The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1273 - เตรียมหนี
ข้าหูฝาดไปรึเปล่า?
ซือหยูพูดออกมาทันที
องค์หญิงหกส่ายหน้า
เจ้าไม่ได้หูฝาดหรอกน่าข้าหมายความอย่างนั้นจริง ๆ พาข้าหนีไปจากแดนอสูรซะ
อ๊ะ…
เหตุการณ์พลิกผันอย่างใหญ่หลวงซือหยูสับสนและไม่รู้จะตอบสนองเช่นใด
เมื่อกลับมาได้สติซือหยูพูด
ถึงรัชทายาทจะถูกลดอำนาจมันก็ไม่ง่ายที่จะหนีออกไปจากแดนอสูรสินะ?
ในครั้งก่อนนางกับองค์ชายเจ็ดไปยังธารดาราผ่านแหวนผนึกเก้าเทพอสูร
มันไม่ยากที่จะออกจากแดนอสูรแต่ยากมากที่จะเลี่ยงการถูกตามล่าสังหารจากศาลอสูร นางพูดและจิกดัชนีให้เลือดไหลเลือดของนางเทียบกับอสูรทั่วไปแล้วจะมีกลิ่นของราชวงศ์อยู่ด้วย
ไม่ว่าข้าจะหนีไปที่ใดศาลอสูรจะหาข้าเจอเสมอ รัชทายาทมิอาจหนีจากโลกอสูรได้
เจ้าจะบอกว่าถ้าข้าพาเจ้าหนีไปศาลอสูรจะหาเจ้าไม่เจองั้นรึ?
องค์หญิงหกมองมือขวาของซือหยูและตอบ
ใช่แล้ว!เจ้าเปลี่ยนการกลายเป็นอสูรของเทพพ่อค้าได้ หมายความว่าเจ้าจะต้องแยกเทพพ่อค้ากับโลหิตอสูรของข้าได้ ถ้าหากเจ้าแยกความเป็นอสูรราชวงศ์ออกไปจากตัวข้า มันก็ยากที่ศาลอสูรจะหาตัวข้าเจอ
ไม่แปลกเลยที่องค์หญิงหกและองค์ชายเจ็ดจะเสี่ยงต่อสู้กับเทพแห่งความตายเพื่อที่จะชิงตัวซือหยู
อาจจะเป็นเพราะทรายดาราทางช้างเผือกนั่นเอง ซือหยูคิดหนักหลังพูดคุยกับนาง เขาตระหนักว่าแดนอสูรที่ดูเจริญรุ่งเรืองนั้น ภายในกลับมีอันตราย
จักรพรรดิอสูรปิดตัวจากโลกภายนอกไม่ปรากฏตัวแก่ผู้ใดมเหสีหยุนเซี่ยถือครองอำนาจในแดนอสูร นางพร้อมที่จะก่อสงครามกับรัชทายาทในทุกเมื่อ
นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาได้เลยสถานการณ์ไปไกลเกินกว่าที่ซือหยูคาดคิด
เจ้าจะว่ายังไง?ตราบเท่าที่เจ้าตกลงช่วยข้า ข้าขอสัญญาว่าจะเป็นสหายร่วมทางไปกับเจ้า ข้างดงามที่หนึ่งในแดนอสูร พลังเป็นรองเพียงพี่ใหญ่ ข้าจะปกป้องเจ้าจนกว่าจะกลายเป็นเทพได้
องค์หญิงหกเดินเข้าใกล้เอนกายแนบแขนซือหยูรอยยิ้มอันมีสเน่ห์ปรากฏที่มุมปาก
ซือหยูปล่อยพลังเซียนออกมาสลัดตัวนางเขาพูดเบา ๆ
ไม่ต้องแสร้งยิ้มทั้งๆ ที่กำลังข่มความขยะแขยงในใจเจ้าหรอก
องค์หญิงหกยิ้มแข็งๆ นางที่เป็นอสูรย่อมชิงชังดวงวิญญาณจากธารดารา การที่นางจะต้องอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่ใช่อสูรนั้นเป็นสิ่งที่นางเกลียด
เจ้าตัดสินใจยังไงล่ะ?
องค์หญิงหกมองตาซือหยูด้วยความคาดหวัง
ข้าขอปฏิเสธ
ซือหยูมองนาง
เจ้าไม่น่าไว้ใจ
มีช่องโหว่มากมายในเรื่องเล่าของนาง!
ตัวอย่างที่เรียบง่ายที่สุดก็คือ…เรื่องที่ความคิดของนางเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ!
นางส่งเทพตำรามาจับตัวเขาเมื่อหลายเดือนก่อนแต่ตอนนี้นางกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะพลีกายให้กับเขางั้นรึ? จะต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติ
ลาก่อน!
ซือหยูหันกลับเทพอสูรเนตรม่วงและอสูรจันทร์ผ่องปรากฏตัวพาซือหยูกลับเมือง
ส่วนเรื่องเทพตำราซือหยูไม่ถามอะไร แต่เขาคงเดาได้
องค์หญิงหกกัดฟันแววตานางเย็นชา
แผนเจ้ามันใช้ไม่ได้!
ฟึ่บ!
ชายวัยกลางคนเดินออกมาจากป่าไผ่ถ้าไม่ใช่เทพตำราแล้วจะเป็นใครไปได้?
มันไม่ตกลงนั่นก็เข้าใจได้ ถ้าหากเป็นคนอื่น พวกมันก็คงสงสัยในตัวเจ้าเช่นกัน
เทพตำรากล่าว
ผู้อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็คือเทพตำรา
หา!ถ้าไม่ใช่เพราะมเหสีหยุนเซี่ยส่งข้ารับใช้มาขวางทางข้า ทำไมข้าจะต้องทำถึงขนาดนี้! ข้าแค่จับตัวมันและเอาพลังในมือขวาของมันมาก็สิ้นเรื่อง!
ที่นางพูดออกมานั้นถูกเสียเจ็ดส่วนและผิดไปสามส่วน
ความทะเยอทะยานของมเหสีหยุนเซี่ยและสถานการณ์ของรัชทายาทนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก
ชีวิตเหล่ารัชทายาทกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายและรัชทายาทกำลังรวบรวมกำลังเพื่อยึดอำนาจกับนาง ซึ่งแผนนี้เริ่มต้นที่ทะเลขม
นางคิดจะลอบสังหารคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ประมาท และบริสุทธิ์อย่างองค์หญิงเก้าเพื่อที่จะชิงกำลังมาเป็นของคณะปฏิวัติของนาง
ในสายตาคนนอกองค์หญิงหกสังหารน้องสาวตัวเองเพื่อการชิงบัลลังก์ มีแต่นางเท่านั้นที่รู้ว่าตนเองเพียงพยายามที่จะรักษาชีวิตตนเอง
ส่วนการเสียสละของน้องสาวนั้น…สายสัมพันธ์ของอสูรราชวงศ์มันมีค่าอะไรตั้งแต่แรกหรือ?
นางใช้แผนของเทพตำราและอยากจะเก็บซือหยูมาเป็นพรรคพวกของตัวเองเหตุผลก็คือเพื่อที่นางจะได้มีแผนหนีและแผนสำรองในกรณีที่เกิดเหตุด่วนขึ้น หากการยึดอำนาจล้มเหลว นางจะใช้พลังของซือหยูขจัดพลังสายโลหิตราชวงศ์และเลี่ยงการถูกศาลอสูรตามล่า
แม้นางจะชิงชังจิตใจตั้งมั่นของซือหยูนางก็เต็มใจที่จะประนีประนอมกับเขา แต่ซือหยูกลับไม่เห็นคล้อยตามนาง
เทพตำราเองก็เสียใจถ้าซือหยูหลงกลองค์หญิงหก เขาจะมีวิธีนับร้อยในการสังหารซือหยูอย่างลับ ๆ
เรื่องนี้ต้องหารือกันอีกยาว
องค์หญิงหกหายใจเข้าลึก
หากก่อกบฏเมื่อใดจะไม่มีสิ่งใดเลี่ยงได้อีก ถ้าล้มเหลว ทางรอดชีวิตของข้ามีเพียงการหนีออกไปยังธารดาราเท่านั้น พลังราชวงศ์ในโลหิตข้าจะเป็นอันตรายใหญ่หลวง!
นางทั้งขมขื่นและสิ้นหวัง
…
ณตำหนักชมทะเล
ซือหยูบ่มเพาะพลังได้สามวันแล้วเขาปรับพลังเซียนขั้นสามที่เพิ่งจะได้มาให้มั่นคง
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน…
เทพอสูรเนตรม่วงเข้ามาหาซือหยูอย่างเงียบเชียบ
เป็นอย่างไรบ้าง?
ซือหยูลืมตามองรอบๆ
เทพอสูรเนตรม่วงสีหน้าใจเย็น
องค์หญิงหกพูดถูกเจ้าถูกล้อมเอาไว้จริง ข้ารับใช้ทั้งสี่ของมเหสีหยุนเซี่ยคุมตำแหน่งรอบเมืองไว้สี่ทิศ เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะหนีโดยที่ไม่มีใครรู้ และพิธีสังเวยทะเลขมก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!จากการสุ่มเลือกครั้งที่แล้ว ครั้งนี้จะเป็นองค์หญิงหกที่ถูกสังเวย ไม่แปลกเลยที่นางพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้กำลังที่แข็งแกร่งมาครอง นางกำลังร้อนรน
ซือหยูหนักใจขึ้นมาก
แม้องค์หญิงหกจะไม่ได้หวังดีต่อเขามเหสีหยุนเซี่ยเองก็หวังที่จะได้ทรายดาราทางช้างเผือกจริง
เทียนจี่จื้อ…เทียนจี่จื้อท่านทิ้งงานใหญ่ให้ข้าแล้ว!
ซือหยูจะต้องใช้พลังของทรายดาราได้อย่างเต็มที่มิเช่นนั้นเขาจะปลุกเทพไม้ขึ้นมาไม่ได้
ถ้าหากเขาพูดถึงมันมเหสีหยุนเซี่ยจะหาทางชิงมันไป และเขาจะไม่รอดชีวิต
ข้ารับใช้ทั้งสี่กำลังจับตาดูที่นี่เจ้าจะชักช้านานเกินไปไม่ได้ มิเช่นนั้นมเหสีจะเสียความอดทนและสั่งให้พาตัวเจ้าไปที่เมืองหลวง ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็สายไปแล้ว สหายเอ๋ย เจ้าต้องรีบคิดแผนแล้ว
ซือหยูตาเป็นประกาย
ไปเมืองหลวงไม่ต่างจากไปตายแต่ถ้าหากข้าช้า มันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ข้าต้องรีบเตรียมตัว
ออกฎีกาองค์หญิงเก้ากลับมาแล้ว เชิญรัชทายาททุกคนให้มาเยี่ยม!
ซือหยูเขียนฎีกาเขาเขียนมันด้วยตราหยกขององค์หญิงเก้า
เทพอสูรเนตรม่วงตกใจเล็กน้อย
เชิญองค์หญิงหกด้วยงั้นรึ?
ใช่!
เทพอสูรเนรม่วงรู้ดีว่าตอนนี้กำลังย่ำแย่เขานำฎีกาออกไปส่งในทันที
หลังจากเทพอสูรเนตรม่วงไปซือหยูเรียกเฉียนจุนมาหา
เจอพวกว่าที่เทพที่ลี่หยิงจับตัวไว้หรือไม่?
ซือหยูถาม
เฉียนจุนทำหน้าที่ดูแลเมืองเมฆาอสูรนับแต่ที่ศาลอสูรกลับไปเขามองหาเหล่าว่าที่เทพที่เคยเป็นของซือหยู
ข้าไม่ทำให้นายท่านผิดหวังข้าเจอพวกมันแล้ว
ซือหยูก้มหน้า
อืมพวกมันร้อยคน สามสิบคนให้อยู่ภายใต้คำสั่งเจ้า จากนี้ไปพวกมันจะซุกซ่อนตัวในแดนอสูร อย่าให้ใครได้พบเห็น
นายท่านนี่มันเรื่องอะไรกัน?
เฉียนจุนตกใจ
ซือหยูตอบ
บางทีข้าอาจจะต้องหนีจากแดนอสูรกลับสู่ธารดารา เจ้านำพวกมันให้แฝงตัวในแดนอสูรและส่งข่าวจากแดนอสูรมาให้ข้า
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างมากเขาต้องวางแผนล่วงหน้าอย่างเร่งด่วน
นายท่านข้าจะหนีไปจากแดนอสูรกับท่านด้วย
เฉียนจุนกล่าวซือหยูยินดีชุบเลี้ยงเขา คุ้มค่าที่เขาจะติดตามซือหยูไป
ส่วนเรื่องการส่งข่าวแม้แต่เทพก็มิอาจเทียบเจ้าได้! ในแดนอสูร มีคนไม่มากที่ข้าเชื่อใจได้ เจ้าคือหนึ่งในนั้น ข้าต้องให้เจ้าทำงานนี้เท่านั้น
ซือหยูตบบ่าเฉียนจุน
หลังจากข้าไปทุกหน้าที่ในแดนอสูรจะถูกเจ้าดูแล
เฉียนจุนใบหน้าจริงจัง
ขอรับข้าจะไม่ทำให้ภารกิจล้มเหลว
ไม่นานเฉียนจุนกับชาเอ๋อได้เลือกว่าที่เทพสามสิบคนอย่างดีและจมหายไปในเมืองชมทะเล
ความเคลื่อนไหวของพวกซือหยูมิอาจเล็ดรอดสายตาของข้ารับใช้ทั้งสี่ที่อยู่นอกเมืองได้แต่กลุ่มว่าที่เทพและเฉียนจุนนั้นไม่ต่างกับมดปลวกในสายตาพวกนางทั้งสี่ ดังนั้นพวกนางจึงไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
ซือหยูเอนกายบนที่นั่งเจ้าเมืองเขากำลังคิดอย่างหนัก
ไม่รู้ว่าเจ้าหมาออกมาเมื่อใดนางนอนแนบเท้าซือหยู นางมองเขาด้วยดวงดาสดใสและความสงสัย
ซือหยูที่แก้ปัญหาในแดนจิงหยูควรจะเป็นผู้ครองอำนาจตัวจริงของที่นี่แต่ตอนนี้เขากำลังต้องเจอกับมเหสีหยุนเซี่ย
หากเป็นภาวะปกติเจ้าหมาคงจะหัวเราะเยาะเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้นางขมวดคิ้วมองซือหยู ไม่แม้แต่หัวเราะ
‘ถึงหมอนี่จะน่ารังเกียจสิ่งที่กำลังจะทำก็ไม่ง่าย ตั้งแต่ถูกว่าที่เทพไล่ตามในคราแรก เมฆาอสูรจู่โจมในเวลาต่อมา ตอนนี้ยังเจอเรื่องมเหสีหยุนเซี่ยอีก’
เจ้าหมาคิดกับตัวเองแม้ซือหยูจะไม่ดีกับนาง เขาก็ไม่ได้ชั่วร้ายอย่างที่นางคิด อย่างน้อยเขาก็ดีกว่าเมฆาอสูร
น่าเสียดายที่เขาจะตายแบบนี้
นางคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าและอ้าปากคายหอกทองคำออกมา
หอกนี้เป็นสีทองทั้งเล่มผิวหอกมีเพลิงทองคำแผดเผา มันเป็นเพลิงที่อ่อนโยนมากและไม่ทำอันตรายแก่ผู้ถือครอง
นี่มัน?
ซือหยูก้มลงมองด้วยความสงสัย
ไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ
เจ้าหมาเห่า
ข้าเอามาให้เจ้า…ให้เจ้ารักษาชีวิตตัวเอง
ซือหยูหรี่ตานี่คืออาวุธจากไม้วิเศษที่ใช้กำราบยักษ์ทะเลขม…ไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำงั้นรึ?
มีมันเพียงสิบชิ้นแต่ละเล่มอยู่กับรัชทายาททั้งเก้า อีกหนึ่งเล่มอยู่ที่จักรพรรดิอสูร
มันควรจะเป็นอาวุธทรงพลังที่สุดที่เจ้าหมามี
เขาไม่รับหอกแต่ซือหยูอุ้มเจ้าหมามาวางไว้บนตัก เขามองมันอย่างอ่อนโยน
เจ้าหมาเจ้าไม่อยากให้ข้าตายรึ?
เจ้าหมาลังเลนางพยักหน้าและพูดเบา ๆ
ข้าไม่คิดอย่างนั้นหรอก!หึ ข้าจะปล่อยให้เจ้าย่ามใจไปก่อน!
เจ้าอยู่กับข้ามาไม่นานเจ้าไม่เคยทิ้งข้า และกลับหลงรักข้าแล้วรึ?
เจ้าหมาแยกเขี้ยวราวกับจะพูดว่า…ไอ้หน้าด้าน!นางอ้าปากและกลืนไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำกลับคืนราวกับเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป
นางกลืนมันได้เพียงครึ่งเดียวก่อนที่จะถูกซือหยูดึงหอกออกมาจากปาก
เจ้าหมาซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อยซี่ เจ้าต้องทำตามคำพูดของตัวเองนะ เจ้าจะเอาของที่คายออกมาคืนไปได้ยังไง? ข้าเก็บมันไว้ให้เจ้าก็แล้วกัน
ซือหยูคว้าไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำและลูบหัวนางเบาๆ
เจ้าหมาขัดขืนสองคราก่อนจะสยบลงที่ตักซือหยูและปล่อยให้เขาลูบอย่างสบายพร้อมครางเบาๆ
นางไม่รู้ตัวเลยว่านางได้กลายเป็นสุนัขขาวตัวน้อยมากขึ้นไปทุกที
ซือหยูเสียใจอยู่บ้างเมื่อถือไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำของนาง
น่าเสียดายที่มีมันแค่เล่มเดียวหากมีมันมากพอ ข้าอาจจะไม่ต้องวางแผนยุ่งยากเช่นนี้
เจ้าหมาหูกระดิกนางลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูด
เมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำอยู่ในมือพี่หก หา?ซือหยูตกตะลึง