The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1268 - หนอนเทพแช่แข็ง
เทพทั้งสองมองหน้ากันและแอบกลัวในความตั้งใจของเมฆาอสูร
เมฆาอสูรถึงกับทิ้งสมบัติชั้นยอดของตัวเองซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนที่จะเอาชนะใจซือหยู
แต่เมื่อคิดให้ไกลกว่านั้นพวกเขาทั้งสามจะได้เป็นราชายุคใหม่ในอนาคตแน่นอน
หากช่วยเหลือชายคนนี้ขณะที่เขากำลังเพิ่มพลังมันจะต้องทำให้พวกเขาได้รับผลตอบแทนอันคุ้มค่าเป็นแน่
เราจะขี้เหนียวไม่ได้แล้ว..
เทพอีกคนกล่าวด้วยความขมขื่นหากของขวัญที่พวกเขาให้นั้นคุณภาพแย่กว่ากะโหลกชมพู มันจะเห็นว่าไม่เหมาะสมแน่นอน และยากที่ซือหยูจะมองพวกเขาในแง่ดี
ดังนั้นพวกเขาจะต้องให้สิ่งที่ดีกว่าหรือไม่ให้อะไรเลย
แต่ทั้งสองจะมีสมบัติอันล้ำค่ามากกว่าเมฆาอสูรผู้มั่งคั่งได้อย่างไร?
เทพคนหนึ่งก้าวมาข้างหน้าด้วยความเจ็บใจเขายิ้มอย่างใจดี
สหายข้าการได้พบเจ้าถือเป็นลิขิตฟ้า นี่คือแหล่งพลังเทพบริสุทธิ์ที่ข้าใช้เวลาหนึ่งปีชำระล้างมัน มันจะเป็นผลดีหากเจ้าดูดซับมัน มันจะช่วยทำให้แหล่งพลังเทพของเจ้ามั่นคงขึ้น
เขากล่าว
เขาผนึกแหล่งพลังเทพด้วยพลังเทพซึ่งใหญ่กว่าแหล่งพลังเทพขนาดเท่าเมล็ดข้าวเป็นสิบเท่า
หากดูดซับมันซือหยูจะประหยัดเวลาบ่มเพาะได้ถึงหนึ่งปี
ซือหยูใจเต้นแรงแต่สีหน้ายังคงสุขุม เขารับมันมาโดยไร้อารมณ์
ดีจริงๆ ศัตรูอีกคนให้ของขวัญอันยอดเยี่ยมมาอีกแล้ว
ท่านทั้งสองห่วยใยสหายผู้นี้ยิ่งนักข้าใจอ่อนตามเสียแล้ว ข้าจะให้ของดีให้เจ้าไว้ป้องกันตัว
เทพอีกคนยิ้มเขาเรียกชิ้นน้ำแข็งออกมาด้วยใบหน้าเจ็บปวด ด้านในน้ำแข็งนั้นมีหนอนตัวเล็กอยู่
เมฆาอสูรและเทพอีกคนตกตะลึงเมื่อเห็นหนอน
‘เจ้าเมืองก้นบึ้งพูดว่าเมฆาอสูรให้ของขวัญล้ำค่าเกินไปแต่เป็นมันเองที่เสียหายหนัก! มันถึงกับให้หนอนตัวนั้น! นั่นมันไม่ต่างจากการเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้าย!’
ในบรรดาทั้งสามคนเจ้าเมืองก้นบึ้งคือผู้ที่ให้ของขวัญล้ำค่ากว่าใคร!
เมฆาอสูรหน้าหมองเขาถอนหายใจแรง บางทีเขาอาจจะรู้แล้วว่าพ่ายแพ้ในการแข่งขันนี้
โอ้?นี่มันอะไร? ซือหยูมองหนอนทมิฬแช่แข็งดวงวิญญาณเซียนของเขารู้สึกได้ถึงความกระวนกระวาย หม้อเก้ามังกรเองก็ส่งคำเตือน
ตั้งแต่ที่เดินทางในธารดาราแม้จะเผชิญหน้าตาต่อตากับเทพ หม้อเก้ามังกรก็ไม่เคยส่งสัญญาณเตือนออกมา
เจ้าเมืองก้นบึ้งอธิบายด้วยความใจดี
นี่คือน้ำแข็งลึกลับหมื่นปีที่ถูกทะเลขมชะล้างมันผนึกหนอนโบราณเอาไว้ มันคือแมลงวิญญาณมรณะที่สูญหายไปจากโลกอสูร! แต่มันก็ถูกแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งก้อนนี้ แม้จะผ่านไปแล้วหมื่นปี มันก็ยังมีร่องรอยชีวิตเหลืออยู่ หากปลดปล่อยออกมา มันจะง่ายมากในการสังหารดวงวิญญาณเทพ
เขาบอกซือหยู
สังหารดวงวิญญาณเทพรึ?ซือหยูเบิกตากว้าง นี่เป็นของขวัญล้ำค่าไม่ต่างกับสมบัติวิเศษที่ใช้รักษาชีวิต
ถ้าหากเขามีสิ่งนี้ในเวลาก่อนหน้าก่อนที่เทพตำราจะลงมือ เขาจะใช้มันกับเทพตำราและทำให้เทพตำราหายไปตลอดกาล
ขอบคุณเจ้าเมืองก้นบึ้ง
ซือหยูยิ้มเขารับของขวัญมาอย่างสุภาพ
เจ้าเมืองก้นบึ้งตัวสั่นเล็กน้อยเขาเจ็บแปลบในใจ แต่เมื่อเหลือบเห็นสีหน้าของเมฆาอสูรและเทพอีกคน เขาก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง
เจ้าเมืองก้นบึ้งมอบของขวัญแก่ซือหยูทั้งสองมือด้วยรอยยิ้ม
เจ้าไปเยี่ยมข้าได้ที่เมืองก้นบึ้งและบ่มเพาะด้วยสิ่งที่ข้ามีเมืองก้นบึ้งยินดีรับผิดชอบการบ่มเพาะของเจ้า และจะทำให้เจ้าปลอดภัยเป็นที่สุด เจ้าจะไม่มีวันได้พบกับอันตราย
เขากล่าว
เมฆาอสูรมองซือหยูสายตาเขาลุกวาว
ฮ่าๆๆๆข้าพร้อมเปิดประตูตำหนักต้อนรับเจ้าทุกเมื่อเช่นกัน ถ้าเจ้าต้องการ หากมีปัญหาเรื่องการบ่มเพาะ ข้านั้นจะชี้แนะและช่วยเหลือเจ้าได้ดีกว่า
เจ้าเมืองก้นบึ้งนั้นโหดเหี้ยมแน่เมฆาอสูรเองก็ไม่ต่างกัน พวกเขากำลังกล่าวอ้างตนเป็นอาจารย์ที่เต็มใจจะชี้แนะลูกศิษย์
เทพอีกคนไม่คิดจะลดละ
โอ้เมืองโป้หมิงเองก็ยินดีต้อนรับเจ้า ไม่ว่าจะยากลำบากสักเพียงใด เมืองโป้หมิงย่อมเต็มใจช่วย ต่อให้มีเทพมาถึงตัวเจ้า ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ข้าจะจัดการให้เจ้า!
เขากล่าว
หา!เขาถึงกับสัญญาว่าจะลงมือกับเทพคนอื่น!
เจ้าเมืองโป้หมิงเป็นคนที่พูดอย่างหนักแน่นที่สุด!
เทพทั้งสามให้ของล้ำค่าซึ่งเป็นสิ่งที่คนธรรมดามิอาจปฏิเสธเพียงเพื่อที่จะเอาชนะใจซือหยู
อะแฮ่มท่านทั้งสามมีความตั้งใจดี ข้าจะจำไว้ตลอดไป ที่ข้าต้องการก็คือความเป็นมิตรกับท่านทั้งสาม
ซือหยูกล่าวเขาไม่ได้หน้าแดงเมื่อเก็บสมบัติทั้งสามไว้กับตัว
เทพทั้งสามได้สิ่งที่ต้องการแล้ว
แต่มันอาจจะยากสักหน่อย…
ซือหยูพูดต่อ
อ๊ะ!เทพทั้งสามขมวดคิ้ว ซือหยูรับของขวัญไปแล้ว แต่เขาพูดว่าจะมีเรื่องยากงั้นรึ?
มีอะไรที่เจ้าลำบากใจหรือ?บอกพวกเรามา ข้าไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเราได้
เมฆาอสูรยิ้มอย่างใจดี
ถูกแล้วสหายข้า พูดมาเลย!
เจ้าเมืองโป้หมิงและเจ้าเมืองก้นบึ้งยิ้มหัวเราะ
ข้าเกรงว่าหากข้าพูดตามตรงท่านทั้งสามจะไม่พอใจนัก
ซือหยูกล่าว ทันทีที่ซือหยูพูดจบเมฆาอสูรก็ตบอกตัวเองอย่างหนักแน่น
เหลวไหล!พวกเราเป็นเทพ จะมีสิ่งใดที่เราอดทนไม่ได้กัน?
ถูกแล้วไม่มีสิ่งใดจะกระทบต่อลิขิตฟ้าในวันนี้ของพวกเราได้แล้ว
ฟึ่บ!
เป็นเวลาเดียวกับที่ลี่หยิงที่ติดตามมาอย่างใกล้ชิดตามทันเหล่าเทพ
เขาสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าชายแบบใดที่ผ่านวิบัติเทพอันรุนแรงเช่นนั้นได้
เมื่อเขามาถึงเขาก็มองไปทางชายหนุ่มที่ได้รับความใจดีและความนับถือจากเทพทั้งสาม เขาแสดงสีหน้าเคารพนับถือและยิ้ม
ข้าเห็น…
เขาเริ่มพูด
ขณะที่ลี่หยิงพูดสายตาเขาก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มพอดี คำพูดของลี่หยิงหยุดลงทันทีเมื่อภาพอันชัดเจนของซือหยูสะท้อนเข้าดวงตา
เขาสับสนงุนงง และตกตะลึง ยี่หลิงโพล่งออกมา
ทำไมกันเป็นเจ้าเองเรอะ อสูรขนนก!
ในสี่คนที่อยู่ที่นี่มีเพียงผู้เดียวที่เคยเห็นซือหยูกับตา นั่นก็คือลี่หยิง
เมฆาอสูรเหลือบมองลี่หยิง
เจ้าบอกว่าเขาเป็นใครนะ?
เขาถาม
เทพทั้งสองเองก็จ้องยี่หลิงด้วยสายตาราวกับจะกลืนกิน
ยี่หลิงกลัวและเริ่มถอยอย่างช้าๆ เขากลืนน้ำลาย
มันคืออสูรขนนกเจ้าเมืองชมทะเล!
เขาตอบ
ตู้ม!
ราวกับค้อนเทพซัดใส่เทพทั้งสามคำพูดของลี่หยิงระเบิดหัวใจของพวกเขาจนตัวแข็งทื่อมิอาจขยับ
เจ้าเมืองก้นบึ้งรู้สึกหนาวสั่นที่ปลายมือปลายเท้าปากเขาแข็งราวศิลา เขาตะโกน
พูดอะไรของเจ้า?อสูรขนนกเป็นเพียงอสูรเนรมิตร จะรอดชีวิตจากวิบัติเทพได้ยังไง?
ลี่หยิงที่ถูกเหล่าเทพตำหนิหวาดกลัวมากถึงอย่างนั้นเขาก็พูด
ไม่ผิดแน่!ข้าเห็นมันเมื่อครึ่งเดือนก่อน ข้าจะเข้าใจผิดได้ยังไง? มันคือตัวจริง มันคือคนที่ขวางทางเรา เจ้าเมืองชมทะเล!
เทพทั้งสามมิอาจรับในสิ่งที่ลี่หยิงกล่าวได้
แค่กๆ ท่านทั้งสาม นี่คือสิ่งที่ข้าอยากจะกล่าว มันเป็นเรื่องยากสำหรับสายสัมพันธ์ของเราทีเดียว
ซือหยูกล่าวมันทำให้เทพทั้งสามกลับมาได้สติในท้ายสุด