The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1071 - ข้ารับใช้อสูรแห่งเทพ
แต่สีหน้าของผู้เหนือกว่ายังคงอยู่บนใบหน้าของจักรพรรดิกลืนอสูรด้วยเกราะวิญญาณเลือด เขาจะไม่มีทางเป็นผู้เสียเปรียบ!
เสี้ยวพลังกระบี่จากระบี่ภูติเข้าห้ำหั่นวิญญาณบนเกราะดวงวิญญาณสัตว์อสูรมากมายพากันเข้ามาฉุดกระชากพลังกระบี่ กระบี่ภูติแม้จะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ มันก็มิอาจทำอะไรกับร่างจริงของจักรพรรดิกลืนอสูรได้
จักรพรรดิกลืนอสูรแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาแสยะยิ้มเยือกเย็นอีกครั้ง
“เจ้าทำได้แค่นี้รึ?พลังกระบี่เจ้าไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่นี่!”
“จะใช่รึ?”
ซือหยูถามด้วยแววตาแปลกประหลาด
“ถ้าไม่มีเกราะวิญญาณเลือดเจ้าจะยังกล้าพูดเช่นนั้นอีกหรือไม่?”
อะไรนะ?จักรพรรดิกลืนอสูรรู้สึกไม่ปลอดภัยในใจ โดยเฉพาะเมื่อซือหยูพูดถึงการไม่มีเกราะวิญญาณเลือด เขาหัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล
“เจ้าหมายความว่ายังไง?”
จักรพรรดิกลืนอสูรก้าวถอยไปยังปิงหวูชิง
“ก็หมายความอย่างที่ข้าพูดยังไงล่ะ”
จู่ๆ แสงได้เปล่งออกมาจากดวงตาของเขา กระบี่ภูติขับเคลื่อนส่งแสงสีเงินเข้าไป
กระบี่พุ่งตรงไปยังจักรพรรดิกลืนอสูรที่พยายามใจเย็นถ้ามีเกราะวิญญาณเลือดก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้…ใช่ไหม? แต่เมื่อพลังกระบี่อันตระการตามาถึงตัว จักรพรรดิกลืนอสูรก็หัวใจหยุดเต้น
ดวงวิญญาณสัตว์อสูรในเกราะไม่เข้ามาป้องกันพลังในครั้งนี้พลังกระบี่กลับทะลวงเกราะไปถึงร่างจริงของเขาในที่สุด! ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้เกราะอย่างไรดวงวิญญาณสัตว์อสูรมากมายก็ราวกับถูกบางอย่างกดทับเอาไว้มิอาจขยับได้ กระบี่ทะลวงร่างของเขาตรงไปยังดวงวิญญาณ!
“เจ้า…เจ้าใช้วิชามายา…”
ทันทีที่วิญญาณกำลังแหลกสลายจักรพรรดิกลืนอสูรพูดด้วยความสะพรึงกลัว
เขาไม่เคยคิดว่าซือหยูจะมีความเข้าใจในวิชาวิญญาณที่ลึกซึ้ง…อีกทั้งเขายังใช้วิชามายาได้!นี่เป็นวิชาที่ทำให้เหล่าดวงวิญญาณสัตว์อสูรไม่เข้ามาป้องกันและทำให้เกราะต้องสูญเสียความสามารถในการป้องกันไป
เกราะวิญญาณเลือดไร้ค่าไปแล้วจักรพรรดิกลืนอสูรรับพลังไปเต็ม ๆ
เมื่อครู่ซือหยูทำราวกับว่าเขาพยายามหลบเงาเทาเทียที่กลืนกินเขา แต่แท้จริงแล้วเขากำลังใช้วิชามายาเพื่อล่อลวงเหล่าดวงวิญญาณสัตว์อสูรบนเกราะโลหิต
นี่คือแผนการส่วนสุดท้ายของซือหยู! จักรพรรดิกลืนอสูรมีสัมผัสที่เฉียบคมการทำให้ไม่ทันระวังคือหนทางเดียวในการสังหาร และแน่นอนว่าเกราะวิญญาณเลือดที่เขาภูมิใจก็คือสิ่งที่ทำให้เขาประมาท
ก่อนหน้านี้การโจมตีของซือหยูมีไว้เพื่อล่อความสนใจ การผสานพลังระหว่างโอรสสวรรค์จ้องนภาและกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์คือสิ่งที่เขาตั้งใจจะใช้ปิดฉาก ครั้งนี้มิเพียงแต่ทำลายกายหยาบของจักรพรรดิกลืนอสูร แต่เป็นการสะบั้นดวงวิญญาณของเขาอีกด้วย
จักรพรรดิกลืนอสูรล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความแค้นพลังทั้งหมดไหลออกจากร่าง
คนที่กำลังปิดวงล้อมปิงหวูชิงมีความรู้สึกซับซ้อนในแววตาทั้งเป็นความดีใจและความหนักใจ
พลังของซือหยูเหนือเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดแม้แต่จักรพรรดิกลืนอสูรยังตายด้วยมือของเขา! ขณะที่พวกเขารู้ตัวดีกว่าไม่ใช่คู่มือของจักรพรรดิกลืนอสูร ถึงอย่างนั้นใบหน้าของซือหยูก็ไม่ได้สบายใจดั่งพวกเขา เขาจ้องมองร่างของจักรพรรดิกลืนอสูรด้วยความทึ่งและสงสัย
ร่างกายและดวงวิญญาณของเขาขาดสะบั้นแสงสีส่องประกายจากทั้งร่าง ดวงตาที่ปิดสนิทเบิกขึ้นมาอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยพลังอสูรอันน่าหวาดผวา
มันเป็นอย่างที่เขาพูดก่อนตาย: เขาไม่อยากตายตาไม่หลับ!
เขาตบฝ่ามือบนพื้นยืนขึ้นทันควันเขามองร่างกายตัวเองด้วยความตกใจ
“ฮ่าๆๆๆๆๆนี่คือสัญญาเทพ!! ตราบเท่าที่เทพยังมีชีวิตอยู่ ข้ารับใช้จะไม่มีวันตาย!”
สัญญาเทพหรือ?
ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยมองปิงหวูชิงนำคนตายกลับมาหรือ? การกลับมามีชีวิตไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ว่าจะคืนชีพมาเท่าใด ซือหยูจะฆ่าเขาได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือผลอย่างอื่นที่ได้จากสัญญาเทพ “ซือหยูเซี่ยนเจ้ามีคำสั่งเสียหรือไม่?”
จักรพรรดิกลืนอสูรหัวเราะมองท้องฟ้าเย้ยหยันใบหน้านั้นชั่วร้าย
ฟึ่บ!
แสงทมิฬแล่นมาตรงหน้าซือหยูก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว
สิ่งที่เข้ามามีคู่เขาทมิฬบนศีรษะและเขี้ยวแหลมในปากอีกทั้งยังมีปีกทมิฬและหางยาวคมดั่งมีด
เขาปรากฏตัวต่อหน้าซือหยูด้วยรูปลักษณ์ที่น่ากลัวซือหยูไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน
“ข้ารับใช้อสูรแห่งเทพ!!”
ตงฟางเถียนเฟิงที่บาดเจ็บมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมขนลุกใบหน้านางหม่นหมองขึ้นมาทันที
ข้ารับใช้แห่งเทพคือร่างของข้ารับใช้เทพอสูรในตำนานตราบเท่าที่เทพอสูรยังอยู่ ข้ารับใช้เทพจะไม่มีวันตาย และข้ารับใช้ยังใช้พลังจากจิตวิญญาณเทพของเทพอสูรได้อีก! ซือหยูตอบสนองได้เร็วพอกันคลื่นลึกลับพุ่งออกจากดวงตาล่อลวงดวงวิญญาณสัตว์อสูรพร้อมกับซัดกระบี่ออกไป
ปั้ง!
เสียงร่างกายและดวงวิญญาณแตกสลายดังก้องครั้งนี้ ร่างกายของจักรพรรดิกลืนอสูรกับดวงวิญญาณแตกดับไปพร้อมกัน!
แต่ต่อมากรงเล็บดำสนิทก็พุ่งออกมาคว้ากระบี่ไผ่เงินจากความว่างเปล่า!
จักรพรรดิกลืนอสูรลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้ากลับมาอีกแล้ว!”
เขาซัดกรงเล็บอสูรที่มีพลังมหาศาลใส่ซือหยูมหันมีพลังเข้มข้นพอ ๆ กับพลังที่ทำให้ภูเขาหลายลูกระเบิด
ซือหยูชักสีหน้าเขาป้องกันด้วยกระบี่ กระบี่ดูดซับแรงปะทะส่วนมากเอาไว้ แต่พลังส่วนหนึ่งก็มาถึงตัวเขา
โลหิตไหลออกจากมุมปากเป็นสาย
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!เจ้ามันอ่อนแอเกินไป!” จักรพรรดิกลืนอสูรหัวเราะเมื่อมองซือหยูอย่างไม่กลัวตายเขาพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ซือหยูยกกระบี่ซัดใส่แต่จักรพรรดิกลืนอสูรก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในครึ่งลมหายใจ เขาเกิดและพุ่งเข้าใส่ซือหยูอีก!
“อ่อนแอ!เจ้าขัดขืนให้มากกว่านี้ไม่ได้เรอะ? เจ้าจะได้น่าฆ่ามากกว่านี้!”
จักรพรรดิกลืนอสูรย่ามใจขั้นสุดสภาวะอมตะที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้เขารู้สึกพอใจเหมือนได้ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของโลก
สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ คนที่มองดูการต่อสู้เคร่งเครียด
พวกเขาไม่ได้คิดว่าซือหยูใช้ไม่ได้ถ้าหากพวกเขาเป็นซือหยู พวกเขาก็คงมิอาจรับมือกับจักรพรรดิกลืนอสูรที่สามารถกลับมามีชีวิตได้ไม่จำกัดครั้ง
ศัตรูมิอาจสังหารมิอาจถูกทำลาย ขณะที่พวกเขาตายได้ครั้งเดียว การต่อสู้นี้ไม่ยุติธรรมตั้งแต่ต้น ถ้าหากคนอื่นมาสู้แทนซือหยู พวกเขาก็คงจะตายไปนานแล้ว โชคดีที่ซือหยูมีพลังมหาศาลและสมบัติอันแข็งแกร่งไว้พึ่งพา เขาจึงรอดชีวิตมาได้ถึงตอนนี้ แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าซือหยูมิอาจรอดพ้นความตายได้ตลอดกาล
“ซือหยูเซี่ยนหนีไปซะ! เจ้าเอาชนะจักรพรรดิกลืนอสูรที่มีพันธะสัญญาเทพไม่ได้ มันไม่มีวันตาย! ไม่ว่าเจ้าจะฆ่ามันกี่ครั้ง!”
ตงฟางเถียนเฟิงตะโกนนางหายใจเข้าลึก นางมิอาจทนมองการต่อสู้ของเขาได้อีกต่อไป
เพราะพลังเทพไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะต่อต้านแม้จักรพรรดิกลืนอสูรจะเป็นแค่ข้ารับใช้เทพ พวกเขาก็ยังมิอาจทำอะไรได้
หรือการต่อสู้กับเทพอสูรมณีเป็นเพียงเรื่องน่าขัน?
ตงฟางเถียนเฟิงขมขื่นในใจ
“พันธะสัญญาเทพเป็นโมฆะได้หรือไม่?”
ซือหยูถามขณะที่มองจักรพรรดิกลืนอสูรที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ตงฟางเถียนเฟิงตกใจนางยิ้มอย่างขมขื่น
“มีเพียงเทพคนนั้นเองเท่านั้นคนนอกหรือแม้แต่เทพคนอื่นไม่สามารถสะบั้นสัญญาเทพได้ง่าย ๆ”
ซือหยูพยักหน้านางตัวแข็งทื่อ
“ดีก็แค่ให้ปิงหวูชิงล้มเลิกสัญญาเทพเท่านั้น”
ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดตงฟางเถียนเฟิงคงจะคิดว่าคำพูดนั้นคือลมผ่านหู
เสี้ยวพลังกระบี่จากระบี่ภูติเข้าห้ำหั่นวิญญาณบนเกราะดวงวิญญาณสัตว์อสูรมากมายพากันเข้ามาฉุดกระชากพลังกระบี่ กระบี่ภูติแม้จะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ มันก็มิอาจทำอะไรกับร่างจริงของจักรพรรดิกลืนอสูรได้
จักรพรรดิกลืนอสูรแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาแสยะยิ้มเยือกเย็นอีกครั้ง
“เจ้าทำได้แค่นี้รึ?พลังกระบี่เจ้าไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่นี่!”
“จะใช่รึ?”
ซือหยูถามด้วยแววตาแปลกประหลาด
“ถ้าไม่มีเกราะวิญญาณเลือดเจ้าจะยังกล้าพูดเช่นนั้นอีกหรือไม่?”
อะไรนะ?จักรพรรดิกลืนอสูรรู้สึกไม่ปลอดภัยในใจ โดยเฉพาะเมื่อซือหยูพูดถึงการไม่มีเกราะวิญญาณเลือด เขาหัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล
“เจ้าหมายความว่ายังไง?”
จักรพรรดิกลืนอสูรก้าวถอยไปยังปิงหวูชิง
“ก็หมายความอย่างที่ข้าพูดยังไงล่ะ”
จู่ๆ แสงได้เปล่งออกมาจากดวงตาของเขา กระบี่ภูติขับเคลื่อนส่งแสงสีเงินเข้าไป
กระบี่พุ่งตรงไปยังจักรพรรดิกลืนอสูรที่พยายามใจเย็นถ้ามีเกราะวิญญาณเลือดก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้…ใช่ไหม? แต่เมื่อพลังกระบี่อันตระการตามาถึงตัว จักรพรรดิกลืนอสูรก็หัวใจหยุดเต้น
ดวงวิญญาณสัตว์อสูรในเกราะไม่เข้ามาป้องกันพลังในครั้งนี้พลังกระบี่กลับทะลวงเกราะไปถึงร่างจริงของเขาในที่สุด! ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้เกราะอย่างไรดวงวิญญาณสัตว์อสูรมากมายก็ราวกับถูกบางอย่างกดทับเอาไว้มิอาจขยับได้ กระบี่ทะลวงร่างของเขาตรงไปยังดวงวิญญาณ!
“เจ้า…เจ้าใช้วิชามายา…”
ทันทีที่วิญญาณกำลังแหลกสลายจักรพรรดิกลืนอสูรพูดด้วยความสะพรึงกลัว
เขาไม่เคยคิดว่าซือหยูจะมีความเข้าใจในวิชาวิญญาณที่ลึกซึ้ง…อีกทั้งเขายังใช้วิชามายาได้!นี่เป็นวิชาที่ทำให้เหล่าดวงวิญญาณสัตว์อสูรไม่เข้ามาป้องกันและทำให้เกราะต้องสูญเสียความสามารถในการป้องกันไป
เกราะวิญญาณเลือดไร้ค่าไปแล้วจักรพรรดิกลืนอสูรรับพลังไปเต็ม ๆ
เมื่อครู่ซือหยูทำราวกับว่าเขาพยายามหลบเงาเทาเทียที่กลืนกินเขา แต่แท้จริงแล้วเขากำลังใช้วิชามายาเพื่อล่อลวงเหล่าดวงวิญญาณสัตว์อสูรบนเกราะโลหิต
นี่คือแผนการส่วนสุดท้ายของซือหยู! จักรพรรดิกลืนอสูรมีสัมผัสที่เฉียบคมการทำให้ไม่ทันระวังคือหนทางเดียวในการสังหาร และแน่นอนว่าเกราะวิญญาณเลือดที่เขาภูมิใจก็คือสิ่งที่ทำให้เขาประมาท
ก่อนหน้านี้การโจมตีของซือหยูมีไว้เพื่อล่อความสนใจ การผสานพลังระหว่างโอรสสวรรค์จ้องนภาและกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์คือสิ่งที่เขาตั้งใจจะใช้ปิดฉาก ครั้งนี้มิเพียงแต่ทำลายกายหยาบของจักรพรรดิกลืนอสูร แต่เป็นการสะบั้นดวงวิญญาณของเขาอีกด้วย
จักรพรรดิกลืนอสูรล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความแค้นพลังทั้งหมดไหลออกจากร่าง
คนที่กำลังปิดวงล้อมปิงหวูชิงมีความรู้สึกซับซ้อนในแววตาทั้งเป็นความดีใจและความหนักใจ
พลังของซือหยูเหนือเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดแม้แต่จักรพรรดิกลืนอสูรยังตายด้วยมือของเขา! ขณะที่พวกเขารู้ตัวดีกว่าไม่ใช่คู่มือของจักรพรรดิกลืนอสูร ถึงอย่างนั้นใบหน้าของซือหยูก็ไม่ได้สบายใจดั่งพวกเขา เขาจ้องมองร่างของจักรพรรดิกลืนอสูรด้วยความทึ่งและสงสัย
ร่างกายและดวงวิญญาณของเขาขาดสะบั้นแสงสีส่องประกายจากทั้งร่าง ดวงตาที่ปิดสนิทเบิกขึ้นมาอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยพลังอสูรอันน่าหวาดผวา
มันเป็นอย่างที่เขาพูดก่อนตาย: เขาไม่อยากตายตาไม่หลับ!
เขาตบฝ่ามือบนพื้นยืนขึ้นทันควันเขามองร่างกายตัวเองด้วยความตกใจ
“ฮ่าๆๆๆๆๆนี่คือสัญญาเทพ!! ตราบเท่าที่เทพยังมีชีวิตอยู่ ข้ารับใช้จะไม่มีวันตาย!”
สัญญาเทพหรือ?
ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยมองปิงหวูชิงนำคนตายกลับมาหรือ? การกลับมามีชีวิตไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ว่าจะคืนชีพมาเท่าใด ซือหยูจะฆ่าเขาได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือผลอย่างอื่นที่ได้จากสัญญาเทพ “ซือหยูเซี่ยนเจ้ามีคำสั่งเสียหรือไม่?”
จักรพรรดิกลืนอสูรหัวเราะมองท้องฟ้าเย้ยหยันใบหน้านั้นชั่วร้าย
ฟึ่บ!
แสงทมิฬแล่นมาตรงหน้าซือหยูก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว
สิ่งที่เข้ามามีคู่เขาทมิฬบนศีรษะและเขี้ยวแหลมในปากอีกทั้งยังมีปีกทมิฬและหางยาวคมดั่งมีด
เขาปรากฏตัวต่อหน้าซือหยูด้วยรูปลักษณ์ที่น่ากลัวซือหยูไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน
“ข้ารับใช้อสูรแห่งเทพ!!”
ตงฟางเถียนเฟิงที่บาดเจ็บมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมขนลุกใบหน้านางหม่นหมองขึ้นมาทันที
ข้ารับใช้แห่งเทพคือร่างของข้ารับใช้เทพอสูรในตำนานตราบเท่าที่เทพอสูรยังอยู่ ข้ารับใช้เทพจะไม่มีวันตาย และข้ารับใช้ยังใช้พลังจากจิตวิญญาณเทพของเทพอสูรได้อีก! ซือหยูตอบสนองได้เร็วพอกันคลื่นลึกลับพุ่งออกจากดวงตาล่อลวงดวงวิญญาณสัตว์อสูรพร้อมกับซัดกระบี่ออกไป
ปั้ง!
เสียงร่างกายและดวงวิญญาณแตกสลายดังก้องครั้งนี้ ร่างกายของจักรพรรดิกลืนอสูรกับดวงวิญญาณแตกดับไปพร้อมกัน!
แต่ต่อมากรงเล็บดำสนิทก็พุ่งออกมาคว้ากระบี่ไผ่เงินจากความว่างเปล่า!
จักรพรรดิกลืนอสูรลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้ากลับมาอีกแล้ว!”
เขาซัดกรงเล็บอสูรที่มีพลังมหาศาลใส่ซือหยูมหันมีพลังเข้มข้นพอ ๆ กับพลังที่ทำให้ภูเขาหลายลูกระเบิด
ซือหยูชักสีหน้าเขาป้องกันด้วยกระบี่ กระบี่ดูดซับแรงปะทะส่วนมากเอาไว้ แต่พลังส่วนหนึ่งก็มาถึงตัวเขา
โลหิตไหลออกจากมุมปากเป็นสาย
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!เจ้ามันอ่อนแอเกินไป!” จักรพรรดิกลืนอสูรหัวเราะเมื่อมองซือหยูอย่างไม่กลัวตายเขาพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ซือหยูยกกระบี่ซัดใส่แต่จักรพรรดิกลืนอสูรก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในครึ่งลมหายใจ เขาเกิดและพุ่งเข้าใส่ซือหยูอีก!
“อ่อนแอ!เจ้าขัดขืนให้มากกว่านี้ไม่ได้เรอะ? เจ้าจะได้น่าฆ่ามากกว่านี้!”
จักรพรรดิกลืนอสูรย่ามใจขั้นสุดสภาวะอมตะที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้เขารู้สึกพอใจเหมือนได้ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของโลก
สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ คนที่มองดูการต่อสู้เคร่งเครียด
พวกเขาไม่ได้คิดว่าซือหยูใช้ไม่ได้ถ้าหากพวกเขาเป็นซือหยู พวกเขาก็คงมิอาจรับมือกับจักรพรรดิกลืนอสูรที่สามารถกลับมามีชีวิตได้ไม่จำกัดครั้ง
ศัตรูมิอาจสังหารมิอาจถูกทำลาย ขณะที่พวกเขาตายได้ครั้งเดียว การต่อสู้นี้ไม่ยุติธรรมตั้งแต่ต้น ถ้าหากคนอื่นมาสู้แทนซือหยู พวกเขาก็คงจะตายไปนานแล้ว โชคดีที่ซือหยูมีพลังมหาศาลและสมบัติอันแข็งแกร่งไว้พึ่งพา เขาจึงรอดชีวิตมาได้ถึงตอนนี้ แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าซือหยูมิอาจรอดพ้นความตายได้ตลอดกาล
“ซือหยูเซี่ยนหนีไปซะ! เจ้าเอาชนะจักรพรรดิกลืนอสูรที่มีพันธะสัญญาเทพไม่ได้ มันไม่มีวันตาย! ไม่ว่าเจ้าจะฆ่ามันกี่ครั้ง!”
ตงฟางเถียนเฟิงตะโกนนางหายใจเข้าลึก นางมิอาจทนมองการต่อสู้ของเขาได้อีกต่อไป
เพราะพลังเทพไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะต่อต้านแม้จักรพรรดิกลืนอสูรจะเป็นแค่ข้ารับใช้เทพ พวกเขาก็ยังมิอาจทำอะไรได้
หรือการต่อสู้กับเทพอสูรมณีเป็นเพียงเรื่องน่าขัน?
ตงฟางเถียนเฟิงขมขื่นในใจ
“พันธะสัญญาเทพเป็นโมฆะได้หรือไม่?”
ซือหยูถามขณะที่มองจักรพรรดิกลืนอสูรที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ตงฟางเถียนเฟิงตกใจนางยิ้มอย่างขมขื่น
“มีเพียงเทพคนนั้นเองเท่านั้นคนนอกหรือแม้แต่เทพคนอื่นไม่สามารถสะบั้นสัญญาเทพได้ง่าย ๆ”
ซือหยูพยักหน้านางตัวแข็งทื่อ
“ดีก็แค่ให้ปิงหวูชิงล้มเลิกสัญญาเทพเท่านั้น”
ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดตงฟางเถียนเฟิงคงจะคิดว่าคำพูดนั้นคือลมผ่านหู