The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1155 - ปัญหาใหญ่
ซือหยูใจเย็นลงตราหยกชีวิตของเซี่ยจิงหยูยังไม่แตก นั่นหมายความว่านางยังคงปลอดภัยดี
ถึงอย่างนั้นซือหยูก็ยังคงเป็นห่วงนางเพราะเขามิอาจเจอนางได้ในตอนนี้
“จิงหยูเจ้าไปอยู่ที่ใดกัน?”
ซือหยูพูดคนเดียว
“อะแฮ่มอะแฮ่ม…”
เทพปีศาจพูดขัดความคิดซือหยูในเวลาที่ไม่เหมาะเอาเสียเลย
“เจ้าหนูข้าต้องขอบคุณเจ้ามากที่ให้วิญญาณพวกนั้นกับข้า รวมถึงวิญญาณเซียนสี่ดวง!”
ซือหยูสัญญากับเทพปีศาจว่าถ้าเขาช่วยให้ซือหยูบ่มเพาะกายามังกรได้ซือหยูจะต้องเตรียมดวงวิญญาณให้กับเขา รวมถึงดวงวิญญาณของเซียนด้วย! ซึ่งครั้งนี้ซือหยูหาวิญญาณเซียนให้เทพปีศาจถึงสี่ดวง
“ปกติแล้วข้าควรจะขอบคุณเจ้าแต่มีวิญญาณดวงหนึ่งที่อันตรายเกินไปสำหรับข้า!”
เทพปีศาจกล่าว
ซือหยูตกใจเล็กน้อย
“ดวงไหนล่ะ?”
“วิญญาณผู้คุมกฎที่เจ้าจับมาน่ะสิ!”
เทพปีศาจพูดอย่างเคร่งเครียด
“ทำไมเจ้าถึงจับดวงวิญญาณผู้คุมกฎพันธมิตรบูรพามากัน?เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังเกิดเรื่องใหญ่กับเจ้าแล้ว?”
ซือหยูแปลกใจสำหรับเขา สิ่งที่เรียกว่าผู้คุมกฎนั้นคือคนที่ทำตามคำสั่งของพันธมิตร แล้วทำไมเขาถึงฆ่าไม่ได้เล่า?
ดูจากท่าทางของผู้คุมกฎซือหยูรู้ว่าจะมีปัญหาใหญ่กับเขาหากผู้คุมกฎยังมีชีวิตอยู่ต่างหาก เทพปีศาจรู้สิ่งที่ซือหยูคิดและถอนหายใจ
“ปัดโถ่!เจ้าหนู เข้ามาคุยกับข้าหน่อย เจ้ากำลังจะไปจากจิวโจวแล้ว ให้ข้าบอกเจ้าในเรื่องที่เจ้าควรรู้ มิเช่นนั้นเจ้าจะมีปัญหาโดยที่ไม่รู้ตัว!”
ซือหยูเข้าไปยังมิติวิญญาณเขาตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
เทพปีศาจในตอนนี้อ่อนแอลงมากและเหลือเพียงก้อนโลหิตขนาดใหญ่!
ซือหยูนึกได้ว่าเทพปีศาจใช้พลังเทพช่วยเขาในการบ่มเพาะสายโลหิตเทพบ่มเพาะเมื่อเจ็ดวันก่อน
เทพปีศาจอ่อนแอลงเพราะว่าเสียพลังเทพไปรึ?
ซือหยูจ้องมองก้อนหยดโลหิต
“ฮ่าๆๆ!ถ้าเจ้าอยากจะขอบคุณก็พูดมาเลย!”
เทพปีศาจพูดพลางหัวเราะ “แต่ไม่ต้องห่วง!วิญญาณเซียนสามดวงที่เจ้าเอามาให้ข้ามากพอที่จะทำให้ข้ามีระดับสูงกว่าเดิม จริง ๆ ข้าก็โชคดีในโชคร้ายนั่นแหละ!”
แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่เทพปีศาจจะทำนายผลของการต่อสู้ระหว่างซือหยูกับราชาเขตกลางในตอนนั้นดังนั้นเทพปีศาจก็ย่อมไม่รู้ว่าซือหยูจะเอาดวงวิญญาณเซียนมาให้ได้หรือไม่แม้จะเป็นผู้ชนะก็ตาม
ซือหยูไม่รู้เลยว่าทั้งสองเป็นคู่กัดกันตั้งแต่ตอนไหน
“ก็ได้!บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น!”
ซือหยูรู้ดีว่าดวงวิญญาณเซียนทั้งสี่คือใคร
สามดวงแรกเป็นราชาเขตที่ถูกกัดกินและอ่อนแอลงมากแต่ดวงวิญญาณของผู้คุมกฎยังคงดีอยู่ นั่นหมายความว่าเทพปีศาจไม่กล้าที่จะกินมัน
แม้แต่เทพปีศาจยังกลัวซือหยูจึงตระหนักได้ว่าเขาประเมินผู้คุมกฎต่ำเกินไป
“เจ้าปล่อยมันไปได้หรือไม่?”
เทพปีศาจถามตรงๆ
หลังจากครุ่นคิดซือหยูตอบโดยส่ายหน้า
“ไม่!ถ้าข้าปล่อยมันไป มันก็จะสร้างปัญหาให้ข้าอีก!”
“ก็ได้!เตรียมตัวฟังสิ่งที่ข้าจะบอกเจ้าให้ดี!”
เทพปีศาจพูดอย่างเคร่งเครียด
“พันธมิตรเทพบูรพาเป็นพันธมิตรที่มีเทพอยู่มากมายปกครองพื้นที่หนึ่งในสี่ของธารดารา เทพร้อยคนเข้าร่วมพันธมิตรนี้!”
เทพร้อยคนรึ?ซือหยูอ้าปากค้าง
“ดังนั้นพันธมิตรบูรพาจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่าพันธมิตรร้อยเทพ!”
“เทพเหล่านั้นมีผลประโยชน์ร่วมกันโลกของเทพทุกคนต่างเชื่อมต่อกัน!“
เทพปีศาจกล่าว ซือหยูคิดครู่หนึ่ง
“ถ้าเช่นนั้น…”
“โลกจิวโจวของเทพกิเลนก็เป็นส่วนหนึ่งในพันธมิตรเทพบูรพาด้วยหรือ?”
เทพปีศาจตอบด้วยรอยยิ้ม
“ใช่!แต่ตั้งแต่ที่เทพกิเลนตาย โลกของเขาก็ถูกย้ายออกจากพันธมิตร ตั้งแต่นั้นมา จิวโจวก็เริ่มที่จะเคลื่อนออกจากธารดาราไกลขึ้นเรื่อย ๆ”
“เทพร้อยคนที่มักจะปิดประตูฝึกตนหรือท่องไปในต่างแดนไม่ได้สนใจเรื่องราวของพันธมิตรแต่พวกเขาตั้งกลุ่มผู้คุมกฎมาร้อยกลุ่มจากยอดฝีมือในโลกของตัวเอง ผู้คุมกฎหนึ่งกลุ่มคือตัวแทนของเทพหนึ่งคน และทุกกลุ่มก็ปกครองโลกในธารดารา!”
ตอนนี้ซือหยูเริ่มที่จะเข้าใจเทพปีศาจแล้ว
“เจ้าจะบอกว่าผู้คุมกฎน่ะไม่น่ากลัวแต่เทพที่อยู่เบื้องหลังผู้คุมกฎนั้นน่ากลัวมาก ใช่หรือไม่?”
ซือหยูพูด
เทพปีศาจพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ถูกเผง!ผู้คุมกฎมีอำนาจสูง พวกเขาคือตัวแทนของเทพแต่ละคน เทพอื่นไม่มีสิทธิ์ลงโทษผู้คุมกฎของเทพอื่นนอกเสียจากว่าผู้คุมกฎนั้นจะทำผิดกฎของเทพร้อยคน!”
“หากผู้คุมกฎถูกฆ่าตายสักคนกลุ่มผู้คุมกฎพิเศษจะถูกส่งมาสอบสวนเรื่องราว! นามของกลุ่มพิเศษก็คือผู้คุมกฎอาวุโส มีลูกหลานเทพอยู่ร้อยคน ทุกคนเป็นลูกหลานของเทพที่มีสายโลหิตเทพ ทุกคนมีพลังระดับเซียน! บางคนเป็นเซียนขั้นสาม แล้วก็มีเซียนขั้นสี่รวมอยู่ด้วย!”
“หัวหน้ากลุ่มผู้คุมกฎอาวุโสน่าจะเป็นเทพไปแล้ว!”
“ในพันธมิตรบูรพาผู้คุมกฎอาวุโสคือผู้คุมกฎที่มีอำนาจมากที่สุดรองจากเทพด้วยกัน! คนกลุ่มนี้มีสิทธิ์เหนือผู้คุมกฎทั้งมวล และยังมีสิทธิ์ลงมือก่อนรายงานอีกด้วย!”
ซือหยูตกใจกลุ่มผู้คุมกฎที่เป็นลูกหลานเทพทั้งร้อยคนนี้ถือว่าเป็นตัวแทนแห่งเทพ!
“ถ้าหากผู้คุมกฎหายไปสักคนผู้คุมกฎอาวุโสกลุ่มเล็กจะเริ่มสอบสวน พวกนั้นเป็นลูกหลานเทพ ย่อมมีพลังพิเศษจากสายโลหิต ถ้าพวกมันรู้ว่าเจ้าเป็นคนฆ่าผู้คุมกฎ เรื่องจะจบไม่สวยแน่เพราะพวกมันน่ากลัวยิ่งกว่าราชาเขตกลาง!”
ซือหยูกังวลกับคำพูดของเทพปีศาจเขาไม่คิดเลยว่าเขาจะสร้างศัตรูมากมายขนาดนี้!
“ดังนั้นแล้วเจ้าจะยังฆ่ามันอยู่หรือไม่?”
เทพปีศาจถามอย่างจริงจัง
ซือหยูคิดครู่หนึ่งก่อนจะถาม
“ข้าลักพาตัวมันมาถ้าข้าปล่อยมันไป ผู้คุมกฎอาวุโสจะลงโทษข้ายังไงเล่า?”
เทพปีศาจพูดไม่ออกไปขณะหนึ่งจากนั้นมันก็พูดเบา ๆ
“เจ้าจะต้องถูกจองจำร้อยปีถ้าหากทำตัวดี เจ้าจะถูกปล่อยออกมา!”
ร้อยปีรึ?นั่นไม่ต่างจากโทษประหารเลย! ผู้คุมกฎสามารถทำอะไรกับคนที่ถูกจองจำก็ได้!
และผู้คุมกฎที่ถูกซือหยูจับก็ดูจะใจแคบเสียด้วย
ซือหยูจะต้องโดนฆ่าไม่ว่าเขาจะถูกผู้คุมกฎจับกุมหรือไม่ก็ตามดังนั้น มันก็ง่ายในการตัดสินใจ
“เจ้าก็กินมันไปและอย่าทิ้งร่องรอยเอาไว้ก็พอ!”
ซือหยูพูดด้วยแววตาดุร้าย
เมื่อได้ยินเทพปีศาจถอนหายใจ
“อย่างที่คิดเจ้าต้องขอให้ข้ากินมัน ก็ได้! ไม่ต้องห่วง! ข้าจะจัดการมันเอง! แต่เจ้าต้องเตรียมตัวรับผลที่ตามมาให้ดี ลูกหลานเทพพวกนั้นมีพลังพิเศษมากมาย มันอาจจะมองเจ้าออก!”
ซือหยูกลับไปสู่โลกภายนอกเขาค่อนข้างหงุดหงิด
ผู้คุมกฎอาวุโส!
ฟึ่บ!
จากนั้นเทพกิเลนก็เดินเข้ามา
“โอ้!พลังเจ้ามั่นคงแล้ว เจ้าเป็นอสูรเนรมิตรแล้วไม่ใช่รึ?”
“ข้าไม่คิดเลย…เจ้าคือคนแรกที่ผ่านวิบัติสามสิบเก้าได้ในโลกของข้าแต่ข้าไม่เคยเห็นคนที่ขึ้นเป็นอสูรเนรมิตรตรง ๆ แบบเจ้ามาก่อน!”
เทพกิเลนพูดด้วยความแปลกใจและเดินดูรอบซือหยู
ซือหยูยิ้มในตอนนี้พลังของเขาอยู่ในระดับของอสูรเนรมิตรแล้ว พลังนั้นถูกเก็บไว้ในร่างเล็ก ๆ ของเขาข้างในท้อง
ร่างเล็กนั้นดูเหมือนกับซือหยูร่างเล็กของเขานั่งอยู่ในท้องเงียบ ๆ
มันจะต้องเป็นต้นกำเนิดพลังของอสูรเนรมิตร! จุดกำเนิดพลังได้ถูกแทนที่ด้วยจิตวิญญาณที่เหมือนจริง!
แต่ซือหยูก็พบแปดรูในร่างเล็กของเขาเขากังวลอยู่มาก การเติบโตก้าวกระโดดของเขาทำให้เกิดปัญหาในจิตวิญญาณรึ?
“อะไรกัน?จิตวิญญาณแปดรูเรอะ?”
ดูเหมือนว่าเทพกิเลนที่มองดูซือหยูอย่างละเอียดจะพบอะไรบางอย่างเขาตกใจมาก
จิตวิญญาณแปดรู?ซือหยูใจเย็นลง ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแย่
“เจ้าทำให้ข้าตกใจได้ตลอดเวลาเลย!บอกข้า จุดกำเนิดพลังของเจ้าตอนที่เป็นภูติใหญ่เพียงใด?”
เทพกิเลนถามด้วยความตกใจ
ซือหยูครุ่นคิดก่อนจะตอบ
“ข้าจำได้ว่าจุดกำเนิดพลังของข้าใหญ่กว่าภูติระดับเก้าทั่วไปประมาณแปดสิบเท่า!”
“แปดสิบเท่าเรอะ!” เทพกิเลนอ้าปากหวอ
“ไม่แปลกเลยที่เจ้ามีจิตวิญญาณแปดรู!โอ้พระเจ้า! มีแค่โลกสิบอันดับแรกเท่านั้นที่สร้างจิตวิญญาณหลายรูขึ้นได้! ไม่คิดเลยว่าจะมีอยู่ในโลกของข้า!”
“จิตวิญญาณในพลังนั่นมันต่างกันหรือ?”
ซือหยูถาม
เทพกิเลนกลอกตา
“ก็ใช่น่ะสิ!รูในจิตวิญญาณคือเส้นทางดูดซับพลังชีวิตระหว่างฟ้าดินและเปลี่ยนมันเป็นพลังอสูรเนรมิตร มันยังช่วยลดเวลาการฝึกฝนด้วย! อสูรเนรมิตรทั่วไปจะมีรูแค่รูเดียว มีอสูรเนรมิตรไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสองรู ส่วนอสูรเนรมิตรที่มีสามรูถือเป็นอัจฉริยะ ที่มีสี่รูคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด! ในโลกของข้า มีแค่จางอู๋ชวงที่มีห้ารู!”
ซือหยูถาม
“จางอู๋ชวงถูกสร้างโดยแหล่งพลังเทพของเจ้าสินะ?ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งนัก?” เทพกิเลนตะโกน
“เจ้าก็เกิดในโลกใบเล็กที่ข้าสร้างขึ้นมา!เจ้ามีแปดรู! เจ้าจะสงสัยในต้นตอของคนที่มีห้ารูทำไม?”
เทพกิเลนจ้องซือหยูด้วยความโมโห
“แต่นี่ก็แค่การคาดเดาของข้าข้าไม่รู้ว่าเขาจะมีกี่รูตอนที่เป็นอสูรเนรมิตร!”
จางอู๋ชวงยังไม่เป็นอสูรเนรมิตรรึ?ซือหยูมีความทรงจำลาง ๆ ว่าจางอู๋ชวงมีพลังเหนือกว่าเขา นั่นหมายความว่าจางอู๋ชวงพยายามที่จะสร้างจิตวิญญาณพลังหลายรูเหมือนกับเขาสินะ?
จากนั้นซือหยูก็นึกถึงอีกคนที่มีพลังเหนือกว่าเขาเช่นกัน
“ในอีกครึ่งวันเรือไปทุกที่จะมาถึงจิวโจว เจ้าเตรียมตัวให้ดีก็พอ พอเรือมาถึง ข้าจะเคลื่อนย้ายทวีปทั้งทวีปไป และเจ้าก็ขึ้นเรือเพื่อออกไปจากที่นี่ เราต้องเตรียมการโดยเร็ว!” ซือหยูพยักหน้าจากนั้นเขาก็รวบรวมเผ่าผี ตระกูลบูรพา ผาบั่นภูติ เพื่อให้พวกเขาเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยกทีละคน
เทพกิเลนก็รอเรืออย่างอดทนเขาได้ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในหอคอยเพื่อสร้างโลกที่ใหญ่กว่าจิวโจว เมื่อเรือมาถึง เขาจะเคลื่อนย้ายจิวโจวไปยังโลกใบใหม่
ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมความพร้อม
ในมุมมืดหนึ่งในแดนตะวันตกจางอู๋ชวงที่สวมเกราะสีทองยืนอยู่บนเรือลำเล็กสีดำที่เต็มไปด้วยพลังเทพ เรือลำนี้สร้างมาจากกระดูกของเทพและสามารถแล่นผ่านธารดาราได้
ถึงอย่างนั้นซือหยูก็ยังคงเป็นห่วงนางเพราะเขามิอาจเจอนางได้ในตอนนี้
“จิงหยูเจ้าไปอยู่ที่ใดกัน?”
ซือหยูพูดคนเดียว
“อะแฮ่มอะแฮ่ม…”
เทพปีศาจพูดขัดความคิดซือหยูในเวลาที่ไม่เหมาะเอาเสียเลย
“เจ้าหนูข้าต้องขอบคุณเจ้ามากที่ให้วิญญาณพวกนั้นกับข้า รวมถึงวิญญาณเซียนสี่ดวง!”
ซือหยูสัญญากับเทพปีศาจว่าถ้าเขาช่วยให้ซือหยูบ่มเพาะกายามังกรได้ซือหยูจะต้องเตรียมดวงวิญญาณให้กับเขา รวมถึงดวงวิญญาณของเซียนด้วย! ซึ่งครั้งนี้ซือหยูหาวิญญาณเซียนให้เทพปีศาจถึงสี่ดวง
“ปกติแล้วข้าควรจะขอบคุณเจ้าแต่มีวิญญาณดวงหนึ่งที่อันตรายเกินไปสำหรับข้า!”
เทพปีศาจกล่าว
ซือหยูตกใจเล็กน้อย
“ดวงไหนล่ะ?”
“วิญญาณผู้คุมกฎที่เจ้าจับมาน่ะสิ!”
เทพปีศาจพูดอย่างเคร่งเครียด
“ทำไมเจ้าถึงจับดวงวิญญาณผู้คุมกฎพันธมิตรบูรพามากัน?เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังเกิดเรื่องใหญ่กับเจ้าแล้ว?”
ซือหยูแปลกใจสำหรับเขา สิ่งที่เรียกว่าผู้คุมกฎนั้นคือคนที่ทำตามคำสั่งของพันธมิตร แล้วทำไมเขาถึงฆ่าไม่ได้เล่า?
ดูจากท่าทางของผู้คุมกฎซือหยูรู้ว่าจะมีปัญหาใหญ่กับเขาหากผู้คุมกฎยังมีชีวิตอยู่ต่างหาก เทพปีศาจรู้สิ่งที่ซือหยูคิดและถอนหายใจ
“ปัดโถ่!เจ้าหนู เข้ามาคุยกับข้าหน่อย เจ้ากำลังจะไปจากจิวโจวแล้ว ให้ข้าบอกเจ้าในเรื่องที่เจ้าควรรู้ มิเช่นนั้นเจ้าจะมีปัญหาโดยที่ไม่รู้ตัว!”
ซือหยูเข้าไปยังมิติวิญญาณเขาตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
เทพปีศาจในตอนนี้อ่อนแอลงมากและเหลือเพียงก้อนโลหิตขนาดใหญ่!
ซือหยูนึกได้ว่าเทพปีศาจใช้พลังเทพช่วยเขาในการบ่มเพาะสายโลหิตเทพบ่มเพาะเมื่อเจ็ดวันก่อน
เทพปีศาจอ่อนแอลงเพราะว่าเสียพลังเทพไปรึ?
ซือหยูจ้องมองก้อนหยดโลหิต
“ฮ่าๆๆ!ถ้าเจ้าอยากจะขอบคุณก็พูดมาเลย!”
เทพปีศาจพูดพลางหัวเราะ “แต่ไม่ต้องห่วง!วิญญาณเซียนสามดวงที่เจ้าเอามาให้ข้ามากพอที่จะทำให้ข้ามีระดับสูงกว่าเดิม จริง ๆ ข้าก็โชคดีในโชคร้ายนั่นแหละ!”
แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่เทพปีศาจจะทำนายผลของการต่อสู้ระหว่างซือหยูกับราชาเขตกลางในตอนนั้นดังนั้นเทพปีศาจก็ย่อมไม่รู้ว่าซือหยูจะเอาดวงวิญญาณเซียนมาให้ได้หรือไม่แม้จะเป็นผู้ชนะก็ตาม
ซือหยูไม่รู้เลยว่าทั้งสองเป็นคู่กัดกันตั้งแต่ตอนไหน
“ก็ได้!บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น!”
ซือหยูรู้ดีว่าดวงวิญญาณเซียนทั้งสี่คือใคร
สามดวงแรกเป็นราชาเขตที่ถูกกัดกินและอ่อนแอลงมากแต่ดวงวิญญาณของผู้คุมกฎยังคงดีอยู่ นั่นหมายความว่าเทพปีศาจไม่กล้าที่จะกินมัน
แม้แต่เทพปีศาจยังกลัวซือหยูจึงตระหนักได้ว่าเขาประเมินผู้คุมกฎต่ำเกินไป
“เจ้าปล่อยมันไปได้หรือไม่?”
เทพปีศาจถามตรงๆ
หลังจากครุ่นคิดซือหยูตอบโดยส่ายหน้า
“ไม่!ถ้าข้าปล่อยมันไป มันก็จะสร้างปัญหาให้ข้าอีก!”
“ก็ได้!เตรียมตัวฟังสิ่งที่ข้าจะบอกเจ้าให้ดี!”
เทพปีศาจพูดอย่างเคร่งเครียด
“พันธมิตรเทพบูรพาเป็นพันธมิตรที่มีเทพอยู่มากมายปกครองพื้นที่หนึ่งในสี่ของธารดารา เทพร้อยคนเข้าร่วมพันธมิตรนี้!”
เทพร้อยคนรึ?ซือหยูอ้าปากค้าง
“ดังนั้นพันธมิตรบูรพาจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่าพันธมิตรร้อยเทพ!”
“เทพเหล่านั้นมีผลประโยชน์ร่วมกันโลกของเทพทุกคนต่างเชื่อมต่อกัน!“
เทพปีศาจกล่าว ซือหยูคิดครู่หนึ่ง
“ถ้าเช่นนั้น…”
“โลกจิวโจวของเทพกิเลนก็เป็นส่วนหนึ่งในพันธมิตรเทพบูรพาด้วยหรือ?”
เทพปีศาจตอบด้วยรอยยิ้ม
“ใช่!แต่ตั้งแต่ที่เทพกิเลนตาย โลกของเขาก็ถูกย้ายออกจากพันธมิตร ตั้งแต่นั้นมา จิวโจวก็เริ่มที่จะเคลื่อนออกจากธารดาราไกลขึ้นเรื่อย ๆ”
“เทพร้อยคนที่มักจะปิดประตูฝึกตนหรือท่องไปในต่างแดนไม่ได้สนใจเรื่องราวของพันธมิตรแต่พวกเขาตั้งกลุ่มผู้คุมกฎมาร้อยกลุ่มจากยอดฝีมือในโลกของตัวเอง ผู้คุมกฎหนึ่งกลุ่มคือตัวแทนของเทพหนึ่งคน และทุกกลุ่มก็ปกครองโลกในธารดารา!”
ตอนนี้ซือหยูเริ่มที่จะเข้าใจเทพปีศาจแล้ว
“เจ้าจะบอกว่าผู้คุมกฎน่ะไม่น่ากลัวแต่เทพที่อยู่เบื้องหลังผู้คุมกฎนั้นน่ากลัวมาก ใช่หรือไม่?”
ซือหยูพูด
เทพปีศาจพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ถูกเผง!ผู้คุมกฎมีอำนาจสูง พวกเขาคือตัวแทนของเทพแต่ละคน เทพอื่นไม่มีสิทธิ์ลงโทษผู้คุมกฎของเทพอื่นนอกเสียจากว่าผู้คุมกฎนั้นจะทำผิดกฎของเทพร้อยคน!”
“หากผู้คุมกฎถูกฆ่าตายสักคนกลุ่มผู้คุมกฎพิเศษจะถูกส่งมาสอบสวนเรื่องราว! นามของกลุ่มพิเศษก็คือผู้คุมกฎอาวุโส มีลูกหลานเทพอยู่ร้อยคน ทุกคนเป็นลูกหลานของเทพที่มีสายโลหิตเทพ ทุกคนมีพลังระดับเซียน! บางคนเป็นเซียนขั้นสาม แล้วก็มีเซียนขั้นสี่รวมอยู่ด้วย!”
“หัวหน้ากลุ่มผู้คุมกฎอาวุโสน่าจะเป็นเทพไปแล้ว!”
“ในพันธมิตรบูรพาผู้คุมกฎอาวุโสคือผู้คุมกฎที่มีอำนาจมากที่สุดรองจากเทพด้วยกัน! คนกลุ่มนี้มีสิทธิ์เหนือผู้คุมกฎทั้งมวล และยังมีสิทธิ์ลงมือก่อนรายงานอีกด้วย!”
ซือหยูตกใจกลุ่มผู้คุมกฎที่เป็นลูกหลานเทพทั้งร้อยคนนี้ถือว่าเป็นตัวแทนแห่งเทพ!
“ถ้าหากผู้คุมกฎหายไปสักคนผู้คุมกฎอาวุโสกลุ่มเล็กจะเริ่มสอบสวน พวกนั้นเป็นลูกหลานเทพ ย่อมมีพลังพิเศษจากสายโลหิต ถ้าพวกมันรู้ว่าเจ้าเป็นคนฆ่าผู้คุมกฎ เรื่องจะจบไม่สวยแน่เพราะพวกมันน่ากลัวยิ่งกว่าราชาเขตกลาง!”
ซือหยูกังวลกับคำพูดของเทพปีศาจเขาไม่คิดเลยว่าเขาจะสร้างศัตรูมากมายขนาดนี้!
“ดังนั้นแล้วเจ้าจะยังฆ่ามันอยู่หรือไม่?”
เทพปีศาจถามอย่างจริงจัง
ซือหยูคิดครู่หนึ่งก่อนจะถาม
“ข้าลักพาตัวมันมาถ้าข้าปล่อยมันไป ผู้คุมกฎอาวุโสจะลงโทษข้ายังไงเล่า?”
เทพปีศาจพูดไม่ออกไปขณะหนึ่งจากนั้นมันก็พูดเบา ๆ
“เจ้าจะต้องถูกจองจำร้อยปีถ้าหากทำตัวดี เจ้าจะถูกปล่อยออกมา!”
ร้อยปีรึ?นั่นไม่ต่างจากโทษประหารเลย! ผู้คุมกฎสามารถทำอะไรกับคนที่ถูกจองจำก็ได้!
และผู้คุมกฎที่ถูกซือหยูจับก็ดูจะใจแคบเสียด้วย
ซือหยูจะต้องโดนฆ่าไม่ว่าเขาจะถูกผู้คุมกฎจับกุมหรือไม่ก็ตามดังนั้น มันก็ง่ายในการตัดสินใจ
“เจ้าก็กินมันไปและอย่าทิ้งร่องรอยเอาไว้ก็พอ!”
ซือหยูพูดด้วยแววตาดุร้าย
เมื่อได้ยินเทพปีศาจถอนหายใจ
“อย่างที่คิดเจ้าต้องขอให้ข้ากินมัน ก็ได้! ไม่ต้องห่วง! ข้าจะจัดการมันเอง! แต่เจ้าต้องเตรียมตัวรับผลที่ตามมาให้ดี ลูกหลานเทพพวกนั้นมีพลังพิเศษมากมาย มันอาจจะมองเจ้าออก!”
ซือหยูกลับไปสู่โลกภายนอกเขาค่อนข้างหงุดหงิด
ผู้คุมกฎอาวุโส!
ฟึ่บ!
จากนั้นเทพกิเลนก็เดินเข้ามา
“โอ้!พลังเจ้ามั่นคงแล้ว เจ้าเป็นอสูรเนรมิตรแล้วไม่ใช่รึ?”
“ข้าไม่คิดเลย…เจ้าคือคนแรกที่ผ่านวิบัติสามสิบเก้าได้ในโลกของข้าแต่ข้าไม่เคยเห็นคนที่ขึ้นเป็นอสูรเนรมิตรตรง ๆ แบบเจ้ามาก่อน!”
เทพกิเลนพูดด้วยความแปลกใจและเดินดูรอบซือหยู
ซือหยูยิ้มในตอนนี้พลังของเขาอยู่ในระดับของอสูรเนรมิตรแล้ว พลังนั้นถูกเก็บไว้ในร่างเล็ก ๆ ของเขาข้างในท้อง
ร่างเล็กนั้นดูเหมือนกับซือหยูร่างเล็กของเขานั่งอยู่ในท้องเงียบ ๆ
มันจะต้องเป็นต้นกำเนิดพลังของอสูรเนรมิตร! จุดกำเนิดพลังได้ถูกแทนที่ด้วยจิตวิญญาณที่เหมือนจริง!
แต่ซือหยูก็พบแปดรูในร่างเล็กของเขาเขากังวลอยู่มาก การเติบโตก้าวกระโดดของเขาทำให้เกิดปัญหาในจิตวิญญาณรึ?
“อะไรกัน?จิตวิญญาณแปดรูเรอะ?”
ดูเหมือนว่าเทพกิเลนที่มองดูซือหยูอย่างละเอียดจะพบอะไรบางอย่างเขาตกใจมาก
จิตวิญญาณแปดรู?ซือหยูใจเย็นลง ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแย่
“เจ้าทำให้ข้าตกใจได้ตลอดเวลาเลย!บอกข้า จุดกำเนิดพลังของเจ้าตอนที่เป็นภูติใหญ่เพียงใด?”
เทพกิเลนถามด้วยความตกใจ
ซือหยูครุ่นคิดก่อนจะตอบ
“ข้าจำได้ว่าจุดกำเนิดพลังของข้าใหญ่กว่าภูติระดับเก้าทั่วไปประมาณแปดสิบเท่า!”
“แปดสิบเท่าเรอะ!” เทพกิเลนอ้าปากหวอ
“ไม่แปลกเลยที่เจ้ามีจิตวิญญาณแปดรู!โอ้พระเจ้า! มีแค่โลกสิบอันดับแรกเท่านั้นที่สร้างจิตวิญญาณหลายรูขึ้นได้! ไม่คิดเลยว่าจะมีอยู่ในโลกของข้า!”
“จิตวิญญาณในพลังนั่นมันต่างกันหรือ?”
ซือหยูถาม
เทพกิเลนกลอกตา
“ก็ใช่น่ะสิ!รูในจิตวิญญาณคือเส้นทางดูดซับพลังชีวิตระหว่างฟ้าดินและเปลี่ยนมันเป็นพลังอสูรเนรมิตร มันยังช่วยลดเวลาการฝึกฝนด้วย! อสูรเนรมิตรทั่วไปจะมีรูแค่รูเดียว มีอสูรเนรมิตรไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสองรู ส่วนอสูรเนรมิตรที่มีสามรูถือเป็นอัจฉริยะ ที่มีสี่รูคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด! ในโลกของข้า มีแค่จางอู๋ชวงที่มีห้ารู!”
ซือหยูถาม
“จางอู๋ชวงถูกสร้างโดยแหล่งพลังเทพของเจ้าสินะ?ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งนัก?” เทพกิเลนตะโกน
“เจ้าก็เกิดในโลกใบเล็กที่ข้าสร้างขึ้นมา!เจ้ามีแปดรู! เจ้าจะสงสัยในต้นตอของคนที่มีห้ารูทำไม?”
เทพกิเลนจ้องซือหยูด้วยความโมโห
“แต่นี่ก็แค่การคาดเดาของข้าข้าไม่รู้ว่าเขาจะมีกี่รูตอนที่เป็นอสูรเนรมิตร!”
จางอู๋ชวงยังไม่เป็นอสูรเนรมิตรรึ?ซือหยูมีความทรงจำลาง ๆ ว่าจางอู๋ชวงมีพลังเหนือกว่าเขา นั่นหมายความว่าจางอู๋ชวงพยายามที่จะสร้างจิตวิญญาณพลังหลายรูเหมือนกับเขาสินะ?
จากนั้นซือหยูก็นึกถึงอีกคนที่มีพลังเหนือกว่าเขาเช่นกัน
“ในอีกครึ่งวันเรือไปทุกที่จะมาถึงจิวโจว เจ้าเตรียมตัวให้ดีก็พอ พอเรือมาถึง ข้าจะเคลื่อนย้ายทวีปทั้งทวีปไป และเจ้าก็ขึ้นเรือเพื่อออกไปจากที่นี่ เราต้องเตรียมการโดยเร็ว!” ซือหยูพยักหน้าจากนั้นเขาก็รวบรวมเผ่าผี ตระกูลบูรพา ผาบั่นภูติ เพื่อให้พวกเขาเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยกทีละคน
เทพกิเลนก็รอเรืออย่างอดทนเขาได้ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในหอคอยเพื่อสร้างโลกที่ใหญ่กว่าจิวโจว เมื่อเรือมาถึง เขาจะเคลื่อนย้ายจิวโจวไปยังโลกใบใหม่
ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมความพร้อม
ในมุมมืดหนึ่งในแดนตะวันตกจางอู๋ชวงที่สวมเกราะสีทองยืนอยู่บนเรือลำเล็กสีดำที่เต็มไปด้วยพลังเทพ เรือลำนี้สร้างมาจากกระดูกของเทพและสามารถแล่นผ่านธารดาราได้