The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1138 - รวมตัวกับสหายเก่า
แต่เพียงไม่นานความกังวลใจในชายชุดดำก็แทนที่ด้วยความยินดี เขาร่อนลงบนพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงอันน่าพอใจ
“ซือหยู!เจ้า…เจ้ากลับมาแล้ว!”
ผู้เฒ่าจิวตกตะลึงหลังจากได้ฟังเขาพูดด้วยควสามสงสัย
“ราชาแห่งความมืดอย่าโดนมันหลอกนะ! เจ้าเมืองไป่หมิงแปลงกายได้ดี มันถึงกับลอกเลียนพลังของเป้าหมายได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะระวังตัวจากมัน!”
ชายชุดดำคือราชาแห่งความมืดเขาพูดพร้อมจ้องมองซือหยูด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ใช่!บางทีพลังเขาอาจถูกเลียนแบบได้ แต่ศรทลายฟ้าที่เขาได้จากท่านเฉินอี้เจิงมิอาจลอกเลียนได้!”
“เขาคือซือหยู!ซือหยูกลับมาแล้ว!”
ผู้เฒ่าจิวตัวแข็งทื่อเขาเบิกตากว้างมองซือหยูและพูดด้วยปากที่สั่นระริก
“เจ้า…เจ้าคือซือหยูงั้นรึ?”
ซือหยูกล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากปล่อยมือจากบ่าผู้เฒ่าจิว
“ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเห็นข้าเป็นศัตรูในยามที่ข้ากลับมา!”
ผู้เฒ่าจิวดีใจอย่างมากบนใบหน้าเหี่ยวย่นจากนั้น เขากอดซือหยูและตะโกนทั้งน้ำตา
“เจ้าหนูเจ้ากลับมาแล้ว! ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน!”
“ท่านคิดถึงสมบัติของข้าล่ะสิ?”
“เหลวไหล!ข้าเป็นห่วงเจ้าต่างหาก!”
“ถ้าอย่างนั้นมือท่านกำลังจับอะไรอยู่?”
“…”
ผู้เฒ่าจิวดึงมือที่จับเอวซือหยูด้วยความเขินอายกลับเขาพยายามจะหาดูที่เก็บของของซือหยู เมื่อกลกระจอกของเขาถูกซือหยูมองออก เขาก็ยิ้มแก้เขินแสดงฟันเหลืองออกมา
ซือหยูที่รู้ดีว่าผู้เฒ่าจิวกำลังหลอกล้อเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ
ความรู้สึกปลอดภัยที่ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งนำพาความทรงจำเก่ากลับมา
ซือหยูพูดเมื่อมองผู้เฒ่าจิวและราชาแห่งความมืดด้วยรอยยิ้ม
“ข้ากลับมาแล้ว!”
ชายทั้งสองยิ้มดีใจอารมณ์หม่นหมองในอกถูกพัดพาจางหาย
“ดีจริงๆ! ดีจริง ๆ ที่เจ้ากลับมา!”
ผู้เฒ่าจิวลูบหัวซือหยูราวกับว่าซือหยูคือบุตรชายของเขา
ซือหยูมิได้หลบมือผู้เฒ่าจิวเขาเงยหน้าถาม
“ผู้เฒ่าจิวต้าเหล่ยอยู่ที่ใดกัน? ใยข้าสัมผัสเขาไม่ได้?”
ผู้เฒ่าจิวกับราชาแห่งความมืดผงะเล็กน้อยความตื่นเต้นบนใบหน้าแทนที่ด้วยความโกรธแค้น
“ต้าเหล่ยน่ะใ..”
ผู้เฒ่าจิวพูดพลางมือสั่นทั้งน้ำตา
“เขาตายแล้ว!”
ซือหยูไม่แปลกใจเขาตายไปแล้วจริง ๆ!
ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ผู้นั้นเขาตายแล้ว…
“เขาตายอย่างไร?”
ซือหยูถามพลางกำหมัดแน่น
ผู้เฒ่าจิวมองซือหยูราวกับจะบอกอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไร ราชาแห่งความมืดก็หลบตาซือหยูในเวลานี้
“เพราะข้ารึ?”
ซือหยูถาม
ราชาแห่งความมืดถอนหายใจ
“ใช่!ตั้งแต่ที่เรามาที่นี่ ทุกคนเติบโตอย่างมากจากทรัพยากรที่เจ้าส่งมาและพลังวิญญาณมหาศาลในจิวโจว แต่ตอนที่เราสร้างเมืองที่นี่ก็เกิดปัญหาระหว่างสำนักในพื้นที่ มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ในบรรดาเมืองและสำนักเหล่านั้น เมืองไป่หมิงคือศัตรูตัวฉกาจของพวกเรา!”
“เมืองไป่หมิงส่งยอดฝีมือมาจู่โจมเมืองเฉินหลงหลายครั้งหลายคราแม้เราจะอ่อนแอกว่า คนเฉินหลงที่เคยพบการทำลายล้างเฉินหลงก็สามัคคีกันได้ เมืองไป่หมิงจึงมิอาจเอาชนะเรา แต่ครึ่งปีก่อน เจ้าก็กลับมา ทั้งเมืองดีใจกับการกลับมาของเจ้า เจ้านำพวกเราสวนกลับเมืองไป่หมิง แต่ทว่า…”
“ซือหยูคนนั้นหักหลังพวกเราโดยลวงพวกเราไปที่กับดัก!”
“พวกเราสูญเสียไปมากมายในการรบครั้งนั้นหลายคนถูกฆ่าตาย!”
“เจ้าวิหคเพลิงฉิวหนิงชุ่ยเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์หลงจื้อชิง ช่างตีอาวุธหลินหยุนฮี และเจ้าคณะวิหคเพลิงถูกฆ่าตายในการต่อสู้…ต้าเหล่ยก็ตายไปด้วย!”
ซือหยูหัวใจหยุดเต้นหลังจากได้ฟังเรื่องราวโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเจ้าคณะวิหคเพลิงที่เคยใกล้ชิดกับเขาถูกฆ่าตายจากการต่อสู้
“มีใครอีกหรือไม่?”
ซือหยูถามอย่างเคร่งเครียด
ราชาแห่งความมืดพูดด้วยความเศร้าหมอง
“ฉีตงไล่เองก็ตายไปแล้วฉีหยุนเซี่ยงถูกลอบสังหาร แม่นางหยูโหรวกับศิษย์นาง…”
แม้แต่พวกเขาก็ด้วย…
ทั้งหยูโหรวกับม่ออู๋คือสตรีที่มอบกายให้กับซือหยู
ซือหยูไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะถูกแยกจากกันด้วยความตาย!
แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเขาก็ถามอย่างใจเย็น
“พวกเขาเหลือสิ่งที่มีเสี้ยวพลังไว้บ้างหรือไม่?”
ราชาแห่งความมืดกับผู้เฒ่าจิวสัมผัสได้ถึงความแค้นในใจซือหยูทั้งสองแอบถอนหายใจ มิตรสหายมากมายจากเฉินหลงตายไปแล้ว ไม่มีใครใจเย็นได้ในเวลานี้
“มีสิ!พวกเราออกมาก่อนการต่อสู้นั้น หลายสิ่งถูกทิ้งเอาไว้ ตอนนี้ ของทุกอย่างของพวกที่ตายในการต่อสู้ถูกฝังอยู่กับอนุสาวรีย์!”
ราชาแห่งความมืดกล่าว
ซือหยูพยักหน้า
“นำของเหล่านั้นมาให้ข้า!”
ความตายมิใช่สิ่งน่ากลัวสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเสี้ยวพลังของพวกเขาที่ถูกความตายพรากเอาไปด้วย
พวกเขาไม่เข้าใจความตั้งใจของซือหยูแต่ก็สั่งให้คนรวบรวมสิ่งของของคนที่ตายมาให้
“ไป่หมิงมียอดฝีมือมากเท่าใด?”
ซือหยูถามอย่างใจเย็น
ราชาแห่งความมืดพูดด้วยความตึงเครียด
“จ้าวเทวะแปดสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือไป่จงฮวนที่เป็นจ้าวเทวะระดับแปด! พลังโดยรวมของพวกมันเท่ากับเมืองเฉินหลงของเรา…อย่างน้อยก็เมื่อครึ่งปีที่แล้ว!”
“จะมีใครหยุดเราหรือไม่หากเราจะลบเมืองไป่หมิงให้หายไป?”
ซือหยูถามอีก
“ลบเมืองไป่หมิงรึ?”
ราชาแห่งความมืดหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะเขาพูดด้วยความงงงวย
“คงเป็นเรื่องยากทุกเมืองที่นี่อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลใหญ่ที่มีอสูรเนรมิตรหนึ่งคน ตระกูลนี้จะไม่ยอมให้เมืองภายใต้อำนาจตัวเองถูกทำลายล้าง!”
ซือหยูพูดอย่างเย็นชา
“เมืองไป่หมิงโจมตีเราหลายครั้งและพวกมันก็คิดจะทำลายพวกเราในทุกครั้ง ใช่หรือไม่?” “ใช่แล้ว!การโจมตีจากเมืองไป่หมิงไม่ถูกตระกูลนั้นลงโทษ เพราะพวกเราปฏิเสธที่จะส่งเครื่องบรรณาการให้กับตระกูลนั้น!”
ราชาแห่งความมืดยิ้มแห้งๆ มันคือกฎที่ทุกเมืองที่ถูกตระกูลนั้นควบคุมจะต้องแสดงความเชื่อฟัง
“พวกมันต้องการอะไร?”
ซือหยูขมวดคิ้วเขารู้ว่าราชาแห่งความมืดไม่ใช่คนหุนหัน ทำไมเขาจึงปฏิเสธที่จะทำตามกฎหากจะได้สันติสุขมาเล่า?
ราชาแห่งความมืดกำหมัด
“พวกมันขอให้เราให้หญิงสาวพันคนที่เป็นกึ่งเทพแก้วสามแสนดวง และทรัพยากรอีกมากในทุกปี เราเพิ่งจะสร้างเมืองที่นี่และไม่มีทรัพยากรมากมายเช่นนั้น ต่อให้มี พวกเราก็ไม่มีทางแลกความสงบกับชีวิตของคนของเรา! มิเช่นนั้นเราจะทำให้คนที่ตายในเฉินหลงต้องผิดหวัง!”
“หญิงสาวรึ?เพราะวิชาลับหยินหยางของตระกูลพวกมันสินะ?”
ซือหยูถามด้วยความแค้น
ราชาแห่งความมืดตอบ
“ใช่แล้ว!ทุกเมืองที่นี่จ่ายบรรณาการตรงเวลา มีเพียงเมืองเฉินหลงที่ปฏิเสธ พวกเราจึงถูกตระกูลนั้นลงโทษ พวกมันอนุญาตให้เมืองอื่นจู่โจมเรา พอเราสวนกลับ พวกเราก็ถูกตระกูลนั้นเตือนในทันที ผู้เฒ่าจิวกับข้าพยายามต่อสู้ แต่พวกมันก็จู่โจมเราจนสูญเสียอย่างหนักทั้งสองฝ่าย!”
“พวกเราพยายามย้ายไปที่อื่นแต่ตระกูลนั้นก็หยุดเราไม่ว่าครั้งใดที่เราคิดหนี พวกมันถึงกับขู่ว่าจะฆ่าพวกเราจนหมดถ้าคิดจะหนีอีกครั้ง!”
ซือหยูมิได้ดูแค้นใจเมื่อได้ฟังเรื่องราว
“เราจึงต้องอดทนเราไม่มีทางเลือก เราต้องคิดถึงอนาคตข้างหน้า!”
ผู้เฒ่าจิวถอนหายใจและบอกตามตรง
จากที่พวกเขาพูดซือหยูรู้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทวีปบ้าง มิเช่นนั้นพวกเขาคงจะไม่กังวลถึงเมืองไป่หมิงกับตระกูลนั้นอีกแล้ว
ซือหยูพยักหน้า
“เอาล่ะ!ข้าไม่ใช่คนใจร้อน โปรดอย่าได้กังวล!”
จากนั้นซือหยูก็เรียกจางตี๋เก้อออกมาจากมุกวิญญาณเก้าหยก
ผู้เฒ่าจิวขมวดคิ้ว
“นังผีน้อยจากก้นบึ้งมังกรรึ?เจ้าโชคดีนักที่ถูกซือหยูชุบเลี้ยง ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็…ฮื่ม…”
ซือหยูรู้ว่าผู้เฒ่าจิวจะฆ่าจางตี๋เก้อหากซือหยูไม่ได้รับนางเอาไว้
จางตี๋เก้อแสดงเสี้ยวพลังของจ้าวเทวะออกมา
“ถ้าไม่อย่างนั้น…อะไรนะ?”
ราชาแห่งความมืดที่อยู่ใกล้นางชักสีหน้าและก้าวถอยหลังพร้อมกับดึงแขนผู้เฒ่าจิว “จะ…จ้าวเทวะ…ระดับเก้า!”
ผู้เฒ่าจิวตกใจมาก
“เจ้าเป็นจ้าวเทวะระดับเก้าเรอะ?”
ตั้งแต่แรกนางเป็นภูติระดับสอง นางยิ่งใหญ่ขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร?
“ซือหยูระวัง! นังผีน้อยนี่ผิดปกติ!”
ผู้เฒ่าจิวเพิ่งจะรู้ตัวว่าจางตี๋เก้ออยู่ใกล้ซือหยูเป็นอย่างมาก
แต่ทั้งสองก็ตกใจเมื่อเห็นภาพต่อมาจางตี๋เก้อที่กลอกตาใส่พวกเขาประสานมือให้ซือหยูอย่างสง่างาม
“นายท่านมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือ?”
ซือหยูตอบ
“ลบเมืองไป่หมิงให้พ้นหน้าข้าซะ!”
จางตี๋เก้อตอบอย่างไม่ลังเล
“ย่อมได้นายท่าน!”
ซือหยูมองราชาแห่งความมืด
“ท่านไปกับนางฆ่าคนที่จู่โจมเมืองเฉินหลงให้หมด ส่วนคนเมืองไป่หมิงที่เหลือ ถ้าพวกมันเต็มใจรับใช้เมืองเฉินหลงก็จงไว้ชีวิตเสีย!”
“แล้วถ้าพวกมันไม่ยอมเล่า?”
จางตี๋เก้อถามด้วยความตื่นเต้นเพราะนางไม่ได้ลิ้มรสเลือดมนุษย์มานานแล้วตั้งแต่นางเป็นจ้าวเทวะระดับเก้า นางก็ยังไม่ได้ต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มีเลย
ซือหยูตอบอย่างเรียบเฉย
“ฆ่ามันให้หมด!”
คนที่ปฏิเสธที่จะยอมแพ้คือคนที่ชิงชังเฉินหลงดังนั้นซือหยูจึงเลือกที่จะฆ่าให้หมดเพื่อที่จะรักษาความปลอดภัยในระยะยาวกับพวกเขา
ซือหยูโบกมืออีกครั้งหุ่นเชิดสีเงินปรากฏกาย
“นายท่านมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือ?”
“ช่วยจางตี๋เก้อทำลายเมืองนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องโจมตี แค่อย่าให้ใครหนีไปได้ก็พอ!”
หุ่นเชิดสีเงินที่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นด้ายโลหิตนับพันล้านเส้นสามารถหยุดคนที่พยายามหนีจากเมืองเล็กๆ ได้ไม่ยาก
“ตามบัญชานายท่าน!”
หุ่นเชิดสีเงินเลียริมฝีปากครั้งที่แล้ว ร่างกายของมันที่เสียหายยังไม่ทันฟื้นคืนดี ครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะฟื้นฟูบาดแผลโดยการกลืนกินโลหิตและเนื้อหนังของคนเหล่านั้น
“แล้วก็…”
ซือหยูหยุดพูดไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยสายตาอันเย็นยะเยือกจนน่ากลัว
“หลังจากทำลายเมืองนั้นจนสิ้นเจ้า…กับราชาแห่งความมืดควรจะไปกำจัดตระกูลนั้นซะ เหลือดวงวิญญาณอสูรเนรมิตรของตระกูลนั้นให้กับข้า ส่วนร่างกายเป็นของเจ้า!”
หุ่นเชิดสีเงินดีใจมากก่อนหน้านี้ ซือหยูมักจะหยุดมันจากการดูดกลืนเลือดเนื้อมากเกินไปอยู่เสมอ
แต่เวลานี้มันสามารถทำให้ตามใจอยาก
คำพูดของซือหยูทำให้ราชาแห่งความมืดและผู้เฒ่าจิวตกตะลึง
ล้างบางเมืองและตระกูลที่แข็งแกร่ง…มันคือเรื่องธรรมดาสำหรับซือหยูแต่เป็นสิ่งที่พวกเขามิอาจจินตนาการได้
“ซือหยูผู้อาวุโสนี้มีพลังระดับใดหรือ?”
ราชาแห่งความมืดถามเมื่อมองหุ่นเชิดสีเงินด้วยความกลัวเพราะเขาสัมผัสพลังอันมหาศาลได้
เขาเพียงแค่เคยสัมผัสพลังนี้จากคนคนเดียวเท่านั้นใช่แล้ว…จากจักรพรรดิโลหิตซือตี๋!
มันควรจะเป็นพลังระดับจักรพรรดิโลหิตที่เคยทำลายล้างโลกเฉินหลงทั้งใบมาก่อน!
“ซือหยู!เจ้า…เจ้ากลับมาแล้ว!”
ผู้เฒ่าจิวตกตะลึงหลังจากได้ฟังเขาพูดด้วยควสามสงสัย
“ราชาแห่งความมืดอย่าโดนมันหลอกนะ! เจ้าเมืองไป่หมิงแปลงกายได้ดี มันถึงกับลอกเลียนพลังของเป้าหมายได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะระวังตัวจากมัน!”
ชายชุดดำคือราชาแห่งความมืดเขาพูดพร้อมจ้องมองซือหยูด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ใช่!บางทีพลังเขาอาจถูกเลียนแบบได้ แต่ศรทลายฟ้าที่เขาได้จากท่านเฉินอี้เจิงมิอาจลอกเลียนได้!”
“เขาคือซือหยู!ซือหยูกลับมาแล้ว!”
ผู้เฒ่าจิวตัวแข็งทื่อเขาเบิกตากว้างมองซือหยูและพูดด้วยปากที่สั่นระริก
“เจ้า…เจ้าคือซือหยูงั้นรึ?”
ซือหยูกล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากปล่อยมือจากบ่าผู้เฒ่าจิว
“ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเห็นข้าเป็นศัตรูในยามที่ข้ากลับมา!”
ผู้เฒ่าจิวดีใจอย่างมากบนใบหน้าเหี่ยวย่นจากนั้น เขากอดซือหยูและตะโกนทั้งน้ำตา
“เจ้าหนูเจ้ากลับมาแล้ว! ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน!”
“ท่านคิดถึงสมบัติของข้าล่ะสิ?”
“เหลวไหล!ข้าเป็นห่วงเจ้าต่างหาก!”
“ถ้าอย่างนั้นมือท่านกำลังจับอะไรอยู่?”
“…”
ผู้เฒ่าจิวดึงมือที่จับเอวซือหยูด้วยความเขินอายกลับเขาพยายามจะหาดูที่เก็บของของซือหยู เมื่อกลกระจอกของเขาถูกซือหยูมองออก เขาก็ยิ้มแก้เขินแสดงฟันเหลืองออกมา
ซือหยูที่รู้ดีว่าผู้เฒ่าจิวกำลังหลอกล้อเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ
ความรู้สึกปลอดภัยที่ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งนำพาความทรงจำเก่ากลับมา
ซือหยูพูดเมื่อมองผู้เฒ่าจิวและราชาแห่งความมืดด้วยรอยยิ้ม
“ข้ากลับมาแล้ว!”
ชายทั้งสองยิ้มดีใจอารมณ์หม่นหมองในอกถูกพัดพาจางหาย
“ดีจริงๆ! ดีจริง ๆ ที่เจ้ากลับมา!”
ผู้เฒ่าจิวลูบหัวซือหยูราวกับว่าซือหยูคือบุตรชายของเขา
ซือหยูมิได้หลบมือผู้เฒ่าจิวเขาเงยหน้าถาม
“ผู้เฒ่าจิวต้าเหล่ยอยู่ที่ใดกัน? ใยข้าสัมผัสเขาไม่ได้?”
ผู้เฒ่าจิวกับราชาแห่งความมืดผงะเล็กน้อยความตื่นเต้นบนใบหน้าแทนที่ด้วยความโกรธแค้น
“ต้าเหล่ยน่ะใ..”
ผู้เฒ่าจิวพูดพลางมือสั่นทั้งน้ำตา
“เขาตายแล้ว!”
ซือหยูไม่แปลกใจเขาตายไปแล้วจริง ๆ!
ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ผู้นั้นเขาตายแล้ว…
“เขาตายอย่างไร?”
ซือหยูถามพลางกำหมัดแน่น
ผู้เฒ่าจิวมองซือหยูราวกับจะบอกอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดอะไร ราชาแห่งความมืดก็หลบตาซือหยูในเวลานี้
“เพราะข้ารึ?”
ซือหยูถาม
ราชาแห่งความมืดถอนหายใจ
“ใช่!ตั้งแต่ที่เรามาที่นี่ ทุกคนเติบโตอย่างมากจากทรัพยากรที่เจ้าส่งมาและพลังวิญญาณมหาศาลในจิวโจว แต่ตอนที่เราสร้างเมืองที่นี่ก็เกิดปัญหาระหว่างสำนักในพื้นที่ มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ในบรรดาเมืองและสำนักเหล่านั้น เมืองไป่หมิงคือศัตรูตัวฉกาจของพวกเรา!”
“เมืองไป่หมิงส่งยอดฝีมือมาจู่โจมเมืองเฉินหลงหลายครั้งหลายคราแม้เราจะอ่อนแอกว่า คนเฉินหลงที่เคยพบการทำลายล้างเฉินหลงก็สามัคคีกันได้ เมืองไป่หมิงจึงมิอาจเอาชนะเรา แต่ครึ่งปีก่อน เจ้าก็กลับมา ทั้งเมืองดีใจกับการกลับมาของเจ้า เจ้านำพวกเราสวนกลับเมืองไป่หมิง แต่ทว่า…”
“ซือหยูคนนั้นหักหลังพวกเราโดยลวงพวกเราไปที่กับดัก!”
“พวกเราสูญเสียไปมากมายในการรบครั้งนั้นหลายคนถูกฆ่าตาย!”
“เจ้าวิหคเพลิงฉิวหนิงชุ่ยเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์หลงจื้อชิง ช่างตีอาวุธหลินหยุนฮี และเจ้าคณะวิหคเพลิงถูกฆ่าตายในการต่อสู้…ต้าเหล่ยก็ตายไปด้วย!”
ซือหยูหัวใจหยุดเต้นหลังจากได้ฟังเรื่องราวโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเจ้าคณะวิหคเพลิงที่เคยใกล้ชิดกับเขาถูกฆ่าตายจากการต่อสู้
“มีใครอีกหรือไม่?”
ซือหยูถามอย่างเคร่งเครียด
ราชาแห่งความมืดพูดด้วยความเศร้าหมอง
“ฉีตงไล่เองก็ตายไปแล้วฉีหยุนเซี่ยงถูกลอบสังหาร แม่นางหยูโหรวกับศิษย์นาง…”
แม้แต่พวกเขาก็ด้วย…
ทั้งหยูโหรวกับม่ออู๋คือสตรีที่มอบกายให้กับซือหยู
ซือหยูไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะถูกแยกจากกันด้วยความตาย!
แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเขาก็ถามอย่างใจเย็น
“พวกเขาเหลือสิ่งที่มีเสี้ยวพลังไว้บ้างหรือไม่?”
ราชาแห่งความมืดกับผู้เฒ่าจิวสัมผัสได้ถึงความแค้นในใจซือหยูทั้งสองแอบถอนหายใจ มิตรสหายมากมายจากเฉินหลงตายไปแล้ว ไม่มีใครใจเย็นได้ในเวลานี้
“มีสิ!พวกเราออกมาก่อนการต่อสู้นั้น หลายสิ่งถูกทิ้งเอาไว้ ตอนนี้ ของทุกอย่างของพวกที่ตายในการต่อสู้ถูกฝังอยู่กับอนุสาวรีย์!”
ราชาแห่งความมืดกล่าว
ซือหยูพยักหน้า
“นำของเหล่านั้นมาให้ข้า!”
ความตายมิใช่สิ่งน่ากลัวสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเสี้ยวพลังของพวกเขาที่ถูกความตายพรากเอาไปด้วย
พวกเขาไม่เข้าใจความตั้งใจของซือหยูแต่ก็สั่งให้คนรวบรวมสิ่งของของคนที่ตายมาให้
“ไป่หมิงมียอดฝีมือมากเท่าใด?”
ซือหยูถามอย่างใจเย็น
ราชาแห่งความมืดพูดด้วยความตึงเครียด
“จ้าวเทวะแปดสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือไป่จงฮวนที่เป็นจ้าวเทวะระดับแปด! พลังโดยรวมของพวกมันเท่ากับเมืองเฉินหลงของเรา…อย่างน้อยก็เมื่อครึ่งปีที่แล้ว!”
“จะมีใครหยุดเราหรือไม่หากเราจะลบเมืองไป่หมิงให้หายไป?”
ซือหยูถามอีก
“ลบเมืองไป่หมิงรึ?”
ราชาแห่งความมืดหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะเขาพูดด้วยความงงงวย
“คงเป็นเรื่องยากทุกเมืองที่นี่อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลใหญ่ที่มีอสูรเนรมิตรหนึ่งคน ตระกูลนี้จะไม่ยอมให้เมืองภายใต้อำนาจตัวเองถูกทำลายล้าง!”
ซือหยูพูดอย่างเย็นชา
“เมืองไป่หมิงโจมตีเราหลายครั้งและพวกมันก็คิดจะทำลายพวกเราในทุกครั้ง ใช่หรือไม่?” “ใช่แล้ว!การโจมตีจากเมืองไป่หมิงไม่ถูกตระกูลนั้นลงโทษ เพราะพวกเราปฏิเสธที่จะส่งเครื่องบรรณาการให้กับตระกูลนั้น!”
ราชาแห่งความมืดยิ้มแห้งๆ มันคือกฎที่ทุกเมืองที่ถูกตระกูลนั้นควบคุมจะต้องแสดงความเชื่อฟัง
“พวกมันต้องการอะไร?”
ซือหยูขมวดคิ้วเขารู้ว่าราชาแห่งความมืดไม่ใช่คนหุนหัน ทำไมเขาจึงปฏิเสธที่จะทำตามกฎหากจะได้สันติสุขมาเล่า?
ราชาแห่งความมืดกำหมัด
“พวกมันขอให้เราให้หญิงสาวพันคนที่เป็นกึ่งเทพแก้วสามแสนดวง และทรัพยากรอีกมากในทุกปี เราเพิ่งจะสร้างเมืองที่นี่และไม่มีทรัพยากรมากมายเช่นนั้น ต่อให้มี พวกเราก็ไม่มีทางแลกความสงบกับชีวิตของคนของเรา! มิเช่นนั้นเราจะทำให้คนที่ตายในเฉินหลงต้องผิดหวัง!”
“หญิงสาวรึ?เพราะวิชาลับหยินหยางของตระกูลพวกมันสินะ?”
ซือหยูถามด้วยความแค้น
ราชาแห่งความมืดตอบ
“ใช่แล้ว!ทุกเมืองที่นี่จ่ายบรรณาการตรงเวลา มีเพียงเมืองเฉินหลงที่ปฏิเสธ พวกเราจึงถูกตระกูลนั้นลงโทษ พวกมันอนุญาตให้เมืองอื่นจู่โจมเรา พอเราสวนกลับ พวกเราก็ถูกตระกูลนั้นเตือนในทันที ผู้เฒ่าจิวกับข้าพยายามต่อสู้ แต่พวกมันก็จู่โจมเราจนสูญเสียอย่างหนักทั้งสองฝ่าย!”
“พวกเราพยายามย้ายไปที่อื่นแต่ตระกูลนั้นก็หยุดเราไม่ว่าครั้งใดที่เราคิดหนี พวกมันถึงกับขู่ว่าจะฆ่าพวกเราจนหมดถ้าคิดจะหนีอีกครั้ง!”
ซือหยูมิได้ดูแค้นใจเมื่อได้ฟังเรื่องราว
“เราจึงต้องอดทนเราไม่มีทางเลือก เราต้องคิดถึงอนาคตข้างหน้า!”
ผู้เฒ่าจิวถอนหายใจและบอกตามตรง
จากที่พวกเขาพูดซือหยูรู้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทวีปบ้าง มิเช่นนั้นพวกเขาคงจะไม่กังวลถึงเมืองไป่หมิงกับตระกูลนั้นอีกแล้ว
ซือหยูพยักหน้า
“เอาล่ะ!ข้าไม่ใช่คนใจร้อน โปรดอย่าได้กังวล!”
จากนั้นซือหยูก็เรียกจางตี๋เก้อออกมาจากมุกวิญญาณเก้าหยก
ผู้เฒ่าจิวขมวดคิ้ว
“นังผีน้อยจากก้นบึ้งมังกรรึ?เจ้าโชคดีนักที่ถูกซือหยูชุบเลี้ยง ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็…ฮื่ม…”
ซือหยูรู้ว่าผู้เฒ่าจิวจะฆ่าจางตี๋เก้อหากซือหยูไม่ได้รับนางเอาไว้
จางตี๋เก้อแสดงเสี้ยวพลังของจ้าวเทวะออกมา
“ถ้าไม่อย่างนั้น…อะไรนะ?”
ราชาแห่งความมืดที่อยู่ใกล้นางชักสีหน้าและก้าวถอยหลังพร้อมกับดึงแขนผู้เฒ่าจิว “จะ…จ้าวเทวะ…ระดับเก้า!”
ผู้เฒ่าจิวตกใจมาก
“เจ้าเป็นจ้าวเทวะระดับเก้าเรอะ?”
ตั้งแต่แรกนางเป็นภูติระดับสอง นางยิ่งใหญ่ขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร?
“ซือหยูระวัง! นังผีน้อยนี่ผิดปกติ!”
ผู้เฒ่าจิวเพิ่งจะรู้ตัวว่าจางตี๋เก้ออยู่ใกล้ซือหยูเป็นอย่างมาก
แต่ทั้งสองก็ตกใจเมื่อเห็นภาพต่อมาจางตี๋เก้อที่กลอกตาใส่พวกเขาประสานมือให้ซือหยูอย่างสง่างาม
“นายท่านมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือ?”
ซือหยูตอบ
“ลบเมืองไป่หมิงให้พ้นหน้าข้าซะ!”
จางตี๋เก้อตอบอย่างไม่ลังเล
“ย่อมได้นายท่าน!”
ซือหยูมองราชาแห่งความมืด
“ท่านไปกับนางฆ่าคนที่จู่โจมเมืองเฉินหลงให้หมด ส่วนคนเมืองไป่หมิงที่เหลือ ถ้าพวกมันเต็มใจรับใช้เมืองเฉินหลงก็จงไว้ชีวิตเสีย!”
“แล้วถ้าพวกมันไม่ยอมเล่า?”
จางตี๋เก้อถามด้วยความตื่นเต้นเพราะนางไม่ได้ลิ้มรสเลือดมนุษย์มานานแล้วตั้งแต่นางเป็นจ้าวเทวะระดับเก้า นางก็ยังไม่ได้ต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มีเลย
ซือหยูตอบอย่างเรียบเฉย
“ฆ่ามันให้หมด!”
คนที่ปฏิเสธที่จะยอมแพ้คือคนที่ชิงชังเฉินหลงดังนั้นซือหยูจึงเลือกที่จะฆ่าให้หมดเพื่อที่จะรักษาความปลอดภัยในระยะยาวกับพวกเขา
ซือหยูโบกมืออีกครั้งหุ่นเชิดสีเงินปรากฏกาย
“นายท่านมีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือ?”
“ช่วยจางตี๋เก้อทำลายเมืองนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องโจมตี แค่อย่าให้ใครหนีไปได้ก็พอ!”
หุ่นเชิดสีเงินที่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นด้ายโลหิตนับพันล้านเส้นสามารถหยุดคนที่พยายามหนีจากเมืองเล็กๆ ได้ไม่ยาก
“ตามบัญชานายท่าน!”
หุ่นเชิดสีเงินเลียริมฝีปากครั้งที่แล้ว ร่างกายของมันที่เสียหายยังไม่ทันฟื้นคืนดี ครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะฟื้นฟูบาดแผลโดยการกลืนกินโลหิตและเนื้อหนังของคนเหล่านั้น
“แล้วก็…”
ซือหยูหยุดพูดไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยสายตาอันเย็นยะเยือกจนน่ากลัว
“หลังจากทำลายเมืองนั้นจนสิ้นเจ้า…กับราชาแห่งความมืดควรจะไปกำจัดตระกูลนั้นซะ เหลือดวงวิญญาณอสูรเนรมิตรของตระกูลนั้นให้กับข้า ส่วนร่างกายเป็นของเจ้า!”
หุ่นเชิดสีเงินดีใจมากก่อนหน้านี้ ซือหยูมักจะหยุดมันจากการดูดกลืนเลือดเนื้อมากเกินไปอยู่เสมอ
แต่เวลานี้มันสามารถทำให้ตามใจอยาก
คำพูดของซือหยูทำให้ราชาแห่งความมืดและผู้เฒ่าจิวตกตะลึง
ล้างบางเมืองและตระกูลที่แข็งแกร่ง…มันคือเรื่องธรรมดาสำหรับซือหยูแต่เป็นสิ่งที่พวกเขามิอาจจินตนาการได้
“ซือหยูผู้อาวุโสนี้มีพลังระดับใดหรือ?”
ราชาแห่งความมืดถามเมื่อมองหุ่นเชิดสีเงินด้วยความกลัวเพราะเขาสัมผัสพลังอันมหาศาลได้
เขาเพียงแค่เคยสัมผัสพลังนี้จากคนคนเดียวเท่านั้นใช่แล้ว…จากจักรพรรดิโลหิตซือตี๋!
มันควรจะเป็นพลังระดับจักรพรรดิโลหิตที่เคยทำลายล้างโลกเฉินหลงทั้งใบมาก่อน!