The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1105 - ซือหยูผู้เป็นเจ้า
สายฟ้าที่ใกล้ซือหยูที่สุดถูกดูดกลืนในพริบตาการปะทะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที
สายฟ้าที่สองตามมา
จากนั้นก็เป็นสายฟ้าที่สาม
สายฟ้าที่สี่
สายฟ้าล้านสายแปลบปลาบบนนภาพลังมหาศาลจนลืมหายใจแล่นผ่านฟ้าดิน หลั่งไหลไปทางเนตรอันมืดมิด
ราวกับว่าเนตรดวงนี้มิใช่ดวงตาแต่เป็นประตูสู่นรกไร้สิ้นสุด ไร้ซึ่งแสงใด
ในเวลาเดียวกันที่สายฟ้าซัดใส่เมฆาอันตรายนับไม่ถ้วนบนนภาได้ปรากฏ
เมฆาคำรามลั่นคลื่นวายุหมุนวนติดตามกัน มันกำลังเตรียมสายฟ้าที่แข็งแกร่งจนสามารถทำลายฟ้าดินได้
แต่พวกมันก็มิอาจต้านทานพลังประหลาดที่กลืนกินพวกมันได้ เมฆาถูกเนตรดูดกลืนลงไป
ราวกับว่าเมฆาในระยะล้านลี้ได้ไหลลงมาเป็นสายวารีณ จุดเดียว มันได้ไหลเข้าสู่หลุมไร้ก้นของเนตรดวงนั้น
เพียงไม่นานเมฆาจากล้านลี้ก็เหลือเพียงครึ่งล้านลี้ จากนั้นก็หดหายลดลงเรื่อยไป
ผ่านไปเพียงครึ่งถ้วยชาเมฆาก้อนสุดท้ายเองก็ถูกดูดกลืนสู่เนตรอย่างไม่เต็มใจ!
ในมิติวิญญาณเทพปีศาจอ้าปากค้าง มันตกใจอยู่นานมากจนเหงื่อผุดออกมาบนหน้าผาก
“โอ้พระเจ้านี่มัน…นี่มันเนตรอสูรกลืนสวรรค์ไม่ใช่หรือ? นี่มันบ้าอะไรกัน ปล่อยข้าออกไปนะ! ต่อให้เป็นข้าก็ไม่กล้าสู้กับเจ้าหนูนี่! เมฆาพวกนั้นถูกดูดกลืนไปหมด! อะไรที่จะไม่ถูกมันดูดกลืนกัน?”
เทพปีศาจคิดย้อนถึงเรื่องเล่าขานนานนมเรื่องอสูรในตำนานที่ทำให้มันตัวสั่นด้วยความกลัว
หลายล้านลี้ไกลออกไปสตรีชุดขาวที่มีกระบี่บนแผ่นหลังมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ใบหน้าไร้ที่ติของนางดูตกใจ
คืนชีพพลังเวลา พลังมิติ และ…ยังมีสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดอีก…เทพเจ้าผู้กลืนกิน ตัวประหลาดแห่งความละโมบ!
ถ้าหากนางไม่เห็นกับตาแม้แต่นางเองก็คงคิดว่านี่คือพลังของลูกหลานของเทพผู้ยิ่งใหญ่สักคน!
นางไม่เคยคิดเลยว่านักรบที่ไม่ใช่เทพจะได้เจอกับวิบัติสวรรค์สามสิบเก้า!
ที่ไม่น่าคิดยิ่งกว่าก็คือวิบัติสามสิบเก้าได้ถูกเขากลืนกินในคราสุดท้าย!
นางก้าวย่างบนเมฆาด้วยความลังเลก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งในสายตานางมีความหวาดกลัวอยู่ด้วย
ซือหยูยังคงยืนอยู่กับที่เขาบินลงพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อนทันทีที่เนตรกลืนกินหลับลงอย่างเชื่องช้า
ทั้งร่างของเขาอ่อนแอและหมดแรงเขาใช้พลังได้ไม่ถึงครึ่ง แต่เปลือกตาของเขายังคงเปิดอย่างมั่นคง
ขณะนี้มีหลุมไร้ก้นบึ้งในหัวใจของเขา ความโลภโมโทสันได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากหลุมไร้ก้นบึ้ง มันเริ่มรุกล้ำเข้าสู่ดวงวิญญาณของเขา
“นี่คือสิ่งที่ข้าต้องแลกกับการใช้เนตรเทาเทีย”
ซือหยูหัวเราะอย่างขมขื่นหลังจากเบิกเนตร เขาต้องกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทำให้หัวใจปรารถนาเป็นที่พอใจ และเมื่อวันหนึ่งมาถึง วันที่เขามิอาจดับความหิวกระกายได้อีกต่อไป เนตรละโมบดวงนี้จะกลืนกินชีวิตของเขา
นับตั้งแต่เบิกเนตรซือหยูรู้ดีว่าจะต้องเกิดอะไรตามมา
แม้กระนั้นทั้งหมดก็ยังคุ้มค่า อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องมาตายจากวิบัติสวรรค์เขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา มิใช่ลูกหลานเทพเจ้า
แต่สิ่งที่ซือหยูเทพปีศาจ และสตรีชุดขาวมิได้คิดเลยคือเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้…
ในท้องนภาครามจรัสเมฆาวิบัติใหม่ได้ก่อตัวขึ้น เมฆาหนึ่งก้อน สองก่อน และสามก้อน ตามด้วยเมฆาผืนยักษ์ที่แผ่ขยายไปทั่วหลายล้านลี้
สัมผัสอันตรายของวิบัติมิได้ลดลงแต่ยังเพิ่มขึ้น!
ซือหยูหมดโอกาสในการเบิกเนตรอสูรอีกครั้งเพราะเนตรอสูรได้หลับใหลขณะที่ย่อยพลังวิบัติสวรรค์
ซือหยูมองเมฆผืนกว้างไหลและได้เพียงแต่ยิ้มอย่างขมขื่นเขาพยายามถึงที่สุดแล้ว
“ให้ตายเถอะเจ้าหนู เจ้าไปทำอะไรให้ฟ้าดินกันนักหนา? ต่อให้เจ้าเป็นลูกหลานเทพเจ้าจริง วิบัติที่จบไปแล้วก็ต้องจบไปแล้ว ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง! เจ้าจะปล่อยข้าไปได้รึยัง! ติดตามเจ้าไปก็มีแต่ตายกับตาย!”
สตรีชุดขาวแทบไม่เชื่อสายตา
“เป็นไปไม่ได้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าฟ้าดินจงใจกลั่นแกล้งเขาเล่า?”
ตู้ม!
สายฟ้าซัดลงมาอย่างงดงามสู่ซือหยู
เวลานี้ไม่มีใครช่วยเขาได้อีกแล้ว
ซือหยูหลับตาช้าๆ และรอให้ตัวเองแตกดับ
แต่ไม่คิดเลยว่าทันทีที่สายฟ้ากำลังจะถึงตัวเขามันก็หยุดกลางคันและลอยกลับไปยังเมฆาวิบัติ
เกิดเรื่องประหลบาดบนเมฆาเหล่าเมฆานั้นขัดขืนครู่หนึ่งก่อนจะสลายไป
ท้องนภากลับมาเป็นสีฟ้าครามอีกครั้ง
“โว้วโว้ว โว้ว! เกิดบ้าอะไรขึ้นอีก? อุทานสามครั้งยังบอกความตกใจของข้าไม่พอเลย!”
เทพปีศาจเบิกตากว้างด้วยความทึ่งใจใน
วิบัติสามสิบเก้าสลายไปด้วยตัวเอง!
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าก่อนที่เมฆาจะสลาย ได้มีบางอย่างปรากฏขึ้น ราวกับว่ามีบางอย่างฝังตัวอยู่ในความมืดบนเมฆา
สตรีชุดขาวเองก็ตกตะลึงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
วิบัติรอบที่สองเกินขึ้นราวกับเป็นเรื่องลักลั่นแต่มันก็สลายไปเองอย่างนั้นหรือ?
มันทำให้ซือหยูสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่?”
เทพปีศาจตกใจอยู่นานและพูดกับตัวเอง
“หรือว่าเบื้องบนจะรู้ว่าวิบัติเกิดผิดคนเลยเอากลับไป?”
วิบัติผิดคนเรอะ?ซือหยูอยากจะกระอักเลือด การโจมตีผิดคนได้ฆ่าเขาไปสองครั้งและกินทรัพยากรของเขาไปจนหมดเขาเหลือเพียงมุกวิญญาณเก้าหยก
บอกได้เลยว่ามันคือค่ำคืนแห่งความล่มจม
เขาต้องบาดเจ็บอย่างหนักแต่กลับกลายเป็นรับวิบัติที่ไม่ใช่ของเขารึ?
เมื่อเห็นความท้อแท้ของซือหยูเทพปีศาจที่ยังคงหวาดกลัวพูดออกมา
“เจ้ารอดมาได้ก็ปาฏิหาริย์อยู่แล้วข้าไม่เคยเห็นเรื่องประหลาดเช่นนี้มาก่อน ภูติต้อยต่ำอย่างเจ้ากลับผ่านวิบัติสวรรค์ในตอนที่เป็นแค่ภูติระดับเก้า! เล่าให้ใครก็ไม่มีใครเชื่อ!”
ซือหยูควบคุมความไม่พอใจและรู้สึกขัดใจขึ้นมาใบหน้าเขาหม่นหมองถึงขีดสุด
“เพื่อที่จะเป็นเทพคนอื่นยอมเสียเวลาหรือเสียทรัพย์สมบัติได้มหาศาล เพราะมันคุ้มค่า ข้าเองก็เสียเหมือนกัน แต่ข้าได้อะไรกลับมาเล่า? ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลหรือ?แล้วข้ายังต้องเบิกเนตรอสูรออกมาอีก ข้าต้องเสียมากมายขนาดนี้แล้วยังไม่ได้อะไรกลับมา!”
สุดท้ายเขาก็มิอาจควบคุมอารมณ์ได้ เขาระเบิดความแค้นออกมา
ความโศกเศร้าและเสียงพร่ำบ่นของเขาดังก้องโลก
แต่ในตอนนั้นเองสายลมอันน่าพิศวงได้ปรากฏระหว่างฟ้าและดิน
แสงขาวเปล่งประกายพุ่งลงมาจากฟ้าสู่ท้องของซือหยู
ซือหยูตกใจเขาอยากจะหลบ แต่เขาไม่เหลือแรงแล้ว
ท้องของเขาเต็มไปด้วยแสงขาวกระจ่าง
ความเจ็บปวดที่เขาคิดว่าจะเกิดขึ้นกลับไม่มาถึงเขากลับได้ความรู้สึกผ่อนคลายทั่วกาย ทั่วทั้งแขนขา
พลังจิตและพลังกายที่หดหายถูกฟื้นคืนเต็มที่ในพริบตา เมื่อแสงขาวกระจ่างหายไปซือหยูตื่นตัวอีกครั้งและประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้น? เบื้องบนได้ยินเสียงร่ำร้องของข้าและตัดสินใจชดใช้รึ?
“เจ้า…นี่เจ้า…”
ในมิติวิญญาณเทพปีศาจตกตะลึงและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้า….เจ้ารีบดูในท้องของเจ้าเองจะดีกว่ามีอะไรอยู่ในนั้นหรือไม่?”
ซือหยูใจหยุดเต้นเขารีบตรวจดูข้างในท้องทันที
ถ้าหากเขาไม่สังเกตก็คงจะไม่เห็นสิ่งที่เห็นทำให้เขากระโดดกลับหลังด้วยความตกใจ
ในสะดือของเขามีจุดสีขาวขนาดเท่าเมล็ดข้าวอยู่หนึ่งแห่งมันปล่อยแสงประกายออกมา
แสงประกายของมันดูคุ้นเคย
เมื่อสังเกตอย่างละเอียดซือหยูเห็นว่ามันไม่ใช่แค่แสง มันดูเหมือนกับมีบางอย่างโคจรอยู่ภายในแสงนั้น ซือหยูพยายามที่จะมองดูข้างในและประหลาดใจในที่สุดเมื่อเห็นว่ามีจักรวาลโคจรอยู่ในเมล็ดข้าวนั้น เหล่าดวงดาวหมุนรอบตัวเองไม่ขาดสาย
ในเมล็ดข้าวมีแผนที่ดาวแบบย่อส่วนที่เคลื่อนไหวได้!
“มันเหมือนจุดแสงบางอย่างที่มีแผนที่หมู่ดาวอยู่ภายในนอกนั้นก็ไม่มีอะไรแตกต่างในร่างกายข้า”
ซือหยูพูดกับเทพปีศาจ
แต่ถึงกระนั้นเทพปีศาจก็ไม่ขานรับอยู่นานโข
“เฮ้เจ้าหมา?”
ยังไม่มีการตอบสนอง
“เจ้าตายเรอะ?”
ยังไม่มีคำตอบ
“เจ้าหมาโง่พอได้แล้ว!” ซือหยูตะโกน
สุดท้ายคำตอบของเทพปีศาจได้แล่นเข้าสู่จิตใจของซือหยู
“ซือหยูข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า จงเตรียมใจให้ดี”
เสียงเทพปีศาจดูจริงจัง
ตั้งแต่ที่ได้พบกันซือหยูไม่เคยได้เห็นเทพปีศาจจริงจังขนาดนี้มาก่อน พวกเขาใช้เวลาอยู่ร่วมกันมานานพอสมควร
“จะบอกอะไรข้ากัน?”
ซือหยูใจเต้นแรงเขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังได้ยินจะเกี่ยวกับเรื่องเมล็ดข้าว
เทพปีศาจหายใจเข้าลึกทั้งเคร่งขรึมและลำบากใจ
“ยินดีด้วยเจ้าได้กลายเป็นเทพ”
ตู้ม!
ซือหยูสัมผัสได้ถึงสายฟ้าที่ระเบิดในใบหู
อะไรนะ?ข้ากลายเป็นเทพรึ? ซือหยูตัวแข็งทื่อเขาคิดถึงความเป็นไปได้จำนวนมาก แต่เขาไม่คิดว่าเทพปีศาจจะพูดเช่นนี้
“อย่าตกใจข้าเชื่อว่าเมล็ดข้าวที่เจ้าเห็นไม่ใช่สิ่งแปลกตาสำหรับเจ้าที่ได้เจอกับเทพหลินหลาง มันคือแหล่งพลังเทพ เป็นต้นกำเนิดพลัง! มันคือแหล่งพลังที่เบื้องบนมอบให้เจ้าหลังจากผ่านวิบัติสามสิบเก้า!”
“มีความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างสิ่งมีชีวิตและเทพนั่นคือเทพไม่ต้องการพลังชีวิต!”
“ดังนั้นแล้ว…ยินดีด้วย…ซือหยูผู้เป็นเจ้า”
คำพูดของเทพปีศาจติดอยู่ในใจซือหยูอย่างยาวนานเขามิอาจใจเย็นลงได้เลย
ในข้ามคืนเดียวเขาได้กลายเป็นเทพจากที่เป็นแค่ภูติงั้นรึ? เขาพูดไม่ออกกับเรื่องเหนือจริงเช่นนี้
แต่ถึงอย่างไรซือหยูก็ได้ผ่านมรสุมอย่างใหญ่หลวง หลังจากตัวสั่นอยู่นาน เขาใจเย็นลงและพูด
“มันต่างจากเทพของจริงไม่ใช่หรือ?”
เขาไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองเลย
“ไม่ใช่ว่ามันต่างกันแต่เป็นเจ้าที่เป็นแค่สิ่งที่คล้ายเทพ”
เทพปีศาจถอนหายใจด้วยความยอมรับ
ซือหยูเลิกคิ้วเขาเป็นตัวอะไรกันแน่?
“หากเซียนขั้นสูงได้ผ่านวิบัติและได้แหล่งพลังเทพมาครองพลังเซียนในกายจะเปลี่ยนเป็นแหล่งพลังเทพ และพลังเซียนในตัวจะสามารถเปลี่ยนเป็นพลังเทพได้ พลังเทพนั้นทำให้แหล่งพลังเทพมั่นคง ทำให้แหล่งพลังเติบโตพัฒนา พลังทั้งสองเกี่ยวเนื่องกัน! และเมื่อแหล่งพลังเทพมั่นคงเมื่อใด คนผู้นั้นก็ถือว่าเป็นเทพอย่างเป็นทางการ”
“และเจ้าที่อยู่ในขอบเขตภูติเจ้าได้แหล่งพลังเทพมาแต่ไร้แหล่งพลังเทพของจริง เจ้าไม่มีพลังเซียนที่จะใช้เปลี่ยนเป็นพลังเทพแหล่งพลังเทพของเจ้าโดดเดี่ยว เจ้าไม่น่าจะถูกเรียกว่าเทพได้”
หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากเทพปีศาจซือหยูเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองแล้ว
เขามีคุณสมบัติที่จะได้เป็นเทพแต่ร่างกายของเขายังไม่พร้อมที่จะเป็นเทพ
“ถ้าอย่างนั้นตอนที่ข้าเป็นเซียนและใช้พลังเซียนเปลี่ยนเป็นพลังเทพ ข้าจะกลายเป็นเทพใช่หรือไม่?”
ซือหยูถาม
แต่เทพปีศาจกลับตอบ
“เจ้าคิดว่ามันง่ายนักเรอะ?แหล่งพลังเทพของเจ้ายังไม่มั่นคงพอและต้องคงไว้ซึ่งพลังเทพ เคราะห์ร้ายที่ไม่มีพลังของเซียนที่จะเปลี่ยนเป็นพลังเทพในตัวเจ้าอยู่เลย ถ้าแหล่งพลังเทพไม่มั่นคง มันจะหดหายไปในที่สุด ข้าว่าแหล่งพลังเทพของเจ้าจะถูกทำลายก่อนที่เจ้าจะบ่มเพาะพลังเซียนได้”
“และถ้าเจ้าอยากจะได้แหล่งพลังเทพกลับคืนมาอีกครั้งเจ้าต้องผ่านวิบัติสามสิบเก้าอีกหน”
สายฟ้าที่สองตามมา
จากนั้นก็เป็นสายฟ้าที่สาม
สายฟ้าที่สี่
สายฟ้าล้านสายแปลบปลาบบนนภาพลังมหาศาลจนลืมหายใจแล่นผ่านฟ้าดิน หลั่งไหลไปทางเนตรอันมืดมิด
ราวกับว่าเนตรดวงนี้มิใช่ดวงตาแต่เป็นประตูสู่นรกไร้สิ้นสุด ไร้ซึ่งแสงใด
ในเวลาเดียวกันที่สายฟ้าซัดใส่เมฆาอันตรายนับไม่ถ้วนบนนภาได้ปรากฏ
เมฆาคำรามลั่นคลื่นวายุหมุนวนติดตามกัน มันกำลังเตรียมสายฟ้าที่แข็งแกร่งจนสามารถทำลายฟ้าดินได้
แต่พวกมันก็มิอาจต้านทานพลังประหลาดที่กลืนกินพวกมันได้ เมฆาถูกเนตรดูดกลืนลงไป
ราวกับว่าเมฆาในระยะล้านลี้ได้ไหลลงมาเป็นสายวารีณ จุดเดียว มันได้ไหลเข้าสู่หลุมไร้ก้นของเนตรดวงนั้น
เพียงไม่นานเมฆาจากล้านลี้ก็เหลือเพียงครึ่งล้านลี้ จากนั้นก็หดหายลดลงเรื่อยไป
ผ่านไปเพียงครึ่งถ้วยชาเมฆาก้อนสุดท้ายเองก็ถูกดูดกลืนสู่เนตรอย่างไม่เต็มใจ!
ในมิติวิญญาณเทพปีศาจอ้าปากค้าง มันตกใจอยู่นานมากจนเหงื่อผุดออกมาบนหน้าผาก
“โอ้พระเจ้านี่มัน…นี่มันเนตรอสูรกลืนสวรรค์ไม่ใช่หรือ? นี่มันบ้าอะไรกัน ปล่อยข้าออกไปนะ! ต่อให้เป็นข้าก็ไม่กล้าสู้กับเจ้าหนูนี่! เมฆาพวกนั้นถูกดูดกลืนไปหมด! อะไรที่จะไม่ถูกมันดูดกลืนกัน?”
เทพปีศาจคิดย้อนถึงเรื่องเล่าขานนานนมเรื่องอสูรในตำนานที่ทำให้มันตัวสั่นด้วยความกลัว
หลายล้านลี้ไกลออกไปสตรีชุดขาวที่มีกระบี่บนแผ่นหลังมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ใบหน้าไร้ที่ติของนางดูตกใจ
คืนชีพพลังเวลา พลังมิติ และ…ยังมีสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดอีก…เทพเจ้าผู้กลืนกิน ตัวประหลาดแห่งความละโมบ!
ถ้าหากนางไม่เห็นกับตาแม้แต่นางเองก็คงคิดว่านี่คือพลังของลูกหลานของเทพผู้ยิ่งใหญ่สักคน!
นางไม่เคยคิดเลยว่านักรบที่ไม่ใช่เทพจะได้เจอกับวิบัติสวรรค์สามสิบเก้า!
ที่ไม่น่าคิดยิ่งกว่าก็คือวิบัติสามสิบเก้าได้ถูกเขากลืนกินในคราสุดท้าย!
นางก้าวย่างบนเมฆาด้วยความลังเลก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งในสายตานางมีความหวาดกลัวอยู่ด้วย
ซือหยูยังคงยืนอยู่กับที่เขาบินลงพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อนทันทีที่เนตรกลืนกินหลับลงอย่างเชื่องช้า
ทั้งร่างของเขาอ่อนแอและหมดแรงเขาใช้พลังได้ไม่ถึงครึ่ง แต่เปลือกตาของเขายังคงเปิดอย่างมั่นคง
ขณะนี้มีหลุมไร้ก้นบึ้งในหัวใจของเขา ความโลภโมโทสันได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากหลุมไร้ก้นบึ้ง มันเริ่มรุกล้ำเข้าสู่ดวงวิญญาณของเขา
“นี่คือสิ่งที่ข้าต้องแลกกับการใช้เนตรเทาเทีย”
ซือหยูหัวเราะอย่างขมขื่นหลังจากเบิกเนตร เขาต้องกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทำให้หัวใจปรารถนาเป็นที่พอใจ และเมื่อวันหนึ่งมาถึง วันที่เขามิอาจดับความหิวกระกายได้อีกต่อไป เนตรละโมบดวงนี้จะกลืนกินชีวิตของเขา
นับตั้งแต่เบิกเนตรซือหยูรู้ดีว่าจะต้องเกิดอะไรตามมา
แม้กระนั้นทั้งหมดก็ยังคุ้มค่า อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องมาตายจากวิบัติสวรรค์เขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา มิใช่ลูกหลานเทพเจ้า
แต่สิ่งที่ซือหยูเทพปีศาจ และสตรีชุดขาวมิได้คิดเลยคือเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้…
ในท้องนภาครามจรัสเมฆาวิบัติใหม่ได้ก่อตัวขึ้น เมฆาหนึ่งก้อน สองก่อน และสามก้อน ตามด้วยเมฆาผืนยักษ์ที่แผ่ขยายไปทั่วหลายล้านลี้
สัมผัสอันตรายของวิบัติมิได้ลดลงแต่ยังเพิ่มขึ้น!
ซือหยูหมดโอกาสในการเบิกเนตรอสูรอีกครั้งเพราะเนตรอสูรได้หลับใหลขณะที่ย่อยพลังวิบัติสวรรค์
ซือหยูมองเมฆผืนกว้างไหลและได้เพียงแต่ยิ้มอย่างขมขื่นเขาพยายามถึงที่สุดแล้ว
“ให้ตายเถอะเจ้าหนู เจ้าไปทำอะไรให้ฟ้าดินกันนักหนา? ต่อให้เจ้าเป็นลูกหลานเทพเจ้าจริง วิบัติที่จบไปแล้วก็ต้องจบไปแล้ว ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง! เจ้าจะปล่อยข้าไปได้รึยัง! ติดตามเจ้าไปก็มีแต่ตายกับตาย!”
สตรีชุดขาวแทบไม่เชื่อสายตา
“เป็นไปไม่ได้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าฟ้าดินจงใจกลั่นแกล้งเขาเล่า?”
ตู้ม!
สายฟ้าซัดลงมาอย่างงดงามสู่ซือหยู
เวลานี้ไม่มีใครช่วยเขาได้อีกแล้ว
ซือหยูหลับตาช้าๆ และรอให้ตัวเองแตกดับ
แต่ไม่คิดเลยว่าทันทีที่สายฟ้ากำลังจะถึงตัวเขามันก็หยุดกลางคันและลอยกลับไปยังเมฆาวิบัติ
เกิดเรื่องประหลบาดบนเมฆาเหล่าเมฆานั้นขัดขืนครู่หนึ่งก่อนจะสลายไป
ท้องนภากลับมาเป็นสีฟ้าครามอีกครั้ง
“โว้วโว้ว โว้ว! เกิดบ้าอะไรขึ้นอีก? อุทานสามครั้งยังบอกความตกใจของข้าไม่พอเลย!”
เทพปีศาจเบิกตากว้างด้วยความทึ่งใจใน
วิบัติสามสิบเก้าสลายไปด้วยตัวเอง!
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าก่อนที่เมฆาจะสลาย ได้มีบางอย่างปรากฏขึ้น ราวกับว่ามีบางอย่างฝังตัวอยู่ในความมืดบนเมฆา
สตรีชุดขาวเองก็ตกตะลึงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
วิบัติรอบที่สองเกินขึ้นราวกับเป็นเรื่องลักลั่นแต่มันก็สลายไปเองอย่างนั้นหรือ?
มันทำให้ซือหยูสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่?”
เทพปีศาจตกใจอยู่นานและพูดกับตัวเอง
“หรือว่าเบื้องบนจะรู้ว่าวิบัติเกิดผิดคนเลยเอากลับไป?”
วิบัติผิดคนเรอะ?ซือหยูอยากจะกระอักเลือด การโจมตีผิดคนได้ฆ่าเขาไปสองครั้งและกินทรัพยากรของเขาไปจนหมดเขาเหลือเพียงมุกวิญญาณเก้าหยก
บอกได้เลยว่ามันคือค่ำคืนแห่งความล่มจม
เขาต้องบาดเจ็บอย่างหนักแต่กลับกลายเป็นรับวิบัติที่ไม่ใช่ของเขารึ?
เมื่อเห็นความท้อแท้ของซือหยูเทพปีศาจที่ยังคงหวาดกลัวพูดออกมา
“เจ้ารอดมาได้ก็ปาฏิหาริย์อยู่แล้วข้าไม่เคยเห็นเรื่องประหลาดเช่นนี้มาก่อน ภูติต้อยต่ำอย่างเจ้ากลับผ่านวิบัติสวรรค์ในตอนที่เป็นแค่ภูติระดับเก้า! เล่าให้ใครก็ไม่มีใครเชื่อ!”
ซือหยูควบคุมความไม่พอใจและรู้สึกขัดใจขึ้นมาใบหน้าเขาหม่นหมองถึงขีดสุด
“เพื่อที่จะเป็นเทพคนอื่นยอมเสียเวลาหรือเสียทรัพย์สมบัติได้มหาศาล เพราะมันคุ้มค่า ข้าเองก็เสียเหมือนกัน แต่ข้าได้อะไรกลับมาเล่า? ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลหรือ?แล้วข้ายังต้องเบิกเนตรอสูรออกมาอีก ข้าต้องเสียมากมายขนาดนี้แล้วยังไม่ได้อะไรกลับมา!”
สุดท้ายเขาก็มิอาจควบคุมอารมณ์ได้ เขาระเบิดความแค้นออกมา
ความโศกเศร้าและเสียงพร่ำบ่นของเขาดังก้องโลก
แต่ในตอนนั้นเองสายลมอันน่าพิศวงได้ปรากฏระหว่างฟ้าและดิน
แสงขาวเปล่งประกายพุ่งลงมาจากฟ้าสู่ท้องของซือหยู
ซือหยูตกใจเขาอยากจะหลบ แต่เขาไม่เหลือแรงแล้ว
ท้องของเขาเต็มไปด้วยแสงขาวกระจ่าง
ความเจ็บปวดที่เขาคิดว่าจะเกิดขึ้นกลับไม่มาถึงเขากลับได้ความรู้สึกผ่อนคลายทั่วกาย ทั่วทั้งแขนขา
พลังจิตและพลังกายที่หดหายถูกฟื้นคืนเต็มที่ในพริบตา เมื่อแสงขาวกระจ่างหายไปซือหยูตื่นตัวอีกครั้งและประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้น? เบื้องบนได้ยินเสียงร่ำร้องของข้าและตัดสินใจชดใช้รึ?
“เจ้า…นี่เจ้า…”
ในมิติวิญญาณเทพปีศาจตกตะลึงและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้า….เจ้ารีบดูในท้องของเจ้าเองจะดีกว่ามีอะไรอยู่ในนั้นหรือไม่?”
ซือหยูใจหยุดเต้นเขารีบตรวจดูข้างในท้องทันที
ถ้าหากเขาไม่สังเกตก็คงจะไม่เห็นสิ่งที่เห็นทำให้เขากระโดดกลับหลังด้วยความตกใจ
ในสะดือของเขามีจุดสีขาวขนาดเท่าเมล็ดข้าวอยู่หนึ่งแห่งมันปล่อยแสงประกายออกมา
แสงประกายของมันดูคุ้นเคย
เมื่อสังเกตอย่างละเอียดซือหยูเห็นว่ามันไม่ใช่แค่แสง มันดูเหมือนกับมีบางอย่างโคจรอยู่ภายในแสงนั้น ซือหยูพยายามที่จะมองดูข้างในและประหลาดใจในที่สุดเมื่อเห็นว่ามีจักรวาลโคจรอยู่ในเมล็ดข้าวนั้น เหล่าดวงดาวหมุนรอบตัวเองไม่ขาดสาย
ในเมล็ดข้าวมีแผนที่ดาวแบบย่อส่วนที่เคลื่อนไหวได้!
“มันเหมือนจุดแสงบางอย่างที่มีแผนที่หมู่ดาวอยู่ภายในนอกนั้นก็ไม่มีอะไรแตกต่างในร่างกายข้า”
ซือหยูพูดกับเทพปีศาจ
แต่ถึงกระนั้นเทพปีศาจก็ไม่ขานรับอยู่นานโข
“เฮ้เจ้าหมา?”
ยังไม่มีการตอบสนอง
“เจ้าตายเรอะ?”
ยังไม่มีคำตอบ
“เจ้าหมาโง่พอได้แล้ว!” ซือหยูตะโกน
สุดท้ายคำตอบของเทพปีศาจได้แล่นเข้าสู่จิตใจของซือหยู
“ซือหยูข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า จงเตรียมใจให้ดี”
เสียงเทพปีศาจดูจริงจัง
ตั้งแต่ที่ได้พบกันซือหยูไม่เคยได้เห็นเทพปีศาจจริงจังขนาดนี้มาก่อน พวกเขาใช้เวลาอยู่ร่วมกันมานานพอสมควร
“จะบอกอะไรข้ากัน?”
ซือหยูใจเต้นแรงเขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังได้ยินจะเกี่ยวกับเรื่องเมล็ดข้าว
เทพปีศาจหายใจเข้าลึกทั้งเคร่งขรึมและลำบากใจ
“ยินดีด้วยเจ้าได้กลายเป็นเทพ”
ตู้ม!
ซือหยูสัมผัสได้ถึงสายฟ้าที่ระเบิดในใบหู
อะไรนะ?ข้ากลายเป็นเทพรึ? ซือหยูตัวแข็งทื่อเขาคิดถึงความเป็นไปได้จำนวนมาก แต่เขาไม่คิดว่าเทพปีศาจจะพูดเช่นนี้
“อย่าตกใจข้าเชื่อว่าเมล็ดข้าวที่เจ้าเห็นไม่ใช่สิ่งแปลกตาสำหรับเจ้าที่ได้เจอกับเทพหลินหลาง มันคือแหล่งพลังเทพ เป็นต้นกำเนิดพลัง! มันคือแหล่งพลังที่เบื้องบนมอบให้เจ้าหลังจากผ่านวิบัติสามสิบเก้า!”
“มีความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างสิ่งมีชีวิตและเทพนั่นคือเทพไม่ต้องการพลังชีวิต!”
“ดังนั้นแล้ว…ยินดีด้วย…ซือหยูผู้เป็นเจ้า”
คำพูดของเทพปีศาจติดอยู่ในใจซือหยูอย่างยาวนานเขามิอาจใจเย็นลงได้เลย
ในข้ามคืนเดียวเขาได้กลายเป็นเทพจากที่เป็นแค่ภูติงั้นรึ? เขาพูดไม่ออกกับเรื่องเหนือจริงเช่นนี้
แต่ถึงอย่างไรซือหยูก็ได้ผ่านมรสุมอย่างใหญ่หลวง หลังจากตัวสั่นอยู่นาน เขาใจเย็นลงและพูด
“มันต่างจากเทพของจริงไม่ใช่หรือ?”
เขาไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองเลย
“ไม่ใช่ว่ามันต่างกันแต่เป็นเจ้าที่เป็นแค่สิ่งที่คล้ายเทพ”
เทพปีศาจถอนหายใจด้วยความยอมรับ
ซือหยูเลิกคิ้วเขาเป็นตัวอะไรกันแน่?
“หากเซียนขั้นสูงได้ผ่านวิบัติและได้แหล่งพลังเทพมาครองพลังเซียนในกายจะเปลี่ยนเป็นแหล่งพลังเทพ และพลังเซียนในตัวจะสามารถเปลี่ยนเป็นพลังเทพได้ พลังเทพนั้นทำให้แหล่งพลังเทพมั่นคง ทำให้แหล่งพลังเติบโตพัฒนา พลังทั้งสองเกี่ยวเนื่องกัน! และเมื่อแหล่งพลังเทพมั่นคงเมื่อใด คนผู้นั้นก็ถือว่าเป็นเทพอย่างเป็นทางการ”
“และเจ้าที่อยู่ในขอบเขตภูติเจ้าได้แหล่งพลังเทพมาแต่ไร้แหล่งพลังเทพของจริง เจ้าไม่มีพลังเซียนที่จะใช้เปลี่ยนเป็นพลังเทพแหล่งพลังเทพของเจ้าโดดเดี่ยว เจ้าไม่น่าจะถูกเรียกว่าเทพได้”
หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากเทพปีศาจซือหยูเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองแล้ว
เขามีคุณสมบัติที่จะได้เป็นเทพแต่ร่างกายของเขายังไม่พร้อมที่จะเป็นเทพ
“ถ้าอย่างนั้นตอนที่ข้าเป็นเซียนและใช้พลังเซียนเปลี่ยนเป็นพลังเทพ ข้าจะกลายเป็นเทพใช่หรือไม่?”
ซือหยูถาม
แต่เทพปีศาจกลับตอบ
“เจ้าคิดว่ามันง่ายนักเรอะ?แหล่งพลังเทพของเจ้ายังไม่มั่นคงพอและต้องคงไว้ซึ่งพลังเทพ เคราะห์ร้ายที่ไม่มีพลังของเซียนที่จะเปลี่ยนเป็นพลังเทพในตัวเจ้าอยู่เลย ถ้าแหล่งพลังเทพไม่มั่นคง มันจะหดหายไปในที่สุด ข้าว่าแหล่งพลังเทพของเจ้าจะถูกทำลายก่อนที่เจ้าจะบ่มเพาะพลังเซียนได้”
“และถ้าเจ้าอยากจะได้แหล่งพลังเทพกลับคืนมาอีกครั้งเจ้าต้องผ่านวิบัติสามสิบเก้าอีกหน”