The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1101 - กลับมามีชีวิต
ปั้ง…ปั้ง…
หม้อเก้ามังกรได้รับพลังกลับคืนมาและเริ่มสั่นอย่างรุนแรงของเหลวที่มีสีทองปะปนเอ่อออกมาจำนวนมาก มันไหลเข้าไปสู่มังกรหยกตัวที่สี่บนผิวหม้อ
ในเสี้ยววินาทีมังกรยาวสามในสิบส่วนได้เปล่งประกายที่หม้อ
ซือหยูแทบจะฝืนดีใจไม่อยู่!
ตั้งแต่ที่ได้มังกรขาวตัวที่สามที่เป็นตัวแทนแห่งดวงวิญญาณเขาก็ไม่ได้เห็นมังกรตัวใหม่มาเป็นเวลานานมาก
ในเวลานี้หลังจากที่หม้อได้เลือดเทพหยดเดียว มังกรตัวที่สี่ก็เกิดขึ้นมา!!
มือซ้ายของซือหยูเปล่งแสงสีหยกมือเขาเหมือนกับสลักมาด้วยหยกล้ำค่าจากสวรรค์
ที่กลางฝ่ามือมีมังกรสีมรกตให้เห็นอยู่ลางๆ มันเป็นภาพที่เหมือนจริง มันได้กลายเป็นรอยพิมพ์บนมือเขา
ข้อความอันไม่คุ้นเคยได้ปรากฏในสมอง
“มังกรแห่งชีวิต…”
ซือหยูออกเสียงเบาๆ ใต้ลมหายใจ
มังกรสีมรกตตัวนี้เป็นตัวแทนแห่งชีวิต
มันไม่ได้หมายถึงการรักษาหรือฟื้นพลังอย่างน้ำพุแห่งชีวิต…แต่มันหมายถึงชีวิตแบบตรงตัว!
มันมีพลังที่นำคนให้กลับมามีชีวิต…พลังชุบชีวิต!!
ตราบเท่าที่สิ่งนั้นยังมีเสี้ยววิญญาณเหลืออยู่บนโลกเมื่อใช้พลังของเขา เขาจะนำคนตายกลับมาได้!
มันแตกต่างจากการกลับมามีชีวิตด้วยพลังย้อนเวลาเพราะมันจะต้องใช้อายุขัยของซือหยูเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อให้เขาย้อนอดีตกลับมาได้
แต่สิ่งนี้สามารถนำวิญญาณคนตายให้กลับมามีชีวิตได้! แต่ยิ่งสิ่งที่เขาต้องการชุบชีวิตแข็งแกร่งเพียงใดมันก็ยิ่งท้าทายในการชุบชีวิตกลับมา ในตอนนี้ ซือหยูมิอาจทำอะไรกับคนที่มีพลังเหนือกว่าเซียนได้
ถึงอย่างนั้นมันก็มากพอที่ทำให้เขาแทบคลั่งไปแล้ว
หลังจากเวลาก็เป็นพลังมิติหลังจากพลังมิติก็เป็นพลังวิญญาณ
และหลังจากวิญญาณก็เป็นพลังชุบชีวิต!
แต่ละพลังนั้นน่าตกตะลึงและลึกซึ้งเหนือกว่าพลังก่อนหน้าอย่างมาก
ซือหยูใจสั่นหม้อเก้ามังกรมีอำนาจเพียงใดกัน?
ด้วยมังกรมรกตที่ก่อตัวขึ้นซือหยูจะมีพลังขัดต่อธรรมชาติอีกหนึ่งพลัง เมื่อเขาก่อร่างมังกรได้ทั้งตัว เขาจะมีพลังเพียงใดกัน?
ในขณะเดียวกันของเหลวที่ไหลผ่านมังกรหยกได้ไหลลงมาจากหม้อสู่ร่างกายของซือหยู ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นปลาบเข้ามาจนมิติวิญญาณของเขาเกือบแตกสลาย
ร่างกายของเขาราวกับอยู่ในกองเพลิงความแสบร้อนและพลังวิญญาณกำลังเผาไหม้ร่างกายจากภายใน
มันคือโลหิตมังกร!
โลหิตเทพมังกรหยดเดียวถูกหม้อเก้ามังกรเจือจางไปร้อยเท่าแต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายของซือหยู มันก็เกือบจะเกินจุดที่ร่างกายเขารับไหว
เขารู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเขากำลังจะแตกสลายจากภายในสู่ภายนอก
ยิ่งอันตรายเท่าใดพลังก็ยิ่งไม่มีที่ไปมากเท่านั้น พลังมหาศาลได้หลั่งไหลเข้าสู่จุดกำเนิดพลังของเขา
ในเวลานี้พื้นที่ภายในจุดกำเนิดพลังภายในและภายนอกของซือหยูได้ใหญ่โตเกินกว่าภูติระดับเก้าทั่วไปถึงสิบเท่า ความกว้างใหญ่นั้นเหลือคณานับ แต่เมื่อพลังเพียงแค่พลังเสี้ยวเดียวจากเลือดมังกรเข้าสู่จุดกำเนิดพลังจุดกำเนิดพลังภายนอกของเขาก็เต็มจนล้น!
ไม่นานหลังจากนั้นจุดกำเนิดพลังภายในของเขาก็เต็มอีกด้วย!
ยังมีพลังเหลืออยู่อีกสี่ในสิบเหลืออยู่และมันก็เข้าไปรวมตัวที่จุดกำเนิดพลังของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
ซือหยูสาปแช่งในใจและพยายามที่จะหยุดการไหลของพลังและนำทางให้มันออกสู่ภายนอกร่างกายแต่มันสายไปแล้ว!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดจุดกำเนิดพลังทั้งภายในและภายนอกของเขา!
เมื่อเกิดระเบิดจุดกำเนิดพลังได้ขยายขนาดใหญ่กว่าเดิมเป็นสองเท่า!
แต่ก็ยังเหลือพลังอยู่อีกเป็นจำนวนมาก!
ต่อมาจุดกำเนิดพลังใหม่ที่ขยายแล้วของเขาก็ได้ระเบิดอีกและขยายเป็นสองเท่าของขนาดเดิม ในเวลานี้ยังเหลือพลังอีกหนึ่งในสี่ และมันก็พุ่งเข้าสู่จุดกำเนิดพลังของเขา
จุดกำเนิดพลังของเขาเกิดระเบิดเป็นครั้งที่สาม!
หลังจากขยายขนาดครั้งนี้เขาได้มีปริมาณพลังที่มิอาจจินตนาการได้!
มันใหญ่กว่าเดิมแปดเท่าก่อนที่จะเกิดการขยาย!!
ซือหยูเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปริมาณพลังกระบี่สีเงินที่เขาต้องใช้นั้นมีเพียงแค่หนึ่งในแปดของปริมาณพลังที่เขาเก็บได้
ถ้าหากเทียบกับภูติระดับเก้าทั่วไปในเวลานี้จุดกำเนิดพลังของซือหยูจะใหญ่กว่าพวกเขาแปดสิบเท่า!
หรือพูดอีกอย่างก็คือต้องใช้พลังของภูติระดับเก้าแปดสิบคนจึงจะมีปริมาณพลังชีวิตเท่ากับซือหยู
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจุดกำเนิดพลังของเขาหลังจากระเบิดสามครั้งทำให้ผนังของจุดกำเนิดพลังภายนอกและภายในผสานกันเป็นหนึ่ง
นี่เป็นสิ่งที่ซือหยูไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซือหยูเพียงคิดว่าเขาต้องสร้างจุดกำเนิดพลังขึ้นใหม่เมื่อจุดกำเนิดพลังเดิมแตกสลาย นี่เป็นเหตุผลที่เขามีจุดกำเนิดพลังสองแห่งคือภายในและภายนอก
เขาไม่คิดเลยว่าการระเบิดอย่างรุนแรงและต่อเนื่องจะทำให้ผนังของจุดกำเนิดพลังทั้งสองกลายเป็นหนึ่งเดียว
แต่มันก็อาจจะเป็นปัญหาได้
นั่นก็เพราะระหว่างการเป็นจ้าวเทวะจุดกำเนิดพลังของเขาจะต้องแปรเปลี่ยนเป็นแก้วกำเนิด แต่การที่จุดกำเนิดพลังทั้งสองได้กลายเป็นหนึ่ง มันจะเกิดความแปลกประหลาดในระหว่างการเปลี่ยนแปลง มันอาจจะทำให้เขามีปัญหาใหญ่ก็ได้
“อยากรู้นักว่าจะจุดกำเนิดพลังใหญ่โตเช่นนี้จะเป็นแก้วกำเนิดแบบไหน” ซือหยูตื่นเต้นกับอนาคตข้างหน้า
ระหว่างการทะลวงเป็นจ้าวเทวะยิ่งจุดกำเนิดพลังแข็งแกร่งเท่าใด แก้วกำเนิดก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเมื่อเป็นจ้าวเทวะสำเร็จ
พลังหนึ่งในสามจากโลหิตเทพทำให้ซือหยูมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ไม่เพียงแต่เขาจะได้มีหัตถ์เทพแห่งชีวิตแต่จุดกำเนิดพลังของเขายังขยายขึ้นอย่างใหญ่โต กักเก็บพลังได้มหาศาล
เทพปีศาจพูดถูกโลหิตเทพมังกรนั้นให้ประโยชน์กับเขาไม่สิ้นสุด
นอกเหนือจากนั้นซือหยูยังได้รับข้อมูลใหม่จากโลหิตเทพหยดนี้ เขาได้รู้ว่าในการก่อร่างมังกรต่อไป วิธีการเดียวที่เขาทำได้ก็คือหาโลหิตเทพ ยิ่งแข็งแกร่งเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น!
หลังจากได้รับโลหิตเทพหม้อเก้ามังกรได้หมุนวนและออกจากมิติวิญญาณกลับสู่ดวงวิญญาณของซือหยู มันดูแกร่งและมั่นคงกว่าเดิม
“โฮ่งโฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”
ในที่สุดเทพปีศาจก็เป็นอิสระมันเห่าโดยไม่รู้ตัว
มันติดอยู่ในห้วงมิติเวลาดังนั้นมันจึงไม่รู้การมีอยู่ของหม้อเก้ามังกรเลย
แต่ในฐานะที่เคยเป็นเทพปีศาจมันย่อมรับรู้ถึงเรื่องแปลกปลอม
“เกิดอะไรขึ้น?จู่ ๆ ก็มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น เดี๋ยวสิ เลือดเทพมังกรไปไหน?! ใครเอามันไป?”
เทพปีศาจโวยวาย
จากนั้นมันจ้องซือหยูอย่างดุร้าย
“ฝีมือเจ้ารึ?เจ้าเอามันไปรึ? เจ้าทำอะไรกับข้า?”
ซือหยูสุขุมเยือกเย็น
“มีเรื่องเกิดขึ้นในมิติวิญญาณเมื่อครู่ข้าเลยเก็บโลหิตเทพมังกรเอาไว้” “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้”
“เจ้าโกหก”
“ข้าไม่เคยโกหก”
“แต่เจ้ากำลังโกหกอยู่นี่”
“เจ้าตรวจสอบสายใยมังกรแล้วเราจะทำอะไรกันต่อ?”
ซือหยูถาม
เทพปีศาจจ้องซือหยูอย่างไม่พอใจมันพูด
“ไม่ยาก!ให้ข้าออกไป ข้าจะควบคุมร่างกายเจ้าสักหน่อย”
ซือหยูง้างเท้า
“อย่าเพิ่งเตะข้านะ!เจ้าแค่ปล่อยจิตสำนึกข้าเพียงเล็กน้อย ร่างจริงข้ายังถูกจองจำอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าเสี้ยวจิตสำนึกข้าจะทำอะไรเจ้าได้กัน?”
แววตาเยือกเย็นของซือหยูลดความแข็งกร้าวลงไปบ้าง
เขาจะไม่ปล่อยเทพปีศาจนอกจากไม่มีทางเลือก
“เอาล่ะเจ้าเก็บสายใยมังกรเอาไว้ก่อน ถ้าการปลูกถ่ายสำเร็จในเก้าวัน เจ้าจะได้รางวัลตามที่เจ้าขอ”
ซือหยูกล่าว
เทพปีศาจยิ้มและถาม
“เจ้าจะให้วิญญาณเซียนกับข้าเป็นการชดเชยใช่ไหม?”
มันเพียงแค่พูดแหย่แต่ซือหยูตอบอย่างไม่แยแส
“ทำไมจะไม่เล่า?”
เทพปีศาจผงะมองซือหยูมันพูดด้วยความรู้สึกซับซ้อน
“ใครจะไปคิดเล่าว่าเด็กน้อยจากกระโจมเทพสวรรค์จะได้มายืนต่อหน้าข้าแล้วพูดจาอย่างนี้?ไม่รู้เลยว่าอนาคตจะสิ้นสุดที่ใด” “ยังมีเรื่องที่เจ้าคิดไม่ถึงกำลังมาอีก”
ซือหยูไม่สะทกสะท้านเขาออกจากมิติวิญญาณโดยไม่หันหลังกลับ
หลังจากกลับสู่กายหยาบซือหยูสัมผัสได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงทันที การได้หลอมรวมกับโลหิตเทพมังกรที่เจือจางทำให้ใต้ผิวของเขามีสีทองจาง ๆ อยู่เล็กน้อย พลังที่ไม่ใช่พลังมนุษย์และพลังอสูรแฝงอยู่ในตัวเขา
เขากำมือหนึ่งครั้งลำแสงสีทองแล่นผ่านมือ รอยแยกมิติหลายรอยเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย
“นี่มัน…”
ซือหยูตกใจมากถึงร่างกายเขาจะแข็งแรงขึ้น มันก็ยังห่างไกลจากการกระชากมิติด้วยการกำมือ มันคือพลังเหนือมนุษย์ที่หล่อหลอมอยู่กับกระแสเลือดของเขา
“หรือว่าจะเป็นพลังมังกร?”
ซือหยูนิ่งราวกับท่อนไม้เมื่อร่างกายได้หลอมรวมเข้ากับโลหิตเทพมังกร เขาได้รับพลังของมังกรมาครอง
ถ้าเขาเพียงแค่ใช้พลังมังกรนี้โดยปราศจากกายาเก้ามังกรก็จะไม่มีจ้าวเทวะคนใดที่มีร่างกายเหนือกว่าเขาแล้ว!
เพราะว่าจ้าวเทะวที่สามารถฉีกมิติได้ด้วยมือเดียวนั้นมีอยู่เพียงหยิบมือ
ซือหยูราวกับได้เป็นคนใหม่
ขณะเดียวกันใบหน้าที่เคยหนุ่มแน่นได้เติบใหญ่ขึ้นจากโลหิตมังกร ทำให้เขาดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
รูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
“ว้าวจ้าวผาให้ของขวัญอันยิ่งใหญ่กับข้าจริง ๆ”
ซือหยูพูดแต่เขาเกรงว่าแม้แต่จ้าวผาเองก็ไม่พบการมีอยู่ของโลหิตเทพมังกร
มิเช่นนั้นเขาจะมอบสมบัติล้ำค่าขนาดนี้กับซือหยูหรือ?
โลหิตเทพมังกรหยดเดียวนั้นย่อมมีค่ามากกว่าสายใยมังกรเป็นร้อยเท่า ซือหยูมองท้องนภาบนฟ้านั้นมีชั้นเมฆาดำสนิทที่คนอื่นมองไม่เห็น มันกำลังก่อตัวเป็นวายุช้า ๆ โดยมีเขาอยู่ตรงกลาง
พลังของมันยิ่งใหญ่ขึ้นทุกที
ซือหยูเรียกหยดน้ำผึ้งสีอำพันออกมา
“ข้าเก็บน้ำผึ้งร้อยบุพผาหยดสุดท้ายไว้เพื่อการนี้”
ซือหยูยังเรียกประตูชีวาล่องและคุกเทวะห้าธาตุออกมาด้วย!
สำหรับประตูชีวาล่องซือหยูคิดจะฝึกฝนวิชาเก้ามังกรอสูรและทะลวงขั้นสุดท้ายของวิชาด้วยปัญญาที่จะเพิ่มขึ้นจากน้ำผึ้งร้อยบุพผา
ส่วนคุกเทวะห้าธาตุเขาเข้าใจอักษรอสูรเก้าสิบเก้าตัวแล้ว เขาต้องการอีกตัวเดียวที่จะใช้พลังหนึ่งในสิบของมันได้!
วิบัติสวรรค์กำลังจะเข้ามาในอีกไม่นานเขาจะไม่ยอมทิ้งทุกโอกาสที่จะทำให้ตัวเขาเพิ่มพลังขึ้น แสงสีม่วงเปล่งประกายผ่านตาซ้ายซือหยูเข้าสู่สภาวะเร่งเวลาและกลืนน้ำผึ้งร้อยบุพผาอันล้ำค่าเข้าไป เขาเข้าสู่การฝึกฝนทันที
…
ในโรงน้ำชาเมืองเทียนเหยาสตรีที่งดงามจนน่าตะลึงสองคนกำลังแอบพูดคุยกันและดื่มชาไปด้วย
“โชคดีที่ศิษย์น้องสามช่วยข้าหนีทันมิเช่นนั้นข้าคงแย่แน่”
ฮั่นเสวียนใบหน้าไร้เดียงสานางลูบหัวหหญิงสาวตรงหน้านางด้วยความรัก
นางเป็นเด็กสาวที่น่ารักน่าทะนุถนอมราวกับอสูรจิ้งจอกในพงไพร
ไม่ว่าสตรีหน้าไหนก็ต้องหลงรักนางบ้างอาจถึงกับดูแลนางดั่งสัตว์เลี้ยงแสนรัก
น่าเสียดายที่นางเงียบและเก็บตัวราวกับเสียบางอย่างไปมีบรรยากาศอันเงียบงันจากนางจนทำให้นางดูเยือกเย็น
“เป็นเกียรติของข้า” เด็กสาวพยักหน้าและคีบอาหารขึ้นด้วยตะเกียบด้วยสีหน้าเย็นชา
ฮั่นเสวียนทำแบบเดียวกันแต่ในใบหน้ายิ้มแย้ม นางถูกราชาเขตกลางส่งมาที่ดินแดนมีดสวรรค์เพื่อเข้าร่วมสงครามระหว่างดินแดนพรสวรรค์
ในระหว่างทางนางได้พบกับศิษย์น้องสามที่รีบมาพบนาง นางบอกว่าดินแดนมีดสวรรค์กำลังเจอปัญหาและไม่เหมาะที่จะเดินทางไปไกลกว่านั้น
เมื่อนางถามถึงเรื่องดินแดนมีดสวรรค์ฮั่นเสวียนก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ได้สมคบคิดกับเผ่าผี!
อีกทั้งยังมีข่าวว่าทัพใหญ่ของเผ่าผีกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงแห่งเขตกลางด้วยกำลังเต็มพิกัดอีกทั้งยังต้องผ่านดินแดนมีดสวรรค์ไป
ถ้าหากดินแดนมีดสวรรค์หนีไม่ทันเวลาและได้เจอกับทัพผีผลที่ตามมาคงจะร้ายแรงเป็นแน่ “ข้าอยากจะถามอยู่พอดีเจ้าออกมาจากวังหลวงเขตกลางได้ยังไงรึ?”
ฮั่นเสวียนถามด้วยความสงสัย
หม้อเก้ามังกรได้รับพลังกลับคืนมาและเริ่มสั่นอย่างรุนแรงของเหลวที่มีสีทองปะปนเอ่อออกมาจำนวนมาก มันไหลเข้าไปสู่มังกรหยกตัวที่สี่บนผิวหม้อ
ในเสี้ยววินาทีมังกรยาวสามในสิบส่วนได้เปล่งประกายที่หม้อ
ซือหยูแทบจะฝืนดีใจไม่อยู่!
ตั้งแต่ที่ได้มังกรขาวตัวที่สามที่เป็นตัวแทนแห่งดวงวิญญาณเขาก็ไม่ได้เห็นมังกรตัวใหม่มาเป็นเวลานานมาก
ในเวลานี้หลังจากที่หม้อได้เลือดเทพหยดเดียว มังกรตัวที่สี่ก็เกิดขึ้นมา!!
มือซ้ายของซือหยูเปล่งแสงสีหยกมือเขาเหมือนกับสลักมาด้วยหยกล้ำค่าจากสวรรค์
ที่กลางฝ่ามือมีมังกรสีมรกตให้เห็นอยู่ลางๆ มันเป็นภาพที่เหมือนจริง มันได้กลายเป็นรอยพิมพ์บนมือเขา
ข้อความอันไม่คุ้นเคยได้ปรากฏในสมอง
“มังกรแห่งชีวิต…”
ซือหยูออกเสียงเบาๆ ใต้ลมหายใจ
มังกรสีมรกตตัวนี้เป็นตัวแทนแห่งชีวิต
มันไม่ได้หมายถึงการรักษาหรือฟื้นพลังอย่างน้ำพุแห่งชีวิต…แต่มันหมายถึงชีวิตแบบตรงตัว!
มันมีพลังที่นำคนให้กลับมามีชีวิต…พลังชุบชีวิต!!
ตราบเท่าที่สิ่งนั้นยังมีเสี้ยววิญญาณเหลืออยู่บนโลกเมื่อใช้พลังของเขา เขาจะนำคนตายกลับมาได้!
มันแตกต่างจากการกลับมามีชีวิตด้วยพลังย้อนเวลาเพราะมันจะต้องใช้อายุขัยของซือหยูเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อให้เขาย้อนอดีตกลับมาได้
แต่สิ่งนี้สามารถนำวิญญาณคนตายให้กลับมามีชีวิตได้! แต่ยิ่งสิ่งที่เขาต้องการชุบชีวิตแข็งแกร่งเพียงใดมันก็ยิ่งท้าทายในการชุบชีวิตกลับมา ในตอนนี้ ซือหยูมิอาจทำอะไรกับคนที่มีพลังเหนือกว่าเซียนได้
ถึงอย่างนั้นมันก็มากพอที่ทำให้เขาแทบคลั่งไปแล้ว
หลังจากเวลาก็เป็นพลังมิติหลังจากพลังมิติก็เป็นพลังวิญญาณ
และหลังจากวิญญาณก็เป็นพลังชุบชีวิต!
แต่ละพลังนั้นน่าตกตะลึงและลึกซึ้งเหนือกว่าพลังก่อนหน้าอย่างมาก
ซือหยูใจสั่นหม้อเก้ามังกรมีอำนาจเพียงใดกัน?
ด้วยมังกรมรกตที่ก่อตัวขึ้นซือหยูจะมีพลังขัดต่อธรรมชาติอีกหนึ่งพลัง เมื่อเขาก่อร่างมังกรได้ทั้งตัว เขาจะมีพลังเพียงใดกัน?
ในขณะเดียวกันของเหลวที่ไหลผ่านมังกรหยกได้ไหลลงมาจากหม้อสู่ร่างกายของซือหยู ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นปลาบเข้ามาจนมิติวิญญาณของเขาเกือบแตกสลาย
ร่างกายของเขาราวกับอยู่ในกองเพลิงความแสบร้อนและพลังวิญญาณกำลังเผาไหม้ร่างกายจากภายใน
มันคือโลหิตมังกร!
โลหิตเทพมังกรหยดเดียวถูกหม้อเก้ามังกรเจือจางไปร้อยเท่าแต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายของซือหยู มันก็เกือบจะเกินจุดที่ร่างกายเขารับไหว
เขารู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเขากำลังจะแตกสลายจากภายในสู่ภายนอก
ยิ่งอันตรายเท่าใดพลังก็ยิ่งไม่มีที่ไปมากเท่านั้น พลังมหาศาลได้หลั่งไหลเข้าสู่จุดกำเนิดพลังของเขา
ในเวลานี้พื้นที่ภายในจุดกำเนิดพลังภายในและภายนอกของซือหยูได้ใหญ่โตเกินกว่าภูติระดับเก้าทั่วไปถึงสิบเท่า ความกว้างใหญ่นั้นเหลือคณานับ แต่เมื่อพลังเพียงแค่พลังเสี้ยวเดียวจากเลือดมังกรเข้าสู่จุดกำเนิดพลังจุดกำเนิดพลังภายนอกของเขาก็เต็มจนล้น!
ไม่นานหลังจากนั้นจุดกำเนิดพลังภายในของเขาก็เต็มอีกด้วย!
ยังมีพลังเหลืออยู่อีกสี่ในสิบเหลืออยู่และมันก็เข้าไปรวมตัวที่จุดกำเนิดพลังของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
ซือหยูสาปแช่งในใจและพยายามที่จะหยุดการไหลของพลังและนำทางให้มันออกสู่ภายนอกร่างกายแต่มันสายไปแล้ว!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดจุดกำเนิดพลังทั้งภายในและภายนอกของเขา!
เมื่อเกิดระเบิดจุดกำเนิดพลังได้ขยายขนาดใหญ่กว่าเดิมเป็นสองเท่า!
แต่ก็ยังเหลือพลังอยู่อีกเป็นจำนวนมาก!
ต่อมาจุดกำเนิดพลังใหม่ที่ขยายแล้วของเขาก็ได้ระเบิดอีกและขยายเป็นสองเท่าของขนาดเดิม ในเวลานี้ยังเหลือพลังอีกหนึ่งในสี่ และมันก็พุ่งเข้าสู่จุดกำเนิดพลังของเขา
จุดกำเนิดพลังของเขาเกิดระเบิดเป็นครั้งที่สาม!
หลังจากขยายขนาดครั้งนี้เขาได้มีปริมาณพลังที่มิอาจจินตนาการได้!
มันใหญ่กว่าเดิมแปดเท่าก่อนที่จะเกิดการขยาย!!
ซือหยูเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปริมาณพลังกระบี่สีเงินที่เขาต้องใช้นั้นมีเพียงแค่หนึ่งในแปดของปริมาณพลังที่เขาเก็บได้
ถ้าหากเทียบกับภูติระดับเก้าทั่วไปในเวลานี้จุดกำเนิดพลังของซือหยูจะใหญ่กว่าพวกเขาแปดสิบเท่า!
หรือพูดอีกอย่างก็คือต้องใช้พลังของภูติระดับเก้าแปดสิบคนจึงจะมีปริมาณพลังชีวิตเท่ากับซือหยู
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจุดกำเนิดพลังของเขาหลังจากระเบิดสามครั้งทำให้ผนังของจุดกำเนิดพลังภายนอกและภายในผสานกันเป็นหนึ่ง
นี่เป็นสิ่งที่ซือหยูไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซือหยูเพียงคิดว่าเขาต้องสร้างจุดกำเนิดพลังขึ้นใหม่เมื่อจุดกำเนิดพลังเดิมแตกสลาย นี่เป็นเหตุผลที่เขามีจุดกำเนิดพลังสองแห่งคือภายในและภายนอก
เขาไม่คิดเลยว่าการระเบิดอย่างรุนแรงและต่อเนื่องจะทำให้ผนังของจุดกำเนิดพลังทั้งสองกลายเป็นหนึ่งเดียว
แต่มันก็อาจจะเป็นปัญหาได้
นั่นก็เพราะระหว่างการเป็นจ้าวเทวะจุดกำเนิดพลังของเขาจะต้องแปรเปลี่ยนเป็นแก้วกำเนิด แต่การที่จุดกำเนิดพลังทั้งสองได้กลายเป็นหนึ่ง มันจะเกิดความแปลกประหลาดในระหว่างการเปลี่ยนแปลง มันอาจจะทำให้เขามีปัญหาใหญ่ก็ได้
“อยากรู้นักว่าจะจุดกำเนิดพลังใหญ่โตเช่นนี้จะเป็นแก้วกำเนิดแบบไหน” ซือหยูตื่นเต้นกับอนาคตข้างหน้า
ระหว่างการทะลวงเป็นจ้าวเทวะยิ่งจุดกำเนิดพลังแข็งแกร่งเท่าใด แก้วกำเนิดก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเมื่อเป็นจ้าวเทวะสำเร็จ
พลังหนึ่งในสามจากโลหิตเทพทำให้ซือหยูมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ไม่เพียงแต่เขาจะได้มีหัตถ์เทพแห่งชีวิตแต่จุดกำเนิดพลังของเขายังขยายขึ้นอย่างใหญ่โต กักเก็บพลังได้มหาศาล
เทพปีศาจพูดถูกโลหิตเทพมังกรนั้นให้ประโยชน์กับเขาไม่สิ้นสุด
นอกเหนือจากนั้นซือหยูยังได้รับข้อมูลใหม่จากโลหิตเทพหยดนี้ เขาได้รู้ว่าในการก่อร่างมังกรต่อไป วิธีการเดียวที่เขาทำได้ก็คือหาโลหิตเทพ ยิ่งแข็งแกร่งเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น!
หลังจากได้รับโลหิตเทพหม้อเก้ามังกรได้หมุนวนและออกจากมิติวิญญาณกลับสู่ดวงวิญญาณของซือหยู มันดูแกร่งและมั่นคงกว่าเดิม
“โฮ่งโฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”
ในที่สุดเทพปีศาจก็เป็นอิสระมันเห่าโดยไม่รู้ตัว
มันติดอยู่ในห้วงมิติเวลาดังนั้นมันจึงไม่รู้การมีอยู่ของหม้อเก้ามังกรเลย
แต่ในฐานะที่เคยเป็นเทพปีศาจมันย่อมรับรู้ถึงเรื่องแปลกปลอม
“เกิดอะไรขึ้น?จู่ ๆ ก็มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น เดี๋ยวสิ เลือดเทพมังกรไปไหน?! ใครเอามันไป?”
เทพปีศาจโวยวาย
จากนั้นมันจ้องซือหยูอย่างดุร้าย
“ฝีมือเจ้ารึ?เจ้าเอามันไปรึ? เจ้าทำอะไรกับข้า?”
ซือหยูสุขุมเยือกเย็น
“มีเรื่องเกิดขึ้นในมิติวิญญาณเมื่อครู่ข้าเลยเก็บโลหิตเทพมังกรเอาไว้” “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้”
“เจ้าโกหก”
“ข้าไม่เคยโกหก”
“แต่เจ้ากำลังโกหกอยู่นี่”
“เจ้าตรวจสอบสายใยมังกรแล้วเราจะทำอะไรกันต่อ?”
ซือหยูถาม
เทพปีศาจจ้องซือหยูอย่างไม่พอใจมันพูด
“ไม่ยาก!ให้ข้าออกไป ข้าจะควบคุมร่างกายเจ้าสักหน่อย”
ซือหยูง้างเท้า
“อย่าเพิ่งเตะข้านะ!เจ้าแค่ปล่อยจิตสำนึกข้าเพียงเล็กน้อย ร่างจริงข้ายังถูกจองจำอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าเสี้ยวจิตสำนึกข้าจะทำอะไรเจ้าได้กัน?”
แววตาเยือกเย็นของซือหยูลดความแข็งกร้าวลงไปบ้าง
เขาจะไม่ปล่อยเทพปีศาจนอกจากไม่มีทางเลือก
“เอาล่ะเจ้าเก็บสายใยมังกรเอาไว้ก่อน ถ้าการปลูกถ่ายสำเร็จในเก้าวัน เจ้าจะได้รางวัลตามที่เจ้าขอ”
ซือหยูกล่าว
เทพปีศาจยิ้มและถาม
“เจ้าจะให้วิญญาณเซียนกับข้าเป็นการชดเชยใช่ไหม?”
มันเพียงแค่พูดแหย่แต่ซือหยูตอบอย่างไม่แยแส
“ทำไมจะไม่เล่า?”
เทพปีศาจผงะมองซือหยูมันพูดด้วยความรู้สึกซับซ้อน
“ใครจะไปคิดเล่าว่าเด็กน้อยจากกระโจมเทพสวรรค์จะได้มายืนต่อหน้าข้าแล้วพูดจาอย่างนี้?ไม่รู้เลยว่าอนาคตจะสิ้นสุดที่ใด” “ยังมีเรื่องที่เจ้าคิดไม่ถึงกำลังมาอีก”
ซือหยูไม่สะทกสะท้านเขาออกจากมิติวิญญาณโดยไม่หันหลังกลับ
หลังจากกลับสู่กายหยาบซือหยูสัมผัสได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงทันที การได้หลอมรวมกับโลหิตเทพมังกรที่เจือจางทำให้ใต้ผิวของเขามีสีทองจาง ๆ อยู่เล็กน้อย พลังที่ไม่ใช่พลังมนุษย์และพลังอสูรแฝงอยู่ในตัวเขา
เขากำมือหนึ่งครั้งลำแสงสีทองแล่นผ่านมือ รอยแยกมิติหลายรอยเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย
“นี่มัน…”
ซือหยูตกใจมากถึงร่างกายเขาจะแข็งแรงขึ้น มันก็ยังห่างไกลจากการกระชากมิติด้วยการกำมือ มันคือพลังเหนือมนุษย์ที่หล่อหลอมอยู่กับกระแสเลือดของเขา
“หรือว่าจะเป็นพลังมังกร?”
ซือหยูนิ่งราวกับท่อนไม้เมื่อร่างกายได้หลอมรวมเข้ากับโลหิตเทพมังกร เขาได้รับพลังของมังกรมาครอง
ถ้าเขาเพียงแค่ใช้พลังมังกรนี้โดยปราศจากกายาเก้ามังกรก็จะไม่มีจ้าวเทวะคนใดที่มีร่างกายเหนือกว่าเขาแล้ว!
เพราะว่าจ้าวเทะวที่สามารถฉีกมิติได้ด้วยมือเดียวนั้นมีอยู่เพียงหยิบมือ
ซือหยูราวกับได้เป็นคนใหม่
ขณะเดียวกันใบหน้าที่เคยหนุ่มแน่นได้เติบใหญ่ขึ้นจากโลหิตมังกร ทำให้เขาดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
รูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
“ว้าวจ้าวผาให้ของขวัญอันยิ่งใหญ่กับข้าจริง ๆ”
ซือหยูพูดแต่เขาเกรงว่าแม้แต่จ้าวผาเองก็ไม่พบการมีอยู่ของโลหิตเทพมังกร
มิเช่นนั้นเขาจะมอบสมบัติล้ำค่าขนาดนี้กับซือหยูหรือ?
โลหิตเทพมังกรหยดเดียวนั้นย่อมมีค่ามากกว่าสายใยมังกรเป็นร้อยเท่า ซือหยูมองท้องนภาบนฟ้านั้นมีชั้นเมฆาดำสนิทที่คนอื่นมองไม่เห็น มันกำลังก่อตัวเป็นวายุช้า ๆ โดยมีเขาอยู่ตรงกลาง
พลังของมันยิ่งใหญ่ขึ้นทุกที
ซือหยูเรียกหยดน้ำผึ้งสีอำพันออกมา
“ข้าเก็บน้ำผึ้งร้อยบุพผาหยดสุดท้ายไว้เพื่อการนี้”
ซือหยูยังเรียกประตูชีวาล่องและคุกเทวะห้าธาตุออกมาด้วย!
สำหรับประตูชีวาล่องซือหยูคิดจะฝึกฝนวิชาเก้ามังกรอสูรและทะลวงขั้นสุดท้ายของวิชาด้วยปัญญาที่จะเพิ่มขึ้นจากน้ำผึ้งร้อยบุพผา
ส่วนคุกเทวะห้าธาตุเขาเข้าใจอักษรอสูรเก้าสิบเก้าตัวแล้ว เขาต้องการอีกตัวเดียวที่จะใช้พลังหนึ่งในสิบของมันได้!
วิบัติสวรรค์กำลังจะเข้ามาในอีกไม่นานเขาจะไม่ยอมทิ้งทุกโอกาสที่จะทำให้ตัวเขาเพิ่มพลังขึ้น แสงสีม่วงเปล่งประกายผ่านตาซ้ายซือหยูเข้าสู่สภาวะเร่งเวลาและกลืนน้ำผึ้งร้อยบุพผาอันล้ำค่าเข้าไป เขาเข้าสู่การฝึกฝนทันที
…
ในโรงน้ำชาเมืองเทียนเหยาสตรีที่งดงามจนน่าตะลึงสองคนกำลังแอบพูดคุยกันและดื่มชาไปด้วย
“โชคดีที่ศิษย์น้องสามช่วยข้าหนีทันมิเช่นนั้นข้าคงแย่แน่”
ฮั่นเสวียนใบหน้าไร้เดียงสานางลูบหัวหหญิงสาวตรงหน้านางด้วยความรัก
นางเป็นเด็กสาวที่น่ารักน่าทะนุถนอมราวกับอสูรจิ้งจอกในพงไพร
ไม่ว่าสตรีหน้าไหนก็ต้องหลงรักนางบ้างอาจถึงกับดูแลนางดั่งสัตว์เลี้ยงแสนรัก
น่าเสียดายที่นางเงียบและเก็บตัวราวกับเสียบางอย่างไปมีบรรยากาศอันเงียบงันจากนางจนทำให้นางดูเยือกเย็น
“เป็นเกียรติของข้า” เด็กสาวพยักหน้าและคีบอาหารขึ้นด้วยตะเกียบด้วยสีหน้าเย็นชา
ฮั่นเสวียนทำแบบเดียวกันแต่ในใบหน้ายิ้มแย้ม นางถูกราชาเขตกลางส่งมาที่ดินแดนมีดสวรรค์เพื่อเข้าร่วมสงครามระหว่างดินแดนพรสวรรค์
ในระหว่างทางนางได้พบกับศิษย์น้องสามที่รีบมาพบนาง นางบอกว่าดินแดนมีดสวรรค์กำลังเจอปัญหาและไม่เหมาะที่จะเดินทางไปไกลกว่านั้น
เมื่อนางถามถึงเรื่องดินแดนมีดสวรรค์ฮั่นเสวียนก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ได้สมคบคิดกับเผ่าผี!
อีกทั้งยังมีข่าวว่าทัพใหญ่ของเผ่าผีกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงแห่งเขตกลางด้วยกำลังเต็มพิกัดอีกทั้งยังต้องผ่านดินแดนมีดสวรรค์ไป
ถ้าหากดินแดนมีดสวรรค์หนีไม่ทันเวลาและได้เจอกับทัพผีผลที่ตามมาคงจะร้ายแรงเป็นแน่ “ข้าอยากจะถามอยู่พอดีเจ้าออกมาจากวังหลวงเขตกลางได้ยังไงรึ?”
ฮั่นเสวียนถามด้วยความสงสัย