The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1223 - สังหารกาลกิณี
ภูเขาห้าธาตุขนาดเท่าฝ่ามือลอยออกมาจากชายเสื้อของซือหยูมันขยายขนาดขึ้นมาตามแรงลม
เสียงดังแผ่วเบามีดจากเทพกาลกิณีปะทะกับภูเขาห้าธาตุและพังสลายกลายเป็นหมอกดำในทันที
หมอกดำนั้นมีชีวิตด้วยตัวของมันเองเมื่อมิอาจแตะต้องศัตรูในทีแรก มันได้แบ่งตัวเองเป็นพลังสิบล้านสายเพื่อผ่านภูเขาห้าธาตุและพุ่งตรงเข้าใส่ซือหยูที่อยู่ด้านหลัง
แต่ภูเขาห้าธาตุได้ระเบิดแสงกระจ่างออกมาถ้าหากแสงนี้มิอาจต้านทานได้ หมอกดำจะเข้าถึงตัวซือหยู
มองจากที่ไกลๆ แล้ว หมอกดำนั้นมีมากกว่าแสงจากภูเขาห้าธาตุ
ฮื่ม!พลังข้าผ่านไปไม่ได้เรอะ! นั่นมันภูเขาบ้าอะไรกัน? เทพกาลกิณีหรี่ตามอง
แม้แต่เทพแห่งความตายก็มิอาจขวางพลังของเทพกาลกิณีได้เพราะสิ่งที่เป็นพลังของเทพกาลกิณีนั้นมาจากดวงวิญญาณของเขา
เทพโจรสลัดเองก็กลั้นหายใจแววตาซือหยูทำให้เขาตกใจ และภูเขาห้าธาตุเองก็ยิ่งทำให้เขาตกตะลึงในตัวตนอันยิ่งใหญ่ของซือหยู
ซือหยูยกมือขึ้นภูเขาห้าธาตุกลับมาที่ฝ่ามือของเขา เขามองกาลกิณีอย่างไร้อารมณ์
เจ้ามันก็แค่ทาสที่ก่อกบฏซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นจริงดั่งเรื่องเล่าขาน!
เทพกาลกิณีตัวสั่น
เจ้า…เจ้ารู้ว่าข้าจะหลอกเจ้าเรอะ?
ใช่แล้วเจ้าไม่เคยใช้พลังสุดยอดของเจ้าก่อนที่จะยอมแพ้ ข้าเลยคิดว่าเจ้าจะต้องคิดอุบายประวิงรอโอกาสดี ซือหยูผิดหวังเล็กน้อย
ทีแรกข้าอยากจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่นานอีกหน่อยแต่เจ้าตอนนี้ไม่อยากอยู่แล้ว มันก็ช่วยไม่ได้…
เทพกาลกิณีใจสั่นเขาตกใจจริง ๆ เข้าแล้ว
ช้าก่อน!ข้าขอรับตราพลังเทพของเจ้า!
สายไปแล้ว!
ซือหยูยักคิ้วให้อาต้าอาเอ้อ และอาซัน
หน้าไม้สังหารเทพสามคันลั่นไกพร้อมกัน!
หัวสัตว์ประหลาดแปลกๆ สามหัวร้องคำรามพร้อมพุ่งออกมาจากหน้าไม้สังหารเทพ พวกมันรูปร่างคล้ายดวงวิญญาณ พวกมันออกจากหน้าไม้ไปหาเทพกาลกิณี
เสียงคำรามของพวกมันอธิบายได้เพียงคำเดียวว่าน่าหวาดผวา
ซือหยูที่อยู่ห่างไกลยังสัมผัสได้เลยว่าทุกแห่งหนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเขาตัวสั่นพื้นที่เขายืนอยู่ก็สั่นราวกับเกิดแผ่นดินไหว โลกทั้งใบของเทพกาลกิณียังสั่นอยู่เล็กน้อย
เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดทั้งสามดังซ้อนทับกันทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลโลกเทพกาลกิณีกำลังแผ่นดินแยกจากพลังมหาศาลของหน้าไม้
ธารดาราไร้ขอบเขตไหลรินเข้าสู่โลกผ่านรอยแยกตามด้วยสัตว์อสูรในธารดาราไม่ว่าธารดาราจะไปทางใด สัตว์อสูรจะกลืนกินทุกสิ่งในเส้นทาง!
ซือหยูตกใจนี่เป็นเพียงแค่เสียงคำรามเท่านั้น! แค่เสียงของมันอย่างเดียวก็ทำลายล้างโลกได้แล้ว!
เมื่อคลื่นเสียงคำรามเข้าใกล้ซือหยูเทพโจรสลัดรีบเข้ามา พลังเทพของเขาล้อมรอบซือหยูเอาไว้
อาต้าอาเอ้อ และอาซันไม่ได้โชคดีนัก ทั้งสามถูกคลื่นกระแทกจากหน้าไม้ซัดใส่ อาต้ากับอาเอ้อนั้นมีแหล่งพลังเทพที่มั่นคงกว่า ทั้งคู่ปลดปล่อยพลังเทพออกมาป้องกันตัวเองได้ แต่อาซันนั้นเคราะห์ร้ายที่ไร้พลังมากพอเขากรีดร้อง ร่างของเขาแหลกสลาย
ด้วยแหล่งพลังเทพที่เสียหายการที่เขาจะฟื้นคืนพลังกลับมานั้นเป็นไปได้ยาก
เทพกาลกิณีตกใจและโกรธแค้น
เทพโจรสลัด!ซือหยู! เจ้า…
โฮก!
เสียงโจรสลัดสั่นสะเทือนธารดาราอีกครั้งมันดังกลบเสียงของเทพกาลกิณี
หัวสัตว์ประหลาดปิดล้อมเทพกาลกิณีพร้อมกับอ้าปากกัด
ที่น่าแปลกคือไม่ว่าเทพกาลกิณีจะขัดขืนเท่าใดหัวสัตว์ประหลาดก็กัดกระชากดวงวิญญาณของเขาได้เป็นชิ้นใหญ่เสมอ ราวกับว่ามันแตะต้องไม่ได้
เพียงสามลมหายใจดวงวิญญาณเทพกาลกิณีก็เกือบจะถูกกินจนหมดแล้ว!
ตายเพื่อข้าซะเถอะ! เทพกาลกิณีหวาดกลัวเขาปล่อยพลังโชคร้ายเข้าใส่เสียงคำราม
โชคร้าย!โชควุ่นวาย!
เขาพยายามจะใช้พลังที่มากพอจะสังหารเทพของตัวเองต่อต้าน
แต่สำหรับหัวสัตว์ประหลาดจากหน้าไม้นั้นพลังของเทพกาลกิณีเป็นสิ่งไร้ค่า พวกมันกัดกินเทพกาลกิณีด้วยความดุร้าย
ซือหยูที่เห็นเหตุการณ์ขนลุกเขาเหงื่อไหล
เจ้าหัวสัตว์ประหลาดพวกนั้นมันอะไรกัน?
ทีแรกเขาคิดว่าหน้าไม้สังหารเทพคืออาวุธที่ทรงอำนาจแต่ตอนนี้เขาได้เห็นและรู้แล้วว่าสิ่งที่น่ากลัวคือดวงวิญญาณสัตว์ประหลาดเหล่านั้น มันแทบจะไม่เกี่ยวกับหน้าไม้เลย
เทพกิณีถูกจับกินทั้งเป็นโดยสัตว์ประหลาดทั้งสามไม่มีร่องรอยดวงวิญญาณของเขาเหลืออยู่ แม้แต่แหล่งพลังเทพของเขาก็ถูกกินไปด้วย
ถึงสุดนี้เหล่าดวงวิญญาณสัตว์ประหลาดได้อิ่มจนพอใจและหันไปมองเทพโจรสลัดและซือหยู
ในแววตาพวกมันความดุร้ายไม่ได้หายไป ดูเหมือนว่ามันจะมองเทพโจรสลัดเป็นเป้าหมายต่อไป
เทพโจรสลัดดูใจเย็นแต่ซือหยูเห็นว่าเขามือสั่น
แต่สุดท้ายเหล่าสัตว์ประหลาดก็หันมองกันพร้อมกับบินกลับไปที่หน้าไม้โดยไม่แวะที่อื่นใด
สายตาของพวกมันดูอวดดีหยาบช้าราวกับว่ามองเทพโจรสลัดด้วยความดูถูก
เทพโจรสลัดโล่งใจแต่อาต้าและอาเอ้อยังคงหวาดกลัว เมื่อสัตว์ประหลาดกลับมา พวกเขาก็ผนึกหน้าไม้ทันที
เทพโจรสลัดหัวสัตว์ประหลาดพวกนั้น แม้แต่แหล่งพลังเทพของเขาก็ถูกกินไปด้วย
ถึงสุดนี้เหล่าดวงวิญญาณสัตว์ประหลาดได้อิ่มจนพอใจและหันไปมองเทพโจรสลัดและซือหยู
ในแววตาพวกมันความดุร้ายไม่ได้หายไป ดูเหมือนว่ามันจะมองเทพโจรสลัดเป็นเป้าหมายต่อไป
เทพโจรสลัดดูใจเย็นแต่ซือหยูเห็นว่าเขามือสั่น
แต่สุดท้ายเหล่าสัตว์ประหลาดก็หันมองกันพร้อมกับบินกลับไปที่หน้าไม้โดยไม่แวะที่อื่นใด
สายตาของพวกมันดูอวดดีหยาบช้าราวกับว่ามองเทพโจรสลัดด้วยความดูถูก
เทพโจรสลัดโล่งใจแต่อาต้าและอาเอ้อยังคงหวาดกลัว เมื่อสัตว์ประหลาดกลับมา พวกเขาก็ผนึกหน้าไม้ทันที
เทพโจรสลัดหัวสัตว์ประหลาดพวกนั้นมันคืออะไรกัน? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?
ซือหยูใช้เวลามากมายในธารดาราและรู้ความลับของมันหลายเรื่องแต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่องสัตว์อสูรที่น่ากลัวเช่นนี้เลย
ใบหน้าโล่งใจของเทพโจรสลัดกลับมาตึงเครียดอีกครั้งเขาหันกลับมาพูด
ท่านไม่รู้จะดีกว่า
บอกข้ามา
ซือหยูสงสัยยิ่งกว่าเดิมพวกมันมีที่มาพิเศษรึ?
เทพโจรสลัดมองตาซือหยูและตอบ
พวกมันคือสัตว์วิญญาณของจักรพรรดิอสูร!
ซือหยูตัวสั่นสัตว์วิญญาณรึ?
สัตว์วิญญาณระดับนั้นตกมาอยู่ในมือเจ้าได้ยังไง?
ซือหยูถาม เทพโจรสลัดหัวเราะ
ระดับนั้นรึ?สัตว์วิญญาณเก้าตัวนี้ถูกจักรพรรดิอสูรทิ้งมาต่างหาก! เพราะจักรพรรดิอสูรมีสัตว์วิญญาณอีกเก้าตัวที่แข็งแกร่งกว่า! พวกมันถูกทิ้งเพราะอ่อนแอเกินไป!!
ซือหยูตัวสั่นสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นสามารถสังหารเทพได้ในทุกกระบวนท่า แต่พวกมันกลับเป็นเพียงแค่สัตว์วิญญาณที่ถูกทิ้ง!
พวกมันถูกเรียกว่าตัวโกลาหลมันคือสัตว์อสูรรูปแบบหนึ่ง มันถือกำเนิดด้วยพลังระดับเทพ ในอดีต จักรพรรดิอสูรเจอมันสิบแปดตัว แต่ด้วยเหตุผลบางประการที่ทำให้เลี้ยงได้แค่เก้าตัว เขาเลยปล่อยให้ความยุ่งเหยิงสิบแปดตัวฆ่ากันเอง ตัวที่รอดจะเป็นเก้าตัวที่แข็งแกร่งที่สุด ส่วนที่ตายจะอ่อนแอกว่า ต้องถูกสังหาร แต่จักรพรรดิอสูรฆ่าพวกมันไม่ได้ พวกมันมิอาจตาย มิอาจถูกจับ ทำได้แค่เนรเทศพวกมันออกไปในจักรวาลทำอันตรายดินแดนอื่น จนสุดท้ายก็ได้มีเทพกลุ่มแรกมาเจอพวกมัน หลังต่อสู้กันหลายพันปี ทั้งสองฝ่ายก็ได้ตกลงกัน และตัวโกลาหลก็เลือกที่จะเข้าสู่หน้าไม้ให้พวกเราใช้งาน
ตัวโกลาหลรึ?มีสิ่งที่แม้แต่จักรพรรดิอสูรยังฆ่าไม่ได้ในประวัติศาสตร์ด้วยหรือ? ดูจากความตายของเทพกาลกิณีแล้ว ซือหยูเกรงว่าเรื่องเล่านั้นจะเป็นเรื่องจริง
ถ้าเช่นนั้นทำไมเจ้าถึงมีหน้าไม้เก้าคันนี้ล่ะ? เทพคนอื่นไม่มีปากเสียงเลยหรือ?
ซือหยูถาม
เทพโจรสลัดยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
นั่นก็เพราะข้อตกลงกับตัวโกลาหลคือพวกมันจะเริ่มก่อความวุ่นวายไม่ได้อีกต่อไปและพวกมันจะช่วยพวกเราในยามจำเป็นแทน แต่พวกเราต้องให้อาหารมันอย่างสม่ำเสมอ! จะต้องให้วิญญาณเทพหนึ่งดวงกับมันในทุกสิบปีและต้องใช้ว่าที่เทพในทุกสามปี รวมถึงดวงวิญญาณว่าที่เทพและสมบัติล้ำค่าบนโลก ค่าใช้จ่ายต่ำสุดในแต่ละปีก็มีค่าเป็นหมื่นล้านเหรียญพันธมิตรไปแล้ว ค่าใช้จ่ายมหาศาลเช่นนี้ จะมีเทพคนไหนนอกจากข้าที่จะทำได้? หากตัวโกลาหลไม่ได้สิ่งที่ต้องการ พวกมันจะไม่ทำตามข้อตกลงและบุกออกมาจากหน้าไม้สังหารเทพ คนแรกที่จะถูกมันทำร้ายย่อมเป็นเทพที่ดูแลมัน ดังนั้นจะมีใครเล่าที่กล้ารับเลี้ยงพวกมัน?
ซือหยูแอบทึ่งในใจต้องให้เทพเป็นอาหารในทุกสิบปี ให้ว่าที่เทพในทุกสามปี! แล้วยังต้องจ่ายหมื่นล้านเหรียญพันธมิตรทุกปีอีก!
เรื่องยากเช่นนี้อาจมีเพียงเทพโจรสลัดที่ทำได้เพราะแม้แต่พันธมิตรบูรพาก็อาจจะเห็นว่าตัวโกลาหลเป็นภาระ
ดังนั้นแล้วถึงข้าจะปล้นมามากมาย ทรัพยากรข้าก็ไม่ได้เหลือเฟือดั่งเทพอื่นทั้งแปด
เทพโจรสลัดหัวเราะเยาะตัวเองทรัพย์สมบัติที่เขาปล้นมาเก้าในสิบส่วนถูกหน้าไม้ทั้งเก้าคันนี้กลืนกินไปแล้ว แต่ซือหยูไม่คล้อยตาม
เพราะแบบนี้เจ้าจึงได้หน้าไม้ที่แข็งแกร่งสุดยอดมาครอง หากคิดรวมกันแล้ว เจ้าก็คือเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเสี้ยววิญญาณ
ใช่แล้ว!
เทพโจรสลัดตอบ
ท่านเห็นการต่อสู้กับเทพกาลกิณีแล้วถ้าไม่ใช้หน้าไม้ พวกเราก็ตายไปแล้ว! เทพกาลกิณีแข็งแกร่งเกินไป การต่อสู้ระหว่างเทพเป็นเรื่องยากนอกจากจะมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่สมบัติศักดิ์สิทธิ์น่ะหายากเพียงใดกัน? เทพแห่งความตายเป็นเพียงคนเดียวในโลกเสี้ยววิญญาณที่ครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์
ซือหยูมองหน้าไม้สังหารเทพเขาเกิดความคิดมากมายในใจ ตัวโกลาหลทั้งเก้ายังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แล้วอีกเก้าตัวที่จักรพรรดิอสูรมีจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน? เขาคิดถึงสถานการณ์ทั้งนอกในของพันธมิตรบูรพาเขามีเงามืดในใจ
เขาถอนหายใจเบาๆ เขามองภูเขาห้าธาตุในมือ โชคร้ายของเทพกาลกิณียังไม่หายไปเพียงเพราะความตาย แต่มันยังคงติดอยู่กับภูเขาห้าธาตุไม่ไปไหน
พลังพวกนี้ยังใช้ได้อยู่สินะ
ซือหยูยิ้ม
จากนั้นซือหยูก็เก็บกวาดร่างของเทพกาลกิณีบนพื้นและเก็บโลหิตสิบหยดของเขาขึ้นมาโลหิตที่เหลือนั้นสูญเสียพลังไปแล้ว
‘สิบหยด!มากพอที่ข้าจะได้ชำระล้างมังกรตัวใหม่สินะ?’
ซือหยูแอบคิดเขากำลังคาดหวัง
เขามีมังกรเวลามิติ วิญญาณ และชีวิต มังกรตัวต่อไปจะเป็นพลังใดกัน?
ผ่านไปครึ่งชั่วยามเทพพ่อค้าและเทพอื่นกลับมาจากคนละทิศทาง
เทพตำราหนีไปแล้ว!เราปิดเส้นทางเก้าทิศบนโลกเทพกาลกิณีตามที่เจ้าบอก แต่มันก็หนีไปได้!
เทพเจิ้งสับสนพวกนางทำตามแผนของซือหยูเพื่อปิดทางหนีของเทพตำรา แต่แม้แผนจะดี คนที่ทำตามแผนก็ยังล้มเหลว
ดูเหมือนว่าเทพตำราจะหนีไปได้แม้ว่าจะมีเทพเก้าคนล้อมเอาไว้ก็ตาม
ซือหยูผิดหวังแต่เขาก็คิดไว้แล้วและพูดปลอบทุกคน
ไม่เป็นไรตราบเท่าที่มันยังไม่ออกไปจากโลกเสี้ยววิญญาณ เราจะมีโอกาสจับมันได้อีก
…
ในขณะเดียวกันเรือกระดูกเทพลำหนึ่งได้เทียบท่าเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
บนเรือมีสตรีงดงามดูเยือกเย็นที่มีริมฝีปากสีม่วงและผมขาวนางมีใบหน้าที่สวย นางยิ้มที่มุมปาก
หากเจ้าอยู่ในพันธมิตรบูรพาพวกเทพจะช่วยเจ้าได้ ข้าคงไม่กล้าทำอะไรเจ้า แต่สุดท้ายเจ้าก็คิดมาที่โลกเสี้ยววิญญาณ ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจะเอาร่างอสูรของข้ากลับมา!
นางหัวเราะเบาๆ พร้อมกับหายตัวไปจากท่าเรือ