The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1064 - ความจริงแห่งยุคสมัย
“พวกเจ้าควรจะรู้ได้แล้วว่าเรื่องสวนที่หกถูกปล่อยข่าวจากตระกูลบูรพา!มิเช่นนั้นพวกเจ้าจะเชื่อรึ?”
ซือหยูลูบคางและก้าวออกมาเงียบๆ
แต่เขาก็ก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะชักสีหน้าไม่มีใครรู้เลยว่ามีกำแพงพลังอสูรที่มองไม่เห็นปิดกั้นระยะพันศอกอยู่
ฮั่นเฟยกับคนอื่นๆ สัมผัสบรรยากาศแปลก ๆ ได้เช่นกัน ซือหยูมองพวกเขาและพยายามจะทำลายกำแพงพลังอสูร แต่มันก็ไร้ผล
“อย่าเสียแรงเลย!นี่คือม่านพลังสวนที่หก กรงขังสุดท้ายที่จองจำเซียนมณียังไงล่ะ! นางยังหนีออกไปไม่ได้ พวกเจ้าก็หนีไม่ได้!”
ตงฟางเถียนเฟิงเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ
ซือหยูตาเป็นประกายโดยที่ทุกคนไม่ทันสังเกต
แน่นอนแล้วนี่คือธาตุแท้ของแดนมณี
“เจ้าพูดถึงกรงอะไรกัน?หมายความว่ายังไงที่เซียนมณีถูกจองจำ?”
ฮั่นเฟยยังคงมีใบหน้าเย็นชาแต่นางก็ซ่อนความตกใจในแววตาไม่ได้
ตงฟางเถียนเฟิงยิ้มเยาะ
“ถึงมันจะทำให้ข้าช้าแต่มันก็น่าสนุกที่จะสั่งสอนให้พวกโง่อย่างพวกเจ้ารู้ความลับของโลกใบนี้ แดนมณีไม่ใช่ที่บ่มเพาะพลังแต่เป็นกรงขัง! สวนที่หกคือห้องคุมขัง! คนที่ถูกจองจำคือเทพเจ้าผู้ปกป้องจิวโจว เซียนมณี! จ้าวสวนทั้งห้าคือกุญแจไขประตูคุก!”
เรื่องราวอันน่าตกตะลึงพลิกผันสิ่งที่พวกเขารู้
“เซียนมณีตายอย่างสงบทิ้งสมบัติให้กับคนหมู่มาก เป็นไปได้ยังไงที่นางจะถูกจองจำ?”
กู้ไทซูถอนหายใจแรง ตงฟางเถียนเฟิงแสยะยิ้มส่ายหน้า
“เจ้ามันด้อยปัญญาถ้าเทียบกับซือหยูเซี่ยนใช่ไหม พี่ซือ? เจ้าคงจะคิดบางอย่างออกแล้วใช่ไหม?”
ทุกคนหันไปมองซือหยูด้วยความสงสัยเขาได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้า
“ข้าก็มีเพียงแค่การคาดเดา”
“เซียนมณีปกป้องทวีปมาหลายปีถ้าหากจะมีผู้สืบทอด นางคงจะเลือกสักหนึ่งคนก่อนตายอย่างสงบ ทำไมนางจะต้องลำบากสร้างแดนมณีก่อนตายและทิ้งคำชี้แนะของนางไว้ทีละนิดกับลูกหลานด้วยเลบ่า? วิธีนี้เสี่ยงเกินไป นางจะแน่ใจได้อย่างไรว่าศัตรูจะเข้าแดนมณีหลังจากนางตายไม่ได้? นางเลือกผู้มีพรสวรรค์ในยุคถัดไปเป็นผู้สืบทอดเสียยังดีกว่า วิธีนี้มีเหตุผลกว่ามาก”
“ดังนั้นข้าจึงสงสัยเรื่องแดนมณีที่ถูกยกให้เป็นขุมทรัพย์หลังจากที่ข้ามาถึงแล้ว ข้าก็ได้ข้อสรุป! สวนทั้งห้า มันคือผนึกที่กักขังบางอย่างเอาไว้มากกว่า” มีเพียงคนที่แข็งแกร่งมากเท่านั้นที่จะต้องใช้ผนึกระดับนี้ในการกักขังมันจะต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากมายตั้งแต่อดีต เป็นอันดับหนึ่งของโลก อย่าง…เซียนมณี!
“แน่นอนว่านี่เป็นแค่การเดาข้าไม่มีหลักฐาน”
แปะ!แปะ! แปะ!
ตงฟางเถียนเฟิงปรบมือแสดงความประทับใจ
“ด้วยคำใบ้อันน้อยนิดเจ้ากลับเข้าใจเรื่องราวเกือบทั้งหมดได้ น่าประทับใจจริง ๆ ! ตระกูลตงฟางของเรามองธาตุแท้ของแดนมณีออกด้วยสารจิวโจว ข้อมูลจากหลายยุคสมัย และความพยายามหลายชั่วอายุคน!”
“ถูกต้องนี่คือกรงขัง! เพื่อที่จะจองจำเซียนมณี!”
เมื่อถูกเปิดเผยเรื่องอันน่าตกใจทุกคนพากันงุนงง
“ไม่ต้องตกใจไปที่จริงแล้วราชาเก้าเขตจ้าวผาบั่นภูติ และอีกหลายคนก็รู้ความจริง พวกนั้นก็แค่ไม่กล้าเผยความจริงต่อสาธารณะ”
“เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยเซียนมณีตายอย่างสงบหรือ? ทำไมนางถึงถูกจองจำ? ใครกันที่จองจำนาง? นางคือเซียนคนแรกบนโลก ใครกันที่มีพลังสยบนางได้?”
กู้ไทซูถาม
ตงฟางเถียนเฟิงหัวเราะ
“ใครบอกเจ้าว่านางตายอย่างสงบ?มีตำราเล่มไหนที่บอกชี้ชัดถึงที่มาของเรื่องนี้? ไม่เลย ทุกอย่างเป็นแค่การคาดเดาจากลูกหลานหลังจากแดนมณีปรากฏขึ้นเท่านั้น! แต่พอเวลาผ่านไป การคาดเดาก็กลายเป็นความจริง!”
“ส่วนคำถามอื่นเจ้าผิดไปสองข้อ! ตอนที่นางถูกจองจำ นางไม่ใช่เซียนคนแรกแต่เป็นเทพเจ้า! หลังจากบ่มเพาะมาเป็นเวลานาน นางได้กลายเป็นเทพ! แน่นอนว่าผู้ที่จองจำนางก็เป็นเทพด้วย!” อะไรนะ?ทุกคนตัวแข็งทื่อ
เซียนมณีกลายเป็นเทพ!ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเทพอีกคนมาจองจำนาง!
“ทำไมกัน?ทำไมเทพต้องผนึกเทพ…มณี? หรือเพราะว่านางปกป้องจิวโจว?”
ฮั่นเฟยถาม
แต่ตงฟางเถียงเฟิงก็ถามกลับ
“ใครบอกเจ้าว่าตงฟางเถียนเฟิงปกป้องจิวโจว?เจ ้าเห็นกับตาได้ยินมากับหูเรอะ?”
ฮั่นเฟยพูดไม่ออกแน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปาก
“นางย่อมไม่ใช่เทพที่คอยปกป้องจิวโจวเพราะว่าตัวจริงของนางคือ…เผ่าอสูร!”
ตงฟางเถียนเฟิงบอกความลับที่น่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง
“สิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าปกป้องจิวโจวที่หลายยุคสมัยบอกกล่าวคือคำลวง!นางเอาชนะเผ่าอสูรที่บุกเข้ามาและปกป้องจิวโจว กลายเป็นเทพเจ้าผู้ปกป้องอันตรายจากจิวโจวเรอะ! น้ำเน่าสิ้นดี!”
ตงฟางเถียนเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา
“แต่มีใครเคยสงสัยหรือไม่ว่านางมาจากไหน?ทำไมนางถึงต้องมาปกป้องจิวโจวอย่างไม่มีเหตุผล? ในฐานะของเซียน การทุ่มเทเพื่อคนอื่นจะมีสิ่งใดตอบแทนนางได้เล่า?”
“บังเอิญขนาดไหนกันยามที่เผ่ามนุษย์กำลังย่ำแย่ กลุ่มผู้ทรงอำนาจกลุ่มหนึ่งก็ได้พบกับเซียนมณีที่เป็นเทพเจ้ามาปกป้องจิวโจว สละชีวิตหลายปีของนางปกป้องที่นี่ พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
“จากที่ตระกูลข้าคิดตามที่เซียนมณีทิ้งร่องรอยเอาไว้ วิธีการเป็นเทพของนางคือความศรัทธา! แล้วนางได้ความศรัทธามาจากไหนล่ะ? พวกเจ้ารู้อยู่แล้ว มันคือการเลื่อมใสจากจิตวิญญาณนับพันล้านของจิวโจว!”
ทุกคนเริ่มเข้าใจแผนการชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในอดีต
เผ่าอสูรตนหนึ่งที่กำลังจะเป็นเทพได้ทำตัวเป็นวีรสตรีช่วยชีวิตทั้งมวลในจิวโจวเพื่อที่จะเอาชนะในผู้คนและได้รับความศรัทธา
แท้จริงแล้วมีช่องโหว่มากมายในเรื่องเล่าอย่างที่ตงฟางเถียนเฟิงบอก มีเรื่องบังเอิญมากมายเกินไป มันสูงส่งและไร้ความเห็นแก่ตัว
แต่คนที่รู้ความจริงนั้นหวาดกลัวเผ่าอสูรแม้จะสงสัยอยู่ในใจ พวกเขาก็ทำเป็นไม่รู้อะไรเลย
เหล่ายอดฝวีมือตกตะลึงในปากเริ่มแห้งผาก
“ถ้าอย่างนั้นใครกันที่มาจองจำเทพอสูรมณี?”
นี่คือคำถามที่ทุกคนอยากรู้
ตงฟางเถียนเฟิงฉีกยิ้ม
“เทพแห่งจิวโจวเทพกิเลน!”
มีเทพเจ้าในจิวโจวด้วยเรอะ?!
“แท้จริงจิวโจวคือโลกที่เทพกิเลนสร้างขึ้นมาพูดง่าย ๆ มันคือโลกที่ให้เหล่าเซียนได้พักผ่อน”
ตงฟางเถียนเฟิงอธิบาย
ซือหยูเริ่มคิดได้การสร้างโลกรึ? มันดูเหมือนเรื่องยาว แต่เขาได้เห็นส่วนของประวัติศาตร์กับตาตัวเอง เทพเจ้าได้สละร่างกายและเปลี่ยนมันเป็นสิ่งมีชีวิตหลายรูปลักษณ์ และสร้างทวีปเฉินหลงขึ้นมาใหม่!
นี่สินะขอบเขตของเทพเจ้า
“เทพเจ้าคนทุกมีที่พักพิงของตัวเองจิวโจวก็คือที่พักพิงของเทพกิเลน”
ตงฟางเถียนเฟิงพูดต่อไปด้วยความเคารพ
“ดังนั้นคนเดียวที่จะจองจำเทพอสูรมณีได้ก็ต้องเป็นเทพกิเลน!”
ทุกคนเริ่มโกรธ
“ทำไมเทพกิเลนถึงไม่หยุดเซียนมณีจากการดูดซับความศรัทธาเล่า?ทำไมถึงต้องลงมือหลังจากที่นางกลายเป็นเทพ? แล้วนางอยู่ไหน?” ตงฟางเถียนเฟิงใบหน้ามืดมัวเมื่อได้ฟังคำถาม
“ถึงเทพกิเลนจะเป็นเทพเทพกิเลนก็อยู่เพียงลำพัง ขณะที่เผ่าอสูรมีเทพจำนวนมากเกินกว่าที่เทพกิเลนจะรับมือได้ ดังนั้นเทพกิเลนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยินยอมให้เซียนมณีดูดซับความศรัทธา แต่หลังจากที่เซียนมณีได้เป็นเทพ นางก็เตรียมที่จะเปลี่ยนจิวโจวให้เป็นสมบัติวิเศษโดยมีเงื่อนไขคือการต้องสังเวยโลหิตของทุกชีวิตในจิวโจว! เทพกิเลนต้องเปิดฉากสงคราม!”
“ผลที่ได้คือกรงขังนี้!เทพกิเลนฆ่าเทพอสูรมณีไม่ได้! เทพกิเลนเองก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ข้าเกรงว่า…”
สงครามอาจจบลงด้วยการสละชีวิตของเทพกิเลน
“เจ้าปลดคุกสุดท้ายเจ้าคิดจะปลดปล่อยเทพอสูรมณีรึ?”
ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความตกใจ ตงฟางเถียนเฟิงใบหน้ามืดมัวเมื่อได้ฟังคำถาม
“ถึงเทพกิเลนจะเป็นเทพเทพกิเลนก็อยู่เพียงลำพัง ขณะที่เผ่าอสูรมีเทพจำนวนมากเกินกว่าที่เทพกิเลนจะรับมือได้ ดังนั้นเทพกิเลนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยินยอมให้เซียนมณีดูดซับความศรัทธา แต่หลังจากที่เซียนมณีได้เป็นเทพ นางก็เตรียมที่จะเปลี่ยนจิวโจวให้เป็นสมบัติวิเศษโดยมีเงื่อนไขคือการต้องสังเวยโลหิตของทุกชีวิตในจิวโจว! เทพกิเลนต้องเปิดฉากสงคราม!”
“ผลที่ได้คือกรงขังนี้!เทพกิเลนฆ่าเทพอสูรมณีไม่ได้! เทพกิเลนเองก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ข้าเกรงว่า…”
สงครามอาจจบลงด้วยการสละชีวิตของเทพกิเลน
“เจ้าปลดคุกสุดท้ายเจ้าคิดจะปลดปล่อยเทพอสูรมณีรึ?”
ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความตกใจ หากสิ่งที่ตงฟางเถียนเฟิงบอกเป็นเรื่องจริงสิ่งที่นางกำลังจะทำก็ชั่วร้ายเกินไป
ประกอบกับข่าวลือจากตงฟางเถียนเฟิงที่บอกว่าสวนที่หกคือขุมทรัพย์…ซือหยูใจสั่นด้วยความกลัว
“ตระกูลตงฟางคือผู้ถือสายเลือดเทพอสูรมณีแห่งจิวโจว!”
ตงฟางเถียนเฟิงประกาศก้องขนตานางสั่นไหว
ซือหยูลูบคางและก้าวออกมาเงียบๆ
แต่เขาก็ก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะชักสีหน้าไม่มีใครรู้เลยว่ามีกำแพงพลังอสูรที่มองไม่เห็นปิดกั้นระยะพันศอกอยู่
ฮั่นเฟยกับคนอื่นๆ สัมผัสบรรยากาศแปลก ๆ ได้เช่นกัน ซือหยูมองพวกเขาและพยายามจะทำลายกำแพงพลังอสูร แต่มันก็ไร้ผล
“อย่าเสียแรงเลย!นี่คือม่านพลังสวนที่หก กรงขังสุดท้ายที่จองจำเซียนมณียังไงล่ะ! นางยังหนีออกไปไม่ได้ พวกเจ้าก็หนีไม่ได้!”
ตงฟางเถียนเฟิงเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ
ซือหยูตาเป็นประกายโดยที่ทุกคนไม่ทันสังเกต
แน่นอนแล้วนี่คือธาตุแท้ของแดนมณี
“เจ้าพูดถึงกรงอะไรกัน?หมายความว่ายังไงที่เซียนมณีถูกจองจำ?”
ฮั่นเฟยยังคงมีใบหน้าเย็นชาแต่นางก็ซ่อนความตกใจในแววตาไม่ได้
ตงฟางเถียนเฟิงยิ้มเยาะ
“ถึงมันจะทำให้ข้าช้าแต่มันก็น่าสนุกที่จะสั่งสอนให้พวกโง่อย่างพวกเจ้ารู้ความลับของโลกใบนี้ แดนมณีไม่ใช่ที่บ่มเพาะพลังแต่เป็นกรงขัง! สวนที่หกคือห้องคุมขัง! คนที่ถูกจองจำคือเทพเจ้าผู้ปกป้องจิวโจว เซียนมณี! จ้าวสวนทั้งห้าคือกุญแจไขประตูคุก!”
เรื่องราวอันน่าตกตะลึงพลิกผันสิ่งที่พวกเขารู้
“เซียนมณีตายอย่างสงบทิ้งสมบัติให้กับคนหมู่มาก เป็นไปได้ยังไงที่นางจะถูกจองจำ?”
กู้ไทซูถอนหายใจแรง ตงฟางเถียนเฟิงแสยะยิ้มส่ายหน้า
“เจ้ามันด้อยปัญญาถ้าเทียบกับซือหยูเซี่ยนใช่ไหม พี่ซือ? เจ้าคงจะคิดบางอย่างออกแล้วใช่ไหม?”
ทุกคนหันไปมองซือหยูด้วยความสงสัยเขาได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้า
“ข้าก็มีเพียงแค่การคาดเดา”
“เซียนมณีปกป้องทวีปมาหลายปีถ้าหากจะมีผู้สืบทอด นางคงจะเลือกสักหนึ่งคนก่อนตายอย่างสงบ ทำไมนางจะต้องลำบากสร้างแดนมณีก่อนตายและทิ้งคำชี้แนะของนางไว้ทีละนิดกับลูกหลานด้วยเลบ่า? วิธีนี้เสี่ยงเกินไป นางจะแน่ใจได้อย่างไรว่าศัตรูจะเข้าแดนมณีหลังจากนางตายไม่ได้? นางเลือกผู้มีพรสวรรค์ในยุคถัดไปเป็นผู้สืบทอดเสียยังดีกว่า วิธีนี้มีเหตุผลกว่ามาก”
“ดังนั้นข้าจึงสงสัยเรื่องแดนมณีที่ถูกยกให้เป็นขุมทรัพย์หลังจากที่ข้ามาถึงแล้ว ข้าก็ได้ข้อสรุป! สวนทั้งห้า มันคือผนึกที่กักขังบางอย่างเอาไว้มากกว่า” มีเพียงคนที่แข็งแกร่งมากเท่านั้นที่จะต้องใช้ผนึกระดับนี้ในการกักขังมันจะต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากมายตั้งแต่อดีต เป็นอันดับหนึ่งของโลก อย่าง…เซียนมณี!
“แน่นอนว่านี่เป็นแค่การเดาข้าไม่มีหลักฐาน”
แปะ!แปะ! แปะ!
ตงฟางเถียนเฟิงปรบมือแสดงความประทับใจ
“ด้วยคำใบ้อันน้อยนิดเจ้ากลับเข้าใจเรื่องราวเกือบทั้งหมดได้ น่าประทับใจจริง ๆ ! ตระกูลตงฟางของเรามองธาตุแท้ของแดนมณีออกด้วยสารจิวโจว ข้อมูลจากหลายยุคสมัย และความพยายามหลายชั่วอายุคน!”
“ถูกต้องนี่คือกรงขัง! เพื่อที่จะจองจำเซียนมณี!”
เมื่อถูกเปิดเผยเรื่องอันน่าตกใจทุกคนพากันงุนงง
“ไม่ต้องตกใจไปที่จริงแล้วราชาเก้าเขตจ้าวผาบั่นภูติ และอีกหลายคนก็รู้ความจริง พวกนั้นก็แค่ไม่กล้าเผยความจริงต่อสาธารณะ”
“เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยเซียนมณีตายอย่างสงบหรือ? ทำไมนางถึงถูกจองจำ? ใครกันที่จองจำนาง? นางคือเซียนคนแรกบนโลก ใครกันที่มีพลังสยบนางได้?”
กู้ไทซูถาม
ตงฟางเถียนเฟิงหัวเราะ
“ใครบอกเจ้าว่านางตายอย่างสงบ?มีตำราเล่มไหนที่บอกชี้ชัดถึงที่มาของเรื่องนี้? ไม่เลย ทุกอย่างเป็นแค่การคาดเดาจากลูกหลานหลังจากแดนมณีปรากฏขึ้นเท่านั้น! แต่พอเวลาผ่านไป การคาดเดาก็กลายเป็นความจริง!”
“ส่วนคำถามอื่นเจ้าผิดไปสองข้อ! ตอนที่นางถูกจองจำ นางไม่ใช่เซียนคนแรกแต่เป็นเทพเจ้า! หลังจากบ่มเพาะมาเป็นเวลานาน นางได้กลายเป็นเทพ! แน่นอนว่าผู้ที่จองจำนางก็เป็นเทพด้วย!” อะไรนะ?ทุกคนตัวแข็งทื่อ
เซียนมณีกลายเป็นเทพ!ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเทพอีกคนมาจองจำนาง!
“ทำไมกัน?ทำไมเทพต้องผนึกเทพ…มณี? หรือเพราะว่านางปกป้องจิวโจว?”
ฮั่นเฟยถาม
แต่ตงฟางเถียงเฟิงก็ถามกลับ
“ใครบอกเจ้าว่าตงฟางเถียนเฟิงปกป้องจิวโจว?เจ ้าเห็นกับตาได้ยินมากับหูเรอะ?”
ฮั่นเฟยพูดไม่ออกแน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปาก
“นางย่อมไม่ใช่เทพที่คอยปกป้องจิวโจวเพราะว่าตัวจริงของนางคือ…เผ่าอสูร!”
ตงฟางเถียนเฟิงบอกความลับที่น่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง
“สิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าปกป้องจิวโจวที่หลายยุคสมัยบอกกล่าวคือคำลวง!นางเอาชนะเผ่าอสูรที่บุกเข้ามาและปกป้องจิวโจว กลายเป็นเทพเจ้าผู้ปกป้องอันตรายจากจิวโจวเรอะ! น้ำเน่าสิ้นดี!”
ตงฟางเถียนเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา
“แต่มีใครเคยสงสัยหรือไม่ว่านางมาจากไหน?ทำไมนางถึงต้องมาปกป้องจิวโจวอย่างไม่มีเหตุผล? ในฐานะของเซียน การทุ่มเทเพื่อคนอื่นจะมีสิ่งใดตอบแทนนางได้เล่า?”
“บังเอิญขนาดไหนกันยามที่เผ่ามนุษย์กำลังย่ำแย่ กลุ่มผู้ทรงอำนาจกลุ่มหนึ่งก็ได้พบกับเซียนมณีที่เป็นเทพเจ้ามาปกป้องจิวโจว สละชีวิตหลายปีของนางปกป้องที่นี่ พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
“จากที่ตระกูลข้าคิดตามที่เซียนมณีทิ้งร่องรอยเอาไว้ วิธีการเป็นเทพของนางคือความศรัทธา! แล้วนางได้ความศรัทธามาจากไหนล่ะ? พวกเจ้ารู้อยู่แล้ว มันคือการเลื่อมใสจากจิตวิญญาณนับพันล้านของจิวโจว!”
ทุกคนเริ่มเข้าใจแผนการชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในอดีต
เผ่าอสูรตนหนึ่งที่กำลังจะเป็นเทพได้ทำตัวเป็นวีรสตรีช่วยชีวิตทั้งมวลในจิวโจวเพื่อที่จะเอาชนะในผู้คนและได้รับความศรัทธา
แท้จริงแล้วมีช่องโหว่มากมายในเรื่องเล่าอย่างที่ตงฟางเถียนเฟิงบอก มีเรื่องบังเอิญมากมายเกินไป มันสูงส่งและไร้ความเห็นแก่ตัว
แต่คนที่รู้ความจริงนั้นหวาดกลัวเผ่าอสูรแม้จะสงสัยอยู่ในใจ พวกเขาก็ทำเป็นไม่รู้อะไรเลย
เหล่ายอดฝวีมือตกตะลึงในปากเริ่มแห้งผาก
“ถ้าอย่างนั้นใครกันที่มาจองจำเทพอสูรมณี?”
นี่คือคำถามที่ทุกคนอยากรู้
ตงฟางเถียนเฟิงฉีกยิ้ม
“เทพแห่งจิวโจวเทพกิเลน!”
มีเทพเจ้าในจิวโจวด้วยเรอะ?!
“แท้จริงจิวโจวคือโลกที่เทพกิเลนสร้างขึ้นมาพูดง่าย ๆ มันคือโลกที่ให้เหล่าเซียนได้พักผ่อน”
ตงฟางเถียนเฟิงอธิบาย
ซือหยูเริ่มคิดได้การสร้างโลกรึ? มันดูเหมือนเรื่องยาว แต่เขาได้เห็นส่วนของประวัติศาตร์กับตาตัวเอง เทพเจ้าได้สละร่างกายและเปลี่ยนมันเป็นสิ่งมีชีวิตหลายรูปลักษณ์ และสร้างทวีปเฉินหลงขึ้นมาใหม่!
นี่สินะขอบเขตของเทพเจ้า
“เทพเจ้าคนทุกมีที่พักพิงของตัวเองจิวโจวก็คือที่พักพิงของเทพกิเลน”
ตงฟางเถียนเฟิงพูดต่อไปด้วยความเคารพ
“ดังนั้นคนเดียวที่จะจองจำเทพอสูรมณีได้ก็ต้องเป็นเทพกิเลน!”
ทุกคนเริ่มโกรธ
“ทำไมเทพกิเลนถึงไม่หยุดเซียนมณีจากการดูดซับความศรัทธาเล่า?ทำไมถึงต้องลงมือหลังจากที่นางกลายเป็นเทพ? แล้วนางอยู่ไหน?” ตงฟางเถียนเฟิงใบหน้ามืดมัวเมื่อได้ฟังคำถาม
“ถึงเทพกิเลนจะเป็นเทพเทพกิเลนก็อยู่เพียงลำพัง ขณะที่เผ่าอสูรมีเทพจำนวนมากเกินกว่าที่เทพกิเลนจะรับมือได้ ดังนั้นเทพกิเลนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยินยอมให้เซียนมณีดูดซับความศรัทธา แต่หลังจากที่เซียนมณีได้เป็นเทพ นางก็เตรียมที่จะเปลี่ยนจิวโจวให้เป็นสมบัติวิเศษโดยมีเงื่อนไขคือการต้องสังเวยโลหิตของทุกชีวิตในจิวโจว! เทพกิเลนต้องเปิดฉากสงคราม!”
“ผลที่ได้คือกรงขังนี้!เทพกิเลนฆ่าเทพอสูรมณีไม่ได้! เทพกิเลนเองก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ข้าเกรงว่า…”
สงครามอาจจบลงด้วยการสละชีวิตของเทพกิเลน
“เจ้าปลดคุกสุดท้ายเจ้าคิดจะปลดปล่อยเทพอสูรมณีรึ?”
ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความตกใจ ตงฟางเถียนเฟิงใบหน้ามืดมัวเมื่อได้ฟังคำถาม
“ถึงเทพกิเลนจะเป็นเทพเทพกิเลนก็อยู่เพียงลำพัง ขณะที่เผ่าอสูรมีเทพจำนวนมากเกินกว่าที่เทพกิเลนจะรับมือได้ ดังนั้นเทพกิเลนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยินยอมให้เซียนมณีดูดซับความศรัทธา แต่หลังจากที่เซียนมณีได้เป็นเทพ นางก็เตรียมที่จะเปลี่ยนจิวโจวให้เป็นสมบัติวิเศษโดยมีเงื่อนไขคือการต้องสังเวยโลหิตของทุกชีวิตในจิวโจว! เทพกิเลนต้องเปิดฉากสงคราม!”
“ผลที่ได้คือกรงขังนี้!เทพกิเลนฆ่าเทพอสูรมณีไม่ได้! เทพกิเลนเองก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ข้าเกรงว่า…”
สงครามอาจจบลงด้วยการสละชีวิตของเทพกิเลน
“เจ้าปลดคุกสุดท้ายเจ้าคิดจะปลดปล่อยเทพอสูรมณีรึ?”
ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความตกใจ หากสิ่งที่ตงฟางเถียนเฟิงบอกเป็นเรื่องจริงสิ่งที่นางกำลังจะทำก็ชั่วร้ายเกินไป
ประกอบกับข่าวลือจากตงฟางเถียนเฟิงที่บอกว่าสวนที่หกคือขุมทรัพย์…ซือหยูใจสั่นด้วยความกลัว
“ตระกูลตงฟางคือผู้ถือสายเลือดเทพอสูรมณีแห่งจิวโจว!”
ตงฟางเถียนเฟิงประกาศก้องขนตานางสั่นไหว