The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1094 - กลับสู่ความเป็นจริง
เจิ่งฉิงหลงตกตะลึงเขาตกใจกับความมุ่งมั่นที่จะอยู่ต่อเพื่อต่อสู้ของซือหยู
“ซือหยูข้ารู้ว่าเจ้ามีชัยเหนือล้ำจากชื่อเสียงเจ้า ข้าศึกษามาแล้ว มันคือความสำเร็จอันน่าจดจำ แต่ในการประลองของจริง เจ้าอาจจะเอาชนะข้าไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงฉีหมิง ในดินแดนมีดสวรรค์แห่งนี้ นอกจากรองจ้าวดินแดนกับเจ้าดินแดนก็ไม่มีใครเทียบเขาได้แล้ว!”
เจิ่งฉิงหลงพูดอย่างเร่งรีบวิกฤติกำลังใกล้เข้ามา
ซือหยูส่ายหน้าเบาๆ
“เจ้าคิดว่าเราหนีได้หรือ?”
เจิ่งฉิงหลงถอนหายใจหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“เจ้าหนีไม่ได้”
เขาจะพ่ายแพ้ในสิบกระบวนท่าหนึ่งกระบวนท่าคือหนึ่งลมหายใจ เพียงสิบลมหายใจคงหนีได้ไม่ไกลนัก
“ลืมไปซะไม่มีใครช่วยเราได้ ฉีหมิงเองก็ไม่คิดปรานีเจ้า”
ซือหยูเข้าใจสิ่งที่เจิ่งฉิงหลงต้องการในเวลาสำคัญ แทนที่จะหวังพึ่งปาฏิหาริย์? เป็นการดีกว่าหากจะเตรียมใจไว้ล่วงหน้า
เจิ่งฉิงหลงพูดอย่างขมขื่น
“มีแค่เจ้ากับข้าและเจ้าหุ่นเชิดนั่นรึ?”
“เกินพอแล้ว!
ซือหยูพูดอย่างหนักแน่น
“ดี!”
เจิ่งฉิงหลงปลดเสื้อเผยร่างกายแข็งแกร่งดุจหินผา เขาตะโกนทั้งที่ถือกระบี่
“ข้าจะสู้ในวันนี้!”
ฉั่วะ!
รอยแยกมิติตรงหน้าเขาฉีกขาดขยายใหญ่ขึ้นจนคนลอดผ่านได้ ชายชุดแดงก้าวออกมา!
“โอ้?ข้าคิดว่าจะต้องไล่ตามเจ้านานกว่านี้เสีัยอีก แต่เจ้ายังอยู่ที่นี่”
ฉีหมิงพูดอย่างแปลกใจ
เจิ่งฉิงหลงพูดด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าทำลายสายสัมพันธ์ตระกูลเจ้าต้องชดใช้!”
“สิบกระบวนท่า…เจ้าจะยังรอดไหม?”
ฉีหมิงหัวเราะ
แต่ในเวลานี้เขาต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือสองคนดาวรุ่งซือหยูอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา! เขามีกระบี่สีเงินที่มีพลังเหนือกว่าช้างหมื่นเชือก
“รับกระบี่นี้ไปซะ!”
เจิ่งฉิงหลงหายใจเข้าลึกกระบี่ของเขาร่ายรำราวกับมังกรทรงพลัง
ฉีหมิงเรียกโซ่ทมิฬออกมาฟาดราวกับอสรพิษดำมันปล่อยเพลิงทมิฬออกมา กระบี่ร่ายรำพุ่งเข้าสู่เพลิงทมิฬราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
“กำลังฝูงสัตว์ป่า!”
เจิ่งฉิงหลงใช้กระบวนท่าถัดไป
“วิญญาณมังกร!”
“ดาวตกซัด!”
“อสรพิษ!”
การแลกเปลี่ยนกระบวนท่านั้นรวดเร็วจนเจิ่งเฉิงและฉิวเอ๋อเห็นแค่เพียงเงาของทั้งสองในการเคลื่อนไหวของกระบี่
เทียบกันแล้วมันชัดเจนในสายตาของซือหยูที่ได้รับการฝึกฝนมา เขาเห็นเจิ่งฉิงหลงที่ยังห่างไกลกว่าจะเทียบเท่าฉีหมิง น่าเสียดายที่เขายังขาดทักษะในด้านอื่น และฉีหมิงเองก็มีพลังทำลายล้างมากกว่า
ทั้งสองนั้นประมือกันอย่างสูสีในแรกเริ่มแต่เจิ่งฉิงหลงเริ่มอ่อนแอลงหลังจากผ่านกระบวนท่าที่สิบ โซ่ทมิฬซัดลำตัวของเขาราวกับอสรพิษร้าย เจิ่งฉิงหลงถูกซัดจนเสียงกระดูกหักดังลั่นเกิดแผลขนาดเท่ากำปั้นที่ลำตัว
สิบกระบวนท่าของพวกเขาทำให้ซือหยูมีเวลาเหลือเฟือในการเตรียมตัวซือหยูประกบนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าหากัน
กระบี่เงินปั่นแสงสีเงินเป็นเส้นพลังหลายพันสายราวกับว่ากระบี่ได้กลายเป็นไผ่เงินต้นยาวในมือของซือหยู
“หากไม่นับพลังวิชากระบี่ของเจ้าดูน่าตื่นตา”
ฉีหมิงสวนกลับพลังของซือหยูด้วยพลังช้างหมื่นเชือก
ซือหยูไม่แม้แต่เงยหน้ามองเขาแกว่งแขนขวา รอยแยกมิติเปิดออก คลื่นพลังของเขาโถมเข้าสู่รอยแยกมิติ
“สร้างรอยแยกมิติด้วยกระบี่ช่างหาดูได้ยาก!ข้าอาจจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครในตำหนักโลหิต แต่การได้เจอข้าคือความตายของเจ้า”
ฉีหมิงพุ่งมาที่ด้านข้างซือหยูอย่างรวดเร็วโซ่ทมิฬในมือพุ่งตรงเข้าใส่ลำตัวซือหยู
ซือหยูหลบเปลวเพลิงทมิฬจากโซ่เพลิงนั้นแข็งแกร่งจนร่างกายเขาสั่นไหว พลังของเพลิงนี้ไม่ได้เพลิง แต่เป็นคลื่นพลัง!
การหยุดคลื่นพลังเหล่านี้เขาต้องดับเพลิงนี้ให้ได้
“เจ้าจะหนีไปไหน?”
ฉีหมิงส่ายหน้า
“มันจบแล้ว!”
โซ่ทมิฬในมือของเขาพุ่งไปข้างหน้ายาวกว่าเดิมสิบเท่าเสียงสายฟ้าลั่นหวั่นไหว เพลิงทมิฬอันทรงพลังปะทุออกมาจากโซ่ปกคลุมทุกอย่างเอาไว้
แสงสีเงินเปล่งทะลวงออกมาจากเพลิงเส้นพลังร่ายรำผ่านเปลวเพลิง แสงสีเงินเหล่านี้มาจากกระบี่ของซือหยู
“เจ้าดับเพลิงของข้าด้วยพลังมิติเรอะ!”
ฉีหมิงสงสัยแต่ก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าการอยู่รอดในตอนนี้ มันคือการต่อสู้ที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“มังกรทมิฬรุ่งสาง!”
ฉีหมิงกระบี่โซ่ทมิฬพุ่งตรงไปยังซือหยู
ไม่มีที่ให้ถอยอีกต่อไปซือหยูถูกบังคับให้ต้องโต้กลับ ใบหน้าเขาเยือกเย็น แขนไขว้กันเพื่อป้องกัน ดวงตาเพ่งไปที่กระบี่
“แสงย้อนกลับ!”
แสงกระบี่สีเงินพุ่งออกมาจากรูขุมขนของเขาราวกับหยดพิรุณมันพุ่งออกไปยังทุกทิศทาง
ซือหยูไม่ต่างกับดวงตะวันสีเงินที่อาบแสงสีเงินทั้งร่างมันดูตระการตา
ดวงตะวันสีเงินและมังกรทมิฬเข้าปะทะกันระเบิดเสียงดัง
ตู้ม!
พลังรุนแรงจนผลักทั้งซือหยูและฉีหมิงถอยไปหลายก้าว
ซือหยูสัมผัสได้เพียงแต่ความเจ็บปวดโลหิตไหลบนเส้นเลือดอย่างเชี่ยวกราก
ฉีหมิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
แสงกระบี่เข้าสู่ร่างกายของเขาทำลายจากภายในสู่ภายนอก เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต่อต้านพลังของมัน
“สายกระบี่ที่ปล่อยพลังออกมาได้อีกจากข้างในรึ!เจ้าฝึกพลังนี้มายังไง?”
ฉีหมิงผงะด้วยความตกใจ
การซ่อนรังสีกระบี่ไว้ข้างในพลังที่ดูน้อยนิดเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์กระบี่หลายคนมักพยายามทำมันคือพลังที่เทียบเท่ากับพลังที่เหล่าเทพใช้ เมื่อได้กลายเป็นเทพ การใช้พลังจะรุนแรงขึ้นไปอีก
แต่การใช้วิธีของซือหยูที่ซ่อนรังสีกระบี่ไว้หมื่นสายนั้นไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน!
“มันคือรางวัลยังไงล่ะ”
ซือหยูกดแผลอย่างแรงพร้อมกับเรียกเข็มทมิฬออกมาในมือจากนั้นเขาก็กระชากมิติและหายตัวไปในพริบตา ต่อมาที่เขาปรากฏตัวเข็มทมิฬได้พุ่งตรงไปที่กลางหน้าผากฉีหมิง!
สีหน้าฉีหมิงทั้งตกใจและแปลกใจเขาพยายามจะผลักเข็มออกไป แต่ก็ราวกับว่าเข็มนี้ไร้คุณสมบัติทางกายภาพ มันเข้าแทงดวงวิญญาณของฉีหมิงตรง ๆ
เสียงกรีดร้องราวคนใจสลายดังมาจากฉีหมิง
“อ๊าาา!นี่มันเข็มแทงวิญญาณ! อาวุธวิเศษของเจ้าดินแดน! มันไปอยู่ในมือเจ้าได้ยังไง?”
นี่คืออาวุธวิเศษของเจ้าดินแดนมีดสวรรค์มันคือเครื่องมือที่ใช้ควบคุมวิญญาณของเหล่าเทพ! เขาได้ให้ยอดฝีมือแย่งดินแดนยืมไป และมันก็มาตกอยู่ในมือของซือหยู
เข็มเล่มนี้อย่างเดียวก็กินพลังเขาไปครึ่งส่วนแล้ว!
แต่ฉีหมิงที่แม้จะเจ็บปวดเขาก็เป็นคนที่ผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง เขาขยับตัวหลบการจู่โจมอย่างแม่นยำ เคราะห์ร้ายที่เป็นเวลาเดียวกับที่เส้นด้ายโลหิตหลายพันสายเข้ามารัดตัวเขาเขาเลือกผิดที่ไม่หนีไปบนพื้น เขาจึงต้องถูกด้ายโลหิตเหล่านั้นรัด
“ไปให้พ้น!”
ฉีหมิงตะโกนเสียงดังเขาตัวสั่นอย่างรุนแรง ด้ายโลหิตพันรอบกายราวกับสายฟ้า
แต่ที่น่าแปลกคือระยะหมื่นลี้นี้เต็มไปด้วยทะเลเลือดมันเหมือนกับเส้นด้ายโลหิตที่ถักทอกันอย่างหนาแน่น!
ด้ายโลหิตที่ฉีหมิงสลัดออกไปเป็นเพียงแค่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น!
“ฮ่าๆไอ้แก่ ลองรอดให้ได้สิ!”
ซือหยูหัวเราะเยาะ
ด้ายโลหิตไม่รู้จบปกคลุมท้องนภาตั้งแต่บนถึงล่างมันเคลื่อนที่รวดเร็วเข้ารัดฉีหมิง
ฉีหมิงตื่นตระหนกด้ายโลหิตเหล่านั้นไม่มากพอที่จะเป็นภัยกับเขา แต่ทันทีที่มันรัดเขา พลังของมันจะทวีคูณขึ้นและเป็นปัญหาที่จะกำจัดทั้งหมดออกจากตัว
เมื่อเขาตัดสินใจทำลายมันในมือของเขาก็มีพลังที่ปล่อยออกมาสี่ทิศทาง เขาซัดพลังฉีกมิติและหนีไปทั้งอย่างนั้น
แต่ต่อมาก็เกิดลำแสงมาจากด้านหลังมันเป็นพลังแข็งแกร่งที่รบกวนพลังมิติรอบตัวเขา
รอยแยกมิติกำลังจะแตกสลาย
ในความปั่นป่วนของพลังมิติเช่นนี้แม้จะมีพลังมากมายเท่าใด ความตายก็เป็นที่แน่นอน
หนึ่งมิติแตกสลายเขาซัดฉีกอีกมิติด้วยมือขวา
แต่สุดท้ายมันก็ไร้ผล
ทะเลโลหิตไหลเข้ามาพร้อมกับด้ายโลหิตนับไม่ถ้วนจนเป็นกำแพงขวางทางหนี
“เจ้าอยากตายเรอะ!”
ฉีหมิงกระวนกระวายเล็กน้อยเขาทั้งกำจัดพลังกระบี่ออกจากตัวและสลัดเข็มแทงวิญญาณออกไป เขาสาบานว่าเขาจะต้องล้างแค้นเรื่องในวันนี้ให้ได้ แต่ในตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่กำลังจะควบคุมการต่อสู้ เสียงสายฟ้าคำรามลั่นดังมาจากด้ายโลหิต
แต่จำนวนด้ายโลหิตนั้นมีอยู่นับไม่ถ้วนดั่งน้ำในมหาสมุทรเมื่อด้ายโลหิตกลุ่มหนึ่งขาดไป อีกกลุ่มก็จะกรูเข้ามาปิดช่องว่าง
เขาไม่เหลือช่องให้หนีอีกแล้ว
เจิ่งฉิงหลงหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจแต่หลังจากไม่ถึงสิบลมหายใจ ฉีหมิงก็ล้มลงด้วยแรงลม!
“ท่านพ่อท่านติดตามหนทางใดกัน? ท่านไม่ได้พูดว่าเขาคือปีศาจร้ายที่ชิงชังผู้คน ไม่เหมือนท่านพำ่อ แล้วทำไม…”
เจิ่งเฉิงจ้องมองซือหยูด้วยความตกใจเกินจะอธิบาย
พวกเขาอายุไม่ต่างกันนักแต่เขาไม่เคยหวังจะได้ครอบครองพลังระดับนี้
“นี่มัน…เป็นความโง่เขลาของข้าเอง”
ใบหน้าแก่เฒ่าของเจิ่งฉิงหลงแดงด้วยความอับอายเขาพูดจาดูถูกซือหยูถึงสองครั้ง เขาพูดว่าถ้าซือหยูกับเขาประลองกัน ซือหยูก็สู้กับเขาไม่ได้เลย แต่สุดท้าย…
“ซือหยูข้ารู้ว่าเจ้ามีชัยเหนือล้ำจากชื่อเสียงเจ้า ข้าศึกษามาแล้ว มันคือความสำเร็จอันน่าจดจำ แต่ในการประลองของจริง เจ้าอาจจะเอาชนะข้าไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงฉีหมิง ในดินแดนมีดสวรรค์แห่งนี้ นอกจากรองจ้าวดินแดนกับเจ้าดินแดนก็ไม่มีใครเทียบเขาได้แล้ว!”
เจิ่งฉิงหลงพูดอย่างเร่งรีบวิกฤติกำลังใกล้เข้ามา
ซือหยูส่ายหน้าเบาๆ
“เจ้าคิดว่าเราหนีได้หรือ?”
เจิ่งฉิงหลงถอนหายใจหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“เจ้าหนีไม่ได้”
เขาจะพ่ายแพ้ในสิบกระบวนท่าหนึ่งกระบวนท่าคือหนึ่งลมหายใจ เพียงสิบลมหายใจคงหนีได้ไม่ไกลนัก
“ลืมไปซะไม่มีใครช่วยเราได้ ฉีหมิงเองก็ไม่คิดปรานีเจ้า”
ซือหยูเข้าใจสิ่งที่เจิ่งฉิงหลงต้องการในเวลาสำคัญ แทนที่จะหวังพึ่งปาฏิหาริย์? เป็นการดีกว่าหากจะเตรียมใจไว้ล่วงหน้า
เจิ่งฉิงหลงพูดอย่างขมขื่น
“มีแค่เจ้ากับข้าและเจ้าหุ่นเชิดนั่นรึ?”
“เกินพอแล้ว!
ซือหยูพูดอย่างหนักแน่น
“ดี!”
เจิ่งฉิงหลงปลดเสื้อเผยร่างกายแข็งแกร่งดุจหินผา เขาตะโกนทั้งที่ถือกระบี่
“ข้าจะสู้ในวันนี้!”
ฉั่วะ!
รอยแยกมิติตรงหน้าเขาฉีกขาดขยายใหญ่ขึ้นจนคนลอดผ่านได้ ชายชุดแดงก้าวออกมา!
“โอ้?ข้าคิดว่าจะต้องไล่ตามเจ้านานกว่านี้เสีัยอีก แต่เจ้ายังอยู่ที่นี่”
ฉีหมิงพูดอย่างแปลกใจ
เจิ่งฉิงหลงพูดด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าทำลายสายสัมพันธ์ตระกูลเจ้าต้องชดใช้!”
“สิบกระบวนท่า…เจ้าจะยังรอดไหม?”
ฉีหมิงหัวเราะ
แต่ในเวลานี้เขาต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือสองคนดาวรุ่งซือหยูอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา! เขามีกระบี่สีเงินที่มีพลังเหนือกว่าช้างหมื่นเชือก
“รับกระบี่นี้ไปซะ!”
เจิ่งฉิงหลงหายใจเข้าลึกกระบี่ของเขาร่ายรำราวกับมังกรทรงพลัง
ฉีหมิงเรียกโซ่ทมิฬออกมาฟาดราวกับอสรพิษดำมันปล่อยเพลิงทมิฬออกมา กระบี่ร่ายรำพุ่งเข้าสู่เพลิงทมิฬราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
“กำลังฝูงสัตว์ป่า!”
เจิ่งฉิงหลงใช้กระบวนท่าถัดไป
“วิญญาณมังกร!”
“ดาวตกซัด!”
“อสรพิษ!”
การแลกเปลี่ยนกระบวนท่านั้นรวดเร็วจนเจิ่งเฉิงและฉิวเอ๋อเห็นแค่เพียงเงาของทั้งสองในการเคลื่อนไหวของกระบี่
เทียบกันแล้วมันชัดเจนในสายตาของซือหยูที่ได้รับการฝึกฝนมา เขาเห็นเจิ่งฉิงหลงที่ยังห่างไกลกว่าจะเทียบเท่าฉีหมิง น่าเสียดายที่เขายังขาดทักษะในด้านอื่น และฉีหมิงเองก็มีพลังทำลายล้างมากกว่า
ทั้งสองนั้นประมือกันอย่างสูสีในแรกเริ่มแต่เจิ่งฉิงหลงเริ่มอ่อนแอลงหลังจากผ่านกระบวนท่าที่สิบ โซ่ทมิฬซัดลำตัวของเขาราวกับอสรพิษร้าย เจิ่งฉิงหลงถูกซัดจนเสียงกระดูกหักดังลั่นเกิดแผลขนาดเท่ากำปั้นที่ลำตัว
สิบกระบวนท่าของพวกเขาทำให้ซือหยูมีเวลาเหลือเฟือในการเตรียมตัวซือหยูประกบนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าหากัน
กระบี่เงินปั่นแสงสีเงินเป็นเส้นพลังหลายพันสายราวกับว่ากระบี่ได้กลายเป็นไผ่เงินต้นยาวในมือของซือหยู
“หากไม่นับพลังวิชากระบี่ของเจ้าดูน่าตื่นตา”
ฉีหมิงสวนกลับพลังของซือหยูด้วยพลังช้างหมื่นเชือก
ซือหยูไม่แม้แต่เงยหน้ามองเขาแกว่งแขนขวา รอยแยกมิติเปิดออก คลื่นพลังของเขาโถมเข้าสู่รอยแยกมิติ
“สร้างรอยแยกมิติด้วยกระบี่ช่างหาดูได้ยาก!ข้าอาจจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครในตำหนักโลหิต แต่การได้เจอข้าคือความตายของเจ้า”
ฉีหมิงพุ่งมาที่ด้านข้างซือหยูอย่างรวดเร็วโซ่ทมิฬในมือพุ่งตรงเข้าใส่ลำตัวซือหยู
ซือหยูหลบเปลวเพลิงทมิฬจากโซ่เพลิงนั้นแข็งแกร่งจนร่างกายเขาสั่นไหว พลังของเพลิงนี้ไม่ได้เพลิง แต่เป็นคลื่นพลัง!
การหยุดคลื่นพลังเหล่านี้เขาต้องดับเพลิงนี้ให้ได้
“เจ้าจะหนีไปไหน?”
ฉีหมิงส่ายหน้า
“มันจบแล้ว!”
โซ่ทมิฬในมือของเขาพุ่งไปข้างหน้ายาวกว่าเดิมสิบเท่าเสียงสายฟ้าลั่นหวั่นไหว เพลิงทมิฬอันทรงพลังปะทุออกมาจากโซ่ปกคลุมทุกอย่างเอาไว้
แสงสีเงินเปล่งทะลวงออกมาจากเพลิงเส้นพลังร่ายรำผ่านเปลวเพลิง แสงสีเงินเหล่านี้มาจากกระบี่ของซือหยู
“เจ้าดับเพลิงของข้าด้วยพลังมิติเรอะ!”
ฉีหมิงสงสัยแต่ก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าการอยู่รอดในตอนนี้ มันคือการต่อสู้ที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“มังกรทมิฬรุ่งสาง!”
ฉีหมิงกระบี่โซ่ทมิฬพุ่งตรงไปยังซือหยู
ไม่มีที่ให้ถอยอีกต่อไปซือหยูถูกบังคับให้ต้องโต้กลับ ใบหน้าเขาเยือกเย็น แขนไขว้กันเพื่อป้องกัน ดวงตาเพ่งไปที่กระบี่
“แสงย้อนกลับ!”
แสงกระบี่สีเงินพุ่งออกมาจากรูขุมขนของเขาราวกับหยดพิรุณมันพุ่งออกไปยังทุกทิศทาง
ซือหยูไม่ต่างกับดวงตะวันสีเงินที่อาบแสงสีเงินทั้งร่างมันดูตระการตา
ดวงตะวันสีเงินและมังกรทมิฬเข้าปะทะกันระเบิดเสียงดัง
ตู้ม!
พลังรุนแรงจนผลักทั้งซือหยูและฉีหมิงถอยไปหลายก้าว
ซือหยูสัมผัสได้เพียงแต่ความเจ็บปวดโลหิตไหลบนเส้นเลือดอย่างเชี่ยวกราก
ฉีหมิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
แสงกระบี่เข้าสู่ร่างกายของเขาทำลายจากภายในสู่ภายนอก เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต่อต้านพลังของมัน
“สายกระบี่ที่ปล่อยพลังออกมาได้อีกจากข้างในรึ!เจ้าฝึกพลังนี้มายังไง?”
ฉีหมิงผงะด้วยความตกใจ
การซ่อนรังสีกระบี่ไว้ข้างในพลังที่ดูน้อยนิดเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์กระบี่หลายคนมักพยายามทำมันคือพลังที่เทียบเท่ากับพลังที่เหล่าเทพใช้ เมื่อได้กลายเป็นเทพ การใช้พลังจะรุนแรงขึ้นไปอีก
แต่การใช้วิธีของซือหยูที่ซ่อนรังสีกระบี่ไว้หมื่นสายนั้นไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน!
“มันคือรางวัลยังไงล่ะ”
ซือหยูกดแผลอย่างแรงพร้อมกับเรียกเข็มทมิฬออกมาในมือจากนั้นเขาก็กระชากมิติและหายตัวไปในพริบตา ต่อมาที่เขาปรากฏตัวเข็มทมิฬได้พุ่งตรงไปที่กลางหน้าผากฉีหมิง!
สีหน้าฉีหมิงทั้งตกใจและแปลกใจเขาพยายามจะผลักเข็มออกไป แต่ก็ราวกับว่าเข็มนี้ไร้คุณสมบัติทางกายภาพ มันเข้าแทงดวงวิญญาณของฉีหมิงตรง ๆ
เสียงกรีดร้องราวคนใจสลายดังมาจากฉีหมิง
“อ๊าาา!นี่มันเข็มแทงวิญญาณ! อาวุธวิเศษของเจ้าดินแดน! มันไปอยู่ในมือเจ้าได้ยังไง?”
นี่คืออาวุธวิเศษของเจ้าดินแดนมีดสวรรค์มันคือเครื่องมือที่ใช้ควบคุมวิญญาณของเหล่าเทพ! เขาได้ให้ยอดฝีมือแย่งดินแดนยืมไป และมันก็มาตกอยู่ในมือของซือหยู
เข็มเล่มนี้อย่างเดียวก็กินพลังเขาไปครึ่งส่วนแล้ว!
แต่ฉีหมิงที่แม้จะเจ็บปวดเขาก็เป็นคนที่ผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง เขาขยับตัวหลบการจู่โจมอย่างแม่นยำ เคราะห์ร้ายที่เป็นเวลาเดียวกับที่เส้นด้ายโลหิตหลายพันสายเข้ามารัดตัวเขาเขาเลือกผิดที่ไม่หนีไปบนพื้น เขาจึงต้องถูกด้ายโลหิตเหล่านั้นรัด
“ไปให้พ้น!”
ฉีหมิงตะโกนเสียงดังเขาตัวสั่นอย่างรุนแรง ด้ายโลหิตพันรอบกายราวกับสายฟ้า
แต่ที่น่าแปลกคือระยะหมื่นลี้นี้เต็มไปด้วยทะเลเลือดมันเหมือนกับเส้นด้ายโลหิตที่ถักทอกันอย่างหนาแน่น!
ด้ายโลหิตที่ฉีหมิงสลัดออกไปเป็นเพียงแค่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น!
“ฮ่าๆไอ้แก่ ลองรอดให้ได้สิ!”
ซือหยูหัวเราะเยาะ
ด้ายโลหิตไม่รู้จบปกคลุมท้องนภาตั้งแต่บนถึงล่างมันเคลื่อนที่รวดเร็วเข้ารัดฉีหมิง
ฉีหมิงตื่นตระหนกด้ายโลหิตเหล่านั้นไม่มากพอที่จะเป็นภัยกับเขา แต่ทันทีที่มันรัดเขา พลังของมันจะทวีคูณขึ้นและเป็นปัญหาที่จะกำจัดทั้งหมดออกจากตัว
เมื่อเขาตัดสินใจทำลายมันในมือของเขาก็มีพลังที่ปล่อยออกมาสี่ทิศทาง เขาซัดพลังฉีกมิติและหนีไปทั้งอย่างนั้น
แต่ต่อมาก็เกิดลำแสงมาจากด้านหลังมันเป็นพลังแข็งแกร่งที่รบกวนพลังมิติรอบตัวเขา
รอยแยกมิติกำลังจะแตกสลาย
ในความปั่นป่วนของพลังมิติเช่นนี้แม้จะมีพลังมากมายเท่าใด ความตายก็เป็นที่แน่นอน
หนึ่งมิติแตกสลายเขาซัดฉีกอีกมิติด้วยมือขวา
แต่สุดท้ายมันก็ไร้ผล
ทะเลโลหิตไหลเข้ามาพร้อมกับด้ายโลหิตนับไม่ถ้วนจนเป็นกำแพงขวางทางหนี
“เจ้าอยากตายเรอะ!”
ฉีหมิงกระวนกระวายเล็กน้อยเขาทั้งกำจัดพลังกระบี่ออกจากตัวและสลัดเข็มแทงวิญญาณออกไป เขาสาบานว่าเขาจะต้องล้างแค้นเรื่องในวันนี้ให้ได้ แต่ในตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่กำลังจะควบคุมการต่อสู้ เสียงสายฟ้าคำรามลั่นดังมาจากด้ายโลหิต
แต่จำนวนด้ายโลหิตนั้นมีอยู่นับไม่ถ้วนดั่งน้ำในมหาสมุทรเมื่อด้ายโลหิตกลุ่มหนึ่งขาดไป อีกกลุ่มก็จะกรูเข้ามาปิดช่องว่าง
เขาไม่เหลือช่องให้หนีอีกแล้ว
เจิ่งฉิงหลงหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจแต่หลังจากไม่ถึงสิบลมหายใจ ฉีหมิงก็ล้มลงด้วยแรงลม!
“ท่านพ่อท่านติดตามหนทางใดกัน? ท่านไม่ได้พูดว่าเขาคือปีศาจร้ายที่ชิงชังผู้คน ไม่เหมือนท่านพำ่อ แล้วทำไม…”
เจิ่งเฉิงจ้องมองซือหยูด้วยความตกใจเกินจะอธิบาย
พวกเขาอายุไม่ต่างกันนักแต่เขาไม่เคยหวังจะได้ครอบครองพลังระดับนี้
“นี่มัน…เป็นความโง่เขลาของข้าเอง”
ใบหน้าแก่เฒ่าของเจิ่งฉิงหลงแดงด้วยความอับอายเขาพูดจาดูถูกซือหยูถึงสองครั้ง เขาพูดว่าถ้าซือหยูกับเขาประลองกัน ซือหยูก็สู้กับเขาไม่ได้เลย แต่สุดท้าย…