The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1130 - ภูเขาประหลาด
ซือหยูเส้นเลือดปูดโปนเขาพยายามจะลบผนึกออกไปแต่ก็พบว่ามันฝังลึกในร่างกายของเขาราวกับเป็นเหล็กที่มิอาจขยับได้
วิธีธรรมดามิอาจขจัดผนึกนี้ได้
“นังบ้า!”
ซือหยูไม่แน่ใจว่าจะโมโหหรือหัวเราะพวกนางรู้ไม่ว่าซือหยูจะไปที่ใด เขามิอาจหลบเลี่ยงสายตาพวกนางได้เลย
เขากำลังจะได้เจ้าสาวหรือ?นี่มันเป็นการคลุมถุงชนชัด ๆ!
เมื่อกลับเข้าเรือนซือหยูใช้เวลาเพื่อวางแผน
หลังจากวันนี้วิบัติจะมีพลังที่น่ากลัวขึ้น แรงกดดันของมันลึกล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มิอาจเข้าใจคำว่า ‘วิหคเพลิง’ ที่หยุนหยาซือกล่าวถึงได้ มันคือสิ่งของรึ?
เขาจะอยู่ในตระกูลบูรพาไม่ได้อีกเขาต้องรีบหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนผนึกในตัวมันคือสิ่งไม่บริสุทธิ์ที่สามารถใช้ทรายดาราทางช้างเผือกขจัดออกได้ไม่ใช่หรือ?
รอยยิ้มโลดแล่นที่ริมฝีปากของเขา
เช้าวันถัดมายามรุ่งสาง ข้ารับใช้ตำหนักเริ่มส่งเสียงเอะอะ พวกนางประดับประดาตำหนักอย่างขมักเขม้น
เพราะว่าตระกูลบูรพากำลังจะทำการต้อนรับลูกเขยคนใหม่
ซือหยูยืนมองประตูด้วยความสิ้นหวัง
“ท่าน…”
สาวงามในชุดขาวเดินอย่างสง่างามมาหาเขาใบหน้านางงดงามราวกับหิมะ แก้มนางแดงระเรื่อ ดวงตาสดใสมองเขาด้วยความเขินอาย
ซือหยูถอนหายใจ
“นายหญิงเจ้าตัดสินใจจริง ๆ หรือว่าจะแต่งงานกับข้า? ถ้ายืนกรานว่าจะไม่ทำ งานพิธีก็ย่อมยกเลิกได้”
ดูจากการออกแบบการทดสอบที่สี่ของนางที่เป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านตงฟางอวี่จะต้องไม่ใช่สตรีอ่อนแอที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง นางคือคนเฉียบขาดที่พึ่งพาตัวเองได้
“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญข้าจะฟังคำพูดของท่านแม่”
ตงฟางอวี่ตาเป็นประกายดั่งแก้วนางถามอย่างสงบใจ
“ท่านไม่ชอบข้าหรือ?”
ซือหยูยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อมองนางไม้อันงดงามจนแทบทำให้ลืมหายใจตรงหน้า
“นายหญิงทุกอย่างของท่านเหนือกว่าสตรีอื่นใดในโลก”
“แต่ข้าไม่ปรารถนาให้ตระกูลบูรพาเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของข้าข้าเองก็ไม่ปรารถนาจะมอบภัยให้คนของท่าน หากเป็นไปได้ โปรดเกลี้ยกล่อมท่านเจ้าตำหนักด้วยเถอะ” เมื่อได้ฟังคำชมของซือหยูตงฟางอวี่สบายใจขึ้น นางหน้าแดง
“วางใจเถอะท่านซือบรรพบุรุษทั้งสองของเรายังอยู่ ราชาเขตกลางย่อมไม่กล้ากระทำสิ่งใด”
ราชาเขตกลางมีพลังไร้เทียมทานเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเซียนด้วยกัน แต่ถ้าหากเซียนสองคนจับมือกันต่อสู้กับเขา เขาก็อาจจะไม่ชนะ
แต่ซือหยูรู้ดีกว่าใครอื่นวิบัติผู้คนนั้นมิอาจเลี่ยงได้ การต่อสู้ต้องเกินขึ้นในอีกหกวันหลังจากนี้
ซือหยูถอนหายใจเงียบๆ และไม่พูดอะไรอีก เขาทำได้แต่คิดหาวิธีหนีออกจากตระกูลบูรพา
“หากต้องการสิ่งใดโปรดบอกข้าบรรพบุรุษเราปรารถนาที่จะทำตามคำขอของท่านซือให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำให้”
ตงฟางอวี่กล่าว คำขอรึ?ซือหยูมองเขาห้าธาตุที่อยู่ไกลออกไป
“ข้าอยากจะบ่มเพาะด้วยเขาห้าธาตุมันเป็นไปได้หรือไม่?”
“บ่มเพาะ…”
ตงฟางอวี่สายตาหม่นหมองเขากำลังจะหนีจากนางด้วยการอ้างว่าไปบ่มเพาะหรือ?
ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่เผยความผิดหวังออกมานางรีบตอบ
“แน่นอนภูเขาถูกพบโดยสองบรรพบุรุษจากแดนตะวันตก มันเป็นผลดีกับคนที่บ่มเพาะพลังห้าธาตุ”
“ดังนั้นพวกท่านจึงนำมันกลับมาที่ตระกูลข้างในถ้ำมีจุดที่ถูกพัฒนาให้บ่มเพาะอยู่ หากปรารถนาจะฝึกฝนก็ไม่น่าจะมีปัญหา”
เมื่อเห็นว่าซือหยูสนใจในเขาห้าธาตุตงฟางอวี่พูดขณะที่เดิน
“้ขาห้าธาตุมีพลังของธาตุทั้งห้า”
“ยิ่งเข้าใกล้ด้านในภูเขามากเท่าใดพลังห้าธาตุก็ยิ่งมากขึ้น แม้แต่ท่านบรรพบุรุษก็ไปไม่ถึงแกนเขา”
ซือหยูแปลกใจ
“แม้แต่เซียนก็ผ่านภูเขานี้ไม่ได้รึ?”
“ไม่ใช่แค่พวกนางเท่านั้นเรื่องเล่ากล่าวว่าตอนที่ได้เจอภูเขา พวกนางได้พบว่ามีโครงกระดูกอสูรถูกภูเขาทับอยู่ด้วย”
ตงฟางอวี่บอกเรื่องในอดีต
“พวกนางนำมาหาต้นตอดูและก็พบว่ามันคือโครงกระดูกของเทพ!”
โครงกระดูกเทพรึ?ซือหยูตกใจ เขาจ้องมองภูเขาห้าธาตุ
ภูเขาลูกนี้ฆ่าเทพได้งั้นหรือ?
“แต่มันก็นานมากแล้วประวัติศาสตร์ยาวนานหลายแสนปี ซากเทพอสูรเสียพลังเทพไปแล้ว มิเช่นนั้นมันคงเป็นสมบัติล้ำค่า”
ตงฟางอวี่พูดด้วยความเศร้า
เมื่อได้ฟังเรื่องเล่ามหัศจรรย์ซือหยูยิ่งสนใจในภูเขาห้าธาตุมากขึ้น เขายังสงสัยถึงเรื่องดินแดนตะวันตก ดูเหมือนว่ามันจะเต็มไปด้วยของหายากที่จิวโจวไม่เคยมี
เส้นทางถูกขุดไปถึงด้านในถ้ำนำไปสู่แกนกลาง
ดูจากร่องรอยที่เหลือในกำแพงถ้ำมันคืออุโมงค์ที่ถูกขุดมานานมากแล้ว
ซือหยูลูบกำแพงศิลาและรู้สึกถึงความหนักแน่นของเขาห้าธาตุปลายดัชนีของเขาแอบปล่อยพลังกระบี่เงินออกมา
แต่ซือหยูก็ต้องตกใจที่พลังกระบี่ของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ไม่ได้ทิ้งร่องรอยบนผนังศิลาได้เลย
ตงฟางอวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นซือหยู
“วัตถุดิบเขาห้าธาตุแข็งแกร่งมากบรรพบุรุษยังบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไรจนถึงตอนนี้”
“ทั้งหมดที่รู้คือมันไม่ได้มาจากจิวโจวบรรพบุรุษของเรานำหินออกจากภูเขาไม่ได้ด้วยซ้ำแม้จะใช้พลังหลายรูปแบบ”
ตงฟางอวี่ไม่รู้ว่าซือหยูใช้พลังของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่นับว่าเป็นไผ่ที่ทรงพลังที่สุดในจิวโจวตามทฤษฎี มันสามารถตัดได้แม้แต่สมบัติภูติ แต่มันไม่ได้ทิ้งร่องรอยในเวลานี้เลย…
ความแข็งแรงของวัตถุดิบนี้อย่างเดียวก็นับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของโลกนี้แล้ว!
ตระกูลบูรพาเจอสมบัติอันยอดเยี่ยมจากดินแดนตะวันตกมาจริง
“พลังห้าธาตุของข้ามีไม่มากนักข้าส่งเจ้าได้แค่ที่นี่ ถ้ารู้สึกว่ารับพลังห้าธาตุไม่ไหวก็จงจำไว้ว่าอย่าไปให้ไกลกว่าเดิม”
ตงฟางอวี่ถอยกลับไปช้าๆ
ซือหยูมุ่งหน้าไปยังความลึกของภูเขาด้วยตัวเองเขาค่อย ๆ หลับตาและพยายามจะบรรลุอักษรอสูรตัวสุดท้ายให้ได้
ในมุกวิญญาณเก้าหยกด้านในคุกเทวะห้าธาตุ
ในความว่างเปล่าอันมืดมิดมังกรวารีได้แหวกว่ายออกมาจากอักษรอสูรด้วยความตื่นเต้น
“เกือบแล้วอีกแค่นิดเดียว เจ้าหนูนั่นกำลังจะเข้าใจอักษรที่หนึ่งร้อยแล้ว! อีกนิดเดียว!”
“ข้าโชคดีนักที่ได้เจอกับมนุษย์เช่นนี้สุดท้ายข้าก็จะได้เป็นอิสระ! เจ้าหนู อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ!”
มังกรวารีกล่าวอย่างดีใจ
แต่ใบนตอนนั้นเองเมื่อซือหยูเข้าสู่เขาห้าธาตุ มังกรวารีก็ชักสีหน้า
“ความรู้สึกนี้มัน…มันคือสิ่งนั้นรึ?”
มังกรแววตาหวาดกลัว
“เป็นไปไม่ได้ภูเขานี้ถูกเอาไปที่ดินแดนเทพแล้วไม่ใช่รึ? ทำไมมันถึงมาอยู่ในจิวโจวกับคุกเทวะห้าธาตุได้เล่า?”
วิธีธรรมดามิอาจขจัดผนึกนี้ได้
“นังบ้า!”
ซือหยูไม่แน่ใจว่าจะโมโหหรือหัวเราะพวกนางรู้ไม่ว่าซือหยูจะไปที่ใด เขามิอาจหลบเลี่ยงสายตาพวกนางได้เลย
เขากำลังจะได้เจ้าสาวหรือ?นี่มันเป็นการคลุมถุงชนชัด ๆ!
เมื่อกลับเข้าเรือนซือหยูใช้เวลาเพื่อวางแผน
หลังจากวันนี้วิบัติจะมีพลังที่น่ากลัวขึ้น แรงกดดันของมันลึกล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มิอาจเข้าใจคำว่า ‘วิหคเพลิง’ ที่หยุนหยาซือกล่าวถึงได้ มันคือสิ่งของรึ?
เขาจะอยู่ในตระกูลบูรพาไม่ได้อีกเขาต้องรีบหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนผนึกในตัวมันคือสิ่งไม่บริสุทธิ์ที่สามารถใช้ทรายดาราทางช้างเผือกขจัดออกได้ไม่ใช่หรือ?
รอยยิ้มโลดแล่นที่ริมฝีปากของเขา
เช้าวันถัดมายามรุ่งสาง ข้ารับใช้ตำหนักเริ่มส่งเสียงเอะอะ พวกนางประดับประดาตำหนักอย่างขมักเขม้น
เพราะว่าตระกูลบูรพากำลังจะทำการต้อนรับลูกเขยคนใหม่
ซือหยูยืนมองประตูด้วยความสิ้นหวัง
“ท่าน…”
สาวงามในชุดขาวเดินอย่างสง่างามมาหาเขาใบหน้านางงดงามราวกับหิมะ แก้มนางแดงระเรื่อ ดวงตาสดใสมองเขาด้วยความเขินอาย
ซือหยูถอนหายใจ
“นายหญิงเจ้าตัดสินใจจริง ๆ หรือว่าจะแต่งงานกับข้า? ถ้ายืนกรานว่าจะไม่ทำ งานพิธีก็ย่อมยกเลิกได้”
ดูจากการออกแบบการทดสอบที่สี่ของนางที่เป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านตงฟางอวี่จะต้องไม่ใช่สตรีอ่อนแอที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง นางคือคนเฉียบขาดที่พึ่งพาตัวเองได้
“การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญข้าจะฟังคำพูดของท่านแม่”
ตงฟางอวี่ตาเป็นประกายดั่งแก้วนางถามอย่างสงบใจ
“ท่านไม่ชอบข้าหรือ?”
ซือหยูยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อมองนางไม้อันงดงามจนแทบทำให้ลืมหายใจตรงหน้า
“นายหญิงทุกอย่างของท่านเหนือกว่าสตรีอื่นใดในโลก”
“แต่ข้าไม่ปรารถนาให้ตระกูลบูรพาเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของข้าข้าเองก็ไม่ปรารถนาจะมอบภัยให้คนของท่าน หากเป็นไปได้ โปรดเกลี้ยกล่อมท่านเจ้าตำหนักด้วยเถอะ” เมื่อได้ฟังคำชมของซือหยูตงฟางอวี่สบายใจขึ้น นางหน้าแดง
“วางใจเถอะท่านซือบรรพบุรุษทั้งสองของเรายังอยู่ ราชาเขตกลางย่อมไม่กล้ากระทำสิ่งใด”
ราชาเขตกลางมีพลังไร้เทียมทานเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเซียนด้วยกัน แต่ถ้าหากเซียนสองคนจับมือกันต่อสู้กับเขา เขาก็อาจจะไม่ชนะ
แต่ซือหยูรู้ดีกว่าใครอื่นวิบัติผู้คนนั้นมิอาจเลี่ยงได้ การต่อสู้ต้องเกินขึ้นในอีกหกวันหลังจากนี้
ซือหยูถอนหายใจเงียบๆ และไม่พูดอะไรอีก เขาทำได้แต่คิดหาวิธีหนีออกจากตระกูลบูรพา
“หากต้องการสิ่งใดโปรดบอกข้าบรรพบุรุษเราปรารถนาที่จะทำตามคำขอของท่านซือให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำให้”
ตงฟางอวี่กล่าว คำขอรึ?ซือหยูมองเขาห้าธาตุที่อยู่ไกลออกไป
“ข้าอยากจะบ่มเพาะด้วยเขาห้าธาตุมันเป็นไปได้หรือไม่?”
“บ่มเพาะ…”
ตงฟางอวี่สายตาหม่นหมองเขากำลังจะหนีจากนางด้วยการอ้างว่าไปบ่มเพาะหรือ?
ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่เผยความผิดหวังออกมานางรีบตอบ
“แน่นอนภูเขาถูกพบโดยสองบรรพบุรุษจากแดนตะวันตก มันเป็นผลดีกับคนที่บ่มเพาะพลังห้าธาตุ”
“ดังนั้นพวกท่านจึงนำมันกลับมาที่ตระกูลข้างในถ้ำมีจุดที่ถูกพัฒนาให้บ่มเพาะอยู่ หากปรารถนาจะฝึกฝนก็ไม่น่าจะมีปัญหา”
เมื่อเห็นว่าซือหยูสนใจในเขาห้าธาตุตงฟางอวี่พูดขณะที่เดิน
“้ขาห้าธาตุมีพลังของธาตุทั้งห้า”
“ยิ่งเข้าใกล้ด้านในภูเขามากเท่าใดพลังห้าธาตุก็ยิ่งมากขึ้น แม้แต่ท่านบรรพบุรุษก็ไปไม่ถึงแกนเขา”
ซือหยูแปลกใจ
“แม้แต่เซียนก็ผ่านภูเขานี้ไม่ได้รึ?”
“ไม่ใช่แค่พวกนางเท่านั้นเรื่องเล่ากล่าวว่าตอนที่ได้เจอภูเขา พวกนางได้พบว่ามีโครงกระดูกอสูรถูกภูเขาทับอยู่ด้วย”
ตงฟางอวี่บอกเรื่องในอดีต
“พวกนางนำมาหาต้นตอดูและก็พบว่ามันคือโครงกระดูกของเทพ!”
โครงกระดูกเทพรึ?ซือหยูตกใจ เขาจ้องมองภูเขาห้าธาตุ
ภูเขาลูกนี้ฆ่าเทพได้งั้นหรือ?
“แต่มันก็นานมากแล้วประวัติศาสตร์ยาวนานหลายแสนปี ซากเทพอสูรเสียพลังเทพไปแล้ว มิเช่นนั้นมันคงเป็นสมบัติล้ำค่า”
ตงฟางอวี่พูดด้วยความเศร้า
เมื่อได้ฟังเรื่องเล่ามหัศจรรย์ซือหยูยิ่งสนใจในภูเขาห้าธาตุมากขึ้น เขายังสงสัยถึงเรื่องดินแดนตะวันตก ดูเหมือนว่ามันจะเต็มไปด้วยของหายากที่จิวโจวไม่เคยมี
เส้นทางถูกขุดไปถึงด้านในถ้ำนำไปสู่แกนกลาง
ดูจากร่องรอยที่เหลือในกำแพงถ้ำมันคืออุโมงค์ที่ถูกขุดมานานมากแล้ว
ซือหยูลูบกำแพงศิลาและรู้สึกถึงความหนักแน่นของเขาห้าธาตุปลายดัชนีของเขาแอบปล่อยพลังกระบี่เงินออกมา
แต่ซือหยูก็ต้องตกใจที่พลังกระบี่ของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ไม่ได้ทิ้งร่องรอยบนผนังศิลาได้เลย
ตงฟางอวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นซือหยู
“วัตถุดิบเขาห้าธาตุแข็งแกร่งมากบรรพบุรุษยังบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไรจนถึงตอนนี้”
“ทั้งหมดที่รู้คือมันไม่ได้มาจากจิวโจวบรรพบุรุษของเรานำหินออกจากภูเขาไม่ได้ด้วยซ้ำแม้จะใช้พลังหลายรูปแบบ”
ตงฟางอวี่ไม่รู้ว่าซือหยูใช้พลังของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่นับว่าเป็นไผ่ที่ทรงพลังที่สุดในจิวโจวตามทฤษฎี มันสามารถตัดได้แม้แต่สมบัติภูติ แต่มันไม่ได้ทิ้งร่องรอยในเวลานี้เลย…
ความแข็งแรงของวัตถุดิบนี้อย่างเดียวก็นับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของโลกนี้แล้ว!
ตระกูลบูรพาเจอสมบัติอันยอดเยี่ยมจากดินแดนตะวันตกมาจริง
“พลังห้าธาตุของข้ามีไม่มากนักข้าส่งเจ้าได้แค่ที่นี่ ถ้ารู้สึกว่ารับพลังห้าธาตุไม่ไหวก็จงจำไว้ว่าอย่าไปให้ไกลกว่าเดิม”
ตงฟางอวี่ถอยกลับไปช้าๆ
ซือหยูมุ่งหน้าไปยังความลึกของภูเขาด้วยตัวเองเขาค่อย ๆ หลับตาและพยายามจะบรรลุอักษรอสูรตัวสุดท้ายให้ได้
ในมุกวิญญาณเก้าหยกด้านในคุกเทวะห้าธาตุ
ในความว่างเปล่าอันมืดมิดมังกรวารีได้แหวกว่ายออกมาจากอักษรอสูรด้วยความตื่นเต้น
“เกือบแล้วอีกแค่นิดเดียว เจ้าหนูนั่นกำลังจะเข้าใจอักษรที่หนึ่งร้อยแล้ว! อีกนิดเดียว!”
“ข้าโชคดีนักที่ได้เจอกับมนุษย์เช่นนี้สุดท้ายข้าก็จะได้เป็นอิสระ! เจ้าหนู อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ!”
มังกรวารีกล่าวอย่างดีใจ
แต่ใบนตอนนั้นเองเมื่อซือหยูเข้าสู่เขาห้าธาตุ มังกรวารีก็ชักสีหน้า
“ความรู้สึกนี้มัน…มันคือสิ่งนั้นรึ?”
มังกรแววตาหวาดกลัว
“เป็นไปไม่ได้ภูเขานี้ถูกเอาไปที่ดินแดนเทพแล้วไม่ใช่รึ? ทำไมมันถึงมาอยู่ในจิวโจวกับคุกเทวะห้าธาตุได้เล่า?”