The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1065 - กิเลนจิวโจว
ตระกูลดังก้องโลกอย่างตระกูลตงฟางแท้จริงแล้วเป็นลูกหลานของเซียนมณี! ไม่แปลกใจเลยที่ตระกูลตงฟางจะรู้ความลับที่ไม่เคยบันทึกในประวัติศาสตร์!
แต่ถ้าตงฟางเถียนเฟิงเป็นลูกหลานของเซียนมณีจริงตอนนี้ที่นางกำลังจะเปิดสวนที่หก นางจะมีความคิดแบบใดกัน?
นางกำลังจะปลดปล่อยบรรพบุรุษของนาง…เทพอสูรมณี!
ในยุคปัจจุบันที่เทพกิเลนแตกดับไปนานนมหากเทพอสูรมณีปรากฏตัวอีกครั้ง จะมีใครในจิวโจวที่ป้องกันจิวโจวจากนางได้?
“ตงฟางเถียนเฟิง!เจ้าตั้งใจจะปลดปล่อยเทพอสูรมณีออกมาทำร้ายคนในจิวโจวเรอะ?”
ฮั่นเฟยถามด้วยความเย็นชานางแอบรวบรวมพลังเตรียมจะใช้สุริยาทมิฬอสูรสวรรค์
แต่สีหน้าของตงฟางเถียนเฟิงได้เยือกเย็นลง
“ปล่อยนางเรอะ?ไม่มีทาง! ตั้งแต่วันที่ตระกูลตงฟางถือกำเนิด ภารกิจเดียวของพวกเราก็คือการสังหารเทพอสูรมณี! การเปิดประตูคุกทำให้ข้าได้ฆ่ามัน!”
ทุกคนตัวแข็งทื่อเหตุการณ์พลิกผันอีกครั้ง
“เจ้าจะต้องได้ยินเรื่องคำสาปตระกูลตงฟางมาก่อน”
ตงฟางเถียนเฟิงบอกเงียบๆ
คำสาปรึ?ซือหยูจำได้ว่าเคยอ่านมันมาก่อนในตำราโบราณ
ตระกูลตงฟางรู้เรื่องประวัติศาสตร์จิวโจวและรู้ความลับมากเกินไปในบางวิธี เรื่องนี้ทำให้พวกเขาขัดต่อสิ่งต้องห้าม จนถูกลงโทษ
การลงโทษคือตระกูลตงฟางจะต้องมีแต่สตรีเมื่อทารกชายถือกำเนิด เขาจะตายก่อนอายุเก้าขวบ ไม่มีเด็กชายสักคนในตระกูลตงฟางอันยิ่งใหญ่ แม้แต่เซียนสองคนที่มีก็เป็นสตรีทั้งคู่
ถ้าหากคำสาปมีเพียงเท่านี้พวกเขาก็อาจจะพอรับได้ แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คืออายุขัยของสตรีตงฟางจะเหลือเพียงหนึ่งในสิบของคนทั่วไป พวกนางแก่เฒ่าในเวลาอันรวดเร็ว
ผู้ที่ไม่บ่มเพาะพลังจะตายในอายุสิบปีจากความแก่เฒ่าอายุขัยที่มากขึ้นจากการบ่มเพาะพลังคือสิ่งที่ต้านทานคำสาปเอาไว้
สตรีหลายคนจากตระกูลตงฟางที่ดูเหมือนหญิงสาววัยกลางคนส่วนใหญ่อาจเป็นแค่คนอายุสิบแปดเท่านั้น!
เมื่อร่างกายของผู้บ่มเพาะเริ่มถดถอยการบ่มเพาะจะยากขึ้น มันคือวงจรอันโหดร้าย ถ้าหากไม่มีพลังโดดเด่น การตายในตอนอายุน้อยถือเป็นสิ่งเลี่ยงไม่ได้
ลูกหลานตระกูลตงฟางที่ดูเหมือนเด็กสาวทั่วไปจึงเป็นบุคคลที่หาได้ยากในรอบร้อยปีคนส่วนมากจะถูกคำสาปทำให้ดูแก่เฒ่าไปก่อน
เพื่อที่จะสืบวงศ์ตระกูลต่อไปตระกูลตงฟางไม่มีทางเลือกนอกจากหาผู้มีพลังในทวีปและพยายามผลิตบุตรหลานให้ตระกูล
ถ้าหากคนที่เกิดขึ้นมาแข็งแกร่งไม่พอตระกูลจะจัดการให้สตรีที่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ไปขยายตระกูล พวกนางจะต้องหลับนอนกับคนแปลกหน้าเรื่อยไปเพื่อให้กำเนิดเด็กรุ่นใหม่เป็นวงจรเช่นนี้จนตาย
ดังนั้นมีบางตำราโบราณจึงกล่าวว่าตระกูลตงฟางเป็นตระกูลโสเภณีแทบจะไม่มีลูกหลานคนใดเลยที่มีเชื้อสายจากพ่อเดียวกัน
คำสาปอันชั่วร้ายนี้หลอกหลอนตระกูลตงฟางมากว่าหมื่นปี
ในฐานะที่เป็นสตรีด้วยกันแววตาฮั่นเฟยอ่อนลง โหดร้ายเพียงใดที่ต้องถูกลิขิตให้เป็นเดรัจฉานเพื่อขยายพันธุ์?
“พวกเจ้ารู้ต้นตอของคำสาปหรือไม่?” ตงฟางเถียนเฟิงถามอย่างเยือกเย็ณ
ทุกคนรู้คำตอบในใจอยู่แล้วคงจะเป็นเทพอสูรมณีสินะ?
“ใช่แล้ว!มันคือเทพอสูรมณี!”
ตงฟางเถียนเฟิงกล่าวด้วยจิตสังหาร
“ตอนที่นางกำลังจะตายนางทิ้งเลือดของตัวเองเอาไว้ ไม่ใช่เพราะความหวังดีกับลูกหลาน แต่เพื่อใช้อายุขัยของลูกหลานเพื่อให้นางได้อยู่ต่อ!”
“ต่อให้เจ้าเป็นเทพอายุขัยของเจ้าย่อมต้องหมดลง จะมีอะไรดีกว่าผนึกแดนมณีที่จองจำเทพอสูรมณีได้ต่อไป จากที่เทพกิเลนวางแผนไว้ มันจะดูดกลืนชีวิตนางจนดับสูญ”
“แต่สายเลือดที่นางทิ้งเอาไว้ในจิวโจวทำให้นางตายช้าลง!นางดูดกลืนอายุขัยจากลูกหลานผ่านโลหิตเพื่อเอาตัวรอด! นี่คือคำสาปที่ทำให้ตระกูลตงฟางอายุสั้น! นี่ไม่ใช่คำสาปจากสวรรค์หรือฟ้าดิน แต่เป็นคำสาปจากบรรพบุรุษ!” ยิ่งตระกูลตงฟางผลิตลูกหลานมากเท่าใดเทพอสูรมณีจะยิ่งได้อายุขัยเพิ่มขึ้นเท่านั้น นางจะตายช้าลงไปอีก
มีเพียงเผ่าอสูรเท่านั้นที่สามารถใช้วิธีนี้ทรมานลูกหลานของตัวเองได้หรือบางที นางอาจจะไม่คิดที่จะปฏิบัติต่อตระกูลตงฟางที่มีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์เป็นลูกหลานของตัวเองตั้งแต่แรก
“มีเพียงการฆ่านางเท่านั้นที่จะลบคำสาปหมื่นปีของตระกูลตงฟางไปได้!”
จิตสังหารในตงฟางเถียนเฟิงน่าตกตะลึงนางประกาศป้อง
“ตระกูลตงฟางของเรารอคอยเวลานี้มาชั่วกัลป์สุดท้ายเราก็ได้โอกาสนี้มาแล้ว!”
“โอกาสอะไรกัน?”
ฮั่นเฟยถามด้วยความสงสัย
ตงฟางเถียนเฟิงตอบ
“บางทีเจ้าอาจจะไม่รู้เพราะเจ้าเกิดในยุคสมัยอันรุ่งเรืองนี้แต่ยี่สิบปีที่แล้วได้เกิดยอดฝีมือที่มีพลังเกินกว่าอายุขึ้นมา! ไม่เคยมียอดฝีมือมากเท่านี้มาก่อนในอดีต! ตระกูลตงฟางรอคอยและเฝ้าดูจิวโจวมานานแล้ว!”
ฮั่นเฟยยังคงไม่เข้าใจ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน?”
“เทพอสูรมณีสยบจิวโจวอยู่ตลอดยากที่จะบอกว่านางยังเป็นเทพอยู่! จะต้องเป็นตัวนางที่อ่อนพลังลง คนในจิวโจวถึงเริ่มแข็งแกร่งขึ้นในยุคนี้”
“เมื่อมียอดฝีมือเกิดขึ้นมากมันจะต้องมีความเป็นไปได้เดียว! นั่นก็เพราะนางทำอะไรจิวโจวไม่ได้แล้ว! นางจะต้องเสียพลังไป!”
ตงฟางเถียนเฟิงอธิบาย
การถูกจองจำของเทพอสูรมณีจะต้องเป็นเหตุผลที่นางอ่อนแอลงจิวโจวถึงเต็มไปด้วยยอดฝีมือในยุคนี้
“ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมไม่รอต่อไปเล่า? เจ้าไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเลย”
ซือหยูพูด ตงฟางเถียนเฟิงส่ายหน้า
“พวกเจ้าอาจจะไม่รู้ว่าเราต้องทำลายสิ่งที่เป็นเทพมิเช่นนั้น ไม่ว่าเทพจะอ่อนแอเพียงใด มันก็จะไม่ตาย ตราบเท่าที่นางยังมีชีวิต คำสาปตระกูลตงฟางจะไม่มีวันเลือนหาย”
“เจ้ามั่นใจแล้วรึว่าสามารถสังหารเทพเจ้าได้?”
ซือหยูถามเขาเคยเจอเทพเจ้าที่กำลังจะตายมาก่อน เขาพบเทพเผ่าไม้ เมื่อได้เห็นซากศพตรงหน้า เขาแทบจะขยับตัวไม่ได้ การทำลายสิ่งที่เรียกว่าเทพนั้นเทพจะเป็นไปไม่ได้
ตงฟางเถียนเฟิงสีหน้ามั่นใจ
“เจ้าสบายใจได้เลยข้าทำได้ ข้าเตรียมตัวมาแล้ว!”
ฟึ่บ!
เศษเขาคมกริบปรากฏในมือนาง
เขานี้ปกคลุมด้วยสีดำมองดูธรรมดา แต่หากมองใกล้ ๆ มันดูเหมือนมีพลังซ่อนเอาไว้มากมาย มันมีบางอย่างอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้
ความเคารพนับถือเกิดขึ้นในใจพวกเขา
“นี่มันชิ้นส่วนของเทพ!”
มันให้ความรู้สึกเดียวกับตอนที่ซือหยูพบเทพไม้
ตงฟางเถียนเฟิงแปลกใจแต่นางก็พยักหน้า
“แปลกนัก!เจ้ารู้เยอะดีนี่! ใช่แล้ว นี่คือชิ้นส่วนของเทพ มันคือเศษเขาเทพกิเลน!”
เมื่อได้ยินว่ามันคือเทพกิเลนทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนไป
“ก่อนหน้านี้ตอนี่เทพกิเลนกับเทพอสูรมณีกำลังทำสงครามกัน ชีวิตของเทพกิเลนดับไปในความพ่ายแพ้ เขาผนึกเทพอสูรมณีไว้ก่อนตาย และร่างของเทพกิเลนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ตระกูลตงฟางใช้เวลาหลายชั่วอายุคนกว่าจะได้เจอชิ้นเขาที่ทิ้งเอาไว้ในที่หวงห้าม! มันยังมีพลังเทพของเทพกิเลนน้อย มีเพียงสิ่งที่เท่านั้นที่จะสังหารเทพอสูรมณีได้!มันหาที่อื่นบนโลกไม่ได้อีกแล้ว! มันคือโอกาสเดียวในการฆ่าเทพอสูรมณี!”
ทุกคนใจสั่นตระกูลตงฟางเตรียมการเพื่อวันนี้มานานเหลือเกิน!
หลังจากเงียบอยู่นานซือหยูถาม
“ถ้าเช่นนั้นใยเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า? ทำไมต้องพยายามขนาดนี้ด้วย?”
ก่อนหน้านี้ถ้าหากซือหยูไม่มาช่วยนาง นางคงจะตายเพราะหมาดำไปแล้ว
ถ้าหากนางบอกเขาก่อนในฐานะที่เป็นคนจิวโจวเหมือนกัน พวกเขาจะไม่ช่วยนางหรือ?
นางราวกับกำลังระแวงอะไรบางอย่าง
“มันไม่ง่ายอย่างนั้น”
ตงฟางเถียนเฟิงส่ายหน้า
“อย่างแรกถ้าข้าไม่ใช้เลือดข้าเปิดสวนที่หก พวกเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?”
“อย่างที่สองมันมีเหตุผลที่ตระกูลตงฟางของพวกเราเก็บมันเป็นความลับ…”
ตงฟางเถียนเฟิงมองดูใบหน้าของซือหยูและคนอื่นๆ
“ตามข้อมูลของตระกูลข้ามีตัวตนที่น่ากลัวอยู่ในบรรดาผู้เข้าร่วมแดนมณีครั้งนี้!”
“เมื่อร้อยปีก่อนมีร่องรอยการออกมาของพลังเทพจากแดนมณี! มันจะต้องมาจากเทพอสูรมณี! ตระกูลตงฟางของเราเห็นการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด เราเดาความเคลื่อนไหวของเทพอสูรมณีอยู่!”
“นางเตรียมจะใช้พลังเทพให้กำเนิดผู้ที่ไร้เทียมทานในจิวโจว!ไม่ผิดแน่ พลังเทพนี้มีที่มาจากเทพ พลังสูงสุดที่ใช้สร้างที่พักพิงของเซียน! ถ้าหากใช้สร้างสิ่งมีชีวิตสักอย่าง ผลที่ได้จะแข็งแกร่งแค่ไหน? พวกเจ้าจินตนาการออกหรือไม่?”
เมื่อได้ฟังมีเพียงคนเดียวที่แล่นมาในหัวของพวกเขา นั่นก็คือผู้พิชิตจางอู๋ชวง! เขาคือผู้ไร้เทียมทานในยุคสมัยนี้ จะเป็นใครไปได้นอกจากเขา? แต่จางอู๋ชวงก็ออกจากแดนมณีไปแล้วเขาไม่ได้สนใจกับคุกสุดท้ายเลย หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนที่ถือกำเนิดจากพลังเทพจะต้องเป็นคนอื่น
“คนนั้นจะต้องมีพลังสูงจนเหนือทุกคนคนผู้นั้นคือผู้ที่ปลดปล่อยเทพอสูรมณีออกมาได้!”
ตงฟางเถียนเฟิงมองหน้าซือหยูและคนอื่นๆ อีกครั้งอย่างละเอียด นางระวังเต็มที่
“พวกเจ้าทุกคนคือสุดยอดในยุคสมัยนี้!การเกิดใหม่ของเทพอสูรมณีที่มีต้นพลังเทพอยู่ในกลุ่มพวกเจ้า!”
“ดังนั้นข้าเลยไม่ได้บอกให้เร็วกว่านี้”
มุมปากตงฟางเถียนเฟิงเผยรอยยิ้ม
“แต่ตอนนี้คงไม่เป็นไรนั่นก็เพราะพวกเจ้าทุกคนมีจ้าวสวน”
ซือหยูขมวดคิ้ว
“จ้าวสวนใช้เพื่อผนึกวิญญาณที่เกิดจากเทพใช่หรือไม่?” ตงฟางเถียนเฟิงมองเขาอย่างชื่นชม
“ถูกต้อง!สวนทั้งห้ามีผนึกที่มีจ้าวสวนเป็นศูนย์กลาง! การพกมันติดตัวก็เหมือนการถูกผนึก! ถ้าพวกเจ้าถูกผนึกพลังอยู่ พวกเจ้าจะหยุดข้าไม่ได้!”
เหตุผลจริงที่ตระกูลตงฟางปล่อยข่าวลวงเรื่องจ้าวสวนก็เพื่อหลอกล่อให้วิญญาณที่เกิดจากเทพเจ้ามาจับตัวจ้าวสวนให้ตัวเองถูกผนึกส่วนเรื่องการปลดสวนที่หกนั้นเป็นแค่ข่าวลือ
แผนนี้ถูกวางมาตั้งแต่ยุคอดีตแม้แต่พวกเขายังตกไปอยู่ในแผน ซือหยูกับคนที่เหลือพูดอะไรไม่ออก
“ถึงข้าจะยังไม่รู้ว่าใครคือวิญญาณที่เกิดจากเทพเจ้าพวกเจ้าก็หยุดข้าตอนนี้ไม่ได้แล้ว!”
ตงฟางเถียนเฟิงหัวเราะนางพลิกฝ่ามือหยดโล่หิตในประตูที่มีพลังอสูรเล็ดรอด
“คุกสุดท้ายออกมาซะ!” ครืน!
ฟ้าดินสั่นไหวเสียงโซ่ตรวนลากพื้นดังมาจากส่วนลึกของเส้นทางมือหลังประตูทมิฬขนาดยักษ์ สิ่งของขนาดยักษ์ถูกลากออกมาช้า ๆ
กรงขังขนาดใหญ่เข้ามาในสายตาด้านในกรงนี้จะต้องมีเทพอสูรมณีถูกจองจำอยู่!
“เทพอสูรมณีจุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว!”
ตงฟางเถียนเฟิงใบหน้าตื่นเต้นนางหยุดตัวสั่นไม่ได้
แต่เมื่อทั้งกรงขังถูกลากออกมานางก็ตัวแข็งทื่อ!
แต่ถ้าตงฟางเถียนเฟิงเป็นลูกหลานของเซียนมณีจริงตอนนี้ที่นางกำลังจะเปิดสวนที่หก นางจะมีความคิดแบบใดกัน?
นางกำลังจะปลดปล่อยบรรพบุรุษของนาง…เทพอสูรมณี!
ในยุคปัจจุบันที่เทพกิเลนแตกดับไปนานนมหากเทพอสูรมณีปรากฏตัวอีกครั้ง จะมีใครในจิวโจวที่ป้องกันจิวโจวจากนางได้?
“ตงฟางเถียนเฟิง!เจ้าตั้งใจจะปลดปล่อยเทพอสูรมณีออกมาทำร้ายคนในจิวโจวเรอะ?”
ฮั่นเฟยถามด้วยความเย็นชานางแอบรวบรวมพลังเตรียมจะใช้สุริยาทมิฬอสูรสวรรค์
แต่สีหน้าของตงฟางเถียนเฟิงได้เยือกเย็นลง
“ปล่อยนางเรอะ?ไม่มีทาง! ตั้งแต่วันที่ตระกูลตงฟางถือกำเนิด ภารกิจเดียวของพวกเราก็คือการสังหารเทพอสูรมณี! การเปิดประตูคุกทำให้ข้าได้ฆ่ามัน!”
ทุกคนตัวแข็งทื่อเหตุการณ์พลิกผันอีกครั้ง
“เจ้าจะต้องได้ยินเรื่องคำสาปตระกูลตงฟางมาก่อน”
ตงฟางเถียนเฟิงบอกเงียบๆ
คำสาปรึ?ซือหยูจำได้ว่าเคยอ่านมันมาก่อนในตำราโบราณ
ตระกูลตงฟางรู้เรื่องประวัติศาสตร์จิวโจวและรู้ความลับมากเกินไปในบางวิธี เรื่องนี้ทำให้พวกเขาขัดต่อสิ่งต้องห้าม จนถูกลงโทษ
การลงโทษคือตระกูลตงฟางจะต้องมีแต่สตรีเมื่อทารกชายถือกำเนิด เขาจะตายก่อนอายุเก้าขวบ ไม่มีเด็กชายสักคนในตระกูลตงฟางอันยิ่งใหญ่ แม้แต่เซียนสองคนที่มีก็เป็นสตรีทั้งคู่
ถ้าหากคำสาปมีเพียงเท่านี้พวกเขาก็อาจจะพอรับได้ แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คืออายุขัยของสตรีตงฟางจะเหลือเพียงหนึ่งในสิบของคนทั่วไป พวกนางแก่เฒ่าในเวลาอันรวดเร็ว
ผู้ที่ไม่บ่มเพาะพลังจะตายในอายุสิบปีจากความแก่เฒ่าอายุขัยที่มากขึ้นจากการบ่มเพาะพลังคือสิ่งที่ต้านทานคำสาปเอาไว้
สตรีหลายคนจากตระกูลตงฟางที่ดูเหมือนหญิงสาววัยกลางคนส่วนใหญ่อาจเป็นแค่คนอายุสิบแปดเท่านั้น!
เมื่อร่างกายของผู้บ่มเพาะเริ่มถดถอยการบ่มเพาะจะยากขึ้น มันคือวงจรอันโหดร้าย ถ้าหากไม่มีพลังโดดเด่น การตายในตอนอายุน้อยถือเป็นสิ่งเลี่ยงไม่ได้
ลูกหลานตระกูลตงฟางที่ดูเหมือนเด็กสาวทั่วไปจึงเป็นบุคคลที่หาได้ยากในรอบร้อยปีคนส่วนมากจะถูกคำสาปทำให้ดูแก่เฒ่าไปก่อน
เพื่อที่จะสืบวงศ์ตระกูลต่อไปตระกูลตงฟางไม่มีทางเลือกนอกจากหาผู้มีพลังในทวีปและพยายามผลิตบุตรหลานให้ตระกูล
ถ้าหากคนที่เกิดขึ้นมาแข็งแกร่งไม่พอตระกูลจะจัดการให้สตรีที่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ไปขยายตระกูล พวกนางจะต้องหลับนอนกับคนแปลกหน้าเรื่อยไปเพื่อให้กำเนิดเด็กรุ่นใหม่เป็นวงจรเช่นนี้จนตาย
ดังนั้นมีบางตำราโบราณจึงกล่าวว่าตระกูลตงฟางเป็นตระกูลโสเภณีแทบจะไม่มีลูกหลานคนใดเลยที่มีเชื้อสายจากพ่อเดียวกัน
คำสาปอันชั่วร้ายนี้หลอกหลอนตระกูลตงฟางมากว่าหมื่นปี
ในฐานะที่เป็นสตรีด้วยกันแววตาฮั่นเฟยอ่อนลง โหดร้ายเพียงใดที่ต้องถูกลิขิตให้เป็นเดรัจฉานเพื่อขยายพันธุ์?
“พวกเจ้ารู้ต้นตอของคำสาปหรือไม่?” ตงฟางเถียนเฟิงถามอย่างเยือกเย็ณ
ทุกคนรู้คำตอบในใจอยู่แล้วคงจะเป็นเทพอสูรมณีสินะ?
“ใช่แล้ว!มันคือเทพอสูรมณี!”
ตงฟางเถียนเฟิงกล่าวด้วยจิตสังหาร
“ตอนที่นางกำลังจะตายนางทิ้งเลือดของตัวเองเอาไว้ ไม่ใช่เพราะความหวังดีกับลูกหลาน แต่เพื่อใช้อายุขัยของลูกหลานเพื่อให้นางได้อยู่ต่อ!”
“ต่อให้เจ้าเป็นเทพอายุขัยของเจ้าย่อมต้องหมดลง จะมีอะไรดีกว่าผนึกแดนมณีที่จองจำเทพอสูรมณีได้ต่อไป จากที่เทพกิเลนวางแผนไว้ มันจะดูดกลืนชีวิตนางจนดับสูญ”
“แต่สายเลือดที่นางทิ้งเอาไว้ในจิวโจวทำให้นางตายช้าลง!นางดูดกลืนอายุขัยจากลูกหลานผ่านโลหิตเพื่อเอาตัวรอด! นี่คือคำสาปที่ทำให้ตระกูลตงฟางอายุสั้น! นี่ไม่ใช่คำสาปจากสวรรค์หรือฟ้าดิน แต่เป็นคำสาปจากบรรพบุรุษ!” ยิ่งตระกูลตงฟางผลิตลูกหลานมากเท่าใดเทพอสูรมณีจะยิ่งได้อายุขัยเพิ่มขึ้นเท่านั้น นางจะตายช้าลงไปอีก
มีเพียงเผ่าอสูรเท่านั้นที่สามารถใช้วิธีนี้ทรมานลูกหลานของตัวเองได้หรือบางที นางอาจจะไม่คิดที่จะปฏิบัติต่อตระกูลตงฟางที่มีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์เป็นลูกหลานของตัวเองตั้งแต่แรก
“มีเพียงการฆ่านางเท่านั้นที่จะลบคำสาปหมื่นปีของตระกูลตงฟางไปได้!”
จิตสังหารในตงฟางเถียนเฟิงน่าตกตะลึงนางประกาศป้อง
“ตระกูลตงฟางของเรารอคอยเวลานี้มาชั่วกัลป์สุดท้ายเราก็ได้โอกาสนี้มาแล้ว!”
“โอกาสอะไรกัน?”
ฮั่นเฟยถามด้วยความสงสัย
ตงฟางเถียนเฟิงตอบ
“บางทีเจ้าอาจจะไม่รู้เพราะเจ้าเกิดในยุคสมัยอันรุ่งเรืองนี้แต่ยี่สิบปีที่แล้วได้เกิดยอดฝีมือที่มีพลังเกินกว่าอายุขึ้นมา! ไม่เคยมียอดฝีมือมากเท่านี้มาก่อนในอดีต! ตระกูลตงฟางรอคอยและเฝ้าดูจิวโจวมานานแล้ว!”
ฮั่นเฟยยังคงไม่เข้าใจ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน?”
“เทพอสูรมณีสยบจิวโจวอยู่ตลอดยากที่จะบอกว่านางยังเป็นเทพอยู่! จะต้องเป็นตัวนางที่อ่อนพลังลง คนในจิวโจวถึงเริ่มแข็งแกร่งขึ้นในยุคนี้”
“เมื่อมียอดฝีมือเกิดขึ้นมากมันจะต้องมีความเป็นไปได้เดียว! นั่นก็เพราะนางทำอะไรจิวโจวไม่ได้แล้ว! นางจะต้องเสียพลังไป!”
ตงฟางเถียนเฟิงอธิบาย
การถูกจองจำของเทพอสูรมณีจะต้องเป็นเหตุผลที่นางอ่อนแอลงจิวโจวถึงเต็มไปด้วยยอดฝีมือในยุคนี้
“ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมไม่รอต่อไปเล่า? เจ้าไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเลย”
ซือหยูพูด ตงฟางเถียนเฟิงส่ายหน้า
“พวกเจ้าอาจจะไม่รู้ว่าเราต้องทำลายสิ่งที่เป็นเทพมิเช่นนั้น ไม่ว่าเทพจะอ่อนแอเพียงใด มันก็จะไม่ตาย ตราบเท่าที่นางยังมีชีวิต คำสาปตระกูลตงฟางจะไม่มีวันเลือนหาย”
“เจ้ามั่นใจแล้วรึว่าสามารถสังหารเทพเจ้าได้?”
ซือหยูถามเขาเคยเจอเทพเจ้าที่กำลังจะตายมาก่อน เขาพบเทพเผ่าไม้ เมื่อได้เห็นซากศพตรงหน้า เขาแทบจะขยับตัวไม่ได้ การทำลายสิ่งที่เรียกว่าเทพนั้นเทพจะเป็นไปไม่ได้
ตงฟางเถียนเฟิงสีหน้ามั่นใจ
“เจ้าสบายใจได้เลยข้าทำได้ ข้าเตรียมตัวมาแล้ว!”
ฟึ่บ!
เศษเขาคมกริบปรากฏในมือนาง
เขานี้ปกคลุมด้วยสีดำมองดูธรรมดา แต่หากมองใกล้ ๆ มันดูเหมือนมีพลังซ่อนเอาไว้มากมาย มันมีบางอย่างอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้
ความเคารพนับถือเกิดขึ้นในใจพวกเขา
“นี่มันชิ้นส่วนของเทพ!”
มันให้ความรู้สึกเดียวกับตอนที่ซือหยูพบเทพไม้
ตงฟางเถียนเฟิงแปลกใจแต่นางก็พยักหน้า
“แปลกนัก!เจ้ารู้เยอะดีนี่! ใช่แล้ว นี่คือชิ้นส่วนของเทพ มันคือเศษเขาเทพกิเลน!”
เมื่อได้ยินว่ามันคือเทพกิเลนทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนไป
“ก่อนหน้านี้ตอนี่เทพกิเลนกับเทพอสูรมณีกำลังทำสงครามกัน ชีวิตของเทพกิเลนดับไปในความพ่ายแพ้ เขาผนึกเทพอสูรมณีไว้ก่อนตาย และร่างของเทพกิเลนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ตระกูลตงฟางใช้เวลาหลายชั่วอายุคนกว่าจะได้เจอชิ้นเขาที่ทิ้งเอาไว้ในที่หวงห้าม! มันยังมีพลังเทพของเทพกิเลนน้อย มีเพียงสิ่งที่เท่านั้นที่จะสังหารเทพอสูรมณีได้!มันหาที่อื่นบนโลกไม่ได้อีกแล้ว! มันคือโอกาสเดียวในการฆ่าเทพอสูรมณี!”
ทุกคนใจสั่นตระกูลตงฟางเตรียมการเพื่อวันนี้มานานเหลือเกิน!
หลังจากเงียบอยู่นานซือหยูถาม
“ถ้าเช่นนั้นใยเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า? ทำไมต้องพยายามขนาดนี้ด้วย?”
ก่อนหน้านี้ถ้าหากซือหยูไม่มาช่วยนาง นางคงจะตายเพราะหมาดำไปแล้ว
ถ้าหากนางบอกเขาก่อนในฐานะที่เป็นคนจิวโจวเหมือนกัน พวกเขาจะไม่ช่วยนางหรือ?
นางราวกับกำลังระแวงอะไรบางอย่าง
“มันไม่ง่ายอย่างนั้น”
ตงฟางเถียนเฟิงส่ายหน้า
“อย่างแรกถ้าข้าไม่ใช้เลือดข้าเปิดสวนที่หก พวกเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่?”
“อย่างที่สองมันมีเหตุผลที่ตระกูลตงฟางของพวกเราเก็บมันเป็นความลับ…”
ตงฟางเถียนเฟิงมองดูใบหน้าของซือหยูและคนอื่นๆ
“ตามข้อมูลของตระกูลข้ามีตัวตนที่น่ากลัวอยู่ในบรรดาผู้เข้าร่วมแดนมณีครั้งนี้!”
“เมื่อร้อยปีก่อนมีร่องรอยการออกมาของพลังเทพจากแดนมณี! มันจะต้องมาจากเทพอสูรมณี! ตระกูลตงฟางของเราเห็นการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด เราเดาความเคลื่อนไหวของเทพอสูรมณีอยู่!”
“นางเตรียมจะใช้พลังเทพให้กำเนิดผู้ที่ไร้เทียมทานในจิวโจว!ไม่ผิดแน่ พลังเทพนี้มีที่มาจากเทพ พลังสูงสุดที่ใช้สร้างที่พักพิงของเซียน! ถ้าหากใช้สร้างสิ่งมีชีวิตสักอย่าง ผลที่ได้จะแข็งแกร่งแค่ไหน? พวกเจ้าจินตนาการออกหรือไม่?”
เมื่อได้ฟังมีเพียงคนเดียวที่แล่นมาในหัวของพวกเขา นั่นก็คือผู้พิชิตจางอู๋ชวง! เขาคือผู้ไร้เทียมทานในยุคสมัยนี้ จะเป็นใครไปได้นอกจากเขา? แต่จางอู๋ชวงก็ออกจากแดนมณีไปแล้วเขาไม่ได้สนใจกับคุกสุดท้ายเลย หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนที่ถือกำเนิดจากพลังเทพจะต้องเป็นคนอื่น
“คนนั้นจะต้องมีพลังสูงจนเหนือทุกคนคนผู้นั้นคือผู้ที่ปลดปล่อยเทพอสูรมณีออกมาได้!”
ตงฟางเถียนเฟิงมองหน้าซือหยูและคนอื่นๆ อีกครั้งอย่างละเอียด นางระวังเต็มที่
“พวกเจ้าทุกคนคือสุดยอดในยุคสมัยนี้!การเกิดใหม่ของเทพอสูรมณีที่มีต้นพลังเทพอยู่ในกลุ่มพวกเจ้า!”
“ดังนั้นข้าเลยไม่ได้บอกให้เร็วกว่านี้”
มุมปากตงฟางเถียนเฟิงเผยรอยยิ้ม
“แต่ตอนนี้คงไม่เป็นไรนั่นก็เพราะพวกเจ้าทุกคนมีจ้าวสวน”
ซือหยูขมวดคิ้ว
“จ้าวสวนใช้เพื่อผนึกวิญญาณที่เกิดจากเทพใช่หรือไม่?” ตงฟางเถียนเฟิงมองเขาอย่างชื่นชม
“ถูกต้อง!สวนทั้งห้ามีผนึกที่มีจ้าวสวนเป็นศูนย์กลาง! การพกมันติดตัวก็เหมือนการถูกผนึก! ถ้าพวกเจ้าถูกผนึกพลังอยู่ พวกเจ้าจะหยุดข้าไม่ได้!”
เหตุผลจริงที่ตระกูลตงฟางปล่อยข่าวลวงเรื่องจ้าวสวนก็เพื่อหลอกล่อให้วิญญาณที่เกิดจากเทพเจ้ามาจับตัวจ้าวสวนให้ตัวเองถูกผนึกส่วนเรื่องการปลดสวนที่หกนั้นเป็นแค่ข่าวลือ
แผนนี้ถูกวางมาตั้งแต่ยุคอดีตแม้แต่พวกเขายังตกไปอยู่ในแผน ซือหยูกับคนที่เหลือพูดอะไรไม่ออก
“ถึงข้าจะยังไม่รู้ว่าใครคือวิญญาณที่เกิดจากเทพเจ้าพวกเจ้าก็หยุดข้าตอนนี้ไม่ได้แล้ว!”
ตงฟางเถียนเฟิงหัวเราะนางพลิกฝ่ามือหยดโล่หิตในประตูที่มีพลังอสูรเล็ดรอด
“คุกสุดท้ายออกมาซะ!” ครืน!
ฟ้าดินสั่นไหวเสียงโซ่ตรวนลากพื้นดังมาจากส่วนลึกของเส้นทางมือหลังประตูทมิฬขนาดยักษ์ สิ่งของขนาดยักษ์ถูกลากออกมาช้า ๆ
กรงขังขนาดใหญ่เข้ามาในสายตาด้านในกรงนี้จะต้องมีเทพอสูรมณีถูกจองจำอยู่!
“เทพอสูรมณีจุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว!”
ตงฟางเถียนเฟิงใบหน้าตื่นเต้นนางหยุดตัวสั่นไม่ได้
แต่เมื่อทั้งกรงขังถูกลากออกมานางก็ตัวแข็งทื่อ!