวไว้ว่าเป็นลานฝึกศิลปะการต่อสู้ ในขณะที่นางกำนัลอาวุโสโจวเดินไปตามทางนางกล่าวว่า “จดหมายฉบับหนึ่งถูกส่งไปยังฝ่าบาท ถึงแม้งานแต่งงานระหว่างองค์ชายและพระชายาไม่ได้จัดในเมืองหลวง แต่ห้องหอจำเป็นต้องได้รับการคัดเลือก พระองค์เลือกสถานที่แห่งนี้ พระชายาจะดูหรือไม่เพคะ หากพระชายาต้องการสิ่งใด ข้าจะให้บ่าวรับใช้นำมาทันทีเพคะ”
เฟิงหยูเฮงจะไม่พอใจได้อย่างไร? แม้ว่านางจะไม่เข้าใจกฎของการจัดงานแต่งงานในโลกโบราณ แต่เมื่อนางเข้าไปในห้องและเห็นรูปลักษณ์ของงาน นางรู้ว่านางกำนัลอาวุโสโจวใช้ความพยายามอย่างมาก นี่คือห้องนอนของซวนเทียนหมิง นางเคยนอนที่นี่มาก่อน อย่างไรก็ตามมันได้มีการเปลี่ยนแปลงการตกแต่งอย่างสมบูรณ์โดยนางกำนัลอาวุโสโจว ทุกอย่างใหม่และทุกอย่างเป็นคู่ มันรู้สึกเป็นมงคล เพียงมองไปที่มัน
แม้แต่เตียงก็เป็นสีแดงสดใสมีเขียนไว้ว่า “ให้กำเนิดบุตรชายเร็ว ๆ *” ด้วยตัวอักษรสีแดง และสิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของเฟิงหยูเฮงเปลี่ยนเป็นสีแดง นางกล่าวกับนางกำนัลอาวุโสโจวว่า “นางกำนัลอาวุโสโจวรู้เรื่องพิธีเหล่านี้มากกว่าอาเฮง และการกระทำเหล่านี้เหมาะสมมาก ข้าชอบมาก”
นางกำนัลอาวุโสโจวยิ้มอย่างสดใส“มันดีที่พระชายาชอบมัน ยังมีบางสิ่งที่ข้าต้องถามพระชายา ในอดีตที่ผ่านมาเรือนขององค์ชายไม่เคยมีบ่าวรับใช้ และมีเพียงข้าเท่านั้นที่มาดูแลพระองค์ สิ่งอื่น ๆ ที่เหลือให้บ่าวรับใช้ในการจัดการ ตอนนี้พระชายาได้เข้ามาในตำหนักแล้ว พระชายาต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในเรือนนี้หรือไม่เพคะ”
เฟิงหยูเฮงปิดปากและยิ้มนางรู้ว่าซวนเทียนหมิงไม่ได้ใช้บ่าวรับใช้ แต่ตอนนี้นางย้ายเข้ามา หากให้บ่าวรับใช้ชายคอยรับใช้ต่อไปจะผิดกฎ ดังนั้นนางจึงกล่าวกับนางกำนัลอาวุโสโจวว่า “นำบ่าวรับใช้ที่แข็งแรงมา สำหรับบ่าวรับใช้ส่วนตัวของข้าจะยังคงเป็นวังซวนและหวงซวน ! ”
นางกำนัลอาวุโสโจวพยักหน้า“ข้าก็คิดแบบนี้เช่นกันเพคะ” หลังจากกล่าวแบบนี้นางชี้ไปที่ข้างหลังตัวนาง “บ่าวรับใช้ 6 คนนี้ถูกเลือกโดยข้า นางกำนัลล้วนแต่มีพื้นฐานศิลปะการต่อสู้ พระชายาจะได้ใช้งานได้ง่ายขึ้น พวกนางจะดูแลสิ่งต่าง ๆ ในเรือนเท่านั้น สำหรับความต้องการของพระชายา ข้าจะยกให้วังซวนและหวงซวน”
วังซวนและหวงซวนรีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็วโดยกล่าวว่า“นางกำนัลอาวุโสสุภาพเกินไป การดูแลรักษาองค์ชายและพระชายาเป็นหน้าที่ของเราเจ้าค่ะ”
นางกำนัลอาวุโสโจวหัวเราะและกล่าวว่า“เจ้าสองคนเคยเป็นส่วนหนึ่งของตำหนักหยูและได้รับการฝึกฝนให้เป็นองครักษ์หญิงโดยเฉพาะเจ้าอยู่กับพระชายามาหลายปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีความสุภาพกับข้า พระชายาพึ่งเดินทางไกลกลับมา ข้าจะไปดูว่าอาหารกลางวันได้ถูกจัดเตรียมหรือยัง”
ทุกอย่างถูกจัดเรียงอย่างเหมาะสมเมื่อเฟิงหยูเฮงนั่งลงในอ่างอาบน้ำเพื่อแช่ นางรู้สึกไร้กังวล การโต้ตอบกับผู้คนในตำหนักหยูค่อนข้างผ่อนคลาย ก่อนอื่นนางคุ้นเคยกับพวกเขามาก่อน สำหรับนาง การเข้ามาในตำหนักแห่งนี้ไม่ได้มีความรู้สึกมากนักกับเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานไปในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ประการที่สองผู้คนในตำหนักหยูได้รับการจัดการโดยซวนเทียนหมิง พวกเขาไม่ได้เดินเล่น พวกเขาไม่ได้เร่งรีบและพวกเขาก็ไม่จู้จี้ พวกเขาจะพูดในสิ่งที่ควรพูดและหลีกเลี่ยงการพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ความสุภาพของพวกเขาก็เช่นกัน พวกเขาไม่ได้ประจบประแจงและพวกเขาไม่กระดิกหางมากเกินไป เพราะพวกเขาสงบเงียบมาก แม้แต่วังซวนและหวงซวนก็กล่าวว่า “การมาที่ตำหนักหยูนั้นให้ความรู้สึกเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงเจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้ายอมรับความเป็นจริงนี้แต่นางก็กล่าวกับบ่าวรับใช้ทั้งสอง “แม้ว่าเราจะย้ายเข้าไปอยู่ในตำหนักหยู คฤหาสน์ขององค์หญิงก็ไม่สามารถปล่อยให้ว่างเปล่าได้ ปล่อยให้มีคนจำนวนมากเท่าที่จำเป็น ผู้คนไม่สามารถถูกไล่ออกเพียงเพราะเราไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไป หากมีคนจำนวนมากเกินไปในคฤหาสน์ เพียงส่งบางส่วนไปยังที่อยู่อาศัยในเขตชานเมือง นอกจากนี้ถามว่ามีใครที่ต้องการเรียนรู้การแพทย์หรือไม่ ข้าจะไปพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้กับท่านปู่ หมอบางคนที่สำเร็จการศึกษาจะเปิดสำนักศึกษาขนาดเล็กเพื่อสอนผู้คนมากขึ้น มันจะทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นในอนาคต นอกจากนี้เราจะอาศัยอยู่ในทั้งสองแห่ง เราไม่สามารถละเลยคฤหาสน์ขององค์หญิงได้”
วังซวนและหวงซวนปฏิบัติตามอย่างรวดเร็วขณะเดียวกันก็ถือเสื้อผ้าที่เฟิงหยูเฮงถอดไป พวกนางนำเสื้อผ้าใหม่มาวางไว้ด้านข้าง จากนั้นทั้งสองก็ออกไป เฟิงหยูเฮงไม่ชอบให้คนดูแลนางในขณะที่นางอาบน้ำ และพวกนางคุ้นเคยกับเรื่องนี้มานานแล้ว
ซวนเทียนหมิงเพิ่งกลับมาที่ตำหนักหยูในตอนเย็นและเขารู้สึกสบายใจมากกับผู้คนที่กำลังตรวจสอบเขาอย่างสนุกสนาน ไม่กี่ปีที่ผ่านมาครั้งนี้เขามีความสุขมาก ตอนนี้ตำหนักมีเจ้านายหญิง บรรยากาศแตกต่างกันจริง ๆ ! เขาเห็นขันทีจางถือถาดที่มีแปรงสีฟันและยาสีฟันที่เฟิงหยูเฮงมอบให้เขา นอกจากนี้ยังมีสบู่หอม เขารู้ว่าสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วในคฤหาสน์ขององค์หญิงเมื่อบ่าวรับใช้ใช้มัน ตอนนี้มาที่ตำหนักหยูด้วยหรือ ? สิ่งนี้นำประโยชน์มาสู่ผู้คนอย่างแท้จริง
นางกำนัลอาวุโสโจวและขันทีจางเห็นว่าเขากลับมาแล้วพวกเขาบอกเขาว่าเฟิงหยูเฮงนำสิ่งดี ๆ ทุกอย่างมาที่ตำหนักในตอนบ่ายหลังจากที่นางเข้าไปในตำหนัก นางยังมอบอั่งเปาให้กับบ่าวรับใช้ทุกคน ทั้งสองพูดอย่างมีความสุขและซวนเทียนหมิงก็มีความสุขที่ได้ฟัง นางกำนัลอาวุโสโจวสังเกตว่านับตั้งแต่กลับมา และตั้งแต่ตำหนักมีเจ้านายหญิง ใบหน้าที่เย็นชาจะเปิดเผยรอยยิ้มเป็นครั้งคราว นางกำนัลอาวุโสโจวมีความสุขมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่นางยังรายงานต่อซวนเทียนหมิงเกี่ยวกับการเฟิงหยูเฮงไม่ยอมรับคลังและบัญชีซวนเทียนหมิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักครู่แล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ทำตามที่นางบอก เพียงส่งรายงานให้นางทุกเดือน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่มีความรู้เป็นอย่างมาก แต่นางไม่ควรสะดุดกับกิจการของตำหนัก นอกจากนี้ตำหนักต้องไม่ปฏิเสธที่จะมองนางในฐานะพระชายา เพราะนางไม่ยอมรับเรื่องเหล่านี้ ! โปรดจำไว้ว่าในชีวิตนี้ตำหนักหยูจะมีเจ้านายหญิงคนนี้เท่านั้น จะมีพระชายาคนเดียวเท่านั้น มีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ที่นี่ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติต่อนางไม่ดี”
นางกำนัลอาวุโสโจวหัวเราะและกล่าวว่า “พระองค์ไม่พูดสิ่งที่รุนแรงเช่นนี้ ในอนาคตเมื่อพระองค์มีบุตรและหลานจำนวนมาก มีบุตรสาว ตำหนักของเราจะไม่มีเจ้านายหญิงเพียงคนเดียวอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”
ดวงตาของซวนเทียนหมิงหยีจากรอยยิ้มใช่ ! ถ้าเขามีบุตรสาว นางจะต้องเป็นเหมือนเฟิงหยูเฮงแน่นอน นางจะแปลกและฉลาด การมีบุตรที่เหมือนนางวิ่งไปรอบ ๆ เพียงแค่คิด มันก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี
“อ่า”ซวนเทียนหมิงพยักหน้า และไม่พูดอะไรเลยขณะที่เขาเดินไปที่เรือนด้านใน นางกำนัลอาวุโสโจวไม่ได้ติดตาม แน่นอนนางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซวนเทียนหมิงกำลังคิดอยู่ “ตอนนี้ก็ผ่านมากว่า 100 วันแล้วที่เฟิงจินหยวนและเหยาซื่อจากไป ดูเหมือนว่าถึงเวลาเข้าหอแล้ว ! ”
——————————————————————————————————
*TN: เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะแสดงความยินดีกับคู่รักที่เพิ่งแต่งงานใหม่?
ตอนที่ 918 การเข้าหอที่ล่าช้า
ตอนที่918 การเข้าหอที่ล่าช้า
คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่เฟิงหยูเฮงนอนในตำหนักหยูในฐานะเจ้านายหญิงนางไม่ใช่คนที่สามารถนอนบนเตียงได้เท่านั้น ไม่ว่ามันจะเป็นชีวิตก่อนหน้านี้หรือชีวิตตอนนี้ของนาง ทั้งคู่ก็แตกต่างกัน และนางไม่ได้มีที่อยู่อาศัยที่ตายตัวไว้ ดังนั้นนางจึงสามารถนอนหลับได้ในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ
แต่คืนนี้แตกต่างกันเล็กน้อยสถานะของนางเปลี่ยนไป นางไม่ได้เป็นแขกอีกแล้ว นางเป็นเจ้านายแทน ใครจะรู้ว่านายกำนัลอาวุโสโจวกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อพบว่านางกับซวนเทียนหมิงยังไม่ได้เข้าหอกันอย่างแท้จริง นางวางผ้าเช็ดหน้าสีขาวไว้บนเตียงเป็นพิเศษ เฟิงหยูเฮงมองแล้วพูดไม่ออกเลย และมันก็เกิดขึ้น ซวนเทียนหมิงกอดนางจากด้านหลังโดยกล่าวว่า “ชายารัก ช่วงเวลาการไว้ทุกข์ 100 วันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เรามาทำให้การแต่งงานครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ได้หรือไม่ ? ”
นางนับวันด้วยนิ้วมือของนาง“100 วัน สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว”
“หืม? ” คนบางคนไม่มีความสุข “ชายารัก เจ้าหมายความว่าเจ้าหวังว่าวันนี้จะไม่มาเร็วขนาดนี้หรือ ? เจ้ายังไม่ต้องการที่จะเข้าหอกับสามีหรือ”
“นั่นไม่ใช่มัน…”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อยากจะเข้าหอกับสามี”
เฟิงหยูเฮงรู้สึกว่านางจะแพ้เสมอเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ดังนั้นนางจึงปิดปาก แต่ถึงแม้ว่านางไม่ต้องการพูดถึงมันก็มีบางคนที่อยากพูดถึงมัน และเขาไม่เพียงแต่ใช้ปากเพื่อสื่อสาร เขาต้องการทดลองด้วยมือของพวกเขา เช่นเดียวกับอุ้งเท้าของหมาป่า พวกมันไม่เชื่อฟังเลย เฟิงหยูเฮงเพิ่งปัดพวกมันออกจากสะโพก มันก็มาถึงหน้าอก เมื่อพวกมันถูกผลักออกจากหน้าอก มันก็ไปที่คอ
เฟิงหยูเฮงกำลังจะหมดแรงต้านทาน! นางยังเป็นผู้หญิงที่ปกติและมีสุขภาพดีด้วย คำว่าผู้ใหญ่เป็นเพียงในแง่ของโลกโบราณ แต่นางยังคงมีวิญญาณที่มาจากยุคสมัยใหม่ นี่เป็นวิญญาณที่ครบกำหนดแล้ว ! วิญญาณนี้กระตุ้นฮอร์โมนของนาง ! ซวนเทียนหมิงไม่สามารถหยุดมือได้ ตอนนี้มือของเขาเริ่มถอดเสื้อผ้าของนางแล้ว !
นางควรจะร้องไห้หรือนางควรจะซ่อนตัวหรือไม่? ดูเหมือนว่านางจะหนีไม่พ้น และ… นางไม่มีที่ซ่อน ใครเคยได้ยินว่ามีผู้หญิงไม่ยอมให้สามีแตะต้องพวกนางหลังจากแต่งงานแล้วหลายเดือน ยิ่งกว่านั้นนี่คือในตำหนักหยู หากทั้งสองยังไม่เข้าหออย่างแท้จริง ผู้ชายจะเสียหน้าอย่างแท้จริงใช่หรือไม่ มันเป็นแค่ว่านาง… ดีมาก ! ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการ มันเป็นแค่…ฮ่า ๆ นางรู้สึกเขินนิดหน่อย !
องค์หญิงจี่อันผู้กล้าหาญกลายเป็นเหมือนลูกแมวตัวน้อยเมื่อเสื้อผ้าของนางถูกถอด ผิวขาวนวลก็ถูกเปิดเผย ภายใต้การสัมผัสของซวนเทียนหมิง ผิวจะตอบสนองโดยสัญชาตญาณ และเปลี่ยนเป็นสีแดงและร้อน ลมหายใจของนางเริ่มติดขัด เมื่อความรู้สึกคาดหวังเล็กน้อยเริ่มที่จะเติมเต็มหัวใจของนาง หวังว่ามือเหล่านั้นจะเดินหน้าต่อไป
เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ของชายาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ความร้อน หัวใจของซวนเทียนหมิงชื่นชมยินดี ! เขาอดทนเป็นเวลา 3 ปี ! ในที่สุดเขาก็สามารถเพลิดเพลินกับการกินเนื้อ ! มีเพียงลูกแกะที่เขาเลี้ยงเป็นการส่วนตัวเท่านั้นที่จะอร่อยมาก ! และให้ความมั่นใจ !
เขากลายเป็นเหมือนหมาป่าที่หิวโหยหลังจากถอดเสื้อผ้าออก เขาผลักนางลงบนเตียง ก่อนอื่นเขาสูดกลิ่นนาง จากนั้นเขาก็จูบนาง หอมหวานมาก ดูเหมือนว่านางจะอร่อยมาก
ใบหน้าของเฟิงหยูเฮงแดงมากจนราวกับจะคั้นเลือดออกมาได้แต่ร่างกายของนางก็ยินดีต้อนรับ ในขณะที่นางตะโกนผ่านฟันกราม “ซวนเทียนหมิง ! เจ้าวายร้าย ! เจ้าเจ้าหมาป่าดุร้ายมาก ! ”
แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้นและพวกเขาก็กลายเป็น “สามี เจ้าวิเศษที่สุด ! รีบมากินข้าสิ ! ” เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไม่ต้องรีบ สามีกำลังมา ! ”
“เจ้า…เจ้ากำลังจะไปไหน ? ” ชายาสาวบนเตียงมีใบหน้าเปื้อนน้ำตา นางประหม่ามากจริง ๆ นางมีชีวิตอยู่สองโลก นางทำสิ่งนี้เป็นครั้งแรก ! นางควรทำอะไรตอนนี้ นางเคยได้ยินว่านางต้องแกล้งไม่เต็มใจ ? นี่จะทำให้นางดูดี แต่จริง ๆ แล้วมันควรจะผลักชายคนนั้นออกไปหรือไม่ ? นางเคยได้ยินด้วยว่านางต้องเปราะบาง ? สิ่งนี้จะทำให้สามีเห็นอกเห็นใจมากขึ้น ? ในชีวิตที่ผ่านมาของนาง นางได้อ่านนิยายรัก ๆ ใคร่ ๆ มีผู้หญิงที่ร้อง บางคนร้องไห้ บางคนให้ความร่วมมือ และมีบางคนที่เฉยเมย และก้าวร้าว… แต่นางไม่รู้วิธีการทำสิ่งนี้ !
ร่างกายทั้งหมดของเฟิงหยูเฮงสั่นไหวในขณะที่ปากเล็ก ๆ ของนางเม้มแน่น ดูเหมือนว่านางกำลังจะร้องไห้ อย่างไรก็ตามใครจะรู้ว่ารูปลักษณ์แบบนี้จะทำให้ผู้ชายรู้สึกประทับใจ สำหรับสามีของนาง หัวใจของเขาเกือบจะกระโจนออกจากอกของเขา
“ชายารักสามีหิวมาก ข้ารอไม่ได้แล้ว” เสียงของซวนเทียนหมิงเป็นเสียงแหบห้าวและความรู้สึกอันร้อนแรงของเขาก็มาถึงจุดสูงสุด ก่อนที่เฟิงหยูเฮงจะตอบสนอง ฉากร้อนแรงของ “ลูกแกะที่ถูกกิน” ก็เริ่มขึ้น
เฟิงหยูเฮงที่น่าสงสารนางผ่านมาสองชีวิตแต่ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามในคืนนี้นางถูกสามีของนางจับกินตั้งแต่พระอาทิตย์ตกจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น และร่างเล็ก ๆ ของนางเริ่มหายจากความเจ็บปวดในตอนแรกและเริ่มคาดหวังถึงบางอย่างจนกระทั่งบรรลุความปรารถนา และในที่สุดเมื่อหมาป่าสีเทาตัวใหญ่ก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายและแสดงความรู้สึกอบอุ่นของเขา แกะสีขาวตัวเล็ก ๆ กำลังคิดอยู่ว่านางจะตั้งครรภ์หรือไม่ ? การคลอดบุตรตอนอายุ 15 หรือ 16 ปีนั้นเป็นเรื่องยากมาก หลังจากคิดและคำนวณ ท่านปู่ของนางก็ปรากฏตัวขึ้น นางจะได้ฉีดยา แต่นางไม่ต้องการเป็นมารดาตั้งแต่อายุยังน้อย นางยังมีหลายสิ่งที่นางต้องทำ ! ในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายและไม่มั่นคงเช่นนี้ การมีบุตรจะหมายถึงความกังวลมากขึ้น นางจะสามารถปกป้องบุตรของนางเองได้หรือไม่ ?
ลืมมันไปเถอะนางตัดสินใจอย่างเงียบ ๆ นางจะกินยาคุม ! มันจะเป็นการดีที่สุดถ้านางจะเริ่มพิจารณาเรื่องมีบุตรเมื่อนางอายุประมาณ 20 ปี มันจะให้เวลานางสองสามปีในการเตรียมตัว และจะให้เวลาราชวงศ์ต้าชุนสักสองสามปีในการปักหลัก
เรื่องนี้ได้รับการพิจารณาจนถึงจุดนี้แกะขาวตัวเล็กหมดพลังงานและหลับไปด้วยความเหนื่อย ในความฝันของนาง ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังอุ้มนางเข้านอนอย่างระมัดระวัง วางศีรษะของนางบนหมอน หมอนเป็นสิ่งที่นางนำออกมาจากมิติของนางและมันก็นุ่มมาก จากนั้นมีคนห่มผ้าห่มให้ แต่มันก็ยกขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่นางถูกคลุม ผ้าเช็ดตัวอุ่นเช็ดต้นขาของนางเบา ๆ และระวังบริเวณนั้นมากเพราะกลัวว่าการสัมผัสจะทำให้นางเจ็บ แต่นางก็ยังรู้สึกเจ็บปวดเพราะคิ้วของนางขมวดเล็กน้อย นางต้องการลุกขึ้น แต่นางเหนื่อยจนนางไม่สามารถลืมตาได้
เร็วมากมีสิ่งอื่นนำไปใช้อย่างอ่อนโยนกับบริเวณนั้น และขาของนางแยกจากกันเล็กน้อย ทำให้นางรู้สึกเขินอายอย่างมาก ดูเหมือนว่านางจะรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร เพราะนางอาจเจ็บในช่วงแรกของนาง และยาที่ใช้ก็เย็นและสบายมาก นางคิดว่าคงจะเป็นวังซวนหรือหวงซวน นางได้ยินมาว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ถูกใช้โดยบ่าวรับใช้ หรือยายในยุคโบราณ นางไม่เคยมียายอยู่ข้าง ๆ นาง และมีเพียงวังซวนและหวงซวนเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัว คงเป็นเด็กหญิงสองคนที่มาช่วยนาง ยิ่งกว่านั้นนางจำได้ว่าข้างนอกเริ่มสว่างแล้วก่อนที่นางจะหลับตา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซวนเทียนหมิงจำเป็นต้องตื่น แต่เช้าเพื่อไปราชสำนัก ดังนั้นบ่าวรับใช้จึงได้เข้าไปข้างใน
นางยังคงมีเวลาว่างในความฝันของนางเพื่อวิเคราะห์สิ่งนี้และนางก็นึกถึงซวนเทียนหมิงด้วยเช่นกัน เขาจะยังคงมีแรงไปราชสำนักอยู่หรือไม่ ? เมื่อนางคิดถึงเรื่องนี้ นางก็ง่วงหลับไป
เมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งนางกลิ้งไปมาและรู้สึกว่ามีคนนอนข้างนาง การหายใจนั้นคุ้นเคยและมั่นใจ ทำให้นางเอื้อมมือไปกอดเขาโดยไม่รู้ตัวขณะพึมพำ “ซวนเทียนหมิง ตอนนี้กี่โมงแล้ว ? เจ้ากลับมาจากราชสำนักตอนเช้าแล้วหรือ ? ”
คนที่อยู่ข้างนางหัวเราะ“องค์ชายผู้นี้เพลิดเพลินกับคืนเข้าหอคืนแรกกับชายาของข้า เข้าร่วมราชสำนักอะไรกัน”
“หืม? ” นางขมวดคิ้วและบังคับตนเองให้ลืมตาขึ้นมา แต่นางก็ยังคงง่วง นางหาว มองอีกครั้ง ร่างกายท่อนบนของซวนเทียนหมิงเปลือยเปล่า และเขาก็นอนข้างนางอย่างอิสระ แขนข้างหนึ่งของเขาใช้เป็นหมอนให้นางนอน เมื่อมองดูใบหน้าที่ขี้เกียจเห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งตื่น สิ่งนี้มีความคล้ายคลึงกับคนที่กลับมาจากราชสำนักได้อย่างไร ? นางงงงวย “เจ้าไม่ได้ไปราชสำนักหรือ ? ”
เขาพยักหน้า“ใช่ ว่ากันไปแล้วว่าองค์ชายผู้นี้พึ่งจะมีความสุขในคืนเข้าหอคืนแรกของข้า จะมีเวลาว่างในการเข้าราชสำนักได้อย่างไร ? ”
“แต่…”ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่ามีใครบางคนใช้ยารักษานางในตอนเช้าเมื่อนางหลับ นางพยายามขยับร่างกายและพบว่ามันยังเจ็บอยู่ ความรู้สึกเย็นสบายจากยายังคงอยู่และดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าซวนเทียนหมิงไม่ได้ขึ้นราชสำนัก ก็เป็นไปไม่ได้ที่หวงซวนและวังซวนจะเข้ามาในห้องนอนเพื่อดูแลนาง ดังนั้น… คนที่ใช้ยานี้คือ … “ซวนเทียนหมิง” นางเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความงุนงง “เจ้าทำอะไรกับข้า ? ”
เขาหัวเราะออกมา“ทุกอย่าง”
นางโกรธมาก! หน้ามืดครึ้ม “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าหมายถึง”
“ถ้าเช่นนั้นชายารักของข้าหมายถึงอะไร”ใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ ขณะที่ลมหายใจอันร้อนแรงกระทบใบหน้าของนาง ด้วยท่าทางที่ชั่วร้าย มันทำให้นางต้องการที่จะดูดอกบัวสีม่วงบนหน้าผากของเขาผ่านนิ้วมือของนาง ด้วยเหตุนี้นางได้ยินเขากล่าวว่า “องค์ชายผู้นี้รู้ว่าชายารักไม่สนุกกับมันมากนัก อันที่จริงองค์ชายคนนี้ผิดเอง ! ชายารักผู้นี้อ่อนแอเกินไป และนี่เป็นครั้งแรก องค์ชายผู้นี้แสดงความสงสารและไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปนัก บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บมียารักษาอยู่แล้ว หลังจากพักอีกสองวัน สามีจะดูแลเจ้าอย่างเหมาะสม”
ใบหน้าของเฟิงหยูเฮงเปลี่ยนเป็นสีแดง…“ใครไม่สนุกมากนัก? ”
“ถ้าอย่างนั้นชายารักหมายถึงการบอกว่าเจ้าสนุกกับมันอย่างมากหรือ? ”
“ข้า…”ลืมไปเลยมันเป็นอีกสิ่งที่ไม่สามารถพูดออกได้อย่างชัดเจน นางมุดหัวของนางไว้ใต้ผ้าห่ม จริง ๆ แล้วนางควรคาดการณ์สิ่งนี้ คนที่ดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถนำภัยพิบัติมาสู่อาณาจักรและผู้คนในอาณาจักร พวกเขาจะมีเจตนาดีได้อย่างไร? พวกเขาเต็มไปด้วยความคิดที่ไม่ดี ! แต่หลังจากความคิดบางอย่าง มันคือซวนเทียนหมิงเองที่ช่วยทำความสะอาดและทายาให้ แม้ว่ามันจะน่าอาย แต่มันก็ค่อนข้างหวาน ! ในโลกนี้มีมนุษย์คนไหนที่จะทำสิ่งนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าโลกโบราณที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แต่แม้จะอยู่ในโลกสมัยใหม่ พฤติกรรมแบบนี้จะหายาก
เมื่อชายาสาวคิดเรื่องนี้นางก็มีความสุขทันที นางนอนหลับอย่างมีความสุขภายใต้ผ้าห่มอีกสักพัก แต่ได้ยินสามีของนางกล่าวว่า “ถ้าเจ้ายังไม่ลุกขึ้น ข้าจะส่งคนเข้าไปในพระราชวังเพื่อแจ้งเสด็จพ่อว่าการคารวะจะรอจนกว่าพรุ่งนี้”
“หืม? ” เฟิงหยูเฮงตกตะลึง “คารวะหรือ? คารวะสิ่งใด ? ” นางไตร่ตรองสักพักหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้ากำลังบอกว่าข้าควรไปคารวะเสด็จพ่อหลังจากที่กลับมาเมืองหลวงหรือ ? แต่ขุนนางเหล่านั้นรวมตัวกันเพื่อไม่ให้อนุญาตให้ข้าเข้าไปในพระราชวังอีกต่อไปแล้วไม่ใช่หรือ / ” นางไม่พอใจมาก
ซวนเทียนหมิงหัวเราะและอุ้มนางขึ้นมาจากใต้ผ้าห่มกล่าวกับนางว่า “ตาแก่ผู้ขี้ขลาดเหล่านั้นถูกจัดการจากเสนาบดีทั้งสองด้วยคำถามที่ยากและส่งข้อสอบไปแล้ว การเข้าไปในพระราชวังวันนี้ไม่ใช่เพราะเจ้ากลับมาที่เมืองหลวง แต่สำหรับการแต่งงานของเรา ด้วยกฎหมายความกตัญญูของราชวงศ์ต้าชุน เราต้องไปยกน้ำชาถวายเสด็จพ่อกับฮองเฮา แน่นอนว่าเจ้าต้องไปคารวะเสด็จแม่ด้วยตัวตนใหม่ของเจ้า”
เมื่อเฟิงหยูเฮงได้ยินสิ่งนี้นางก็ตระหนักว่านางไม่ได้ใส่ใจ ถูกต้องนางกลายเป็นลูกสะใภ้อย่างแท้จริง การไปเยี่ยมพ่อแม่สามีเป็นสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นนางจึงรีบลุกขึ้น พบกับความเจ็บปวดจากด้านล่าง เตือนนางว่านางไม่ได้สวมอะไร…
ซวนเทียนหมิงไม่ได้ล้อนางต่อไปในขณะที่เขาไปช่วยและนำเสื้อผ้าใหม่มาให้ อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงรู้สึกว่าเพียงแค่ใส่เสื้อผ้าแบบนี้ก็ไม่สบายใจอย่างแท้จริง การเรียกใครบางคนเพื่อเตรียมน้ำสำหรับอาบน้ำในตอนนี้ก็สายเกินไป นางจึงเข้าไปในมิติของนางในพริบตา
สิ่งนี้ทำให้ซวนเทียนหมิงมองอย่างไร้ประโยชน์ในขณะที่ชายาสาวของเขาหายตัวไปจากเตียงและเขาไม่สามารถช่วยได้ เขาแต่งงานกับเทพจริง ๆ !