The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1100 - โลหิตแห่งเทพมังกร
“หลาง-ลี่-เออ-หลาง-อา-ลี่-เออ-แดงน้องสาวข้ายิ้มเหมือนดอกไม้บานสะพรั่ง…”
ปั่ก!
ในมิติวิญญาณชิ้นกระดูกหล่นลงมาสู่พื้น
“อ๊ะกระดูก!”
เทพปีศาจที่นอนอยู่บนพื้นตาเป็นประกายสุนัขกระโจนเข้าหากระดูกและคาบไว้ในปาก
แต่ตอนที่กำลังจะได้ดีใจมันก็คิดขึ้นได้
“บัดซบใครกัน? ใครกันดูหมิ่นข้า ข้าคือเทพที่ทำลายทั้งชั้นสวรรค์?”
เทพปีศาจสีโลหิตกระทืบเท้าเห่าท้องนภา
ปั่ก!
กระดูกอีกชิ้นหล่นลงมาเส้นเลือดที่หน้าผากเทพปีศาจปูดโปน “ไอ้เวรซือหยูเจ้าทำกับเทพปีศาจอย่างข้าเหมือนสุนัขงั้นเรอะ?”
ต่อมากระดูกอีกชิ้นหล่นลงอีก
“ก็ได้ข้าเป็นหมา”
เทพปีศาจคาบกระดูกทั้งสามชิ้นไว้ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเป็นสุข
มันเลียกระดูกและร้องครางด้วยความพอใจ
“อ่าาา!กระดูกพวกนี้จะอร่อยแค่ไหนกัน! ข้าไม่ได้พอใจเช่นนี้มาหลายแสนปีแล้ว ข้าคิดถึงเหลือเกิน…”
ฟึ่บ!
ซือหยูเข้าสู่มิติวิญญาณเขาถามอย่างไม่แยแส
“เจ้าคิดถึงความรู้สึกที่ได้เป็นหมาขนาดนั้นเชียวรึ?”
“เจ้าจะไปรู้อะไร?นี่มันสัญชาตญาณ สัญชาตญาณ เข้าใจไหม? ตอนที่ข้ายังเป็นหมาป่า กระดูกคืออาหารมื้อศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่ข้าใฝ่ฝันถึง มันผ่านมาหลายปีแล้ว ข้ายังลืมวันเหล่านั้นไม่ได้เลย”
เทพปีศาจกล่าว
“เจ้าควรจะรู้สึกโชคดีที่ตอนนั้นเจ้าไม่กลายเป็นอาหารไปเสียก่อน”
ซือหยูพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เทพปีศาจถอนหายใจแรงมันจ้องมองซือหยู
“เอาเถอะเจ้ารวบรวมสายใยมังกรมามากพอแล้วใช่หรือไม่? เจ้ามีเท่าไหร่?”
เทพปีศาจจะไม่รู้หรือว่าซือหยูมาทำไม?
“ไม่มากแค่สิบเท่านั้น ข้าไม่แน่ใจว่ามันมากพอที่จะสร้างกายาเก้ามังกรหรือไม่”
หากมันจำสัญญาได้ซือหยูก็คุยกับมันง่าย
เทพปีศาจทึ่ง
“ข้าก็แค่พูดหลอกให้เจ้าเอาวิญญาณจ้าวเทวะมาให้ข้ากินแต่เจ้ากับหามันได้จริง ๆ รึ?” มันรู้จักทวีปจิวโจวดีที่นี่ทรัพยากรขาดแคลน มันไม่น่าจะมีสายใยมังกรอยู่เลย
“ชีวิตสุขสบายทำให้เจ้าเป็นแบบนี้หรือ?”
ซือหยูแววตาเยือกเย็น
“เฮ้เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ได้หลอกเจ้า ถ้าเจ้าหาสายใยมังกรได้ แน่นอนว่าการมีกายามังกรก็ไม่ใช่ปัญหา”
เทพปีศาจรีบอธิบาย
ไม่ใช่ว่าเทพปีศาจกลัวถูกซือหยูทรมานแต่มันไม่อยากจะทำลายความเชื่อใจที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากไปทั้งอย่างนั้น ในอนาคต ถ้าหากมันจะขออะไรจากซือหยูอีกครั้ง มันจะยิ่งกว่าคำว่ายาก
ซือหยูถาม
“ข้ามีเวลาครึ่งวันมากพอหรือไม่?”
“ครึ่งวัน…เร็วทีเดียวเอ๋ ข้าได้กลิ่นอายวิบัติสวรรค์ ฟุ่ด…นี่มันสามสิบเก้าวิบัติที่หาได้ยาก! ถ้าเป็นแบบนี้ เจ้าจะหนีจากวิบัติไม่ได้อีกแล้ว ข้าแทบจะไม่เคยได้ยินใครที่ผ่านสามสิบเก้าวิบัติไปได้เลย”
เทพปีศาจตกใจเมื่อดมกลิ่นวิบัติได้แม้จะมีมิติวิญญาณเป็นม่านพลังกั้นขวางมันยังสามารถบอกชื่อของวิบัติได้อีกด้วย
“ฮ่าๆๆๆแต่มันมาถูกเวลาแล้ว! ข้าคิดอยู่ตลอดว่าเจ้าควรจะถูกสายฟ้าฟาดสักครั้ง มันคือบาปกรรมที่จองจำจักรพรรดิล้างบางสวรรค์อย่างข้ายังไงล่ะ! เจ้ากลัวหรือไม่?”
เทพปีศาจปรบอุ้งเท้าหัวเราะใส่ฟากฟ้า
ซือหยูเถียงกลับ
“โอ้?ถ้าข้าตาย เจ้าก็จะติดอยู่ในมิติวิญญาณไปตลอดกาล! ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของเจ้ารึ?”
มิติวิญญาณนั้นอยู่กับหม้อเก้ามังกรมิติวิญญาณมิอาจเปิดได้ด้วยตัวเองถ้าหากซือหยูตาย
เทพปีศาจหยุดหัวเราะทันทีใบหน้ามันตึงเครียดอีกครั้ง มันวิ่งไปหาซือหยูและตะโกน “เจ้าหนูถ้าเจ้ายังมีสามัญสำนึกอยู่บ้าง เจ้าต้องไม่ลืมปล่อยข้าก่อนที่เจ้าจะเป็นผุยผงสิ!”
“ไม่ต้องห่วงก่อนข้าตาย ข้าจะไม่ลืมเอาเจ้าไปกับข้าด้วย!”
ซือหยูลูบหัวมันด้วยรอยยิ้ม
“โฮ่งโฮ่ง! เจ้า…เจ้ามันคนน่ารังเกียจ เจ้าถึงกับอยากให้ข้าตาย…”
เทพปีศาจมองซือหยูอย่างมุ่งร้าย
ซือหยูตอบกลับมันด้วยลูกเตะ
“แล้วทำไมเจ้ายังไม่ช่วยข้าสร้างกายาเก้ามังกรอีก?”
เทพปีศาจกลิ้งหลุนๆ กับพื้นหลายรอบก่อนจะตะกุยร่างขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันพูด
“เจ้ามั่นใจว่าเจ้าจะผ่านสามสิบเก้าวิบัติไปได้สินะก็ดี ข้าจะช่วยเจ้าสร้างกายาเก้ามังกร”
ที่มันคิดด้วยความช่วยเหลือจากปรมาจารย์หยุนหยาซือ ไม่ว่าสามสิบเก้าวิบัติจะอันตรายเพียงใด มันก็ไม่น่าจะฆ่าซือหยูได้
“แต่ครึ่งวันมันรีบร้อนเกินไปมันต้องใช้เวลาอย่างน้อยเก้าวัน”
เก้าวันรึ?ซือหยูขมวดคิ้วแน่น วิบัติโชคชะตากำลังจะมาถึงแล้ว! เขาจะรออีกเก้าวันได้ยังไง?
“วิบัติแรกจากสามสิบเก้าวิบัติวิบัติโชคชะตาน่าจะไม่มีปัญหากับคนพิสดารอย่างเจ้า”
เทพปีศาจมองซือหยูหัวจรดเท้าเพื่อประเมิน
“แล้วก็ถ้ามีพลังวิบัติช่วยเจ้าสายใยมังกรทั้งสิบจะหลอมรวมกันได้ดีขึ้น พลังอสูรที่ยังหลงเหลืออยู่จะถูกขจัดออกไป มันจะบริสุทธิ์ยิ่งกว่า ทำให้เจ้าได้พลังที่มากกว่า”
ซือหยูเริ่มเข้าใจแล้ว
“สิ่งที่เรียกว่าวิบัติสวรรค์นั้นเป็นสิ่งเดียวกับการหล่อหลอมผู้ที่รับวิบัติให้แข็งแกร่งขึ้นใช้ร่างต้นของเจ้าให้มากที่สุด เลี่ยงการใช้สมบัติให้ได้มากที่สุด นั่นจะทำให้เจ้าได้รับประโยชน์สูงสุด!”
ซือหยูพยักหน้า
“ข้าเข้าใจแล้วแล้วเราจะทำยังไงกับสายใยมังกรพวกนี้?”
เทพปีศาจรับสายใยมังกรด้วยอุ้งเท้าและตรวจดูทีละชิ้นอย่างละเอียด
“ข้าขอดูก่อน…”
“สายใยมังกรคือชิ้นที่มีแก่นแท้ของมังกรกักเก็บอยู่อาจมีเสี้ยววิญญาณมังกรซ่อนอยู่ก็ได้ ถ้ามันหลอมรวมกับร่างกายเจ้าโดยไม่รู้ตัว นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่เชียวล่ะ”
ซือหยูสาปแช่งตัวเองที่ประมาทเมื่อฟังเทพปีศาจเขาลืมเรื่องนี้ไปเลย
อย่างไรก็ตามเทพปีศาจคือเทพที่มีชีวิตผ่านยุคสมัยนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงย่อมมีประสบการณ์อันลึกล้ำ
สายใยแรกไม่เป็นไร
สายใยที่สองไม่เป็นอะไรเช่นกัน สายใยที่สาม…
เทพปีศาจเยือกเย็นอยู่จนถึงสายใยที่เก้ามันพยักหน้าช้า ๆ
“เจ้ามังกรนี่คงจะตายสิ้นซากเสี้ยววิญญาณทั้งหมดแตกดับไปสิ้น ไม่เหลืออยู่เลย…เอ๋ ช้าก่อน!”
เทพปีศาจมองสายใยสุดท้ายสายใยที่สุดนั้นทำให้ดวงตามันเปล่งประกาย
“นี่มัน…”
มันลูบผิวสายใยที่สิบด้วยอุ้งเท้าหยดโลหิตสีทองไหลออกมาทันที มันมีสีเดียวกับสายใยมังกรไม่ผิดเพี้ยน แม้แต่กลิ่นอายก็เหมือนกัน
โลหิตทองคำนี้มิอาจสัมผัสได้ด้วยสัมผัสธรรมดา
“เจ้าหนูเจ้าไปเอาสายใยมังกรนี่มาจากไหน? เจ้าของสายใยมังกรน่าจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมทีเดียว”
เทพปีศาจกล่าวด้วยความทึ่ง ซือหยูตอบ
“ข้าได้เป็นของขวัญมาจากเซียนผู้หนึ่งมันมีปัญหาอะไร? มันผิดปกติรึ?”
“สายใยมังกรน่ะไม่มีปัญหาแต่มังกรน่ะมีปัญหา มีหยดโลหิตเทพมังกรอยู่ด้วย! โอ้พระเจ้า มังกรตัวนี้กำลังอยู่ในขั้นของการเป็นเทพ!”
“ดูจากความบริสุทธิ์ของหยดเลือดเทพเจ้ามังกรนี่ก้าวขั้นสำคัญที่สุดในการเป็นเทพได้แล้ว หากฝึกฝนสักหน่อย เลือดมังกรทั้งหมดในกายจะกลายเป็นเลือดเทพมังกร และมันจะกลายเป็นเทพ!”
“แต่เจ้าดูสิมันถูกฆ่าตายในยามอ่อนแอที่สร้างโลหิตเทพหยดแรกออกมาสำเร็จ มันตายด้วยความแค้น”
ซือหยูไม่ค่อยเข้าใจนัก
“เทพมังกรล้ำค่าขนาดนั้นเชียวหรือ?”
คำว่าเทพมังกรฟังดูไม่เหมือนคำอื่นเมื่อเทพปีศาจกล่าวถึงเขารู้ว่าเทพปีศาจนั้นอวดดีอยู่เสมอ หากมันกล่าวชมสิ่งใด สิ่งนั้นจะต้องเหนือกว่า
“เหลวไหล!เทพมังกรเป็นตัวตนเหนือเทพทั้งมวล เมื่อได้เป็นเทพ มันจะได้ครองใต้หล้า เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ”
“พวกมังกรทำทุกสิ่งที่ขัดต่อฟ้าดินได้เทพเผ่าทั่วไปได้แต่หันหนีเมื่อได้เจอเทพมังกร เจ้ายังไม่คิดว่าพวกมังกรยอดเยี่ยมอีกหรือ?”
เทพปีศาจกลอกตา
ซือหยูถามอย่างประหลาด
“ถ้าเทียบกับเจ้าล่ะ?”
“เทียบกับข้า…”
เทพปีศาจเริ่มตอบแต่ดูเหมือนว่ามันจะรู้ตัวก่อน มันรีบพูดกลบเกลื่อน
“มันก็เกือบจะเหมือนกับข้านั่นแหละข้าคือจักรพรรดิที่กลืนกินทั้งสวรรค์ เทพทั้งหมดตกอยู่ในท้องข้า! แน่นอน ข้าน่ะสุดยอด”
“เอาล่ะเลิกพูดเรื่องไม่สำคัญได้แล้ว เจ้าหนู โชคชะตาของเจ้ายิ่งใหญ่จนเกือบขัดต่อสวรรค์! หยดโลหิตเทพมังกรนี้เป็นคุณกับเจ้าเหลือคณาในกายามังกรเทพปีศาจของเจ้า!”
“ส่วนเรื่องการบ่มเพาะมันจะเป็นประโยชน์อีกมากด้วย”
เทพปีศาจไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่ามันคือของดี
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเลือดเทพของข้าปะปนกับเทพอื่นไม่ได้ข้าคงจะไม่มีทางให้มันกับเจ้า”
ซือหยูจ้องโลหิตสีทองและคิด
“ข้าจะหลอมรวมมันยังไง?”
“หลอมรวมรึ?เจ้าน่ะรึ? ถ้าเจ้าไม่กลัวตาย เจ้าก็กินมันเข้าไปเลย”
“อย่าประมาทหยดโลหิตเทพนอกจากจะมีร่างกายเทพสมบูรณ์ ไม่มีใครทานทนหยดโลหิตไ…”
ในขณะนั้นเองมิติวิญญาณสั่นสะเทือน!
เทพปีศาจกลอกตามอง “อะไรของเจ้าเจ้าโมโหกับเรื่องแค่นี้ รังแกข้าสิ เจ้าจะไม่…”
“หุบปาก!”
ซือหยูตะโกนอย่างเย็นชาเขาจ้องมิติวิญญาณด้วยแววตาประหลาด
“ไม่ใช่ฝีมือเจ้ารึ?”
เทพปีศาจเห็นใบหน้าประหลาดของซือหยูและสัมผัสได้ถึงอันตราย
จู่ๆ ก็เกิดเสียงมังกรคำรามดังลั่นสามเสียงก้องมิติวิญญาณ
ลำแสงสามสายที่มีสีม่วงแดง และขาวเข้าปกคลุมเทพปีศาจ
ซือหยูคุ้นเคยกับกลิ่นอายของลำแสงทั้งสาม
เวลามิติ และวิญญาณ!
ทั้งร่างกายและดวงวิญญาณของเทพปีศาจติดอยู่ในห้วงมิติและเวลาที่หยุดนิ่ง!
ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดรอยบิดเบือนที่เหนือมิติวิญญาณหม้อใบใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อเข้ามาถึงด้วยแรงระเบิด
มังกรเก้าตัวบินแหวกนภาสลักอยู่บนหม้อพวกมันดูเหมือนจริงจนราวกับมีชีวิตและพร้อมจะบินออกมาในทุกเมื่อ
“เป็นเจ้าจริงด้วยหม้อเก้ามังกร”
ซือหยูตกตะลึง
มิติวิญญาณถูกสร้างโดยหม้อเก้ามังกรนอกจากซือหยูก็มีเพียงหม้อเก้ามังกรที่เข้ามายังมิติแห่งนี้ได้
แม้จะครอบครองหม้อเก้ามังกรมาอย่างยาวนานมันก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาเองและอยู่ที่กลางดวงวิญญาณของซือหยูมาโดยตลอด การมาของมันคือครั้งแรก!
หม้อเก้ามังกรถลาลงมาหยุดหน้าซือหยู
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรูปแบบตั้งต้นองมัน
เขามองดูรังสีพลังอันยิ่งใหญ่ของหม้อเก้ามังกรใกล้ๆ เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ชัดเจนยิ่งกว่า พลังโบราณจากดินแดนเก่าแก่ทำให้เขาใจสั่น
เมื่อเขามองดูหม้อเก้ามังกรอย่างตั้งใจซือหยูก็ได้พบว่าด้านในหม้อนั้นแห้งเหือด
ในอดีตหยดสีแดงได้หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายจากหม้อสู่ร่างกายของซือหยู แต่ในเวลานี้มันแห้งเหือดและไม่เหลือสิ่งใดในหม้ออีก
ไม่นานมังกรม่วง แดง และขาวก็บินออกมาจากหม้อเก้ามังกร มันแปลงกายเป็นรูปปั้นของมังกรร่างจริง!
เมื่อมันบินเหนือศีรษะของซือหยูเขาได้แต่ตัวสั่น กลิ่นอายนี้…มันคือเทพ!
หรือว่ามังกรทั้งเก้าจะเป็นมังกรของจริงมิใช่ภาพสลัก?
มังกรเทพทั้งสามล้อมรอบเทพปีศาจและนำโลหิตเทพมังกรออกมาจากอุ้งมือของมันจากนั้นมันก็กลับไปยังหม้อเก้ามังกร กลายเป็นภาพสลักอีกครั้ง หยดโลหิตทองคำได้หยดลงสู่หม้อ
จากนั้นจึงได้เกิดเหตุการณ์อันน่าตกใจภายในหม้อที่แห้งเหือด ชั้นของเหลวสีแดงได้เอ่อขึ้นมา
แต่เทียบกับอดีตหยดสีแดงนี้เข้มขึ้นทั้งยังมีประกายสีทอง พลังที่มีอยู่เหนือกว่าของเหลวสีแดงในอดีต
โลหิตเทพที่เข้าสู่หม้อได้กลายเป็นของเหลวสีแดง
สมองของซือหยูทำงานอย่างหนักเขาเกิดความคิดหนึ่งเมื่อได้เห็นภาพนี้กับตา
หรือว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาหม้อเก้ามังกรได้หลอมรวมเขาเข้ากับ…โลหิตเทพ?
ปั่ก!
ในมิติวิญญาณชิ้นกระดูกหล่นลงมาสู่พื้น
“อ๊ะกระดูก!”
เทพปีศาจที่นอนอยู่บนพื้นตาเป็นประกายสุนัขกระโจนเข้าหากระดูกและคาบไว้ในปาก
แต่ตอนที่กำลังจะได้ดีใจมันก็คิดขึ้นได้
“บัดซบใครกัน? ใครกันดูหมิ่นข้า ข้าคือเทพที่ทำลายทั้งชั้นสวรรค์?”
เทพปีศาจสีโลหิตกระทืบเท้าเห่าท้องนภา
ปั่ก!
กระดูกอีกชิ้นหล่นลงมาเส้นเลือดที่หน้าผากเทพปีศาจปูดโปน “ไอ้เวรซือหยูเจ้าทำกับเทพปีศาจอย่างข้าเหมือนสุนัขงั้นเรอะ?”
ต่อมากระดูกอีกชิ้นหล่นลงอีก
“ก็ได้ข้าเป็นหมา”
เทพปีศาจคาบกระดูกทั้งสามชิ้นไว้ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเป็นสุข
มันเลียกระดูกและร้องครางด้วยความพอใจ
“อ่าาา!กระดูกพวกนี้จะอร่อยแค่ไหนกัน! ข้าไม่ได้พอใจเช่นนี้มาหลายแสนปีแล้ว ข้าคิดถึงเหลือเกิน…”
ฟึ่บ!
ซือหยูเข้าสู่มิติวิญญาณเขาถามอย่างไม่แยแส
“เจ้าคิดถึงความรู้สึกที่ได้เป็นหมาขนาดนั้นเชียวรึ?”
“เจ้าจะไปรู้อะไร?นี่มันสัญชาตญาณ สัญชาตญาณ เข้าใจไหม? ตอนที่ข้ายังเป็นหมาป่า กระดูกคืออาหารมื้อศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่ข้าใฝ่ฝันถึง มันผ่านมาหลายปีแล้ว ข้ายังลืมวันเหล่านั้นไม่ได้เลย”
เทพปีศาจกล่าว
“เจ้าควรจะรู้สึกโชคดีที่ตอนนั้นเจ้าไม่กลายเป็นอาหารไปเสียก่อน”
ซือหยูพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เทพปีศาจถอนหายใจแรงมันจ้องมองซือหยู
“เอาเถอะเจ้ารวบรวมสายใยมังกรมามากพอแล้วใช่หรือไม่? เจ้ามีเท่าไหร่?”
เทพปีศาจจะไม่รู้หรือว่าซือหยูมาทำไม?
“ไม่มากแค่สิบเท่านั้น ข้าไม่แน่ใจว่ามันมากพอที่จะสร้างกายาเก้ามังกรหรือไม่”
หากมันจำสัญญาได้ซือหยูก็คุยกับมันง่าย
เทพปีศาจทึ่ง
“ข้าก็แค่พูดหลอกให้เจ้าเอาวิญญาณจ้าวเทวะมาให้ข้ากินแต่เจ้ากับหามันได้จริง ๆ รึ?” มันรู้จักทวีปจิวโจวดีที่นี่ทรัพยากรขาดแคลน มันไม่น่าจะมีสายใยมังกรอยู่เลย
“ชีวิตสุขสบายทำให้เจ้าเป็นแบบนี้หรือ?”
ซือหยูแววตาเยือกเย็น
“เฮ้เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ได้หลอกเจ้า ถ้าเจ้าหาสายใยมังกรได้ แน่นอนว่าการมีกายามังกรก็ไม่ใช่ปัญหา”
เทพปีศาจรีบอธิบาย
ไม่ใช่ว่าเทพปีศาจกลัวถูกซือหยูทรมานแต่มันไม่อยากจะทำลายความเชื่อใจที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากไปทั้งอย่างนั้น ในอนาคต ถ้าหากมันจะขออะไรจากซือหยูอีกครั้ง มันจะยิ่งกว่าคำว่ายาก
ซือหยูถาม
“ข้ามีเวลาครึ่งวันมากพอหรือไม่?”
“ครึ่งวัน…เร็วทีเดียวเอ๋ ข้าได้กลิ่นอายวิบัติสวรรค์ ฟุ่ด…นี่มันสามสิบเก้าวิบัติที่หาได้ยาก! ถ้าเป็นแบบนี้ เจ้าจะหนีจากวิบัติไม่ได้อีกแล้ว ข้าแทบจะไม่เคยได้ยินใครที่ผ่านสามสิบเก้าวิบัติไปได้เลย”
เทพปีศาจตกใจเมื่อดมกลิ่นวิบัติได้แม้จะมีมิติวิญญาณเป็นม่านพลังกั้นขวางมันยังสามารถบอกชื่อของวิบัติได้อีกด้วย
“ฮ่าๆๆๆแต่มันมาถูกเวลาแล้ว! ข้าคิดอยู่ตลอดว่าเจ้าควรจะถูกสายฟ้าฟาดสักครั้ง มันคือบาปกรรมที่จองจำจักรพรรดิล้างบางสวรรค์อย่างข้ายังไงล่ะ! เจ้ากลัวหรือไม่?”
เทพปีศาจปรบอุ้งเท้าหัวเราะใส่ฟากฟ้า
ซือหยูเถียงกลับ
“โอ้?ถ้าข้าตาย เจ้าก็จะติดอยู่ในมิติวิญญาณไปตลอดกาล! ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของเจ้ารึ?”
มิติวิญญาณนั้นอยู่กับหม้อเก้ามังกรมิติวิญญาณมิอาจเปิดได้ด้วยตัวเองถ้าหากซือหยูตาย
เทพปีศาจหยุดหัวเราะทันทีใบหน้ามันตึงเครียดอีกครั้ง มันวิ่งไปหาซือหยูและตะโกน “เจ้าหนูถ้าเจ้ายังมีสามัญสำนึกอยู่บ้าง เจ้าต้องไม่ลืมปล่อยข้าก่อนที่เจ้าจะเป็นผุยผงสิ!”
“ไม่ต้องห่วงก่อนข้าตาย ข้าจะไม่ลืมเอาเจ้าไปกับข้าด้วย!”
ซือหยูลูบหัวมันด้วยรอยยิ้ม
“โฮ่งโฮ่ง! เจ้า…เจ้ามันคนน่ารังเกียจ เจ้าถึงกับอยากให้ข้าตาย…”
เทพปีศาจมองซือหยูอย่างมุ่งร้าย
ซือหยูตอบกลับมันด้วยลูกเตะ
“แล้วทำไมเจ้ายังไม่ช่วยข้าสร้างกายาเก้ามังกรอีก?”
เทพปีศาจกลิ้งหลุนๆ กับพื้นหลายรอบก่อนจะตะกุยร่างขึ้นมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันพูด
“เจ้ามั่นใจว่าเจ้าจะผ่านสามสิบเก้าวิบัติไปได้สินะก็ดี ข้าจะช่วยเจ้าสร้างกายาเก้ามังกร”
ที่มันคิดด้วยความช่วยเหลือจากปรมาจารย์หยุนหยาซือ ไม่ว่าสามสิบเก้าวิบัติจะอันตรายเพียงใด มันก็ไม่น่าจะฆ่าซือหยูได้
“แต่ครึ่งวันมันรีบร้อนเกินไปมันต้องใช้เวลาอย่างน้อยเก้าวัน”
เก้าวันรึ?ซือหยูขมวดคิ้วแน่น วิบัติโชคชะตากำลังจะมาถึงแล้ว! เขาจะรออีกเก้าวันได้ยังไง?
“วิบัติแรกจากสามสิบเก้าวิบัติวิบัติโชคชะตาน่าจะไม่มีปัญหากับคนพิสดารอย่างเจ้า”
เทพปีศาจมองซือหยูหัวจรดเท้าเพื่อประเมิน
“แล้วก็ถ้ามีพลังวิบัติช่วยเจ้าสายใยมังกรทั้งสิบจะหลอมรวมกันได้ดีขึ้น พลังอสูรที่ยังหลงเหลืออยู่จะถูกขจัดออกไป มันจะบริสุทธิ์ยิ่งกว่า ทำให้เจ้าได้พลังที่มากกว่า”
ซือหยูเริ่มเข้าใจแล้ว
“สิ่งที่เรียกว่าวิบัติสวรรค์นั้นเป็นสิ่งเดียวกับการหล่อหลอมผู้ที่รับวิบัติให้แข็งแกร่งขึ้นใช้ร่างต้นของเจ้าให้มากที่สุด เลี่ยงการใช้สมบัติให้ได้มากที่สุด นั่นจะทำให้เจ้าได้รับประโยชน์สูงสุด!”
ซือหยูพยักหน้า
“ข้าเข้าใจแล้วแล้วเราจะทำยังไงกับสายใยมังกรพวกนี้?”
เทพปีศาจรับสายใยมังกรด้วยอุ้งเท้าและตรวจดูทีละชิ้นอย่างละเอียด
“ข้าขอดูก่อน…”
“สายใยมังกรคือชิ้นที่มีแก่นแท้ของมังกรกักเก็บอยู่อาจมีเสี้ยววิญญาณมังกรซ่อนอยู่ก็ได้ ถ้ามันหลอมรวมกับร่างกายเจ้าโดยไม่รู้ตัว นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่เชียวล่ะ”
ซือหยูสาปแช่งตัวเองที่ประมาทเมื่อฟังเทพปีศาจเขาลืมเรื่องนี้ไปเลย
อย่างไรก็ตามเทพปีศาจคือเทพที่มีชีวิตผ่านยุคสมัยนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงย่อมมีประสบการณ์อันลึกล้ำ
สายใยแรกไม่เป็นไร
สายใยที่สองไม่เป็นอะไรเช่นกัน สายใยที่สาม…
เทพปีศาจเยือกเย็นอยู่จนถึงสายใยที่เก้ามันพยักหน้าช้า ๆ
“เจ้ามังกรนี่คงจะตายสิ้นซากเสี้ยววิญญาณทั้งหมดแตกดับไปสิ้น ไม่เหลืออยู่เลย…เอ๋ ช้าก่อน!”
เทพปีศาจมองสายใยสุดท้ายสายใยที่สุดนั้นทำให้ดวงตามันเปล่งประกาย
“นี่มัน…”
มันลูบผิวสายใยที่สิบด้วยอุ้งเท้าหยดโลหิตสีทองไหลออกมาทันที มันมีสีเดียวกับสายใยมังกรไม่ผิดเพี้ยน แม้แต่กลิ่นอายก็เหมือนกัน
โลหิตทองคำนี้มิอาจสัมผัสได้ด้วยสัมผัสธรรมดา
“เจ้าหนูเจ้าไปเอาสายใยมังกรนี่มาจากไหน? เจ้าของสายใยมังกรน่าจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมทีเดียว”
เทพปีศาจกล่าวด้วยความทึ่ง ซือหยูตอบ
“ข้าได้เป็นของขวัญมาจากเซียนผู้หนึ่งมันมีปัญหาอะไร? มันผิดปกติรึ?”
“สายใยมังกรน่ะไม่มีปัญหาแต่มังกรน่ะมีปัญหา มีหยดโลหิตเทพมังกรอยู่ด้วย! โอ้พระเจ้า มังกรตัวนี้กำลังอยู่ในขั้นของการเป็นเทพ!”
“ดูจากความบริสุทธิ์ของหยดเลือดเทพเจ้ามังกรนี่ก้าวขั้นสำคัญที่สุดในการเป็นเทพได้แล้ว หากฝึกฝนสักหน่อย เลือดมังกรทั้งหมดในกายจะกลายเป็นเลือดเทพมังกร และมันจะกลายเป็นเทพ!”
“แต่เจ้าดูสิมันถูกฆ่าตายในยามอ่อนแอที่สร้างโลหิตเทพหยดแรกออกมาสำเร็จ มันตายด้วยความแค้น”
ซือหยูไม่ค่อยเข้าใจนัก
“เทพมังกรล้ำค่าขนาดนั้นเชียวหรือ?”
คำว่าเทพมังกรฟังดูไม่เหมือนคำอื่นเมื่อเทพปีศาจกล่าวถึงเขารู้ว่าเทพปีศาจนั้นอวดดีอยู่เสมอ หากมันกล่าวชมสิ่งใด สิ่งนั้นจะต้องเหนือกว่า
“เหลวไหล!เทพมังกรเป็นตัวตนเหนือเทพทั้งมวล เมื่อได้เป็นเทพ มันจะได้ครองใต้หล้า เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ”
“พวกมังกรทำทุกสิ่งที่ขัดต่อฟ้าดินได้เทพเผ่าทั่วไปได้แต่หันหนีเมื่อได้เจอเทพมังกร เจ้ายังไม่คิดว่าพวกมังกรยอดเยี่ยมอีกหรือ?”
เทพปีศาจกลอกตา
ซือหยูถามอย่างประหลาด
“ถ้าเทียบกับเจ้าล่ะ?”
“เทียบกับข้า…”
เทพปีศาจเริ่มตอบแต่ดูเหมือนว่ามันจะรู้ตัวก่อน มันรีบพูดกลบเกลื่อน
“มันก็เกือบจะเหมือนกับข้านั่นแหละข้าคือจักรพรรดิที่กลืนกินทั้งสวรรค์ เทพทั้งหมดตกอยู่ในท้องข้า! แน่นอน ข้าน่ะสุดยอด”
“เอาล่ะเลิกพูดเรื่องไม่สำคัญได้แล้ว เจ้าหนู โชคชะตาของเจ้ายิ่งใหญ่จนเกือบขัดต่อสวรรค์! หยดโลหิตเทพมังกรนี้เป็นคุณกับเจ้าเหลือคณาในกายามังกรเทพปีศาจของเจ้า!”
“ส่วนเรื่องการบ่มเพาะมันจะเป็นประโยชน์อีกมากด้วย”
เทพปีศาจไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่ามันคือของดี
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเลือดเทพของข้าปะปนกับเทพอื่นไม่ได้ข้าคงจะไม่มีทางให้มันกับเจ้า”
ซือหยูจ้องโลหิตสีทองและคิด
“ข้าจะหลอมรวมมันยังไง?”
“หลอมรวมรึ?เจ้าน่ะรึ? ถ้าเจ้าไม่กลัวตาย เจ้าก็กินมันเข้าไปเลย”
“อย่าประมาทหยดโลหิตเทพนอกจากจะมีร่างกายเทพสมบูรณ์ ไม่มีใครทานทนหยดโลหิตไ…”
ในขณะนั้นเองมิติวิญญาณสั่นสะเทือน!
เทพปีศาจกลอกตามอง “อะไรของเจ้าเจ้าโมโหกับเรื่องแค่นี้ รังแกข้าสิ เจ้าจะไม่…”
“หุบปาก!”
ซือหยูตะโกนอย่างเย็นชาเขาจ้องมิติวิญญาณด้วยแววตาประหลาด
“ไม่ใช่ฝีมือเจ้ารึ?”
เทพปีศาจเห็นใบหน้าประหลาดของซือหยูและสัมผัสได้ถึงอันตราย
จู่ๆ ก็เกิดเสียงมังกรคำรามดังลั่นสามเสียงก้องมิติวิญญาณ
ลำแสงสามสายที่มีสีม่วงแดง และขาวเข้าปกคลุมเทพปีศาจ
ซือหยูคุ้นเคยกับกลิ่นอายของลำแสงทั้งสาม
เวลามิติ และวิญญาณ!
ทั้งร่างกายและดวงวิญญาณของเทพปีศาจติดอยู่ในห้วงมิติและเวลาที่หยุดนิ่ง!
ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดรอยบิดเบือนที่เหนือมิติวิญญาณหม้อใบใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อเข้ามาถึงด้วยแรงระเบิด
มังกรเก้าตัวบินแหวกนภาสลักอยู่บนหม้อพวกมันดูเหมือนจริงจนราวกับมีชีวิตและพร้อมจะบินออกมาในทุกเมื่อ
“เป็นเจ้าจริงด้วยหม้อเก้ามังกร”
ซือหยูตกตะลึง
มิติวิญญาณถูกสร้างโดยหม้อเก้ามังกรนอกจากซือหยูก็มีเพียงหม้อเก้ามังกรที่เข้ามายังมิติแห่งนี้ได้
แม้จะครอบครองหม้อเก้ามังกรมาอย่างยาวนานมันก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาเองและอยู่ที่กลางดวงวิญญาณของซือหยูมาโดยตลอด การมาของมันคือครั้งแรก!
หม้อเก้ามังกรถลาลงมาหยุดหน้าซือหยู
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรูปแบบตั้งต้นองมัน
เขามองดูรังสีพลังอันยิ่งใหญ่ของหม้อเก้ามังกรใกล้ๆ เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ชัดเจนยิ่งกว่า พลังโบราณจากดินแดนเก่าแก่ทำให้เขาใจสั่น
เมื่อเขามองดูหม้อเก้ามังกรอย่างตั้งใจซือหยูก็ได้พบว่าด้านในหม้อนั้นแห้งเหือด
ในอดีตหยดสีแดงได้หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายจากหม้อสู่ร่างกายของซือหยู แต่ในเวลานี้มันแห้งเหือดและไม่เหลือสิ่งใดในหม้ออีก
ไม่นานมังกรม่วง แดง และขาวก็บินออกมาจากหม้อเก้ามังกร มันแปลงกายเป็นรูปปั้นของมังกรร่างจริง!
เมื่อมันบินเหนือศีรษะของซือหยูเขาได้แต่ตัวสั่น กลิ่นอายนี้…มันคือเทพ!
หรือว่ามังกรทั้งเก้าจะเป็นมังกรของจริงมิใช่ภาพสลัก?
มังกรเทพทั้งสามล้อมรอบเทพปีศาจและนำโลหิตเทพมังกรออกมาจากอุ้งมือของมันจากนั้นมันก็กลับไปยังหม้อเก้ามังกร กลายเป็นภาพสลักอีกครั้ง หยดโลหิตทองคำได้หยดลงสู่หม้อ
จากนั้นจึงได้เกิดเหตุการณ์อันน่าตกใจภายในหม้อที่แห้งเหือด ชั้นของเหลวสีแดงได้เอ่อขึ้นมา
แต่เทียบกับอดีตหยดสีแดงนี้เข้มขึ้นทั้งยังมีประกายสีทอง พลังที่มีอยู่เหนือกว่าของเหลวสีแดงในอดีต
โลหิตเทพที่เข้าสู่หม้อได้กลายเป็นของเหลวสีแดง
สมองของซือหยูทำงานอย่างหนักเขาเกิดความคิดหนึ่งเมื่อได้เห็นภาพนี้กับตา
หรือว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาหม้อเก้ามังกรได้หลอมรวมเขาเข้ากับ…โลหิตเทพ?