The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1128 - ส่งถึงเรือน
หลังจากฟังคำตอบของซือหยูคนอื่นในยอดเขาพูดไม่ออก
หลิวเฉินงุนงง
‘พูดบ้าอะไรของเจ้า?เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าจะมาหาใคร! แล้วเจ้ามาทดสอบเพื่ออะไรกัน?’
เขาคิด
แม้สตรีในชุดขาวจะสุภาพและมีการศึกษานางก็ยังขุ่นเคืองซือหยูได้
การทดสอบนี้เกี่ยวข้องกับการแต่งงานของนางจะมีอะไรสำคัญกับชีวิตนางยิ่งกว่าสิ่งนี้ แล้วเขาพูดแบบนี้มาได้ยังไง?
ดังนั้นสตรีชุดขาวที่ทั้งโมโหและอับอายจึงจ้องมองซือหยูตาเขม็ง
“ข้ามีนามว่าตงฟางอวี่ข้าคือบุตรสาวคนโตของตระกูลบูรพา โปรดบอกว่าเจ้ากำลังตามหาใคร? แล้วทำไมเจ้าถึงมารับการทดสอบนี้?”
นางถาม
ท่าทางโมโหของนางทำให้ซือหยูเขินอายเขารีบขอโทษ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะป่วนการทดสอบข้ามาที่นี่เพื่อหาแม่นางตงฟาง ข้าจำได้ว่าทุกคนเรียกนางว่าแม่นางตง
ฟางและนางก็เป็นคนตระกูลบูรพา นางชื่อตงฟางเถียนเฟิง ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มาเจอเจ้า!”
เมื่อได้ฟังคนอื่นถึงกับอายแทนเขา พวกเขาเริ่มหัวเราะ แม้แต่ตงฟางอวี่ก็หัวเราะอย่างงดามราวบุพผา
สาวใช้เองก็หัวเราะเสียงดัง
“โอ้…”
นางพูด
“เจ้ารู้ว่าตระกูลบูรพามีบุตรสาวสองคนใช่ไหม?คนโตยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า ส่วนอีกคนคือน้องสาวนาง!” “ช้าก่อน!”
ซือหยูคิดถึงบางอย่างที่ทำให้เขาต้องตกใจเขานึกขึ้นได้ว่าคนในแดนมณีเคยเรียกตงฟางเถียนเฟิงว่านายหญิงน้อย
“หรือว่าข้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่เข้าแล้ว?”
เขาคิด
แม้ซือหยูจะเชื่อว่าเขาสามารถทำหน้าใจเย็นได้แม้จะอับอายเขาก็หน้าแดงขึ้นมาในตอนนี้
“ท่านซือเหตุใดถึงต้องการเจอน้องสาวข้าเล่า?”
ตงฟางอวี่ถามด้วยความสงสัยหลังจากสบายใจถ้าหากเขาไม่ได้มาเพื่อเป็นสามีนาง เขาก็จะไม่มีวันแต่งงานกับนาง นางเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเขา
“โอ้แม่นางตงฟาง ข้าได้รู้จักกับนางในแดนมณี ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมนางอย่างเป็นทางการ!” ซือหยูตอบอย่างมั่นใจ
ตงฟางอวี่ไม่ได้สงสัยเขานางรู้ว่าน้องสาวนางนั้นแตกต่างไปจากนาง น้องสาวนางนั้นเป็นคนตื่นตัวและมีสหายมาเยี่ยมอยู่เสมอ
แต่ไม่มีใครที่มาเยี่ยมนางผ่านการทดสอบของตงฟางอวี่มาก่อน
“น้องสาวข้าอยู่ที่เรือนข้าจะพาเจ้าไปหานาง!”
ตงฟางอวี่ตัดสินใจแสดงความเป็นมิตรโดยนำทางเขาไปด้วยตัวเอง
ซือหยูลุกขึ้น
“ขอบคุณนายหญิง!”
เมื่อซือหยูถูกพาตัวไปหลิวเฉินกับคนที่เหลือก็เดินทางออกจากเรือนตงฟางด้วยความรู้สึกหลากหลาย
บุตรสาวทั้งสองแห่งตระกูลบูรพาเกิดจากมารดาเดียวกันพวกนางสนิทกันมากและอยู่อาศัยเคียงข้างกันอีกด้วย
เมื่อตงฟางอวี่กับซือหยูมาถึงสวนเรือนตงฟางเถียนเฟิงพวกเขาไม่ได้เจอนางที่นั่น เมื่อสอบถามดูก็ได้ความว่าตงฟางเถียนเฟิงถูกเจ้าตำหนักเหนือเรียกตัวไป
“รอสักหน่อยเถอะอีกไม่นานนางจะกลับมา!”
ตงฟางอวี่นั่งลงและมองซือหยูด้วยความสงสัย
“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเอาชนะร่างเงาซือหยูได้ยังไง?ข้าศึกษามาอย่างละเอียดและรู้ว่ามีแค่ไม่กี่คนที่เอาชนะร่างเงาของซือหยูได้ นอกจากจางอู๋ชวงก็มีเพียงซือหยูเองเท่านั้นที่จะทำได้! เจ้ามาจากไหน? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?”
นางไม่เชื่อว่ายอดฝีมือที่มีพลังมากมายอย่างเขาจะเป็นคนนิรนาม!
ซือหยูอับอายในคำถามของนางแต่เขามิอาจบอกนางได้ว่าเขาคือซือหยูในตอนนี้
“ข้ามาจากดินแดนเอกเทศในเขตกลางข้ามักจะฝึกฝนตามลำพังและปลีกตัวจากสาธารณะ!”
“อย่างนั้นหรือ?”
ตงฟางอวี่คิดนางมองซือหยูด้วยตาเป็นประกาย จากนั้นนางก็เริ่มคิดเมื่อมองฝักกระบี่ที่ด้านหลังของซือหยู
ซือหยูหัวใจหยุดเต้นหรือว่านางจะจำเขาได้?
โชคดีที่พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบจากด้านนอกมาก่อน
คนที่เดินเข้ามาคือตงฟางเถียนเฟิงนางดูเหมือนกับเด็กสาวไร้เดียงสาซึ่งแท้จริงนั้นเจ้าเล่ห์ ผู้เฒ่าหลายคนเดินข้างกายนาง
ซือหยูตาลุกวาวในที่สุดเขาก็ได้เจอกับตงฟางเถียนเฟิง
แต่เมื่อเขายืนอยู่ต่อหน้านางแรงกดดันจากวิบัติผู้คนกลับไม่ลดน้อยลงเลย ซือหยูผิดหวังเป็นอันมาก
ตงฟางเถียนเฟิงไม่ใช่คนที่ถูกต้อง!
สตรีที่สามารถแก้ไขวิบัติผู้คนที่หยุนหยาซือกล่าวถึงไม่ใช่ตงฟางเถียนเฟิง!
หลังจากลงแรงไปมากมายเขาก็ได้ตระหนักว่าคนที่เขาตามหานั้นผิดคน! เขาย่อมต้องผิดหวังเป็นธรรมดา!
เคราะห์ดีที่เขายังเหลือเวลาอีกเจ็ดวันในการตามหาคนที่ถูกต้อง
“หืมท่านพี่มาทำอะไรล่ะ? เขาเป็นใคร?”
ตงฟางเถียนเฟิงถามนางรีบกลับมาแต่ก็พบว่าพี่สาวนางยืนอยู่กับคนแปลกหน้า
ตงฟางอวี่กลัวว่าซือหยูจะพูดว่าเขาคือผู้ชนะคนสุดท้ายในการทดสอบของนางนางจึงรีบพูด
“นี่คือสหายเจ้าเขามาที่นี่เพื่อเจอเจ้า…เดี๋ยวสิ! เจ้าไม่รู้จักเขารึ?”
ตงฟางอวี่รู้สึกถึงความผิดปกติและจ้องมองซือหยูอย่างระแวงนางเดินไปที่น้องสาว เหล่าผู้เฒ่าเองก็เดินเข้ามากำบังพวกนางเช่นกัน
“ข้าไม่รู้จักเขา!” ตงฟางเถียนเฟิงกระพริบตาตอบด้วยความสับสน
“เจ้าเป็นใคร?”
ตงฟางอวี่ถามอย่างเคร่งเครียดเขาบอกว่าเขาคือสหายของน้องสาวนาง แล้วน้องสาวนางจะบอกว่าไม่รู้จักเขาได้อย่างไร?
“อวี่เอ๋อเกิดอะไรขึ้น?”
ด้านหลังพวกนางมีผู้เฒ่าวัยกลางคนสองคนที่ยืนระวังอยู่
สตรีวัยกลางคนนั้นดูยิ่งใหญ่นางขอให้ตงฟางอวี่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
ตงฟางอวี่บอกนางทุกอย่างรวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในการทดสอบนางเชื่อว่าเขาที่แสร้งทำเป็นสหายของตงฟางเถียนเฟิงจะต้องมีความตั้งใจอื่นแอบแฝง
“ข้านับถือความกล้าของท่านแต่ท่านได้ดูหมิ่นตระกูลบูรพาไปแล้ว ข้าเกรงว่าท่านคงจะออกไปไม่ได้ง่าย ๆ!”
สตรีวัยกลางคนพูดและมองซือหยูอย่างใจเย็น
ส่วนสตรีวัยกลางคนอีกคนที่ยืนข้างนางนั้นก็มองซือหยูด้วยความสับสน
หลังจากถูกเข้าใจผิดซือหยูไม่อยากจะสร้างความขัดแข้งกับตระกูลบูรพา สตรีตรงหน้าเขาจะต้องเป็นเจ้าตำหนักเหนือที่เป็นอสูรเนรมิตรขั้นสุดยอดแน่นอน
“อะแฮ่ม!แม่นางตงฟาง เจ้าช่างลืมง่ายนัก!”
ซือหยูตอบด้วยรอยยิ้มเขาถอดหน้ากากออกให้ตงฟางเถียนเฟิงเห็นใบหน้าแก่าเฒ่าของเขา
มันคือใบหน้าที่เขาใช้ในแดนมณี
ตงฟางเถียนเฟิงเห็นว่ากล่องกระบี่ที่ด้านหลังซือหยูค่อนข้างคุ้นเคยอยู่แล้วเมื่อเขาถอดหน้ากากออก นางก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ซือ…ซือหยูเซี่ยน?”
นางไม่คิดเลยว่าซือหยูเซี่ยนจะมาเยี่ยมนางถึงที่นี่!
นางรู้ดีว่าความต่างระหว่างพลังของเขากับนางนั้นมากมายเพียงใดจากการต่อสู้ในครั้งนั้น
ต่อหน้าซือหยูที่มีพลังรองจากจางอู๋ชวงพลังของนางนั้นไม่มีค่าใด
และตอนนี้ความรู้สึกมากมายได้ผสมกันในหัวใจของนางทั้งความตกใจความดีใจ และความพอใจ นางหน้าแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น
“ทำไมถึงมาหาข้าล่ะ?”
ซือหยูไม่อยากจะบอกนางว่าเขาพยายามแก้วิบัติผู้คนโดยการมาหานางเขาพูดอย่างใจเย็น
“ข้าคิดว่าเจ้าจะอยู่ระหว่างทางในเส้นทางการเดินทางของข้าข้าเลยตัดสินใจมาเยี่ยมเจ้าในขากลับ!”
คนที่มองดูทั้งสองตกใจ
แม้แต่เจ้าตำหนักเหนือที่ใจเย็นอยู่เสมอก็แปลกใจนางถามในทันที
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คือซือหยูเซี่ยนที่เป็นดาวรุ่งของจิวโจวในตอนนี้รึ?”
ซือหยูคุกเข่าคารวะนาง
“ท่านเจ้าตำหนักโปรดอภัยให้การด่วนมาของข้าด้วย!”
เจ้าตำหนักเหนือนั้นใจกว้างนางดูเหมือนกับบุรุษในบางแง่ นางพยายามดึงซือหยูให้ยืนขึ้นและหัวเราะเสียงดัง
“เจ้าสู้เยี่ยงวีรบุรุษกับเถียนเฟิงพวกเรายินดีต้อนรับเจ้าเสมอ! ข้าดีใจนักที่เจ้ามา โปรดลุกขึ้นเถอะ!”
บุรุษสุดยอดแห่งจิวโจวมาเยี่ยมตระกูลบูรพาเช่นนี้นางจะใจเย็นอยู่ได้อย่างไร?
ในฐานะของผู้บ่มเพาะที่มีประสบการณ์นางรู้ดีว่าคนอย่างซือหยูที่อาจจะมีพลังยังไม่ถึงขั้นเซียนจะต้องได้เป็นจุดสูงสุดของอสูรเนรมิตรในอีกไม่นาน
นางย่อมอยากได้ความสัมพันธ์อันเป็นมิตรกับเขา
ที่สำคัญยิ่งกว่าทุกคนในตระกูลบูรพาก็ประทับใจที่เขาได้ต่อสู้กับเทพอสูรมณี
หากถ้าไม่มีซือหยูเซี่ยนตระกูลบูรพาคงจะเป็นตระกูลแรกที่ถูกลบหายไปจากโลกด้วยมือเซียนมณี
เวลานี้ตระกูลบูรพาจะต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะต้องรับเขาอย่างอบอุ่น
สิ่งเดียวที่กวนใจนางคือเขาจะเป็นสมาชิกตระกูลนางได้หรือไม่นางหันไปมองบุตรสาวทั้งสองและแอบถอนหายใจเมื่อมองบุตรสาวคนโต
สตรีวัยกลางคนข้างนางแสยะยิ้มขึ้นมา
“อย่างที่คิดเลยเป็นฝีมือเจ้า!”
อะไรนะ?นางพูดถึงใครกัน? ซือหยูเพียงแต่สนใจตงฟางเถียนเฟิงและไม่ได้มองคนอื่นมากนัก เมื่อได้ยินเสียง เขาหันไปมองและชักสีหน้า เขาพูดด้วยความอับอาย
“บังเอิญนักเจ้าตำหนักใต้!” สตรีวัยกลางคนอีกคนคือเจ้าตำหนักใต้ที่ป้องกันประตูมิติเทวะ!
ซือหยูจำได้ว่าเจ้าตำหนักเหนือใต้จะไม่มาพบกันหากไม่มีเรื่องเร่งด่วน!
แล้วใยเจ้าตำหนักใต้ถึงมาที่นี่เล่า?
“น้องข้าเจ้ารู้จักเขาหรือ?”
เจ้าตำหนักเหนือแปลกใจเมื่อน้องสาวนางพูดดูเหมือนว่านางจะรู้จักซือหยู
เจ้าตำหนักใต้ไม่อยากจะบอกพี่สาวว่านางถูกเขาหลอกจนประตูเทวะถูกผนึกนางกัดฟันด้วยความอับอาย
“ไม่!”
เจ้าตำหนักเหนือสับสนในคำตอบของนางแต่นางก็ไม่ได้ถามละเอียดนักเพราะนางรู้ว่าน้องสาวนางมิได้มีความแค้นฝังลึกกับซือหยู นางหันไปมองซือหยู
“หึ!หึ! ข้าจำได้ว่าเจ้ามีอีกตัวตนนี่! ใช่ไหม?”
นางถาม แน่นอนอีกตัวตนของเขาคือซือหยู!
เพราะการเปลี่ยนแปลงใบหน้าของเขาจึงไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าซือหยูเซี่ยนคือซือหยู
“ข้ามีปัญหากับราชาเขตกลางข้าจึงต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเอง อภัยให้ข้าด้วย!”
ซือหยูคืนรูปลักษณ์ของชายหนุ่ม
อ๊า!
ตงฟางอวี่ตะโกนด้วยความตกใจและมองซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตา
ตอนที่น้องสาวนางบอกว่าเขาคือซือหยูเซี่ยนตงฟางอวี่ได้สงสัยในตัวตนของเขาจนถึงตอนนี้
“เจ้าเองหรือ!”
เจ้าตำหนักใต้เองก็ตกใจจากนั้นนางก็พูดด้วยความดีใจ
“ฮ่า!ฮ่า! ฮ่า! คนที่ข้าเห็นวันนั้นคือเจ้าจริง ๆ ด้วย!”
จากนั้นนางก็มองตงฟางอวี่ด้วยความโล่งใจ
เจ้าตำหนักทั้งสองประสานสายตา
เจ้าตำหนักใต้ส่งกระแสจิต
“ท่านพี่ลาภลอยมาถึงพวกเราแล้ว! ข้าคิดว่าอวี่เอ๋อจะไม่มีโอกาสได้แต่งงานกับซือหยูเสียอีก นี่แหละ โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว!”
เจ้าตำหนักเหนือยิ้มแต่ไม่พูดอะไรนางคือแม่ตงฟางอวี่ นางย่อมรู้จักบุตรสาวของตัวเองดีกว่าใคร
ลูกสาวคนโตของนางชื่นชมซือหยูที่ช่วยตระกูลบูรพาให้พ้นภัยเขาคือยอดฝีมือระดับสุดยอด และเขาก็เอาชนะใจนางได้สำเร็จ
แม้ตงฟางอวี่จะไม่เคยพูดถึงการตอบสนองของนางก็เปิดเผยความลับออกมาจนหมดเปลือก
เจ้าตำหนักเหนือไม่เคยคิดถึงเรื่องความเป็นไปได้มาก่อนซือหยูอยู่เขตกลาง เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดกับตระกูลบูรพา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแต่งงานกับตงฟางอวี่!
เพื่อที่จะหยุดตงฟางอวี่ไม่ให้รักข้างเดียวนางจึงจัดการทดสอบเพื่อหาสามีให้ตงฟางอวี่ นางเชื่อว่าตงฟางอวี่จะหลุดจากโลกแห่งความฝันมาแต่งงานกับชายอื่น
นางไม่เคยคิดว่าซือหยูจะส่งตัวเองถึงเรือนนางเช่นนี้!
ซือหยูคือบุรุษที่ดีที่สุดในจิวโจวที่จะเป็นนสามีของตงฟางอวี่และการเข้าร่วมตระกูลบูรพาของเขาก็ย่อมทำให้พวกนางแข็งแกร่งขึ้น
“ท่านพี่เรื่องนี้ต้องไตร่ตรองเสียก่อน ถึงเขาจะอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับอวี่เอ๋อ เราจะบังคับให้เขาแต่งงานกับอวี่เอ๋อไม่ได้ มิเช่นนั้นผลลัพธ์จะออกมาตรงกันข้าม!”
เจ้าตำหนักเหนือยิ้ม
“หึ!หึ! น้องข้า เจ้าลืมวิธีที่เขาเข้ามาในเรือนเราแล้วหรือ?”
หลิวเฉินงุนงง
‘พูดบ้าอะไรของเจ้า?เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าจะมาหาใคร! แล้วเจ้ามาทดสอบเพื่ออะไรกัน?’
เขาคิด
แม้สตรีในชุดขาวจะสุภาพและมีการศึกษานางก็ยังขุ่นเคืองซือหยูได้
การทดสอบนี้เกี่ยวข้องกับการแต่งงานของนางจะมีอะไรสำคัญกับชีวิตนางยิ่งกว่าสิ่งนี้ แล้วเขาพูดแบบนี้มาได้ยังไง?
ดังนั้นสตรีชุดขาวที่ทั้งโมโหและอับอายจึงจ้องมองซือหยูตาเขม็ง
“ข้ามีนามว่าตงฟางอวี่ข้าคือบุตรสาวคนโตของตระกูลบูรพา โปรดบอกว่าเจ้ากำลังตามหาใคร? แล้วทำไมเจ้าถึงมารับการทดสอบนี้?”
นางถาม
ท่าทางโมโหของนางทำให้ซือหยูเขินอายเขารีบขอโทษ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะป่วนการทดสอบข้ามาที่นี่เพื่อหาแม่นางตงฟาง ข้าจำได้ว่าทุกคนเรียกนางว่าแม่นางตง
ฟางและนางก็เป็นคนตระกูลบูรพา นางชื่อตงฟางเถียนเฟิง ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มาเจอเจ้า!”
เมื่อได้ฟังคนอื่นถึงกับอายแทนเขา พวกเขาเริ่มหัวเราะ แม้แต่ตงฟางอวี่ก็หัวเราะอย่างงดามราวบุพผา
สาวใช้เองก็หัวเราะเสียงดัง
“โอ้…”
นางพูด
“เจ้ารู้ว่าตระกูลบูรพามีบุตรสาวสองคนใช่ไหม?คนโตยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า ส่วนอีกคนคือน้องสาวนาง!” “ช้าก่อน!”
ซือหยูคิดถึงบางอย่างที่ทำให้เขาต้องตกใจเขานึกขึ้นได้ว่าคนในแดนมณีเคยเรียกตงฟางเถียนเฟิงว่านายหญิงน้อย
“หรือว่าข้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่เข้าแล้ว?”
เขาคิด
แม้ซือหยูจะเชื่อว่าเขาสามารถทำหน้าใจเย็นได้แม้จะอับอายเขาก็หน้าแดงขึ้นมาในตอนนี้
“ท่านซือเหตุใดถึงต้องการเจอน้องสาวข้าเล่า?”
ตงฟางอวี่ถามด้วยความสงสัยหลังจากสบายใจถ้าหากเขาไม่ได้มาเพื่อเป็นสามีนาง เขาก็จะไม่มีวันแต่งงานกับนาง นางเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเขา
“โอ้แม่นางตงฟาง ข้าได้รู้จักกับนางในแดนมณี ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมนางอย่างเป็นทางการ!” ซือหยูตอบอย่างมั่นใจ
ตงฟางอวี่ไม่ได้สงสัยเขานางรู้ว่าน้องสาวนางนั้นแตกต่างไปจากนาง น้องสาวนางนั้นเป็นคนตื่นตัวและมีสหายมาเยี่ยมอยู่เสมอ
แต่ไม่มีใครที่มาเยี่ยมนางผ่านการทดสอบของตงฟางอวี่มาก่อน
“น้องสาวข้าอยู่ที่เรือนข้าจะพาเจ้าไปหานาง!”
ตงฟางอวี่ตัดสินใจแสดงความเป็นมิตรโดยนำทางเขาไปด้วยตัวเอง
ซือหยูลุกขึ้น
“ขอบคุณนายหญิง!”
เมื่อซือหยูถูกพาตัวไปหลิวเฉินกับคนที่เหลือก็เดินทางออกจากเรือนตงฟางด้วยความรู้สึกหลากหลาย
บุตรสาวทั้งสองแห่งตระกูลบูรพาเกิดจากมารดาเดียวกันพวกนางสนิทกันมากและอยู่อาศัยเคียงข้างกันอีกด้วย
เมื่อตงฟางอวี่กับซือหยูมาถึงสวนเรือนตงฟางเถียนเฟิงพวกเขาไม่ได้เจอนางที่นั่น เมื่อสอบถามดูก็ได้ความว่าตงฟางเถียนเฟิงถูกเจ้าตำหนักเหนือเรียกตัวไป
“รอสักหน่อยเถอะอีกไม่นานนางจะกลับมา!”
ตงฟางอวี่นั่งลงและมองซือหยูด้วยความสงสัย
“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเอาชนะร่างเงาซือหยูได้ยังไง?ข้าศึกษามาอย่างละเอียดและรู้ว่ามีแค่ไม่กี่คนที่เอาชนะร่างเงาของซือหยูได้ นอกจากจางอู๋ชวงก็มีเพียงซือหยูเองเท่านั้นที่จะทำได้! เจ้ามาจากไหน? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?”
นางไม่เชื่อว่ายอดฝีมือที่มีพลังมากมายอย่างเขาจะเป็นคนนิรนาม!
ซือหยูอับอายในคำถามของนางแต่เขามิอาจบอกนางได้ว่าเขาคือซือหยูในตอนนี้
“ข้ามาจากดินแดนเอกเทศในเขตกลางข้ามักจะฝึกฝนตามลำพังและปลีกตัวจากสาธารณะ!”
“อย่างนั้นหรือ?”
ตงฟางอวี่คิดนางมองซือหยูด้วยตาเป็นประกาย จากนั้นนางก็เริ่มคิดเมื่อมองฝักกระบี่ที่ด้านหลังของซือหยู
ซือหยูหัวใจหยุดเต้นหรือว่านางจะจำเขาได้?
โชคดีที่พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบจากด้านนอกมาก่อน
คนที่เดินเข้ามาคือตงฟางเถียนเฟิงนางดูเหมือนกับเด็กสาวไร้เดียงสาซึ่งแท้จริงนั้นเจ้าเล่ห์ ผู้เฒ่าหลายคนเดินข้างกายนาง
ซือหยูตาลุกวาวในที่สุดเขาก็ได้เจอกับตงฟางเถียนเฟิง
แต่เมื่อเขายืนอยู่ต่อหน้านางแรงกดดันจากวิบัติผู้คนกลับไม่ลดน้อยลงเลย ซือหยูผิดหวังเป็นอันมาก
ตงฟางเถียนเฟิงไม่ใช่คนที่ถูกต้อง!
สตรีที่สามารถแก้ไขวิบัติผู้คนที่หยุนหยาซือกล่าวถึงไม่ใช่ตงฟางเถียนเฟิง!
หลังจากลงแรงไปมากมายเขาก็ได้ตระหนักว่าคนที่เขาตามหานั้นผิดคน! เขาย่อมต้องผิดหวังเป็นธรรมดา!
เคราะห์ดีที่เขายังเหลือเวลาอีกเจ็ดวันในการตามหาคนที่ถูกต้อง
“หืมท่านพี่มาทำอะไรล่ะ? เขาเป็นใคร?”
ตงฟางเถียนเฟิงถามนางรีบกลับมาแต่ก็พบว่าพี่สาวนางยืนอยู่กับคนแปลกหน้า
ตงฟางอวี่กลัวว่าซือหยูจะพูดว่าเขาคือผู้ชนะคนสุดท้ายในการทดสอบของนางนางจึงรีบพูด
“นี่คือสหายเจ้าเขามาที่นี่เพื่อเจอเจ้า…เดี๋ยวสิ! เจ้าไม่รู้จักเขารึ?”
ตงฟางอวี่รู้สึกถึงความผิดปกติและจ้องมองซือหยูอย่างระแวงนางเดินไปที่น้องสาว เหล่าผู้เฒ่าเองก็เดินเข้ามากำบังพวกนางเช่นกัน
“ข้าไม่รู้จักเขา!” ตงฟางเถียนเฟิงกระพริบตาตอบด้วยความสับสน
“เจ้าเป็นใคร?”
ตงฟางอวี่ถามอย่างเคร่งเครียดเขาบอกว่าเขาคือสหายของน้องสาวนาง แล้วน้องสาวนางจะบอกว่าไม่รู้จักเขาได้อย่างไร?
“อวี่เอ๋อเกิดอะไรขึ้น?”
ด้านหลังพวกนางมีผู้เฒ่าวัยกลางคนสองคนที่ยืนระวังอยู่
สตรีวัยกลางคนนั้นดูยิ่งใหญ่นางขอให้ตงฟางอวี่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น
ตงฟางอวี่บอกนางทุกอย่างรวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในการทดสอบนางเชื่อว่าเขาที่แสร้งทำเป็นสหายของตงฟางเถียนเฟิงจะต้องมีความตั้งใจอื่นแอบแฝง
“ข้านับถือความกล้าของท่านแต่ท่านได้ดูหมิ่นตระกูลบูรพาไปแล้ว ข้าเกรงว่าท่านคงจะออกไปไม่ได้ง่าย ๆ!”
สตรีวัยกลางคนพูดและมองซือหยูอย่างใจเย็น
ส่วนสตรีวัยกลางคนอีกคนที่ยืนข้างนางนั้นก็มองซือหยูด้วยความสับสน
หลังจากถูกเข้าใจผิดซือหยูไม่อยากจะสร้างความขัดแข้งกับตระกูลบูรพา สตรีตรงหน้าเขาจะต้องเป็นเจ้าตำหนักเหนือที่เป็นอสูรเนรมิตรขั้นสุดยอดแน่นอน
“อะแฮ่ม!แม่นางตงฟาง เจ้าช่างลืมง่ายนัก!”
ซือหยูตอบด้วยรอยยิ้มเขาถอดหน้ากากออกให้ตงฟางเถียนเฟิงเห็นใบหน้าแก่าเฒ่าของเขา
มันคือใบหน้าที่เขาใช้ในแดนมณี
ตงฟางเถียนเฟิงเห็นว่ากล่องกระบี่ที่ด้านหลังซือหยูค่อนข้างคุ้นเคยอยู่แล้วเมื่อเขาถอดหน้ากากออก นางก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ซือ…ซือหยูเซี่ยน?”
นางไม่คิดเลยว่าซือหยูเซี่ยนจะมาเยี่ยมนางถึงที่นี่!
นางรู้ดีว่าความต่างระหว่างพลังของเขากับนางนั้นมากมายเพียงใดจากการต่อสู้ในครั้งนั้น
ต่อหน้าซือหยูที่มีพลังรองจากจางอู๋ชวงพลังของนางนั้นไม่มีค่าใด
และตอนนี้ความรู้สึกมากมายได้ผสมกันในหัวใจของนางทั้งความตกใจความดีใจ และความพอใจ นางหน้าแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น
“ทำไมถึงมาหาข้าล่ะ?”
ซือหยูไม่อยากจะบอกนางว่าเขาพยายามแก้วิบัติผู้คนโดยการมาหานางเขาพูดอย่างใจเย็น
“ข้าคิดว่าเจ้าจะอยู่ระหว่างทางในเส้นทางการเดินทางของข้าข้าเลยตัดสินใจมาเยี่ยมเจ้าในขากลับ!”
คนที่มองดูทั้งสองตกใจ
แม้แต่เจ้าตำหนักเหนือที่ใจเย็นอยู่เสมอก็แปลกใจนางถามในทันที
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คือซือหยูเซี่ยนที่เป็นดาวรุ่งของจิวโจวในตอนนี้รึ?”
ซือหยูคุกเข่าคารวะนาง
“ท่านเจ้าตำหนักโปรดอภัยให้การด่วนมาของข้าด้วย!”
เจ้าตำหนักเหนือนั้นใจกว้างนางดูเหมือนกับบุรุษในบางแง่ นางพยายามดึงซือหยูให้ยืนขึ้นและหัวเราะเสียงดัง
“เจ้าสู้เยี่ยงวีรบุรุษกับเถียนเฟิงพวกเรายินดีต้อนรับเจ้าเสมอ! ข้าดีใจนักที่เจ้ามา โปรดลุกขึ้นเถอะ!”
บุรุษสุดยอดแห่งจิวโจวมาเยี่ยมตระกูลบูรพาเช่นนี้นางจะใจเย็นอยู่ได้อย่างไร?
ในฐานะของผู้บ่มเพาะที่มีประสบการณ์นางรู้ดีว่าคนอย่างซือหยูที่อาจจะมีพลังยังไม่ถึงขั้นเซียนจะต้องได้เป็นจุดสูงสุดของอสูรเนรมิตรในอีกไม่นาน
นางย่อมอยากได้ความสัมพันธ์อันเป็นมิตรกับเขา
ที่สำคัญยิ่งกว่าทุกคนในตระกูลบูรพาก็ประทับใจที่เขาได้ต่อสู้กับเทพอสูรมณี
หากถ้าไม่มีซือหยูเซี่ยนตระกูลบูรพาคงจะเป็นตระกูลแรกที่ถูกลบหายไปจากโลกด้วยมือเซียนมณี
เวลานี้ตระกูลบูรพาจะต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะต้องรับเขาอย่างอบอุ่น
สิ่งเดียวที่กวนใจนางคือเขาจะเป็นสมาชิกตระกูลนางได้หรือไม่นางหันไปมองบุตรสาวทั้งสองและแอบถอนหายใจเมื่อมองบุตรสาวคนโต
สตรีวัยกลางคนข้างนางแสยะยิ้มขึ้นมา
“อย่างที่คิดเลยเป็นฝีมือเจ้า!”
อะไรนะ?นางพูดถึงใครกัน? ซือหยูเพียงแต่สนใจตงฟางเถียนเฟิงและไม่ได้มองคนอื่นมากนัก เมื่อได้ยินเสียง เขาหันไปมองและชักสีหน้า เขาพูดด้วยความอับอาย
“บังเอิญนักเจ้าตำหนักใต้!” สตรีวัยกลางคนอีกคนคือเจ้าตำหนักใต้ที่ป้องกันประตูมิติเทวะ!
ซือหยูจำได้ว่าเจ้าตำหนักเหนือใต้จะไม่มาพบกันหากไม่มีเรื่องเร่งด่วน!
แล้วใยเจ้าตำหนักใต้ถึงมาที่นี่เล่า?
“น้องข้าเจ้ารู้จักเขาหรือ?”
เจ้าตำหนักเหนือแปลกใจเมื่อน้องสาวนางพูดดูเหมือนว่านางจะรู้จักซือหยู
เจ้าตำหนักใต้ไม่อยากจะบอกพี่สาวว่านางถูกเขาหลอกจนประตูเทวะถูกผนึกนางกัดฟันด้วยความอับอาย
“ไม่!”
เจ้าตำหนักเหนือสับสนในคำตอบของนางแต่นางก็ไม่ได้ถามละเอียดนักเพราะนางรู้ว่าน้องสาวนางมิได้มีความแค้นฝังลึกกับซือหยู นางหันไปมองซือหยู
“หึ!หึ! ข้าจำได้ว่าเจ้ามีอีกตัวตนนี่! ใช่ไหม?”
นางถาม แน่นอนอีกตัวตนของเขาคือซือหยู!
เพราะการเปลี่ยนแปลงใบหน้าของเขาจึงไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าซือหยูเซี่ยนคือซือหยู
“ข้ามีปัญหากับราชาเขตกลางข้าจึงต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเอง อภัยให้ข้าด้วย!”
ซือหยูคืนรูปลักษณ์ของชายหนุ่ม
อ๊า!
ตงฟางอวี่ตะโกนด้วยความตกใจและมองซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตา
ตอนที่น้องสาวนางบอกว่าเขาคือซือหยูเซี่ยนตงฟางอวี่ได้สงสัยในตัวตนของเขาจนถึงตอนนี้
“เจ้าเองหรือ!”
เจ้าตำหนักใต้เองก็ตกใจจากนั้นนางก็พูดด้วยความดีใจ
“ฮ่า!ฮ่า! ฮ่า! คนที่ข้าเห็นวันนั้นคือเจ้าจริง ๆ ด้วย!”
จากนั้นนางก็มองตงฟางอวี่ด้วยความโล่งใจ
เจ้าตำหนักทั้งสองประสานสายตา
เจ้าตำหนักใต้ส่งกระแสจิต
“ท่านพี่ลาภลอยมาถึงพวกเราแล้ว! ข้าคิดว่าอวี่เอ๋อจะไม่มีโอกาสได้แต่งงานกับซือหยูเสียอีก นี่แหละ โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว!”
เจ้าตำหนักเหนือยิ้มแต่ไม่พูดอะไรนางคือแม่ตงฟางอวี่ นางย่อมรู้จักบุตรสาวของตัวเองดีกว่าใคร
ลูกสาวคนโตของนางชื่นชมซือหยูที่ช่วยตระกูลบูรพาให้พ้นภัยเขาคือยอดฝีมือระดับสุดยอด และเขาก็เอาชนะใจนางได้สำเร็จ
แม้ตงฟางอวี่จะไม่เคยพูดถึงการตอบสนองของนางก็เปิดเผยความลับออกมาจนหมดเปลือก
เจ้าตำหนักเหนือไม่เคยคิดถึงเรื่องความเป็นไปได้มาก่อนซือหยูอยู่เขตกลาง เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดกับตระกูลบูรพา เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแต่งงานกับตงฟางอวี่!
เพื่อที่จะหยุดตงฟางอวี่ไม่ให้รักข้างเดียวนางจึงจัดการทดสอบเพื่อหาสามีให้ตงฟางอวี่ นางเชื่อว่าตงฟางอวี่จะหลุดจากโลกแห่งความฝันมาแต่งงานกับชายอื่น
นางไม่เคยคิดว่าซือหยูจะส่งตัวเองถึงเรือนนางเช่นนี้!
ซือหยูคือบุรุษที่ดีที่สุดในจิวโจวที่จะเป็นนสามีของตงฟางอวี่และการเข้าร่วมตระกูลบูรพาของเขาก็ย่อมทำให้พวกนางแข็งแกร่งขึ้น
“ท่านพี่เรื่องนี้ต้องไตร่ตรองเสียก่อน ถึงเขาจะอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับอวี่เอ๋อ เราจะบังคับให้เขาแต่งงานกับอวี่เอ๋อไม่ได้ มิเช่นนั้นผลลัพธ์จะออกมาตรงกันข้าม!”
เจ้าตำหนักเหนือยิ้ม
“หึ!หึ! น้องข้า เจ้าลืมวิธีที่เขาเข้ามาในเรือนเราแล้วหรือ?”