The Divine doctor : ชายาข้าคือแพทย์เทวะ - ตอนที่ 983 ตกลงไปที่จุดเริ่มต้น
ตอนที่ 983 ตกลงไปที่จุดเริ่มต้น
ตอนที่983 ตกลงไปที่จุดเริ่มต้น
ภายในสามวันบทสนทนาทั้งหมดในเมืองหลวงถูกครอบงำโดยหนึ่งหัวข้อ : การกระทำที่ดีทางเหนือของเมืองหลวงไม่ได้กระทำโดยองค์ชายแปด ตั้งแต่ต้นจนจบองค์ชายแปดไม่ได้ให้เงินแม้แต่เหรียญเดียว แม้กระนั้นเขาอ้างสิทธิ์ในการกระทำเพื่อชื่อเสียงของเขา เขาเป็นคนหน้าซื่อใจคด !
ข่าวลือเหล่านี้จบลงแล้วแต่พวกเขาไม่เคยกล่าวถึงกงซาน เมื่อคำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของซวนเทียนโม ซวนเทียนโมก็ทุบแท่นฝนหมึกอายุหนึ่งร้อยปีในห้องหนังสือของเขาด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็รีบไปถามกงซานเกี่ยวกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตามกงซานกล่าวอย่างใจจดใจจ่อกับเขาว่า “ข้าต้องการปรึกษาเรื่องนี้กับลูกพี่ลูกน้อง ! ตอนนี้สมาชิกครอบครัวของขุนนางทุกคนที่ทำงานในทางเหนือของเมืองหลวงได้ถอนตัวออกไปแล้ว เริ่มแรกข้าคิดว่าพวกเขาไม่มีเงินมากพอที่จะสนับสนุนต่อไปได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีถ้าพวกเขาจากไป เมื่อพูดถึงการทำความดีก็ต้องทำด้วยความสมัครใจ มันไม่ดีที่จะบังคับให้พวกเขาอยู่ต่อ ข้าพบในภายหลังว่ามีผู้คนจำนวนมากที่ถอนตัว ข้าอยากรู้อยากเห็นจึงเดินได้ไปรอบ ๆ บ่อยขึ้นในวันนี้”
“เพราะองค์ชายผู้นี้ใช่หรือไม่? ” ซวนเทียนโมสับสน “ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะอยู่หรือถอนตัวไปกับองค์ชายผู้นี้คืออะไร ? ”
“ฮะ!”กงซานแสร้งทำเป็นมองกังวล และกระทืบเท้า “ลูกพี่ลูกน้อง ท่านพี่จะเข้าใจไม่ได้อย่างไร ? ครอบครัวของขุนนางที่ใช้จ่ายเงินของตัวเองเพื่อทำงานกับข้าในการแจกอาหาร แต่ตำหนักเซียงไม่เคยให้เงินกับพวกเขาเลย ในทางตรงกันข้าม เราได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดรวมถึงชื่อเสียง มันคงจะดีถ้าเพียงแค่หนึ่งหรือสองวัน แต่เมื่อสิ่งต่าง ๆ ถูกลากออกไป คนเหล่านี้รู้สึกไม่พอใจ เมื่อข้าบอกพวกเขา มีมากกว่าหนึ่งคนที่จะบอกข้าว่าองค์ชายแปดนั้นตระหนี่และเจ้ากี้เจ้าการมากเกินไป เมื่อมีงานที่ต้องใช้เงินหรือใช้แรงงานด้วยตนเอง ท่านพี่จะนึกถึงพวกเขา แต่เมื่อมีผลประโยชน์ พวกเขาไม่ได้รับการพิจารณา พวกเขาทำงานร่วมกับเราเป็นเวลานานในการแจกอาหาร แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย ไม่มีการแจกรางวัลแม้แต่อย่างเดียว”
ซวนเทียนโมโกรธ“พวกเขาแค่ทำงานนี้เท่านั้น แต่พวกเขาต้องการการสนับสนุน ? ฝันไปเถิด ! ” หลังจากคิดถึงข่าวลือที่ได้ยินบนถนนอีกเล็กน้อยก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมันจะถูกเผยแพร่โดยขุนนางเหล่านั้น เขาเคยคิดสิ่งต่าง ๆ มาก่อน ไม่สามารถพึ่งขุนนางขั้นต่ำได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีบุตรสาวซึ่งอยู่ในพระราชวังที่ถูกกลั่นแกล้งโดยพระชายาหยุน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่สำคัญ สำหรับเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นพระสนมหรือนางสนม พวกเขาจะเกี่ยวข้องกับขุนนางขั้นหนึ่งและขั้นสอง และเขาก็ไม่สามารถพาพวกเขาไปได้ นี่คือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเขา “ออกไปเยอะหรือไม่ ? ” ซวนเทียนโมถามกงซาน
กงซานพยักหน้า“เราเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่เจ้าค่ะ”
“อืม”เขาไตร่ตรองชั่วครู่หนึ่งแล้วเล่าต่อว่า “อีก 5 วัน ข้าจะไปทางเหนือของเมืองหลวงเป็นการส่วนตัว ในเวลาเดียวกันข้าจะนำเสื้อกันหนาวที่เตรียมโดยเสด็จแม่ไปแจกด้วย เมื่อถึงเวลาให้จัดการบางอย่าง”
ใจของกงซานกระพืออย่างมีความสุขขณะที่นางพยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ลูกพี่ลูกน้องไม่ต้องกังวล มีการเตรียมการทั้งหมดสำหรับทางเหนือของเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ” หลังจากกล่าวแบบนี้นางมองซวนเทียนโม เนื่องจากมีสีสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “ลูกพี่ลูกน้องจะนอนที่นี่หรือไม่เจ้าคะ ? ”
ซวนเทียนโมโบกมือของเขา“ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำคืนนี้ เจ้าเข้านอนได้แล้ว ! ” หลังจากกล่าวแบบนี้เขาหันหลังแล้วก็ออกไป
มันเป็นเพียงหลังจากที่เขาออกจากเรือนกงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก เสี่ยวหยูช่วยให้นางกลับมาที่เก้าอี้ของนาง และกล่าวอย่างกังวลใจว่า “คุณหนูจะเกิดอะไรขึ้นถ้าองค์ชายแปดรู้เรื่องที่เราทำลงไป ? พระองค์จะ…”
“พระองค์จะฆ่าเราหรือ? ” นางหัวเราะเยาะ “แน่นอนพระองค์จะทำ นอกจากนี้พระองค์จะให้เราตายอย่างโหดร้ายมาก” ในขณะที่นางกล่าว นางสังเกตเห็นเสี่ยวหยูตัวสั่น และนางปลอบใจอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกังวล ข้าได้เตรียมการไว้แล้วสำหรับเจ้า ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นกับข้า ข้าจะจัดให้เจ้าออกจากเมืองหลวงอย่างแน่นอน” ขณะที่นางกล่าว นางยื่นถุงเงินของนางแล้วดึงตั๋วแลกเงินที่มีมูลค่า 50 เหรียญเงินออกมา “เก็บไว้ ก่อนออกเดินทางข้าจะเตรียมให้อีก 100 เหรียญเงิน ให้เจ้ารวมเงินแล้วไปแตกเป็นเศษเงินเพื่อใช้ในการเดินทาง นอกจากนี้ข้าจะคืนสัญญาให้เจ้า ในอนาคตเจ้าจะมีอิสระและสามารถไปทุกที่ที่เจ้าต้องการ”
เมื่อเสี่ยวหยูได้ยินเช่นนี้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจ ในเวลาเดียวกันนางรู้สึกขอบคุณกงซานเป็นอย่างมาก นางคุกเข่าและกล่าวว่า “คุณหนู ข้าเป็นบ่าวรับใช้ของคุณหนูและต้องการที่จะดูแลคุณหนูไปตลอดชีวิตของข้า ข้าจะไม่ทอดทิ้งคุณหนูไม่ว่าเป็นหรือตายเจ้าค่ะ ! ”
ไม่ทอดทิ้งไม่ว่าเป็นหรือตายใช่หรือไม่กงซานเยาะเย้ยข้างใน คำพูดเช่นนี้มีอยู่ที่ไหนในโลกนี้ ถึงแม้ว่าเสี่ยวหยูจะถือว่าภักดี แต่สำหรับนางที่จะทำอะไรบางอย่างเช่นการตายพร้อมกับตระกูลจู้นั้นเป็นไปไม่ได้ แน่นอนว่านางไม่ได้วางแผนจะออกจากเส้นทางนี้ บ่าวรับใช้ที่ไม่สามารถสู้รบกับเจ้านายจนจบได้จะมีความหมายอะไร ? มันเป็นเพียงว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะรังเกียจอีกฝ่าย นางยังมีหลายสิ่งที่นางต้องการการสนับสนุนจากบ่าวรับใช้ผู้นี้ให้ช่วยกระทำจนสำเร็จ นอกจากนี้นางยังต้องป้องกันการต่อต้านจากอีกฝ่ายและต่อสู้กับองค์ชายแปด มันจะเป็นอีก 5 วัน ในเวลาห้าวันตราบใดที่องค์ชายแปดนำเสื้อผ้าจากท่านผู้หญิงหยวนไปทางเหนือของเมืองหลวง ทุกอย่างก็จะจบลง….ไอรีนโนเวล
ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างต่อเนื่องการแบ่งแยกเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างองค์ชายแปดกับขุนนางในฝ่ายของเขา ทางเหนือของเมืองหลวง ขอทานในวัดชาวบ้านที่ยากจนทุกคนรู้ว่าอาหารที่พวกเขากินนั้นได้รับเงินจากถุงเงินเล็ก ๆ ของตระกูลจู้ มันไม่เกี่ยวข้องกับองค์ชายแปดเลย สำหรับผู้ที่มีส่วนร่วมในการแจกอาหาร พวกเขามาเพื่อประโยชน์ขององค์ชายแปด เหตุผลที่พวกเขาจากไปก็เพราะองค์ชายแปด เป็นเพราะองค์ชายแปดได้สัญญาว่าจะให้เงินแก่พวกเขา แต่ผลที่ตามมาก็คือเขาไม่ได้จ่ายเงินให้แม้แต่เหรียญเดียว นั่นคือเหตุผลที่ทุกคนแยกตัวออกมา
บ่าวรับใช้ของตำหนักเซียงที่ด้านข้างของกงซานรู้สึกสับสนอย่างมากกับเรื่องนี้คำพูดนี้มาจากไหน ตำหนักเซียงใช้เงินเป็นจำนวนมากอย่างชัดเจน ดังนั้นทำไมข่าวลือเหล่านี้ถึงบอกว่าพวกเขาไม่ได้จ่ายเงินแม้แต่เหรียญเดียว? นางงงและถามกงซานเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามกงซานส่ายหน้าแล้วก็บอกว่านางไม่แน่ใจ นางยังบอกอีกว่าบ่าวรับใช้ว่า “ลูกพี่ลูกน้องกำลังตรวจสวบอยู่ ข้าแค่หวังว่าความจริงสามารถเปิดเผยได้ ! ”
ต่อหน้าพลเมืองกงซานยังคงอธิบายให้พวกเขาฟังอย่างต่อเนื่องว่าตำหนักเซียงซื้อธัญพืชมา แต่พลเมืองก็ยอมรับมันเท่านั้น โดยส่วนตัวพวกเขากล่าวว่า “คุณหนูตระกูลจู้มีชีวิตที่ยากลำบากจริง ๆ ถ้านางไม่พูดเพื่อองค์ชายแปด นางก็จะถูกตีเมื่อกลับไปที่ตำหนักเซียง ฮ่า ๆ ไฉนสาวงามจึงมีชีวิตที่โหดร้ายแบบนี้ ? ”
ลมในเมืองหลวงเปลี่ยนไปอย่างนั้นในสายตาของเฟิงหยูเฮง สิ่งนี้อาจไม่เป็นปกติอีกต่อไป นางกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยามโดยกล่าวว่า “ข้าคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาก็จะสามารถทนได้ตลอดฤดูหนาวนี้ แต่ใครจะรู้ว่ามันจะพังเร็วมาก”
หวงซวนกล่าวว่า“ตามที่ข้าเห็น การล่มสลายเร็วขึ้นทำให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้นเร็วขึ้น มิฉะนั้นเราจะต้องฟังพวกเขาสรรเสริญองค์ชายแปดตลอดทั้งวัน มันน่าขยะแขยงจนข้าอยากตาย”
เฟิงหยูเฮงหัวเราะเยาะนาง“เจ้าทนไม่ไหว มีอะไรที่น่ารังเกียจ เราไม่สามารถขาดทุนได้และเราไม่สามารถข้ามมื้ออาหารได้ เพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาไปข้างหน้าและกล่าวคำสรรเสริญ เจ้าต้องจำไว้ว่าการตกจากที่สูงมันจะตกแรงกว่า ข้าอยากจะเห็นว่ากงซานจะสร้างเรื่องวุ่นวายใหญ่โตแค่ไหน และองค์ชายแปดจะจัดการกับมันอย่างไร”
วังซวนพิจารณาสิ่งต่างๆ จากหวงซวน และนางถามเฟิงหยูเฮงว่า “คุณหนู ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับองค์ชายแปดคราวนี้ ฮ่องเต้จะลงโทษพระองค์อย่างรุนแรงหรือไม่เจ้าคะ ? ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์มากมาย เหตุการณ์เหมืองหยกและร่วมมือกับศัตรูในภาคใต้ ทั้งคู่ถูกองค์ชายแปดปฏิเสธ ข้าเห็นว่าฮ่องเต้ทำเป็นหูหนวกตาบอดกับสิ่งเหล่านี้ แล้วเวลานี้ล่ะ ถ้าฮ่องเต้ยังคงมีท่าทีเดียวกัน เราก็จะทำสิ่งนี้เพื่ออะไรเจ้าคะ ? ”
เฟิงหยูเฮงก็เป็นกังวลเช่นกันเมื่อกล่าวถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับองค์ชายแปด ฝ่ายของนางยังคงนิ่งเฉยอยู่ พวกเขาแก้ปัญหาได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายทำให้พวกเขาพังทลายลงเมื่อพวกเขาขึ้นมา สำหรับทัศนคติของฮ่องเต้ จริง ๆ แล้วเป็นอย่างที่วังซวนกล่าว ฮ่องเต้ทำเปนหูหนวกตาบอด หากมีการสอบสวนเรื่องก่อนหน้าอย่างรอบคอบ นางปฏิเสธที่จะเชื่อว่าไม่พบความจริง ด้วยความผิดร้ายแรงเช่นนี้ นางไม่เชื่อว่าวันนี้องค์ชายแปดจะสามารถกระทำได้อย่างเย่อหยิ่งในวันนี้
ฮ่องเต้ปฏิเสธที่จะตรวจสอบอย่างละเอียดทำให้องค์ชายแปดดำเนินการต่อ นางยังสังเกตเห็นว่าฮ่องเต้กำลังเตรียมตัวนั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกัน เขาต้องการดูว่าเสือตัวไหนจะปีนขึ้นไปด้านบน นี่เป็นเกมที่โหดเหี้ยมและนางก็ไม่ต้องการมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เกี่ยวกับการที่ซวนเทียนหมิงเกิดมาเป็นองค์ชาย แม้ว่าเขาอยากจะออกไปข้างนอก เขาก็ทำไม่ได้ ซวนเทียนหมิงต้องการปกป้องโลกนี้และนางทำได้เพียงปกป้องเขาเท่านั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดในที่สุดก็จะเกิดผลลัพธ์ และนางควรจะนำเอาจิตวิญญาณการต่อสู้แบบเดียวกับที่นางมีเมื่อจัดการกับตระกูลเฟิง
เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า“เรารอดูกันก่อน ด้วยการกระทำของกงซาน องค์ชายแปดอาจจะไม่สามารถชื่นชมยินดีได้นาน ความสำเร็จมาพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ และความพ่ายแพ้ก็มาพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ นี่ถือเป็นการลงโทษที่สมควรได้รับและกลับไปสู่ที่ที่พระองค์มา”
ไม่กี่วันต่อมาองค์ชายแปดนั่งอยู่ในรถม้าของเขาและนำขบวนรถม้า 10 ขบวนไปยังทางเหนือของเมืองหลวง กงซานกระจายข่าวไปยังผู้คนทางเหนือของเมืองหลวงบอกพวกเขาว่าองค์ชายแปดจะมาเยี่ยมทุกคนเป็นการส่วนตัว พระองค์จะนำเสื้อผ้าใหม่ที่ท่านผู้หญิงหยวนจัดให้บ่าวรับใช้ในพระราชวังทำ นางยังย้ำอีกครั้งว่า “คราวนี้จริง ๆ แล้วมันคือท่านผู้หญิงหยวนที่จ่ายเงินให้ เพื่อให้ทุกคนมีเสื้อกันหนาวใหม่ ท่านผู้หญิงหยวนทำงานอยู่สองสามคืนโดยไม่นอน ! ”
นางกระจายคำเหล่านี้ไปยังขอทานในวัดแล้วและขอทานเชื่อว่ามันเป็นแรงกดดันล่าสุดจากข่าวลือที่ทำให้องค์ชายแปดต้องทำอะไรบางอย่าง นางกล่าวกับขอทานด้วยว่านี่เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด พลเมืองจะได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง
เมื่อได้ยินคำพูดของนางขอทานเริ่มเผยแผ่ว่าคราวนี้เป็นของท่านผู้หญิงหยวนและองค์ชายแปดด้วย ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มเชื่อ พวกเขารอคอยการมาถึงขององค์ชายแปด
ซวนเทียนโมเดินทางไปทางเหนือของเมืองหลวงในวันนี้และมากับเสื้อกันหนาวใหม่เขายังนำรถม้าจำนวนมากที่เต็มไปด้วยอาหาร นอกจากนี้เขายังนำพ่อครัวของตำหนักเซียงออกมาทำอาหารให้กับพลเมือง เขายังมอบชามและตะเกียบใหม่ให้กับคนยากจนด้วย เขาทำงานเต็มวันและมันก็มีชีวิตชีวามาก
พลเมืองกินข้าวและยังได้รับเสื้อผ้าใหม่ในไม่ช้าการตำหนิองค์ชายแปดจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ก็เงียบลง มีบางคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตัวเองรู้สึกว่าพวกเขาได้ตำหนิองค์ชายแปดผิด
หลังจากท้องฟ้ามืดมิดซวนเทียนโมออกไป ก่อนออกเดินทางเขากล่าวอย่าง “อบอุ่นใจ” ต่อผู้คนโดยสัญญากับพวกเขาว่า “ตราบใดที่ตำหนักเซียงได้กิน พวกเจ้าจะไม่ถูกทอดทิ้งให้อดอยาก”
หลังจากซวนเทียนโมจากไปกงซานอยู่ข้างหลัง และกล่าวอย่างอบอุ่นกับพลเมืองที่ได้รับเสื้อผ้าฤดูหนาวใหม่ “วันที่แปดของเดือนสิบสอง วันนี้จะหนาวมาก หากเจ้ามีเสื้อใหม่อย่าเพิ่งเก็บไว้ ทุกคนควรสวมใส่ พวกเจ้าต้องไม่หนาวในเวลากลางคืน”
ผู้คนผงกหัวโดยเฉพาะขอทานที่อาศัยอยู่ในวัดวันนี้อากาศหนาวมากจริง ๆ แม้ว่าจะวางเตาอั้งโล่ไว้ในพระวิหาร มันก็ไม่สามารถแก้ปัญหาที่แท้จริงได้ ดังนั้นผู้คนจึงสวมใส่เสื้อผ้าที่เพิ่งได้มา จากมุมมองทางจิตวิทยา อย่างน้อยที่สุดเสื้อผ้าที่เพิ่งตัดใหม่จะอุ่นกว่าเสื้อผ้าเก่าอย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุดฝ้ายก็ใหม่และหนาขึ้น
กงซานเฝ้าดูทุกคนใส่ไว้และรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของนางนางกล่าวซ้ำ ๆ ว่า “เป็นเรื่องดีถ้าทุกคนชอบมัน อย่างน้อยก็หมายความว่าความพยายามของท่านผูหญิงหยวนไม่ได้สูญเปล่า องค์ชายแปดมาช่วยผู้คนจากทางเหนือของเมืองหลวง นี่เป็นโอกาสที่หายาก”
หลังจากกล่าวแบบนี้ผู้คนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาจมดิ่งลง หลังจากคิดไปเล็กน้อยนั่นไม่ใช่ทั้งหมด ตลอดทั้งวันองค์ชายแปดไม่แสดงรอยยิ้มเลย
ผู้คนใช้เวลายามค่ำคืนด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนตอนแรกพวกเขาคิดว่าเสื้อผ้าใหม่จะอุ่นขึ้น อย่างไรก็ตามใครจะรู้ว่าข่าวร้ายจะมาจากทางเหนือของเมืองหลวงในเช้าวันรุ่งขึ้น เกือบหนึ่งในสามของขอทานและคนจนเสียชีวิตในชั่วข้ามคืน !