The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1099 - แลกมังกร
การพูดคุยสำคัญของพวกเขาถูกเข้าแทรก!
ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นั้นยังเลี่ยงสัมผัสของซือหยูและบุรุษเมฆาม่วงได้!
ทันใดนั้นเองชายวัยกลางคนที่สวมชุดทองครามได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา เขาดูยิ่งใหญ่ราวกับราชา
ดวงตาเปล่งประกายของเขามีความลับอันลึกล้ำซ่อนอยู่
เขายิ้มบางๆ ยืนมือไพล่หลัง
บุรุษเมฆาม่วงตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา
“จ้าวผาบั่นภูติ!ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเจ้า!”
เจิ่งฉิงหลงเองก็หวาดกลัวข่าวลือว่ากันว่าเขาคือราชาที่สิบแห่งจิวโจว ราชาในเงามืดที่มีอำนาจควบคุมตลาดมืดในจิวโจว!
แต่จ้าวผาบั่นภูติก็ยิ้มและส่ายหน้า “ข้ามาในฐานะจ้าวผาข้ารอที่นี่มาหลายวันแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเผ่าผี! แน่นอนว่าการบุกของพวกมันทำให้ข้าตกใจจริง ๆ! ที่น่าตกใจกว่าคือในร้อยปีที่ผ่านมา พวกมันซ่อนอยู่ใต้ตำหนักโลหิตมาโดยตลอด!”
เขามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเผ่าผี แล้วเขาจะอยู่ที่นี่ทำไมกัน?
“ข้ารอเจ้าอยู่”
จ้าวผามองซือหยูและพยักหน้าเขาชอบในสิ่งที่ได้เห็น
แต่สีหน้าเขาแปลกไปเล็กน้อยราวกับว่าปิดบังบางอย่างเอาไว้
“รอข้ารึ?”
ซือหยูคิดไม่ถึง
จ้าวผาบั่นภูตินำกล่องหยกล้ำค่าออกมาด้านในนั้นมีพลังวิเศษของผนึกสีทองสิบผนึก
“โอ้!มันสมบูรณ์แบบมาก!”
บุรุษเมฆาม่วงและเจิ่งฉิงหลงมองมันด้วยความตกใจ ร้อยปีก่อนมังกรที่บาดเจ็บหนักได้ตกลงมายังแผ่นดินจิวโจว ผู้แข็งแกร่งในจิวโจวมาเพื่อต่อสู้กับมัน ผลสุดท้ายคืออสูรเนรมิตรตายไปหลายสิบคน สนามรบนั้นเสียหายอย่างรุนแรง
ต่อมามังกรตัวนั้นได้บาดเจ็บหนักและล้มตายไป ซากศพของมันถูกแบ่งกันระหว่างคนที่แข็งแกร่งในทวีป
หลังจากร้อยปีซากมังกรส่วนใหญ่ถูกใช้ในการปรุงยาหรือตีอาวุธไปแล้ว ดังนั้นซากมังกรจึงเหลืออยู่น้อยมาก
ส่วนที่ล้ำค่าที่สุดของมันคือสายใยและมันก็หายจากท้องตลาดไปนานแล้ว มันมิอาจประเมินค่าได้เลย
ว่ากันว่าในครั้งนั้นมีสายใยมังกรร้อยสายถูกดึงออกมาจากมังกรมีมากกว่าครึ่งที่ไม่สมบูรณ์ มีไม่ถึงยี่สิบชิ้นที่ถือเป็นสายใยมังกรที่สมบูรณ์
สายใยมังกรที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดของมังกรนั้นมีแก่นโลหิตมังกรอยู่มากในร้อยปีที่ผ่านมา มันปรากฏในตลาดเพียงราวห้าครั้ง และทุกครั้งก็จะนำไปสู่การแก่งแย่งกันของราชาเขต
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าจ้าวผาบั่นภูตินั้นเก็บมันไว้ในครอบครองถึงสิบชิ้น!
ซือหยูเบิกตากว้างเมื่อมองสายโลหิตสีทองบนผิวกายราวกับว่าสายใยมังกรในร่างกายเขาสัมผัสสายใยอื่นได้
นั่นแสดงให้เห็นว่าสายใยเหล่านี้มีที่มาจากแหล่งเดียวกันจากมังกรตัวเดียวกัน
“นี่คือสายใยมังกรที่เจ้าสั่งให้หาในเมืองเทียนหยาสิบชิ้น ลองตรวจดู”
บุรุษเมฆาม่วงสูดหายใจเข้าลึกอย่างไม่เชื่อสายตาสายใยมังกรสิบชิ้น ทั้งหมดเพื่อซือหยูรึ? บุรุษเมฆาม่วงจ้องซือหยูด้วยความตกตะลึง มูลค่าของสายใยมังกรสิบชิ้นนั้นมิอาจตีค่าได้ด้วยแก้วพลัง มันประเมินค่ามิได้เลย!
สายใยมังกรสิบชิ้นนี้มากเกินกว่าจะเป็นของขวัญสำหรับซือหยู!ซือหยูได้รับเกียรติจากจ้าวผาบั่นภูติขนาดที่จะได้มันเป็นของขวัญเลยหรือ?
“จ้าวผาท่านมีน้ำใจเกินไปแล้ว แต่ข้ารับมันไว้ไม่ได้หรอก”
ซือหยูพูดเบาๆ เขาไม่ได้ขยับตัวเพื่อรับมันเอาไว้
แก้วหลายสิบล้านดวงที่เขาให้กับชายหน้ากากเงินจะมีค่าเท่ากับสายใยมังกรสิบชิ้นได้อย่างไร?มันเป็นมูลค่าแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น!
“เห็นแก่ความเป็นมิตรของเจ้ากับแม่สาวน้อยของข้าใยข้าจะให้เจ้าไม่ได้เล่า?”
จ้าวผาไม่คิดว่ามันแปลกแม้แต่น้อย
แม่สาวน้อยที่เขาเอ่ยถึงก็คือกงซุนหวูซื่อแม้ว่าจะไม่เคยเปิดเผยกับใคร นางก็มีความสัมพันธ์กับโรงประมูลเทียนหยา
“จ้าวผาหากมีสิ่งใดจะพูดก็โปรดพูดมาตรง ๆ ข้าต้องการสายใยมังกรจริง ๆ แต่โปรดให้ข้ารู้ว่าข้าต้องแลกกับอะไร”
ซือหยูไม่คล้อยตามความสัมพันธ์ของเขากับกงซุนหวูซื่อห่างไกลกว่าที่เขาจะได้มันเป็นของขวัญ
ถ้าหากจ้าวผาบั่นภูติมาด้วยตัวเองเขาจะต้องมีแผนอยู่ในใจแน่นอน
“ฮ่าๆๆร่ำลือกันว่าเจ้าเป็นคนฉลาด มิอาจถูกหลอก และมันก็เป็นเรื่องจริง!”
จ้าวผาชม
“ข้าเป็นพ่อค้าข้าย่อมไม่เคยขาดทุนในการค้าขาย ข้ามารอเจ้าก็เพื่อทำข้อตกลงกับเจ้า”
จ้าวผาบั่นภูติเคยขโมยลักพาตัว ฆาตกรรม และเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืดอื่น ๆ อีกมากมาย แต่โดยแท้เขาคือพ่อค้า เป็นนักธุรกิจใหญ่แห่งตลาดมืด สิ่งที่เขาพูดนับว่าถูกต้อง
“โปรดบอกข้ามา”
ซือหยูพูดอย่างใจเย็นทั้งที่ยังคงสงสัยจ้าวผาบั่นภูติ ราชาแห่งมุมมืดที่มีอำนาจอยู่ทุกมุมของจิวโจวย่อมมีสิ่งที่เขาต้องการ มิเช่นนั้นคงไม่มาเจรจากับซือหยู
จ้าวผาบั่นภูติยิ้ม
“ง่ายมากถ้าเจ้าได้ตั๋วเรือ โปรดพาตระกูลกงซุนไปกับเจ้าด้วย”
ตั๋วเรือรึ?เขาหมายความว่าอะไรกัน? ถ้าหากคำพูดนั้นมาจากปากของจ้าวผาบั่นภูติที่มีสายใยมังกรอยู่ในมือ มันจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน
“จะบอกข้าก่อนว่าตั๋วเรือคืออะไรก่อนได้หรือไม่?”
ซือหยูถาม
จ้าวผาหัวเราะอย่างใจดี
“เจ้ายังไม่ต้องรู้ตอนนี้หรอกแต่ถึงตอนนั้น ถ้าเจ้าได้ตั๋วทางเข้า เจ้าต้องพาพวกข้าไปด้วย ข้าต้องการเพียงเท่านี้ มันคงไม่สร้างปัญหากับเจ้าเลย ว่าอย่างไร?”
“ถ้าอย่างนั้นข้าหวังว่าท่านจะสัญญากับข้าอีกเรื่องหนึ่ง” ซือหยูตาเป็นประกาย
จ้าวผาพูดอย่างหม่นหมอง
“เจ้าต่อรองรวดเร็วนักเอาเถอะ อยากได้สิ่งใดก็ว่ามา ข้าจะยอมรับหากมีเหตุผล”
“ท่านไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับหรอก”
ซือหยูเปลี่ยนน้ำเสียงคำพูดของเขาพุ่งตรงไปยังหูของจ้าวผาบั่นภูติ
จ้าวผาชักสีหน้า
“เป็นเรื่องแบบนั้นรึ?”
หลังจากครุ่นคิดจ้าวผาถอนหายใจ
“ถึงจะต้องจ่ายหนักข้าก็ต้องตกลงกับเจ้าเพื่อให้การแลกเปลี่ยนนี้ลื่นไหล…ก็ได้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ เจ้าต้องระวังให้ดี”
“ขอบคุณท่านมากจ้าวผา”
“ข้าหวังว่าแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะไม่เลวร้ายนัก”
จ้าวผายิ้มอย่างกังวลและฉีกมิติจากไปเหลือแต่บุรุษเมฆาม่วงและเจิ่งฉิงหลง
บุรุษเมฆาม่วงสีหน้าขมขื่นมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ จ้าวผาบั่นภูติไม่ได้มองตาเขาเลยสักครั้ง ในสายตาของราชาแห่งมุมมืด เขาไร้ค่ากว่าหนึ่งในพันของซือหยูหรือ?
บุรุษเมฆาม่วงแสร้งทำเป็นไม่น้อยใจเขารอให้ซือหยูเก็บสายใยมังกรและกลับมาพูดคุยกันต่อ
“เจ้าบอกว่าม่อเทียนฉวนมีแผนงั้นรึ?”
“ใช่แล้ว”
ซือหยูพยักหน้ารับ
“นางคืออันดับหนึ่งถัดจากเซียนนางจะไม่รู้เรื่องเผ่าผีรึ? ข้าว่านางรู้มานานแล้วล่ะ”
บุรุษเมฆาม่วงส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้!การบุกของเผ่าผีอันตรายมาก ถ้านางรู้ล่วงหน้า นางจะปิดทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางจะได้ประโยชน์อะไรถ้าปล่อยให้พวกมันมาพักฟื้นพลังในจิวโจวเป็นร้อยปีเล่า?” “มันยังไม่ชัดอีกหรือ?”
ซือหยูมองไปยังทิศทางเขตกลาง
บุรุษเมฆาม่วงพูดออกมาทันที
“เจ้าหมายความว่าม่อเทียนฉวนจงใจปล่อยให้เผ่าผีบุกเข้ามาเพื่อทำให้ราชาเขตกลางตกเป็นเป้าของผู้คนรึ?”
เผ่าผีกำลังมุ่งหน้าไปเขตกลางจุดที่พวกมันคิดจะไปพบกับราชาเขตกลางเพื่อรวมทัพกัน
แต่การสมคบคิดกับเผ่าผีคือการเป็นศัตรูกับคนทั้งจิวโจว
ความกลัวเดียวที่ราชาเขตอื่นมีก็คือการต่อสู้กับราชาเขตกลาง
ด้วยวิธีนี้นางจะได้กำจัดหนามยอกหัวใจของดินแดนพรสวรรค์ด้วยเผ่าผีและราชาเขตอื่น
“แล้วทำไมม่อเทียนฉวนถึงคิดว่าราชาเขตอื่นจะเข้าร่วมการต่อสู้กับราชาเขตกลางและเผ่าผีเล่า?ถ้าเผ่าผีกับราชาเขตกลางร่วมมือกันกำจัดสำนักใหญ่ทั้งหมดในจิวโจวและทำให้ทุกคนในจิวโจวตาย นางจะไม่กลายเป็นคนบาปที่ถูกตราหน้าในประวัติศาสตร์จิวโจวหรือ?”
บุรุษเมฆาม่วงใบหน้าเย็นชา
ซือหยูครุ่นคิด
“ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกันข้าแค่คาดเดา นางจะแน่ใจได้อย่างไรว่าแผนนางจะสำเร็จ?”
การคำนวนผิดพลาดเพียงเล็กน้อยย่อมนำไปสู่การทำลายล้างทั้งทวีปแผนที่นางใช้นั้นเสี่ยงเกินไป
แต่สรุปสั้นๆ ม่อเทียนฉวนจะต้องมีแผนของนางเอง นางนั้นลึกลับเหนือใคร แม้แต่หลินหลาง เทพอสูรเองก็มิอาจรู้ความคิดของนางได้
แต่เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงแล้วคนตำหนักโลหิตปลอดภัยดี เผ่าผีได้แต่ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่ว่างเปล่า
“บุรุษเมฆาม่วงไร้ความหมายหากจะอยู่ที่นี่ต่อไป โปรดกลับไปที่ตำหนักเมฆาม่วงโดยเร็วที่สุด ข้าไม่รู้ว่าพวกมันจะส่งกองทัพไปที่นั่นหรือไม่…”
ซือหยูกล่าว
“อืมข้าก็คิดเหมือนเจ้า ข้าอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ลาก่อน”
บุรุษเมฆาม่วงใบหน้าเคร่งเครียดสถานการณ์กำลังย่ำแย่
ซือหยูมองเจิ่งฉิงหลง
“เจ้าก็ควรจะไปด้วยในเวลาเช่นนี้ เจิ่งเฉิงกับฉิวเอ๋อต้องการเจ้า”
เจิ่งฉิงหลงลังเลเขาจ้องซือหยู
“แล้วเจ้าล่ะ?”
ทั้งสองรู้จักกันมาไม่ถึงครึ่งวันแต่ทั้งคู่ก็ใกล้ชิดกันอย่างมิตรสหาย
“ข้ามีเรื่องอื่นต้องจัดการ”
ซือหยูมองท้องนภามีเมฆาทมิฬที่คนธรรมดามิอาจมองเห็นก่อตัวขึ้น มันคือเมฆาของวิบัติสวรรค์
“ดูแลตัวเองด้วย”
เจิ่งฉิงหลงกล่าวอย่างจริงใจเขาไม่อยากจะเห็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมจมลงสู่ความปั่นป่วนของทวีป
เขาฉีกมิติด้วยมือเดียวและเดินเข้าไป
ซือหยูยืนบนซากตำหนักโลหิตเขาเดียวดาย…อยู่เพียงลำพัง
“ยามตำหนักโลหิตรุ่งเรืองหาได้มีใครรู้จักข้า ยามตำหนักโลหิตถูกทำลาย ข้าได้โด่งดังไปทั่วโลก เวลานี้ ยามต้องผ่านวิบัติสวรรค์ ข้าได้ยืนอยู่บนซากตำหนักโลหิต ใครกันจัดแจงเรื่องนี้?”
ซือหยูถอนหายใจเบา
วิบัติทั้งหมดจะมาจากท้องนภาซือหยูต้องใช้เวลาเตรียมการครึ่งวัน
เขาเรียกน้ำพุแห่งชีวิตออกมาดื่มหนึ่งหยดค่อย ๆ ซึมซับพลังสู่ร่างกายที่พลังหดหาย ก่อนที่วิบัติจะมาถึง เขาต้องรีบฟื้นฟูพลังให้เร็วที่สุด
ต่อมาซือหยูนำอาวุธวิเศษหลายชิ้นออกมาวางไว้ด้านหน้าอย่างเป็นระเบียบ พวกมันคือสิ่งสำคัญที่เขาจะต้องใช้เพื่อต้านทานวิบัติสวรรค์ การใช้พวกมันนับว่ามากเกินพอ
หยุนหยาซือบอกซือหยูว่าวิบัติสวรรค์ของเขานั้นมิอาจอยู่รอดได้เหมือนกับของคนทั่วไป
และในเวลานี้ที่เขาได้มองมันเมื่อวิบัติสวรรค์มาถึง มันจะต้องเอาชีวิตเอาไปได้แน่นอน เขารู้สึกเช่นนั้น
ซือหยูหยิบคัมภีร์ร่างมังกรที่ได้จากฉีหมิงออกมา
ซือหยูมีสายใยมังกรในกายเขาเพียงแค่ขาดพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะบ่มเพาะการเปลี่ยนร่างเป็นมังกรได้หรือไม่
มีเพียงคนเดียวที่จะตอบคำถามนี้ได้
ซือหยูนำสายใยมังกรทั้งสิบออกมาด้วยความหวังครอบครัวรอเขามานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องทำตามคำสัญญา!
��
ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นั้นยังเลี่ยงสัมผัสของซือหยูและบุรุษเมฆาม่วงได้!
ทันใดนั้นเองชายวัยกลางคนที่สวมชุดทองครามได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา เขาดูยิ่งใหญ่ราวกับราชา
ดวงตาเปล่งประกายของเขามีความลับอันลึกล้ำซ่อนอยู่
เขายิ้มบางๆ ยืนมือไพล่หลัง
บุรุษเมฆาม่วงตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา
“จ้าวผาบั่นภูติ!ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเจ้า!”
เจิ่งฉิงหลงเองก็หวาดกลัวข่าวลือว่ากันว่าเขาคือราชาที่สิบแห่งจิวโจว ราชาในเงามืดที่มีอำนาจควบคุมตลาดมืดในจิวโจว!
แต่จ้าวผาบั่นภูติก็ยิ้มและส่ายหน้า “ข้ามาในฐานะจ้าวผาข้ารอที่นี่มาหลายวันแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเผ่าผี! แน่นอนว่าการบุกของพวกมันทำให้ข้าตกใจจริง ๆ! ที่น่าตกใจกว่าคือในร้อยปีที่ผ่านมา พวกมันซ่อนอยู่ใต้ตำหนักโลหิตมาโดยตลอด!”
เขามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเผ่าผี แล้วเขาจะอยู่ที่นี่ทำไมกัน?
“ข้ารอเจ้าอยู่”
จ้าวผามองซือหยูและพยักหน้าเขาชอบในสิ่งที่ได้เห็น
แต่สีหน้าเขาแปลกไปเล็กน้อยราวกับว่าปิดบังบางอย่างเอาไว้
“รอข้ารึ?”
ซือหยูคิดไม่ถึง
จ้าวผาบั่นภูตินำกล่องหยกล้ำค่าออกมาด้านในนั้นมีพลังวิเศษของผนึกสีทองสิบผนึก
“โอ้!มันสมบูรณ์แบบมาก!”
บุรุษเมฆาม่วงและเจิ่งฉิงหลงมองมันด้วยความตกใจ ร้อยปีก่อนมังกรที่บาดเจ็บหนักได้ตกลงมายังแผ่นดินจิวโจว ผู้แข็งแกร่งในจิวโจวมาเพื่อต่อสู้กับมัน ผลสุดท้ายคืออสูรเนรมิตรตายไปหลายสิบคน สนามรบนั้นเสียหายอย่างรุนแรง
ต่อมามังกรตัวนั้นได้บาดเจ็บหนักและล้มตายไป ซากศพของมันถูกแบ่งกันระหว่างคนที่แข็งแกร่งในทวีป
หลังจากร้อยปีซากมังกรส่วนใหญ่ถูกใช้ในการปรุงยาหรือตีอาวุธไปแล้ว ดังนั้นซากมังกรจึงเหลืออยู่น้อยมาก
ส่วนที่ล้ำค่าที่สุดของมันคือสายใยและมันก็หายจากท้องตลาดไปนานแล้ว มันมิอาจประเมินค่าได้เลย
ว่ากันว่าในครั้งนั้นมีสายใยมังกรร้อยสายถูกดึงออกมาจากมังกรมีมากกว่าครึ่งที่ไม่สมบูรณ์ มีไม่ถึงยี่สิบชิ้นที่ถือเป็นสายใยมังกรที่สมบูรณ์
สายใยมังกรที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดของมังกรนั้นมีแก่นโลหิตมังกรอยู่มากในร้อยปีที่ผ่านมา มันปรากฏในตลาดเพียงราวห้าครั้ง และทุกครั้งก็จะนำไปสู่การแก่งแย่งกันของราชาเขต
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าจ้าวผาบั่นภูตินั้นเก็บมันไว้ในครอบครองถึงสิบชิ้น!
ซือหยูเบิกตากว้างเมื่อมองสายโลหิตสีทองบนผิวกายราวกับว่าสายใยมังกรในร่างกายเขาสัมผัสสายใยอื่นได้
นั่นแสดงให้เห็นว่าสายใยเหล่านี้มีที่มาจากแหล่งเดียวกันจากมังกรตัวเดียวกัน
“นี่คือสายใยมังกรที่เจ้าสั่งให้หาในเมืองเทียนหยาสิบชิ้น ลองตรวจดู”
บุรุษเมฆาม่วงสูดหายใจเข้าลึกอย่างไม่เชื่อสายตาสายใยมังกรสิบชิ้น ทั้งหมดเพื่อซือหยูรึ? บุรุษเมฆาม่วงจ้องซือหยูด้วยความตกตะลึง มูลค่าของสายใยมังกรสิบชิ้นนั้นมิอาจตีค่าได้ด้วยแก้วพลัง มันประเมินค่ามิได้เลย!
สายใยมังกรสิบชิ้นนี้มากเกินกว่าจะเป็นของขวัญสำหรับซือหยู!ซือหยูได้รับเกียรติจากจ้าวผาบั่นภูติขนาดที่จะได้มันเป็นของขวัญเลยหรือ?
“จ้าวผาท่านมีน้ำใจเกินไปแล้ว แต่ข้ารับมันไว้ไม่ได้หรอก”
ซือหยูพูดเบาๆ เขาไม่ได้ขยับตัวเพื่อรับมันเอาไว้
แก้วหลายสิบล้านดวงที่เขาให้กับชายหน้ากากเงินจะมีค่าเท่ากับสายใยมังกรสิบชิ้นได้อย่างไร?มันเป็นมูลค่าแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น!
“เห็นแก่ความเป็นมิตรของเจ้ากับแม่สาวน้อยของข้าใยข้าจะให้เจ้าไม่ได้เล่า?”
จ้าวผาไม่คิดว่ามันแปลกแม้แต่น้อย
แม่สาวน้อยที่เขาเอ่ยถึงก็คือกงซุนหวูซื่อแม้ว่าจะไม่เคยเปิดเผยกับใคร นางก็มีความสัมพันธ์กับโรงประมูลเทียนหยา
“จ้าวผาหากมีสิ่งใดจะพูดก็โปรดพูดมาตรง ๆ ข้าต้องการสายใยมังกรจริง ๆ แต่โปรดให้ข้ารู้ว่าข้าต้องแลกกับอะไร”
ซือหยูไม่คล้อยตามความสัมพันธ์ของเขากับกงซุนหวูซื่อห่างไกลกว่าที่เขาจะได้มันเป็นของขวัญ
ถ้าหากจ้าวผาบั่นภูติมาด้วยตัวเองเขาจะต้องมีแผนอยู่ในใจแน่นอน
“ฮ่าๆๆร่ำลือกันว่าเจ้าเป็นคนฉลาด มิอาจถูกหลอก และมันก็เป็นเรื่องจริง!”
จ้าวผาชม
“ข้าเป็นพ่อค้าข้าย่อมไม่เคยขาดทุนในการค้าขาย ข้ามารอเจ้าก็เพื่อทำข้อตกลงกับเจ้า”
จ้าวผาบั่นภูติเคยขโมยลักพาตัว ฆาตกรรม และเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืดอื่น ๆ อีกมากมาย แต่โดยแท้เขาคือพ่อค้า เป็นนักธุรกิจใหญ่แห่งตลาดมืด สิ่งที่เขาพูดนับว่าถูกต้อง
“โปรดบอกข้ามา”
ซือหยูพูดอย่างใจเย็นทั้งที่ยังคงสงสัยจ้าวผาบั่นภูติ ราชาแห่งมุมมืดที่มีอำนาจอยู่ทุกมุมของจิวโจวย่อมมีสิ่งที่เขาต้องการ มิเช่นนั้นคงไม่มาเจรจากับซือหยู
จ้าวผาบั่นภูติยิ้ม
“ง่ายมากถ้าเจ้าได้ตั๋วเรือ โปรดพาตระกูลกงซุนไปกับเจ้าด้วย”
ตั๋วเรือรึ?เขาหมายความว่าอะไรกัน? ถ้าหากคำพูดนั้นมาจากปากของจ้าวผาบั่นภูติที่มีสายใยมังกรอยู่ในมือ มันจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน
“จะบอกข้าก่อนว่าตั๋วเรือคืออะไรก่อนได้หรือไม่?”
ซือหยูถาม
จ้าวผาหัวเราะอย่างใจดี
“เจ้ายังไม่ต้องรู้ตอนนี้หรอกแต่ถึงตอนนั้น ถ้าเจ้าได้ตั๋วทางเข้า เจ้าต้องพาพวกข้าไปด้วย ข้าต้องการเพียงเท่านี้ มันคงไม่สร้างปัญหากับเจ้าเลย ว่าอย่างไร?”
“ถ้าอย่างนั้นข้าหวังว่าท่านจะสัญญากับข้าอีกเรื่องหนึ่ง” ซือหยูตาเป็นประกาย
จ้าวผาพูดอย่างหม่นหมอง
“เจ้าต่อรองรวดเร็วนักเอาเถอะ อยากได้สิ่งใดก็ว่ามา ข้าจะยอมรับหากมีเหตุผล”
“ท่านไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับหรอก”
ซือหยูเปลี่ยนน้ำเสียงคำพูดของเขาพุ่งตรงไปยังหูของจ้าวผาบั่นภูติ
จ้าวผาชักสีหน้า
“เป็นเรื่องแบบนั้นรึ?”
หลังจากครุ่นคิดจ้าวผาถอนหายใจ
“ถึงจะต้องจ่ายหนักข้าก็ต้องตกลงกับเจ้าเพื่อให้การแลกเปลี่ยนนี้ลื่นไหล…ก็ได้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ เจ้าต้องระวังให้ดี”
“ขอบคุณท่านมากจ้าวผา”
“ข้าหวังว่าแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะไม่เลวร้ายนัก”
จ้าวผายิ้มอย่างกังวลและฉีกมิติจากไปเหลือแต่บุรุษเมฆาม่วงและเจิ่งฉิงหลง
บุรุษเมฆาม่วงสีหน้าขมขื่นมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ จ้าวผาบั่นภูติไม่ได้มองตาเขาเลยสักครั้ง ในสายตาของราชาแห่งมุมมืด เขาไร้ค่ากว่าหนึ่งในพันของซือหยูหรือ?
บุรุษเมฆาม่วงแสร้งทำเป็นไม่น้อยใจเขารอให้ซือหยูเก็บสายใยมังกรและกลับมาพูดคุยกันต่อ
“เจ้าบอกว่าม่อเทียนฉวนมีแผนงั้นรึ?”
“ใช่แล้ว”
ซือหยูพยักหน้ารับ
“นางคืออันดับหนึ่งถัดจากเซียนนางจะไม่รู้เรื่องเผ่าผีรึ? ข้าว่านางรู้มานานแล้วล่ะ”
บุรุษเมฆาม่วงส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้!การบุกของเผ่าผีอันตรายมาก ถ้านางรู้ล่วงหน้า นางจะปิดทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางจะได้ประโยชน์อะไรถ้าปล่อยให้พวกมันมาพักฟื้นพลังในจิวโจวเป็นร้อยปีเล่า?” “มันยังไม่ชัดอีกหรือ?”
ซือหยูมองไปยังทิศทางเขตกลาง
บุรุษเมฆาม่วงพูดออกมาทันที
“เจ้าหมายความว่าม่อเทียนฉวนจงใจปล่อยให้เผ่าผีบุกเข้ามาเพื่อทำให้ราชาเขตกลางตกเป็นเป้าของผู้คนรึ?”
เผ่าผีกำลังมุ่งหน้าไปเขตกลางจุดที่พวกมันคิดจะไปพบกับราชาเขตกลางเพื่อรวมทัพกัน
แต่การสมคบคิดกับเผ่าผีคือการเป็นศัตรูกับคนทั้งจิวโจว
ความกลัวเดียวที่ราชาเขตอื่นมีก็คือการต่อสู้กับราชาเขตกลาง
ด้วยวิธีนี้นางจะได้กำจัดหนามยอกหัวใจของดินแดนพรสวรรค์ด้วยเผ่าผีและราชาเขตอื่น
“แล้วทำไมม่อเทียนฉวนถึงคิดว่าราชาเขตอื่นจะเข้าร่วมการต่อสู้กับราชาเขตกลางและเผ่าผีเล่า?ถ้าเผ่าผีกับราชาเขตกลางร่วมมือกันกำจัดสำนักใหญ่ทั้งหมดในจิวโจวและทำให้ทุกคนในจิวโจวตาย นางจะไม่กลายเป็นคนบาปที่ถูกตราหน้าในประวัติศาสตร์จิวโจวหรือ?”
บุรุษเมฆาม่วงใบหน้าเย็นชา
ซือหยูครุ่นคิด
“ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกันข้าแค่คาดเดา นางจะแน่ใจได้อย่างไรว่าแผนนางจะสำเร็จ?”
การคำนวนผิดพลาดเพียงเล็กน้อยย่อมนำไปสู่การทำลายล้างทั้งทวีปแผนที่นางใช้นั้นเสี่ยงเกินไป
แต่สรุปสั้นๆ ม่อเทียนฉวนจะต้องมีแผนของนางเอง นางนั้นลึกลับเหนือใคร แม้แต่หลินหลาง เทพอสูรเองก็มิอาจรู้ความคิดของนางได้
แต่เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงแล้วคนตำหนักโลหิตปลอดภัยดี เผ่าผีได้แต่ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่ว่างเปล่า
“บุรุษเมฆาม่วงไร้ความหมายหากจะอยู่ที่นี่ต่อไป โปรดกลับไปที่ตำหนักเมฆาม่วงโดยเร็วที่สุด ข้าไม่รู้ว่าพวกมันจะส่งกองทัพไปที่นั่นหรือไม่…”
ซือหยูกล่าว
“อืมข้าก็คิดเหมือนเจ้า ข้าอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ลาก่อน”
บุรุษเมฆาม่วงใบหน้าเคร่งเครียดสถานการณ์กำลังย่ำแย่
ซือหยูมองเจิ่งฉิงหลง
“เจ้าก็ควรจะไปด้วยในเวลาเช่นนี้ เจิ่งเฉิงกับฉิวเอ๋อต้องการเจ้า”
เจิ่งฉิงหลงลังเลเขาจ้องซือหยู
“แล้วเจ้าล่ะ?”
ทั้งสองรู้จักกันมาไม่ถึงครึ่งวันแต่ทั้งคู่ก็ใกล้ชิดกันอย่างมิตรสหาย
“ข้ามีเรื่องอื่นต้องจัดการ”
ซือหยูมองท้องนภามีเมฆาทมิฬที่คนธรรมดามิอาจมองเห็นก่อตัวขึ้น มันคือเมฆาของวิบัติสวรรค์
“ดูแลตัวเองด้วย”
เจิ่งฉิงหลงกล่าวอย่างจริงใจเขาไม่อยากจะเห็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมจมลงสู่ความปั่นป่วนของทวีป
เขาฉีกมิติด้วยมือเดียวและเดินเข้าไป
ซือหยูยืนบนซากตำหนักโลหิตเขาเดียวดาย…อยู่เพียงลำพัง
“ยามตำหนักโลหิตรุ่งเรืองหาได้มีใครรู้จักข้า ยามตำหนักโลหิตถูกทำลาย ข้าได้โด่งดังไปทั่วโลก เวลานี้ ยามต้องผ่านวิบัติสวรรค์ ข้าได้ยืนอยู่บนซากตำหนักโลหิต ใครกันจัดแจงเรื่องนี้?”
ซือหยูถอนหายใจเบา
วิบัติทั้งหมดจะมาจากท้องนภาซือหยูต้องใช้เวลาเตรียมการครึ่งวัน
เขาเรียกน้ำพุแห่งชีวิตออกมาดื่มหนึ่งหยดค่อย ๆ ซึมซับพลังสู่ร่างกายที่พลังหดหาย ก่อนที่วิบัติจะมาถึง เขาต้องรีบฟื้นฟูพลังให้เร็วที่สุด
ต่อมาซือหยูนำอาวุธวิเศษหลายชิ้นออกมาวางไว้ด้านหน้าอย่างเป็นระเบียบ พวกมันคือสิ่งสำคัญที่เขาจะต้องใช้เพื่อต้านทานวิบัติสวรรค์ การใช้พวกมันนับว่ามากเกินพอ
หยุนหยาซือบอกซือหยูว่าวิบัติสวรรค์ของเขานั้นมิอาจอยู่รอดได้เหมือนกับของคนทั่วไป
และในเวลานี้ที่เขาได้มองมันเมื่อวิบัติสวรรค์มาถึง มันจะต้องเอาชีวิตเอาไปได้แน่นอน เขารู้สึกเช่นนั้น
ซือหยูหยิบคัมภีร์ร่างมังกรที่ได้จากฉีหมิงออกมา
ซือหยูมีสายใยมังกรในกายเขาเพียงแค่ขาดพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะบ่มเพาะการเปลี่ยนร่างเป็นมังกรได้หรือไม่
มีเพียงคนเดียวที่จะตอบคำถามนี้ได้
ซือหยูนำสายใยมังกรทั้งสิบออกมาด้วยความหวังครอบครัวรอเขามานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องทำตามคำสัญญา!
��