The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1229 - ความตกใจของเทพตำรา
สุดท้ายซือหยูก็ได้เห็นสิ่งที่ปรารถนาเขาเห็นภาพอันตระการตาของตัวโกลาหลที่กัดกินดวงวิญญาณ
เมื่อท้องนภาสงบลงกลิ่นคาวเลือดยังคงอยู่
ด้วยความตายของเทพแห่งโลกเสี้ยววิญญาณและโลกที่แตกสลายของเทพกาลกิณีโลกใบอื่นอีกเจ็ดใบล้วนปกคลุมไปด้วยพิรุณโลหิต
เทพเจ็ดคนตายพร้อมกันพิรุณโลหิตตกจนท่วมจนดวงวิญญาณทั้งงหลายแตกดับ
โลกเหล่านี้จะแตกสลายต่อให้ซือหยูไม่ทำอะไรอีกแม้จะมีคนที่แข็งแกร่งบนโลกเหล่านั้น พวกเขาก็ต้องผ่านซือหยูไปก่อนหากจะหนีออกมา
ตัวโกลาหลล้อมรอบซือหยูด้วยความตื่นเต้นจากนั้นพวกมันก็มองวงคาถา แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ถูกอัญเชิญตรงๆ พวกมันก็ถูกซือหยูใช้งานและจะถูกส่งกลับไปยังโลกอสูร
ซือหยูลูบหัวพวกมันและพูด
“หวังว่าจะได้เจอพวกเจ้าอีกครั้ง”
แต่ซือหยูก็รู้ในอีกไม่นาน เขาจะไม่มีโอกาสได้เจอกับพวกมันอีกแล้ว
ซือหยูใช้โลหิตของเทพอสูรมณีในการเพิ่มพลังอสูรกว่าครึ่งไปแล้วแต่เขาแทบจะอัญเชิญตัวโกลาหลไม่ได้ เขาทำได้เพราะมันอยู่ระยะใกล้เขาเท่านั้นเอง
ในอนาคตนอกจากจะได้พบกันจริง แม้แต่จักรพรรดิอสูรตัวจริงก็อาจจะเรียกพวกมันมาไม่ได้
วงพลังอัญเชิญหายไปในไม่นานตัวโกลาหลทั้งเก้าถูกนำกลับโลกอสูร
สงครามจบลงแล้วเทพเจิ้งใจเย็นลง นางไปที่แหวนผนึกเก้าเทพอสูร เมื่อทำความเข้าใจและรู้หลักการทำงานของมัน นางดึงปิ่นปักผมสีเพลิงออกมาจากผม มันดูเหมือนกับกิ่งไม้ธรรมดา
เทพเจิ้งใช้ปิ่นปักลงบนแหวนจากนั้นแหวนที่เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ก็หยุดทำงานอย่างไม่น่าเชื่อ
ซือหยูตกใจค่อนข้างแปลกที่เทพชั้นสูงในพันธมิตรบูรพาจะได้ครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์ นี่คือครั้งแรกที่ซือหยูได้เห็น
ปิ่นปักผมของนางมิได้มีพลังรุนแรงเหมือนสมบัติศักดิ์สิทธิ์มันน่าจะเป็นสมบัติอันดับต่ำ แต่เมื่อใช้ พลังของมันรุนแรงมาก
‘นางหยุดพลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้สินะ?’
ซือหยูครุ่นคิด
แหวนผนึกเก้าเทพอสูรถูกถอดออกอีกาอสูรกระจัดกระจายหายไป เทพฝ่ายพันธมิตรที่ถูกอีกาอสูรจับตัวบินออกมาด้วยความขมขื่น
ผิวหนังของพวกเขาถูกรุมทึ้งดวงวิญญาณเสียหายรุนแรง แหล่งพลังเทพเสียหายอย่างหนัก ต่อให้ไปอยู่บนบัลลังก์เทพของตัวเอง พลังเทพที่ใช้ได้ก็จะอ่อนแอลงอย่างมาก พวกเขาไม่แข็งแกร่งดังเดิมอีกแล้ว
“ขอบคุณเทพเจิ้ง!”
“ขอบคุณเทพเจิ้ง”
เทพเจิ้งสีหน้าเยือกเย็นนางจ้องแต่ละคนอย่างเย็นชา
“เจ้าควรจะขอบคุณเทพขนนกต่างหาก!ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกเจ้าก็คงจะตายกันหมดแล้ว!”
นางไม่แสดงความเมตตาในคำพูด
“ใครกันกล่าวว่าซือหยูเป็นเด็กโง่เขลาใครกันกล่าวว่าซือหยูเป็นสายลับจากโลกเสี้ยววิญญาณ และใครกันที่พูดว่าจะทรมานเขาหลังทำสงคราม? ข้าคงไม่ต้องเอ่ยนามว่าใครเป็นคนพูด พวกเจ้าทุกคนจงออกมาขอโทษเทพขนนกเสีย!”
นางโกรธจัดสถานการณ์กำลังไปได้ดีพวกนางกำลังได้เปรียบ แต่แล้วพวกนางก็เสียเปรียบในพริบตาเมื่อเหล่าเทพติดกับ หากซือหยูไม่บ่มเพาะพลังทั้งเดือนและแอบเตรียมตัวล่วงหน้าก็คงจะไม่มีใครจินตนาการได้ว่าตอนนี้จะเป็นเช่นใด! ท้องนภาจะสะอื้นเป็นโลหิตของเทพฝ่ายพันธมิตรแทน!
เหล่าเทพที่ถูกตำหนิหน้าแดงพวกเขาไม่เคยถูกตำหนิมานานหลายปีแล้ว และพวกเขาในตอนนี้มิอาจพูดสิ่งใดออกมาได้
“เทพขนนก…ข้า…ไม่…”
เทพหลายคนพูดด้วยความละอายเขาขอโทษซือหยูทีละคน
ซือหยูโบกมือ
“พวกท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ข้าเป็นเพียงผู้น้อย ข้าผิดเองที่แก้ไขความเข้าใจผิดไม่ทัน”
เหล่าเทพยิ่งละอายใจเมื่อซือหยูพูดเช่นนี้
ซือหยูบ่มเพาะพลังทั้งเดือน…นั่นคือเขากำลังเตรียมแผนสำรองมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?แต่พวกเขากลับพร่ำบ่นโดยไม่เข้าใจความหวังดีของซือหยูเลย
เมื่อถึงท้ายสุดนอกจากซือหยูจะไม่โทษพวกเขาแล้ว ซือหยูยังแบกรับความรับผิดชอบไว้เอง จิตใจอันสูงส่งของซือหยูทำให้พวกเขาหน้าแดง พวกเขาทึ่งในตัวซือหยูมากกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นซือหยูเป็นเพียงเทพจำแลง ยากที่พวกเขาจะรู้สึกว่าซือหยูอยู่ในระดับเดียวกัน
แต่ความคิดพวกเขาเปลี่ยนไปแล้วหลังจากที่ทุกอย่างเกิดขึ้น
“เทพขนนกข้าจะไม่มีวันปฏิเสธทุกสิ่งที่เจ้าขอกับพันธมิตรอีกแล้ว!”
“ข้าด้วย!เทพภูเขาผู้นี้มีเทพขนนกเป็นผู้มีพระคุณ เทพขนนกที่ช่วยชีวิตข้าในวันนี้จะต้องได้รับสิ่งตอบแทนอย่างแน่นอน!”
“เทพขนนกโลกพวกเขาอยู่ติดต่อกัน ข้ามีหลานสาวอัธยาศัยดีทั้งยังงดงามที่มีสายโลหิตของข้า คงเป็นการดีที่นางจะได้แต่งงานกับเจ้า ให้หลานสาวข้าได้แต่งงานกับเจ้าเพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลจะได้หรือไม่?”
“โอ้เจ้าเหยี่ยวเอ้ย เจ้าจะขุดหลุมฝังผู้ใดอีก หลานเจ้าดุร้ายเช่นผียาฉะ หลานสาวข้าสิดีกว่า! เทพขนนก ข้าไม่ขอพูดสิ่งอื่นใด แต่หลานสาวข้าต้องถูกเจ้าดูแลเพียงผู้เดียวในภายภาคหน้า”
“เฮ้ย!หลานเจ้าตาเหล่ทั้งยังปากเบี้ยว เจ้ากล้าเทียบนางกับลูกข้าได้ยังไง?”
“เฮ้ย!พูดอะไรของเจ้า?”
“ข้าพูดความจริงแล้วเจ้าก็โกหกอยู่ไม่ใช่เรอะ?”
“ไหนพูดอีกทีสิ?”
“เจ้าก็ลองดูสิ!”
“พูดสามหาวอีกครั้งข้าจะซัดเจ้า!”
“พอได้แล้ว!พอได้แล้ว! ข้าจะซัดหน้าเจ้าเสีย!”
ซือหยูเริ่มเหงื่อตก เทพพ่อค้ากลับมาพร้อมกับตำราหนึ่งเล่มเขาสีหน้าไม่ดีเล็กน้อย
“เทพตำราใช้กลโกงอีกแล้ว!มันไม่ได้มาที่สนามรบแต่ใช้ตำราหลอกเทพอื่นในโลกเสี้ยววิญญาณ”
เหล่าเทพที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกันสงบลงเมื่อได้ยินเทพตำรา
“เจ้าเทพตำราน่าขยะแขยง!มันหนีไปได้อีกแล้วเรอะ!”
“หนีไปได้รึ?อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้!”
ซือหยูยิ้ม
“ไปกันเถอะ!ทุกท่านจะได้ชมมหรสพดี ๆ จากความปรารถนาดีของข้า”
ที่ชั้นตำราตำหนักเทพหมาป่าตำราเล่มหนึ่งลอยออกมาแปลงกายเป็นมนุษย์
เขาขมวดคิ้ว
“อะไรกันทำถึงเพียงนี้ก็ยังหยุดซือหยูกับเทพพันธมิตรไม่ได้!” “ข้าอยู่ในโลกเสี้ยววิญญาณไม่ได้อีกแล้วข้าต้องไปโลกอสูร”
เทพตำราพูดอย่างไร้อารมณ์
แต่ในตอนที่เขาเพิ่งจะพูดจบเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว มันเป็นเสียงอันโหดเหี้ยมเย็นชา
“โลกอสูรเรอะ?ปรโลกต่างหากที่เหมาะสมกับเจ้า!”
เทพทมิฬปรากฏตัว
“เทพรากษสเรอะ?ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว!”
แม้แต่เทพตำราที่ใจเย็นอยู่เสมอก็ตกใจ!
เทพรากษสเย้ยหยัน
“เจ้าดูผิดหวังมากนักนะที่ได้เห็นข้าเทพตำรา!”
เทพรากษสเปิดเสื้อแสดงรอยประทับเก้าสีที่อกให้เห็นมันคือผนึกของเทพเก้าคน ด้วยผนึกนี้ เทพทั้งเก้าจะควบคุมความเป็นความตายของเทพรากษสได้ เทพฝ่ายพันธมิตรเคยจะใช้ผนึกนี้กับเทพกาลกิณีแต่เคราะห์ร้ายที่เทพกาลกิณีรนหาที่ตายไปก่อน
“เทพพันธมิตรไว้ชีวิตเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้มาจัดการข้างั้นเรอะ?”
เทพตำราถามเขาไม่คิดว่าเทพพันธมิตรจะให้เทพรากษสมาชำระแค้นแทน ซือหยูจะต้องเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง!
อุบายล้ำลึกถึงเพียงนี้…ในที่สุดเทพตำราก็ได้รู้แล้วว่าซือหยูเป็นศัตรูที่เทียบเท่ากับเขาและมีสติปัญญาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
เทพตำรากล่าว
“เทพรากษสฟังข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะใช้เจ้า ถ้าเจ้าฟังข้า ข้าจะขจัดผนึกให้กับเจ้า ข้าคือเทพตำราที่มีความรู้ทุกสิ่งบนโลก ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้!”
เขาไม่รู้ว่าดีหรือไม่ที่เขาพูดเช่นนี้เพราะเมื่อเขาพูดจบ ผนึกที่อกของเทพรากษสก็ได้แสดงพลังออกมา เทพรากษสหัวร่อให้ท้องฟ้าเสียงหัวเราะทั้งน่าหดหู่และเวทนา
“เทพตำราเอ๋ยเทพตำราเจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังต่อสู้อยู่กับอะไร! คนผู้นั้นคิดไว้แล้วว่าเจ้าจะพูดแบบนั้นออกมา ดูสิ! พอเจ้าพูดแล้ว ผนึกจะทำงานในอีกไม่นาน! ต่อให้ข้าไม่อยากตาย ข้าก็ต้องตาย!”
อะไรนะ?เทพตำราชักสีหน้า ไม่คิดเลยว่าคำพูดของเขาจะเป็นตัวเปิดผนึกพลัง!
นี่มัน…ซือหยูเป็นตัวอะไรกันแน่?เขามาจากที่ใดกันแน่?
“เทพตำราเจ้าทำผิดกับข้ามากเกินไปแล้ว ข้ามิอาจสังหารซือหยูเพื่อล้างแค้น แต่ข้ายังล้างแค้นเจ้าได้!”
เทพรากษสตาแดงก่ำ
“อย่าถามว่าข้าชอบถูกซือหยูใช้หรือไม่ข้าจะรู้ก็ต่อเมื่อข้าล้างแค้นได้สักหนหนึ่ง!”
อ๊ากกก!เทพรากษสร้องคำราม
เทพตำราขึ้นชื่อในเรื่องปัญญาแต่พลังของเขาไม่สูงนัก เขาไม่มีพลังที่จะต่อต้านเทพรากษสได้
เทพตำรากระอักเลือดไม่หยุด
เทพรากษสสู้ต่อเทพตำราร่างระเบิด เขากำลังจะตาย
ความสุขุมเยือกเย็นของเทพตำราหายไปหมดแล้ว
เขาไม่มีสิ่งใดนอกจากปัญญาเขาใช้ปัญญาเอาชนะศัตรูที่อยู่ห่างไกลหลายพันลี้ได้ แต่ไม่มีทางใช้กับการต่อสู้ตรง ๆ เช่นนี้
เขากัดฟันขว้างตำราออกมาตำราพลิกเปิดหน้ากระดาษ ทันใดนั้นเองเทพรากษสก็สัมผัสพลังอันยิ่งใหญ่ได้ มันมาจากเทพพ่อค้า เทพเจิ้ง เทพกระบี่ และแม้แต่ฑากิณี
แม้มันจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับพลังที่เทพใช้โดยตรงมันก็มีพลังที่เกินครึ่ง และจำนวนพลังก็ได้ป้องกันเขาจากเทพรากษส
“ใช้พลังเทพที่ขโมยมาจากสมบัติเทพตำราเรอะ?หา! เจ้าเหลือไพ่ใบนี้แค่ใบเดียวสินะ!”
เทพรากษสเยาะเย้ยและไม่สนใจพลังตรงหน้าเทพรากษสทำลายพลังทีละพลังและกำลังเข้าใกล้เทพตำราในทุกย่างก้าว
สุดท้ายแม้แต่พลังของฑากิณีก็ถูกเทพรากษสทำลายไป
“เทพตำราไปลงนรกกับข้าซะ!”
เทพรากษสแสยะยิ้มพลังของเทพรากษสกำลังเดือดพล่าน
เทพตำราชักสีหน้านี่คือการระเบิดตัวเองของเทพ เขาอัดพลังไว้ที่จุดเดียวและทำให้มันระเบิด จะเกิดพลังระเบิดสังหารที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้
นอกจากพลังเทพจะเหนือกว่าเทพรากษสไม่ว่าใครก็มิอาจรอดชีวิต
เทพตำรานั้นมีพลังเทพห่างไกลจากเทพรากษสหลายขุม
ตู้ม!
แสงเทพระเบิดออกคลื่นพลังทำลายล้างระเบิดโลกเทพหมาป่า ทุกสิ่งในเส้นทางกลายเป็นฝุ่นผง
ทั้งโลกของเทพหมาป่าถูกอาบไปด้วยแสงสีเหลืองทองโลกที่กำลังจะแตกสลายได้กลายเป็นซากโดยสมบูรณ์
“อะแฮ่ม…”
แต่ในซากของตำหนักเทพหมาป่าชายวัยกลางคนสภาพร่อแร่ได้ปรากฏตัว ตามด้วยเศษตำราที่เสียหาย
ตำราทุกเล่มคือโลกหนึ่งใบ
ในการระเบิดอันรุนแรงเทพตำราทำลายตำราหลายร้อยเล่มที่เป็นโลกของเขา และมันก็ป้องกันพลังการระเบิดตัวเองได้สำเร็จ
ถึงอย่างนั้นโลกทุกใบที่เขามีก็เกือบจะสิ้นซาก ความลับล้ำค่าที่เขาเก็บเอาไว้ยังถูกทำลายหมด
เทพตำราสีหน้าดำมืดเขามักจะวางอุบายต่อผู้อื่น แต่วันนี้เขากลับถูกเด็กอายุราวยี่สิบวางอุบายจนเกือบสิ้นท่า “ซือหยู!ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เขาคำรามเสียงทุ้มต่ำดวงตาเทพตำรามีแต่ความชิงชังฝังรากลึก
“หึหึเจ้ารอชาติหน้าก็แล้วกัน”
เทพเก้าคนพุ่งเข้ามาพร้อมกันเป็นรูปครึ่งวงกลมโดยมีซือหยูอยู่ข้างหน้าตรงกลางพวกเขาขวางเทพตำราที่กำลังจะหนีเอาไว้
เมื่อท้องนภาสงบลงกลิ่นคาวเลือดยังคงอยู่
ด้วยความตายของเทพแห่งโลกเสี้ยววิญญาณและโลกที่แตกสลายของเทพกาลกิณีโลกใบอื่นอีกเจ็ดใบล้วนปกคลุมไปด้วยพิรุณโลหิต
เทพเจ็ดคนตายพร้อมกันพิรุณโลหิตตกจนท่วมจนดวงวิญญาณทั้งงหลายแตกดับ
โลกเหล่านี้จะแตกสลายต่อให้ซือหยูไม่ทำอะไรอีกแม้จะมีคนที่แข็งแกร่งบนโลกเหล่านั้น พวกเขาก็ต้องผ่านซือหยูไปก่อนหากจะหนีออกมา
ตัวโกลาหลล้อมรอบซือหยูด้วยความตื่นเต้นจากนั้นพวกมันก็มองวงคาถา แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ถูกอัญเชิญตรงๆ พวกมันก็ถูกซือหยูใช้งานและจะถูกส่งกลับไปยังโลกอสูร
ซือหยูลูบหัวพวกมันและพูด
“หวังว่าจะได้เจอพวกเจ้าอีกครั้ง”
แต่ซือหยูก็รู้ในอีกไม่นาน เขาจะไม่มีโอกาสได้เจอกับพวกมันอีกแล้ว
ซือหยูใช้โลหิตของเทพอสูรมณีในการเพิ่มพลังอสูรกว่าครึ่งไปแล้วแต่เขาแทบจะอัญเชิญตัวโกลาหลไม่ได้ เขาทำได้เพราะมันอยู่ระยะใกล้เขาเท่านั้นเอง
ในอนาคตนอกจากจะได้พบกันจริง แม้แต่จักรพรรดิอสูรตัวจริงก็อาจจะเรียกพวกมันมาไม่ได้
วงพลังอัญเชิญหายไปในไม่นานตัวโกลาหลทั้งเก้าถูกนำกลับโลกอสูร
สงครามจบลงแล้วเทพเจิ้งใจเย็นลง นางไปที่แหวนผนึกเก้าเทพอสูร เมื่อทำความเข้าใจและรู้หลักการทำงานของมัน นางดึงปิ่นปักผมสีเพลิงออกมาจากผม มันดูเหมือนกับกิ่งไม้ธรรมดา
เทพเจิ้งใช้ปิ่นปักลงบนแหวนจากนั้นแหวนที่เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ก็หยุดทำงานอย่างไม่น่าเชื่อ
ซือหยูตกใจค่อนข้างแปลกที่เทพชั้นสูงในพันธมิตรบูรพาจะได้ครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์ นี่คือครั้งแรกที่ซือหยูได้เห็น
ปิ่นปักผมของนางมิได้มีพลังรุนแรงเหมือนสมบัติศักดิ์สิทธิ์มันน่าจะเป็นสมบัติอันดับต่ำ แต่เมื่อใช้ พลังของมันรุนแรงมาก
‘นางหยุดพลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้สินะ?’
ซือหยูครุ่นคิด
แหวนผนึกเก้าเทพอสูรถูกถอดออกอีกาอสูรกระจัดกระจายหายไป เทพฝ่ายพันธมิตรที่ถูกอีกาอสูรจับตัวบินออกมาด้วยความขมขื่น
ผิวหนังของพวกเขาถูกรุมทึ้งดวงวิญญาณเสียหายรุนแรง แหล่งพลังเทพเสียหายอย่างหนัก ต่อให้ไปอยู่บนบัลลังก์เทพของตัวเอง พลังเทพที่ใช้ได้ก็จะอ่อนแอลงอย่างมาก พวกเขาไม่แข็งแกร่งดังเดิมอีกแล้ว
“ขอบคุณเทพเจิ้ง!”
“ขอบคุณเทพเจิ้ง”
เทพเจิ้งสีหน้าเยือกเย็นนางจ้องแต่ละคนอย่างเย็นชา
“เจ้าควรจะขอบคุณเทพขนนกต่างหาก!ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกเจ้าก็คงจะตายกันหมดแล้ว!”
นางไม่แสดงความเมตตาในคำพูด
“ใครกันกล่าวว่าซือหยูเป็นเด็กโง่เขลาใครกันกล่าวว่าซือหยูเป็นสายลับจากโลกเสี้ยววิญญาณ และใครกันที่พูดว่าจะทรมานเขาหลังทำสงคราม? ข้าคงไม่ต้องเอ่ยนามว่าใครเป็นคนพูด พวกเจ้าทุกคนจงออกมาขอโทษเทพขนนกเสีย!”
นางโกรธจัดสถานการณ์กำลังไปได้ดีพวกนางกำลังได้เปรียบ แต่แล้วพวกนางก็เสียเปรียบในพริบตาเมื่อเหล่าเทพติดกับ หากซือหยูไม่บ่มเพาะพลังทั้งเดือนและแอบเตรียมตัวล่วงหน้าก็คงจะไม่มีใครจินตนาการได้ว่าตอนนี้จะเป็นเช่นใด! ท้องนภาจะสะอื้นเป็นโลหิตของเทพฝ่ายพันธมิตรแทน!
เหล่าเทพที่ถูกตำหนิหน้าแดงพวกเขาไม่เคยถูกตำหนิมานานหลายปีแล้ว และพวกเขาในตอนนี้มิอาจพูดสิ่งใดออกมาได้
“เทพขนนก…ข้า…ไม่…”
เทพหลายคนพูดด้วยความละอายเขาขอโทษซือหยูทีละคน
ซือหยูโบกมือ
“พวกท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ข้าเป็นเพียงผู้น้อย ข้าผิดเองที่แก้ไขความเข้าใจผิดไม่ทัน”
เหล่าเทพยิ่งละอายใจเมื่อซือหยูพูดเช่นนี้
ซือหยูบ่มเพาะพลังทั้งเดือน…นั่นคือเขากำลังเตรียมแผนสำรองมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?แต่พวกเขากลับพร่ำบ่นโดยไม่เข้าใจความหวังดีของซือหยูเลย
เมื่อถึงท้ายสุดนอกจากซือหยูจะไม่โทษพวกเขาแล้ว ซือหยูยังแบกรับความรับผิดชอบไว้เอง จิตใจอันสูงส่งของซือหยูทำให้พวกเขาหน้าแดง พวกเขาทึ่งในตัวซือหยูมากกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นซือหยูเป็นเพียงเทพจำแลง ยากที่พวกเขาจะรู้สึกว่าซือหยูอยู่ในระดับเดียวกัน
แต่ความคิดพวกเขาเปลี่ยนไปแล้วหลังจากที่ทุกอย่างเกิดขึ้น
“เทพขนนกข้าจะไม่มีวันปฏิเสธทุกสิ่งที่เจ้าขอกับพันธมิตรอีกแล้ว!”
“ข้าด้วย!เทพภูเขาผู้นี้มีเทพขนนกเป็นผู้มีพระคุณ เทพขนนกที่ช่วยชีวิตข้าในวันนี้จะต้องได้รับสิ่งตอบแทนอย่างแน่นอน!”
“เทพขนนกโลกพวกเขาอยู่ติดต่อกัน ข้ามีหลานสาวอัธยาศัยดีทั้งยังงดงามที่มีสายโลหิตของข้า คงเป็นการดีที่นางจะได้แต่งงานกับเจ้า ให้หลานสาวข้าได้แต่งงานกับเจ้าเพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลจะได้หรือไม่?”
“โอ้เจ้าเหยี่ยวเอ้ย เจ้าจะขุดหลุมฝังผู้ใดอีก หลานเจ้าดุร้ายเช่นผียาฉะ หลานสาวข้าสิดีกว่า! เทพขนนก ข้าไม่ขอพูดสิ่งอื่นใด แต่หลานสาวข้าต้องถูกเจ้าดูแลเพียงผู้เดียวในภายภาคหน้า”
“เฮ้ย!หลานเจ้าตาเหล่ทั้งยังปากเบี้ยว เจ้ากล้าเทียบนางกับลูกข้าได้ยังไง?”
“เฮ้ย!พูดอะไรของเจ้า?”
“ข้าพูดความจริงแล้วเจ้าก็โกหกอยู่ไม่ใช่เรอะ?”
“ไหนพูดอีกทีสิ?”
“เจ้าก็ลองดูสิ!”
“พูดสามหาวอีกครั้งข้าจะซัดเจ้า!”
“พอได้แล้ว!พอได้แล้ว! ข้าจะซัดหน้าเจ้าเสีย!”
ซือหยูเริ่มเหงื่อตก เทพพ่อค้ากลับมาพร้อมกับตำราหนึ่งเล่มเขาสีหน้าไม่ดีเล็กน้อย
“เทพตำราใช้กลโกงอีกแล้ว!มันไม่ได้มาที่สนามรบแต่ใช้ตำราหลอกเทพอื่นในโลกเสี้ยววิญญาณ”
เหล่าเทพที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกันสงบลงเมื่อได้ยินเทพตำรา
“เจ้าเทพตำราน่าขยะแขยง!มันหนีไปได้อีกแล้วเรอะ!”
“หนีไปได้รึ?อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้!”
ซือหยูยิ้ม
“ไปกันเถอะ!ทุกท่านจะได้ชมมหรสพดี ๆ จากความปรารถนาดีของข้า”
ที่ชั้นตำราตำหนักเทพหมาป่าตำราเล่มหนึ่งลอยออกมาแปลงกายเป็นมนุษย์
เขาขมวดคิ้ว
“อะไรกันทำถึงเพียงนี้ก็ยังหยุดซือหยูกับเทพพันธมิตรไม่ได้!” “ข้าอยู่ในโลกเสี้ยววิญญาณไม่ได้อีกแล้วข้าต้องไปโลกอสูร”
เทพตำราพูดอย่างไร้อารมณ์
แต่ในตอนที่เขาเพิ่งจะพูดจบเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว มันเป็นเสียงอันโหดเหี้ยมเย็นชา
“โลกอสูรเรอะ?ปรโลกต่างหากที่เหมาะสมกับเจ้า!”
เทพทมิฬปรากฏตัว
“เทพรากษสเรอะ?ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว!”
แม้แต่เทพตำราที่ใจเย็นอยู่เสมอก็ตกใจ!
เทพรากษสเย้ยหยัน
“เจ้าดูผิดหวังมากนักนะที่ได้เห็นข้าเทพตำรา!”
เทพรากษสเปิดเสื้อแสดงรอยประทับเก้าสีที่อกให้เห็นมันคือผนึกของเทพเก้าคน ด้วยผนึกนี้ เทพทั้งเก้าจะควบคุมความเป็นความตายของเทพรากษสได้ เทพฝ่ายพันธมิตรเคยจะใช้ผนึกนี้กับเทพกาลกิณีแต่เคราะห์ร้ายที่เทพกาลกิณีรนหาที่ตายไปก่อน
“เทพพันธมิตรไว้ชีวิตเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้มาจัดการข้างั้นเรอะ?”
เทพตำราถามเขาไม่คิดว่าเทพพันธมิตรจะให้เทพรากษสมาชำระแค้นแทน ซือหยูจะต้องเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง!
อุบายล้ำลึกถึงเพียงนี้…ในที่สุดเทพตำราก็ได้รู้แล้วว่าซือหยูเป็นศัตรูที่เทียบเท่ากับเขาและมีสติปัญญาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
เทพตำรากล่าว
“เทพรากษสฟังข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะใช้เจ้า ถ้าเจ้าฟังข้า ข้าจะขจัดผนึกให้กับเจ้า ข้าคือเทพตำราที่มีความรู้ทุกสิ่งบนโลก ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้!”
เขาไม่รู้ว่าดีหรือไม่ที่เขาพูดเช่นนี้เพราะเมื่อเขาพูดจบ ผนึกที่อกของเทพรากษสก็ได้แสดงพลังออกมา เทพรากษสหัวร่อให้ท้องฟ้าเสียงหัวเราะทั้งน่าหดหู่และเวทนา
“เทพตำราเอ๋ยเทพตำราเจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังต่อสู้อยู่กับอะไร! คนผู้นั้นคิดไว้แล้วว่าเจ้าจะพูดแบบนั้นออกมา ดูสิ! พอเจ้าพูดแล้ว ผนึกจะทำงานในอีกไม่นาน! ต่อให้ข้าไม่อยากตาย ข้าก็ต้องตาย!”
อะไรนะ?เทพตำราชักสีหน้า ไม่คิดเลยว่าคำพูดของเขาจะเป็นตัวเปิดผนึกพลัง!
นี่มัน…ซือหยูเป็นตัวอะไรกันแน่?เขามาจากที่ใดกันแน่?
“เทพตำราเจ้าทำผิดกับข้ามากเกินไปแล้ว ข้ามิอาจสังหารซือหยูเพื่อล้างแค้น แต่ข้ายังล้างแค้นเจ้าได้!”
เทพรากษสตาแดงก่ำ
“อย่าถามว่าข้าชอบถูกซือหยูใช้หรือไม่ข้าจะรู้ก็ต่อเมื่อข้าล้างแค้นได้สักหนหนึ่ง!”
อ๊ากกก!เทพรากษสร้องคำราม
เทพตำราขึ้นชื่อในเรื่องปัญญาแต่พลังของเขาไม่สูงนัก เขาไม่มีพลังที่จะต่อต้านเทพรากษสได้
เทพตำรากระอักเลือดไม่หยุด
เทพรากษสสู้ต่อเทพตำราร่างระเบิด เขากำลังจะตาย
ความสุขุมเยือกเย็นของเทพตำราหายไปหมดแล้ว
เขาไม่มีสิ่งใดนอกจากปัญญาเขาใช้ปัญญาเอาชนะศัตรูที่อยู่ห่างไกลหลายพันลี้ได้ แต่ไม่มีทางใช้กับการต่อสู้ตรง ๆ เช่นนี้
เขากัดฟันขว้างตำราออกมาตำราพลิกเปิดหน้ากระดาษ ทันใดนั้นเองเทพรากษสก็สัมผัสพลังอันยิ่งใหญ่ได้ มันมาจากเทพพ่อค้า เทพเจิ้ง เทพกระบี่ และแม้แต่ฑากิณี
แม้มันจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับพลังที่เทพใช้โดยตรงมันก็มีพลังที่เกินครึ่ง และจำนวนพลังก็ได้ป้องกันเขาจากเทพรากษส
“ใช้พลังเทพที่ขโมยมาจากสมบัติเทพตำราเรอะ?หา! เจ้าเหลือไพ่ใบนี้แค่ใบเดียวสินะ!”
เทพรากษสเยาะเย้ยและไม่สนใจพลังตรงหน้าเทพรากษสทำลายพลังทีละพลังและกำลังเข้าใกล้เทพตำราในทุกย่างก้าว
สุดท้ายแม้แต่พลังของฑากิณีก็ถูกเทพรากษสทำลายไป
“เทพตำราไปลงนรกกับข้าซะ!”
เทพรากษสแสยะยิ้มพลังของเทพรากษสกำลังเดือดพล่าน
เทพตำราชักสีหน้านี่คือการระเบิดตัวเองของเทพ เขาอัดพลังไว้ที่จุดเดียวและทำให้มันระเบิด จะเกิดพลังระเบิดสังหารที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้
นอกจากพลังเทพจะเหนือกว่าเทพรากษสไม่ว่าใครก็มิอาจรอดชีวิต
เทพตำรานั้นมีพลังเทพห่างไกลจากเทพรากษสหลายขุม
ตู้ม!
แสงเทพระเบิดออกคลื่นพลังทำลายล้างระเบิดโลกเทพหมาป่า ทุกสิ่งในเส้นทางกลายเป็นฝุ่นผง
ทั้งโลกของเทพหมาป่าถูกอาบไปด้วยแสงสีเหลืองทองโลกที่กำลังจะแตกสลายได้กลายเป็นซากโดยสมบูรณ์
“อะแฮ่ม…”
แต่ในซากของตำหนักเทพหมาป่าชายวัยกลางคนสภาพร่อแร่ได้ปรากฏตัว ตามด้วยเศษตำราที่เสียหาย
ตำราทุกเล่มคือโลกหนึ่งใบ
ในการระเบิดอันรุนแรงเทพตำราทำลายตำราหลายร้อยเล่มที่เป็นโลกของเขา และมันก็ป้องกันพลังการระเบิดตัวเองได้สำเร็จ
ถึงอย่างนั้นโลกทุกใบที่เขามีก็เกือบจะสิ้นซาก ความลับล้ำค่าที่เขาเก็บเอาไว้ยังถูกทำลายหมด
เทพตำราสีหน้าดำมืดเขามักจะวางอุบายต่อผู้อื่น แต่วันนี้เขากลับถูกเด็กอายุราวยี่สิบวางอุบายจนเกือบสิ้นท่า “ซือหยู!ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เขาคำรามเสียงทุ้มต่ำดวงตาเทพตำรามีแต่ความชิงชังฝังรากลึก
“หึหึเจ้ารอชาติหน้าก็แล้วกัน”
เทพเก้าคนพุ่งเข้ามาพร้อมกันเป็นรูปครึ่งวงกลมโดยมีซือหยูอยู่ข้างหน้าตรงกลางพวกเขาขวางเทพตำราที่กำลังจะหนีเอาไว้