The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1113 - กับดักถึงตาย
“หุหุท่านผู้เฒ่าใจเย็นก่อน ใจเย็นก่อนท่าน”
เหวินยี่ชิงเดินไปด้านหน้าเขาแสดงแก้วระดับสูงให้ผู้เฒ่าดูและยัดมันลงในมือผู้เฒ่า
เมื่อเห็นดังนี้ผู้เฒ่าจึงใบหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อยเขารับแก้วไปโดยไม่รู้สึกอะไรและเหลือบมองคนที่เหลือ
คนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าจะจงใจหาเรื่องพวกเขาเพราะอยากจะได้สินบน
ทุกคนยิ้มและมอบของล้ำค่าให้กับผู้เฒ่าด้วยใบหน้ายินดีผู้เฒ่าเปิดปาก
“เจ้าผ่านได้”
แต่ทุกคนรวมถึงเหวินยี่ชิงก็ต้องงุนงงเมื่อผู้เฒ่ามิได้ขอของขวัญจากซือหยูและทำราวกับว่าเขาไร้ตัวตน
แต่พวกเขาต้องเก็บความประหลาดใจเอาไว้พวกเขาไม่คิดจะทำให้เรื่องลำบากในยามคับขัน พวกเขาเข้าประตูมิติไปกับซือหยู
หลังจากใส่แก้วพลังลงไปประตูมิติค่อย ๆ หมุน พวกเขาโล่งใจ
พรึ่บ!
เกิดเสียงเบาบ่งบอกว่าพวกเขาเคลื่อนย้ายสำเร็จ
แต่พวกเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไป
“นี่มันไม่ถูกต้อง!เขตของข้าอยู่ไกลนัก การเคลื่อนย้ายต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วยาม ทำไมถึง…”
“ทุกคนระวัง!นี่เป็นวิชาเคลื่อนย้ายระยะสั้น! มันไม่ใช่การเคลื่อนย้ายระดับเทวะ!”
…
ในหอเคลื่อนย้ายผู้เฒ่าแสยะยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก เขาหยิบสมบัติวิเศษที่ซ่อนอยู่ในมุมประตูมิติออกมา
สมบัติวิเศษที่เขาวางเอาไว้คือประตูเคลื่อนย้ายธรรมดาที่สามารถพรางตัวได้ ทุกคนเชื่อว่าก้าวเข้าสู่ประตูเคลื่อนย้ายเทวะแต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าแท้จริงได้เข้าประตูเคลื่อนย้ายธรรมดา
และจุดที่พวกเขาได้มาถึงย่อมไม่ใช่เขตที่พวกเขาต้องการจะไปอยู่แล้ว
พวกเขาตื่นตระหนกและรีบมองรอบ ๆ เพียงเพื่อได้พบกับบรรยากาศที่ชวนหนาวสั่นไปถึงกระดูก
พวกเขามิได้ถูกพาไปยังส่วนใดของจิวโจวเลยพวกเขาถูกส่งมายังห้องลับอันมืดสนิท
ในห้องลับซากศพนอนเกลื่อนกลาด หัวใจทุกดวงถูกควักออกไป แม้แต่ดวงวิญญาณก็หายไปด้วย!
กลิ่นเลือดพุ่งเข้าจมูกพวกเขาอย่างรุนแรงกลิ่นคนตายทำให้พวกเขาอึดอัดใจ
“หึหึมีคนมามากมายนัก ทำได้ดี ยี่ชิง”
เสียงแหบพร่าแต่น่าฟังดังจากมุมห้อง
สตรีอสูรเดินมาด้านหน้าพวกเขาด้วยฝีเท้าแผ่วเบานางมีผมขาว ริมฝีปากสีม่วง และดวงตาสีเลือด!
ใบหน้านางงดงามเป็นอย่างยิ่งแต่พลังอสูรได้ปะทุออกมาจากทุกมุมของร่างกายนาง!
เมื่อได้เห็นทุกคนใจหาย
“เซียนมณี!!”
ไม่มีใครเคยเห็นนางตัวเป็นๆ แต่พวกเขาได้เห็นภาพวาดของนางที่ถูกติดประกาศไปทั่วจิวโจว!
พวกเขารู้ว่าคนที่อยู่ในห้องลับคือเซียนมณี!
“เหวินยี่ชิง!จะ…เจ้าหักหลังพวกเรา!”
หญิงชราตัวสั่นด้วยทั้งความแค้นและความกลัว
เหวินยี่ชิงคุกเข่าต่อหน้าเซียนมณีแผ่นหลังเขาหันให้คนที่พามาโดยไม่มองกลับ เขาพูดอย่างไม่สนใจ
“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ข้าได้มีโอกาสรับใช้ท่าน!” “เจ้า!เจ้าหลอกพวกข้ามาโดยตลอดเรอะ? เจ้ากุเรื่องที่พ่อเจ้าตายด้วยสินะ?”
เหวินยี่ชิงลุกขึ้นหันหลังเขาชายตามองทุกคน
“มันต้องเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว!หลังจากที่ข้าได้ข่าวเรื่องท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่าพวกเราควรเป็นส่วนหนึ่งกับนายท่าน ต่อต้านนางไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าจึงช่วยนายท่านรวบรวมยอดฝีมือในเมืองเพื่อให้นางได้ฟื้นฟูพลังกลับคืน”
“เพื่อให้พวกเจ้าเชื่อใจข้าต้องยอมแลกกับทุกอย่าง”
เมื่อได้ฟังทุกคนรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่ปลายแขนขา!
นี่คือกับดักที่พวกเขาเดินเข้ามาเหยียบ!
ใครจะสนใจว่ายอดฝีมือที่ออกจากเขตกลางออกไปที่ใดกันเล่า?
ต่อให้มีใครรู้ว่าพวกเขาหายตัวไปมันก็ย่อมไม่เกิดรอบเขตกลางอยู่แล้ว!
“เจ้าไอ้คนชั่วช้า นรกยังไม่พอจองจำเจ้า!”
หญิงชราปล่อยจิตสังหารออกมานางมองเหวินยี่ชิง
แต่ต่อมาร่างกายนางก็พองขึ้นราวกับลูกโป่ง และนางก็ได้กลายเป็นกองเนื้อ!
หัวใจที่ยังเต้นอยู่ของนางปรากฏในมือเซียนมณีที่ยังยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับแม้แต่น้อยนางยิ้มอย่างน่ากลัวและกินหัวใจที่ยังเต้นอยู่ดวงนั้น!
ทุกคนหวาดกลัวสุดขีดแม้แต่ความกล้าที่จะต่อต้านยังถูกบดขยี้ไม่เหลือชิ้นดี
เซียนมณีกล่าวอย่างพอใจ
“ทำได้ดีมากเจ้าล่อลวงพวกยอดฝีมือในเมืองต่อไป เมื่อพลังข้าฟื้นเต็มที่ การทำให้เจ้ากลาเป็นเซียนก็มิใช่เรื่องยาก”
เหวินยี่ชิงสีหน้าพึงพอใจแต่เขาก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเหลือบมองซือหยูที่อยู่ด้านหลัง
“นายหญิงท่านไม่คิดจะกินมันรึ?” “หิม?มีคนอยู่ข้างหลังเจ้าด้วยรึ?”
เซียนมณีมองรอบๆ แต่ก็ไม่มีใคร
เหวินยี่ชิงตกตะลึงเขาหันไปมองซือหยูที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเขาและหันกลับไปมองเซียนมณีด้วยความสับสน
เซียนมณีหรี่ตาเล็กน้อย
“หรือว่าข้ามองคนที่เจ้าเห็นไม่ได้?”
“เจ้าเป็นใคร?”
เหวินยี่ชิงถามซือหยูเมื่อได้สติกลับมา
แม้กระนั้นซือหยูก็ยังยืนมือไพล่หลังตรงหน้าเขาอย่างไร้การเคลื่อนไหว
เมื่อรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้องเหวินยี่ชิงกระโจนเข้าใส่ซือหยู การโจมตีของเขาทะลวงผ่านซือหยูไป ชิ้นเนื้อและโลหิตของซือหยูกระจัดกระจายทุกหนแห่ง
เหวินยี่ชิงยิ่งสับสนเขาเห็นผีรึ?
“นายหญิงข้า…”
เหวินยี่ชิงมิอาจเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เซียนมณีหลับตาเมื่อลืมตาอีกครั้ง ลำแสงหนึ่งก็ได้ทะลวงผ่านเหวินยี่ชิง
เหวินยี่ชิงยืนนิ่งทันทีมุมมองของเขาเปลี่ยนแปลง มีบางอย่างหายไป
“อ๊ะ!ศพมันหายไปแล้ว!”
เหวินยี่ชิงพบว่าร่างซือหยูหายไปจากความว่างเปล่าแม้แต่คราบเลือดและชิ้นเนื้อก็หายไปหมด
“เจ้าได้เจอกับปรมาจารย์วิชามายาเข้าแล้ว”
เซียนมณีกล่าว
“ข้าเป็นคนแก้วิชามายาให้เจ้าข้าเกรงว่าคนผู้นั้นมองอุบายของเจ้าออกแล้ว”
เหวินยี่ชิงตกใจ
“อะไรนะ?วิชามายารึ? ข้าเห็นภาพลวงของเขามาโดยตลอดหรือ?”
เขานึกขึ้นได้ทันทีว่าตอนที่ผู้เฒ่ามองดูประตูมิติเขาไม่ได้สนใจตัวตนของซือหยูเลย ในทีแรกเขาคิดว่าผู้เฒ่านั้นดูถูกฐานพลังของซือหยูและทำเป็นเมินเขาโดยไม่ขออะไร
แต่เมื่อคิดดูอีกครั้งมันเป็นเพราะว่าผู้เฒ่าไม่ได้อยู่ในวิชามายาต่างหาก เขาจึงไม่เคยได้เห็นซือหยู!
ตลอดมาเขาและเหล่าอสูรเนรมิตรทั้งหมดได้อยู่ภายใต้วิชามายาของซือหยูมาโดยตลอด
แท้จริงแล้วซือหยูตัวจริงได้ถอยออกไปนานแล้วเมื่อทำให้ทุกคนตกอยู่ในวิชามายา
พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับซือหยูเลยตั้งแต่ต้นจนจบ!
“แล้วเขาอยู่ไหน?”
เหวินยี่ชิงสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เซียนมณีกล่าว
“เดี๋ยวเราจะได้รู้แผนของเราเกือบสำเร็จแล้ว เราควรหนีผ่านประตูมิติเทวะ”
“อะไรกัน?ทำไมแผนเราล้มเหลวเช่นนี้? นายหญิง ทุกคนอาจรู้ตัวตนของท่านแล้วยอดฝีมือจากทั้งจิวโจวกำลังจะมา”
เหวินยี่ชิงหน้าซีด
เซียนมณีไม่ได้สนใจนัก
“ข้าฟื้นพลังมาได้สามในสิบส่วนแล้วถ้าหากไม่มีเซียนอย่างน้อยสองคนร่วมมือกัน ไม่ว่าใครหน้าไหนมาก็จะกลายเป็นอาหารของข้า!”
เหวินยี่ชิงโล่งใจเล็กน้อย
“ยังมีบางคนอยู่ที่นี่แต่ข้าคิดว่านางน่าจะหนีไปแล้ว”
เซียนมณีพูดและชี้ไปยังร่างสตรีอันน่าเกลียด
“ร่างกายนี้ตายไปนานแล้วข้าคิดว่านางคงใช้ประตูมิติเทวะไปแล้วล่ะ”
เหวินยี่เชิงเหงื่อไหลโทรมกายเขาคุกเข่าลงทันที
“นายหญิงให้อภัยข้าด้วย!ข้ามันไร้ความสามารถจนพวกมันหนีไปได้สองคน!” “เจ้าพลังต่ำเกินไปจะโทษเจ้าก็ไม่ถูกนัก แล้วเจ้ารู้ตัวตนของสองคนนั้นหรือไม่?”
เซียนมณีถามหลังจากพลังเทพได้ปรากฏในจิวโจว นางได้สงสัยมาโดยตลอด นางจึงย้ายตัวเองมายังห้องลับและปิดบังพลังของตัวเองอย่างสมบูรณ์
เมื่อสองคนที่น่าสงสัยปรากฏตัวนางก็อดถามไม่ได้เพราะนางรู้สึกไม่สบายใจอยู่ข้างในเสมอมา
“ข้าไม่แน่ใจตัวสตรีแต่ข้ารู้จักชายหนุ่มคนนั้น! และท่านก็น่าจะรู้จักด้วยเช่นกัน ข้าตั้งใจจะพาเขามาให้ท่านแปลกใจตั้งแต่แรก”
เซียนมณีแปลกใจ
“เอ๋?ผู้ใดรึ?”
“ซือหยู”
“อะไรนะ?มันน่ะเรอะ?!”
เส้นผมขาวของเซียนมณีสยายขึ้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมารอบร่างอสูร นางทั้งแค้นและขมขื่น สีหน้าของนางเหมือนกับวิญญาณชั่วร้าย
“ฮ่าๆๆๆๆซือหยู ซือหยู เจ้าปฏิเสธที่จะเดินทางสู่สวรรค์กับข้า แต่เจ้าเลือกบุกไปยังนรกที่ไม่มีประตู!!!”
เซียนมณีหัวเราะอย่างชั่วร้ายพลังอสูรอันเยือกเย็นแผ่ออกมาจากดัชนีของนาง นางได้กลายเป็นหมอกทมิฬและหายตัวออกไปจากห้องลับ
เหวินยี่ชิงเดินไปด้านหน้าเขาแสดงแก้วระดับสูงให้ผู้เฒ่าดูและยัดมันลงในมือผู้เฒ่า
เมื่อเห็นดังนี้ผู้เฒ่าจึงใบหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อยเขารับแก้วไปโดยไม่รู้สึกอะไรและเหลือบมองคนที่เหลือ
คนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าจะจงใจหาเรื่องพวกเขาเพราะอยากจะได้สินบน
ทุกคนยิ้มและมอบของล้ำค่าให้กับผู้เฒ่าด้วยใบหน้ายินดีผู้เฒ่าเปิดปาก
“เจ้าผ่านได้”
แต่ทุกคนรวมถึงเหวินยี่ชิงก็ต้องงุนงงเมื่อผู้เฒ่ามิได้ขอของขวัญจากซือหยูและทำราวกับว่าเขาไร้ตัวตน
แต่พวกเขาต้องเก็บความประหลาดใจเอาไว้พวกเขาไม่คิดจะทำให้เรื่องลำบากในยามคับขัน พวกเขาเข้าประตูมิติไปกับซือหยู
หลังจากใส่แก้วพลังลงไปประตูมิติค่อย ๆ หมุน พวกเขาโล่งใจ
พรึ่บ!
เกิดเสียงเบาบ่งบอกว่าพวกเขาเคลื่อนย้ายสำเร็จ
แต่พวกเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไป
“นี่มันไม่ถูกต้อง!เขตของข้าอยู่ไกลนัก การเคลื่อนย้ายต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วยาม ทำไมถึง…”
“ทุกคนระวัง!นี่เป็นวิชาเคลื่อนย้ายระยะสั้น! มันไม่ใช่การเคลื่อนย้ายระดับเทวะ!”
…
ในหอเคลื่อนย้ายผู้เฒ่าแสยะยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก เขาหยิบสมบัติวิเศษที่ซ่อนอยู่ในมุมประตูมิติออกมา
สมบัติวิเศษที่เขาวางเอาไว้คือประตูเคลื่อนย้ายธรรมดาที่สามารถพรางตัวได้ ทุกคนเชื่อว่าก้าวเข้าสู่ประตูเคลื่อนย้ายเทวะแต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าแท้จริงได้เข้าประตูเคลื่อนย้ายธรรมดา
และจุดที่พวกเขาได้มาถึงย่อมไม่ใช่เขตที่พวกเขาต้องการจะไปอยู่แล้ว
พวกเขาตื่นตระหนกและรีบมองรอบ ๆ เพียงเพื่อได้พบกับบรรยากาศที่ชวนหนาวสั่นไปถึงกระดูก
พวกเขามิได้ถูกพาไปยังส่วนใดของจิวโจวเลยพวกเขาถูกส่งมายังห้องลับอันมืดสนิท
ในห้องลับซากศพนอนเกลื่อนกลาด หัวใจทุกดวงถูกควักออกไป แม้แต่ดวงวิญญาณก็หายไปด้วย!
กลิ่นเลือดพุ่งเข้าจมูกพวกเขาอย่างรุนแรงกลิ่นคนตายทำให้พวกเขาอึดอัดใจ
“หึหึมีคนมามากมายนัก ทำได้ดี ยี่ชิง”
เสียงแหบพร่าแต่น่าฟังดังจากมุมห้อง
สตรีอสูรเดินมาด้านหน้าพวกเขาด้วยฝีเท้าแผ่วเบานางมีผมขาว ริมฝีปากสีม่วง และดวงตาสีเลือด!
ใบหน้านางงดงามเป็นอย่างยิ่งแต่พลังอสูรได้ปะทุออกมาจากทุกมุมของร่างกายนาง!
เมื่อได้เห็นทุกคนใจหาย
“เซียนมณี!!”
ไม่มีใครเคยเห็นนางตัวเป็นๆ แต่พวกเขาได้เห็นภาพวาดของนางที่ถูกติดประกาศไปทั่วจิวโจว!
พวกเขารู้ว่าคนที่อยู่ในห้องลับคือเซียนมณี!
“เหวินยี่ชิง!จะ…เจ้าหักหลังพวกเรา!”
หญิงชราตัวสั่นด้วยทั้งความแค้นและความกลัว
เหวินยี่ชิงคุกเข่าต่อหน้าเซียนมณีแผ่นหลังเขาหันให้คนที่พามาโดยไม่มองกลับ เขาพูดอย่างไม่สนใจ
“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ข้าได้มีโอกาสรับใช้ท่าน!” “เจ้า!เจ้าหลอกพวกข้ามาโดยตลอดเรอะ? เจ้ากุเรื่องที่พ่อเจ้าตายด้วยสินะ?”
เหวินยี่ชิงลุกขึ้นหันหลังเขาชายตามองทุกคน
“มันต้องเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว!หลังจากที่ข้าได้ข่าวเรื่องท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่าพวกเราควรเป็นส่วนหนึ่งกับนายท่าน ต่อต้านนางไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าจึงช่วยนายท่านรวบรวมยอดฝีมือในเมืองเพื่อให้นางได้ฟื้นฟูพลังกลับคืน”
“เพื่อให้พวกเจ้าเชื่อใจข้าต้องยอมแลกกับทุกอย่าง”
เมื่อได้ฟังทุกคนรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่ปลายแขนขา!
นี่คือกับดักที่พวกเขาเดินเข้ามาเหยียบ!
ใครจะสนใจว่ายอดฝีมือที่ออกจากเขตกลางออกไปที่ใดกันเล่า?
ต่อให้มีใครรู้ว่าพวกเขาหายตัวไปมันก็ย่อมไม่เกิดรอบเขตกลางอยู่แล้ว!
“เจ้าไอ้คนชั่วช้า นรกยังไม่พอจองจำเจ้า!”
หญิงชราปล่อยจิตสังหารออกมานางมองเหวินยี่ชิง
แต่ต่อมาร่างกายนางก็พองขึ้นราวกับลูกโป่ง และนางก็ได้กลายเป็นกองเนื้อ!
หัวใจที่ยังเต้นอยู่ของนางปรากฏในมือเซียนมณีที่ยังยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับแม้แต่น้อยนางยิ้มอย่างน่ากลัวและกินหัวใจที่ยังเต้นอยู่ดวงนั้น!
ทุกคนหวาดกลัวสุดขีดแม้แต่ความกล้าที่จะต่อต้านยังถูกบดขยี้ไม่เหลือชิ้นดี
เซียนมณีกล่าวอย่างพอใจ
“ทำได้ดีมากเจ้าล่อลวงพวกยอดฝีมือในเมืองต่อไป เมื่อพลังข้าฟื้นเต็มที่ การทำให้เจ้ากลาเป็นเซียนก็มิใช่เรื่องยาก”
เหวินยี่ชิงสีหน้าพึงพอใจแต่เขาก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเหลือบมองซือหยูที่อยู่ด้านหลัง
“นายหญิงท่านไม่คิดจะกินมันรึ?” “หิม?มีคนอยู่ข้างหลังเจ้าด้วยรึ?”
เซียนมณีมองรอบๆ แต่ก็ไม่มีใคร
เหวินยี่ชิงตกตะลึงเขาหันไปมองซือหยูที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเขาและหันกลับไปมองเซียนมณีด้วยความสับสน
เซียนมณีหรี่ตาเล็กน้อย
“หรือว่าข้ามองคนที่เจ้าเห็นไม่ได้?”
“เจ้าเป็นใคร?”
เหวินยี่ชิงถามซือหยูเมื่อได้สติกลับมา
แม้กระนั้นซือหยูก็ยังยืนมือไพล่หลังตรงหน้าเขาอย่างไร้การเคลื่อนไหว
เมื่อรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้องเหวินยี่ชิงกระโจนเข้าใส่ซือหยู การโจมตีของเขาทะลวงผ่านซือหยูไป ชิ้นเนื้อและโลหิตของซือหยูกระจัดกระจายทุกหนแห่ง
เหวินยี่ชิงยิ่งสับสนเขาเห็นผีรึ?
“นายหญิงข้า…”
เหวินยี่ชิงมิอาจเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เซียนมณีหลับตาเมื่อลืมตาอีกครั้ง ลำแสงหนึ่งก็ได้ทะลวงผ่านเหวินยี่ชิง
เหวินยี่ชิงยืนนิ่งทันทีมุมมองของเขาเปลี่ยนแปลง มีบางอย่างหายไป
“อ๊ะ!ศพมันหายไปแล้ว!”
เหวินยี่ชิงพบว่าร่างซือหยูหายไปจากความว่างเปล่าแม้แต่คราบเลือดและชิ้นเนื้อก็หายไปหมด
“เจ้าได้เจอกับปรมาจารย์วิชามายาเข้าแล้ว”
เซียนมณีกล่าว
“ข้าเป็นคนแก้วิชามายาให้เจ้าข้าเกรงว่าคนผู้นั้นมองอุบายของเจ้าออกแล้ว”
เหวินยี่ชิงตกใจ
“อะไรนะ?วิชามายารึ? ข้าเห็นภาพลวงของเขามาโดยตลอดหรือ?”
เขานึกขึ้นได้ทันทีว่าตอนที่ผู้เฒ่ามองดูประตูมิติเขาไม่ได้สนใจตัวตนของซือหยูเลย ในทีแรกเขาคิดว่าผู้เฒ่านั้นดูถูกฐานพลังของซือหยูและทำเป็นเมินเขาโดยไม่ขออะไร
แต่เมื่อคิดดูอีกครั้งมันเป็นเพราะว่าผู้เฒ่าไม่ได้อยู่ในวิชามายาต่างหาก เขาจึงไม่เคยได้เห็นซือหยู!
ตลอดมาเขาและเหล่าอสูรเนรมิตรทั้งหมดได้อยู่ภายใต้วิชามายาของซือหยูมาโดยตลอด
แท้จริงแล้วซือหยูตัวจริงได้ถอยออกไปนานแล้วเมื่อทำให้ทุกคนตกอยู่ในวิชามายา
พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับซือหยูเลยตั้งแต่ต้นจนจบ!
“แล้วเขาอยู่ไหน?”
เหวินยี่ชิงสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เซียนมณีกล่าว
“เดี๋ยวเราจะได้รู้แผนของเราเกือบสำเร็จแล้ว เราควรหนีผ่านประตูมิติเทวะ”
“อะไรกัน?ทำไมแผนเราล้มเหลวเช่นนี้? นายหญิง ทุกคนอาจรู้ตัวตนของท่านแล้วยอดฝีมือจากทั้งจิวโจวกำลังจะมา”
เหวินยี่ชิงหน้าซีด
เซียนมณีไม่ได้สนใจนัก
“ข้าฟื้นพลังมาได้สามในสิบส่วนแล้วถ้าหากไม่มีเซียนอย่างน้อยสองคนร่วมมือกัน ไม่ว่าใครหน้าไหนมาก็จะกลายเป็นอาหารของข้า!”
เหวินยี่ชิงโล่งใจเล็กน้อย
“ยังมีบางคนอยู่ที่นี่แต่ข้าคิดว่านางน่าจะหนีไปแล้ว”
เซียนมณีพูดและชี้ไปยังร่างสตรีอันน่าเกลียด
“ร่างกายนี้ตายไปนานแล้วข้าคิดว่านางคงใช้ประตูมิติเทวะไปแล้วล่ะ”
เหวินยี่เชิงเหงื่อไหลโทรมกายเขาคุกเข่าลงทันที
“นายหญิงให้อภัยข้าด้วย!ข้ามันไร้ความสามารถจนพวกมันหนีไปได้สองคน!” “เจ้าพลังต่ำเกินไปจะโทษเจ้าก็ไม่ถูกนัก แล้วเจ้ารู้ตัวตนของสองคนนั้นหรือไม่?”
เซียนมณีถามหลังจากพลังเทพได้ปรากฏในจิวโจว นางได้สงสัยมาโดยตลอด นางจึงย้ายตัวเองมายังห้องลับและปิดบังพลังของตัวเองอย่างสมบูรณ์
เมื่อสองคนที่น่าสงสัยปรากฏตัวนางก็อดถามไม่ได้เพราะนางรู้สึกไม่สบายใจอยู่ข้างในเสมอมา
“ข้าไม่แน่ใจตัวสตรีแต่ข้ารู้จักชายหนุ่มคนนั้น! และท่านก็น่าจะรู้จักด้วยเช่นกัน ข้าตั้งใจจะพาเขามาให้ท่านแปลกใจตั้งแต่แรก”
เซียนมณีแปลกใจ
“เอ๋?ผู้ใดรึ?”
“ซือหยู”
“อะไรนะ?มันน่ะเรอะ?!”
เส้นผมขาวของเซียนมณีสยายขึ้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมารอบร่างอสูร นางทั้งแค้นและขมขื่น สีหน้าของนางเหมือนกับวิญญาณชั่วร้าย
“ฮ่าๆๆๆๆซือหยู ซือหยู เจ้าปฏิเสธที่จะเดินทางสู่สวรรค์กับข้า แต่เจ้าเลือกบุกไปยังนรกที่ไม่มีประตู!!!”
เซียนมณีหัวเราะอย่างชั่วร้ายพลังอสูรอันเยือกเย็นแผ่ออกมาจากดัชนีของนาง นางได้กลายเป็นหมอกทมิฬและหายตัวออกไปจากห้องลับ