The Divine Nine Dragon Cauldron - ตอนที่ 1276 - แมลงมัธยเทพ
จริงของเจ้า
ถ้าหากหม้อเก้ามังกรไม่เตือนเขาคงจะต้องเจอกับอันตรายที่หนักหนากว่าที่ได้เจอมเื่อครู่
ไม่แปลกเลยที่เมฆาอสูรจะหวาดกลัวมัน
ซือหยูมองแมลงวิญญาณมรณะและถาม
เทพปีศาจมันคืออะไรกัน?
เจ้าเคยได้ยินเรื่องนภาจรัสมาแล้วใช่ไหม?
เทพปีศาจกล่าวอย่างลึกลับ
ซือหยูพยักหน้า
ข้าเคยได้ยินมีเรื่องเล่าถึงสิ่งมีชีวิตหลายพันชนิดบนท้องนภา
จำนวนหมื่นเป็นเพียงจำนวนที่จินตนาการมันมีมากกว่านั้น ว่ากันว่ามีมากกว่าหนึ่งล้าน! เทพปีศาจแสยะยิ้มให้ซือหยูเมื่อบอกสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
ดวงวิญญาณหลายล้านดวงแบ่งเป็นสามขั้นตามพลังภายในแต่ละขั้นแบ่งเป็นสามขั้นย่อย
ซือหยูเคยได้ยินเทพปีศาจกล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อนดูเหมือนมนุษย์จะเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นล่าง
มีสิ่งมีชีวิตเก้าระดับในธารดาราอย่างนั้นรึ?หนอนวิญญาณมรณะอยู่ในอันดับสูงกว่าสินะ?
ซือหยูเริ่มเข้าใจความหมายของเทพปีศาจแล้ว
แต่เทพปีศาจกลับส่ายหน้า
เจ้าเข้าใจผิดสองเรื่องอย่างแรกคือทุกสิ่งในธารดาราอยู่ในชั้นล่างสุด ที่เจ้าเรียกว่ามนุษย์คือขั้นเก้า ส่วนน้อยอย่างเทพเจิ้งและฑากิณีนั้นเป็นเผ่าพันธุ์อันดับแปด ส่วนอสูรเป็นเผ่าพันธุ์อันดับเจ็ด ส่วนเรื่องที่สองแมลงวิญญาณมรณะมิเพียงแต่จะมีอันดับสูง แต่เป็นอันดับสูงมาก! มันอยู่ในอันดับสูง!
ซือหยูตกตะลึงเผ่ามนุษย์เป็นผ่าพันธุ์ล่างสุดจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นอสูรยังอยู่เหนือทุกเผ่าพันธุ์ในธารดารา เป็นเหตุที่อสูรแข็งแกร่งนัก
มนุษย์ช่างอ่อนแอ
แมลงวิญญาณมรณะตัวนี้พิเศษมากมันถูกแช่แข็งมาหมื่นปี พลังชีวิตหายไปเกือบหมด แต่ก็ยังเหลือสติรู้คิดอยู่ข้างใน ไม่ต้องพูดถึงเจ้า หากจักรพรรดิอสูรพยายามตามล่ามัน จักรพรรดิอสูรจะตายไปเกินครึ่งตัว!
ซือหยูตกใจ
น่ากลัวนักแล้วทำไมเทพคนนั้นถึงให้มันกับข้ามาตั้งแต่แรกเล่า?
ซือหยูถาม
เทพปีศาจตอบ
เจ้านั่นมีตาหามีแววมันรู้เพียงว่าหนอนนี่คือแมลงวิญญาณมรณะ แต่มันไม่รู้ว่าเจ้าหนอนน่ะเสียพลังไปชั่วคราว!
มันเสียพลังอะไรไป?มันจะรอดไหม?
เทพปีศาจกลอกตาและพูดอย่างล้ำลึก
เทพก็แบ่งเป็นช่วงเวลาต่ำสูงในช่วงชีวิตเป็นธรรมดาที่พลังจะผันผวน เจ้าหนอนตัวนี้ติดอยู่ในการเป็นมัธยเทพและล้มเหลวในคราสุดท้าย
มัธยเทพรึ?
ซือหยูได้ยินคำเดิมอีกครั้ง
เทพปีศาจตอบ
เทพแบ่งเป็นเทพชั้นต่ำมัธยเทพ และเทพชั้นสูง แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเทพ แต่ความต่างระหว่างพลังนั้นไม่ต่างจากก้นบึ้ง
เจ้ารู้แค่ว่าเทพชั้นต่ำจะถูกมัธยเทพควบคุมและมัธยเทพจะถูกเทพชั้นสูงควบคุม
ซือหยูตาเป็นประกาย
หรือว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจะถูกบงการโดยมัธยเทพ?
มีมัธยเทพกี่คนในจักรวาลหรือ?จักรพรรดิอสูร เทพแห่งความตาย กับฑากิณีรึ?
ซือหยูถาม
ฮ่าๆๆๆๆๆ!
พวกมันเป็นมัธยเทพงั้นเรอะ?พวกมันยังไม่มีคุณสมบัติขั้นต่ำสุดในการเป็นมัธยเทพเลย!
ส่วนเรื่องที่เจ้าถามว่ามีมัธยเทพกี่คนในธารดารา…คำตอบก็คือศูนย์
เทพปีศาจกล่าวอย่างใจเย็น
ธารดาราเล็กเกินไปที่จะรองรับมัธยเทพ
จักรพรรดิอสูรผู้แข็งแกร่งและเทพแห่งความตายเป็นเพียงเทพชั้นต่ำรึ?มัธยเทพแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
แมลงวิญญาณมรณะเป็นหนอนมัธยเทพที่ล้มเหลวในการข้ามวิบัติพลังตอนที่มันมีชีวิตอยู่น่ะ…ไม่ต้องไปพูดถึงจักรพรรดิอสูรหรือเทพแห่งความตายหรอก ต่อให้มันตาย เสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่ก็คร่าชีวิตของพวกมันได้แล้ว
เทพปีศาจจ้องน้ำแข็งทมิฬด้วยความริษยา
เจ้าได้กำไรแล้วในครั้งนี้!มันไม่ต่างกับของป้องกันตัว แต่น่าเสียดายที่มันใช้ได้ครั้งเดียว เจ้าต้องระวังให้ดี
หลังจากรู้จนกระจ่างซือหยูเก็บแมลงวิญญาณมรณะอย่างระมัดระวัง มันคือเครื่องมือสังหารอย่างดีที่ไม่มีใครรู้จักมันนัก หากใช้มันเมื่อใด ผลที่ได้ก็คง…
ความมั่นใจของซือหยูเพิ่มขึ้นมาก
ต่อมาคือกะโหลกชมพูมันคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปลอมที่มีพลังจิตแข็งแกร่ง หากเทพไม่แข็งแกร่งอาจสับสนเพราะมันได้
ขั้นตอนการเปลี่ยนให้เป็นของเขาเองนั้นไม่ยากนักซือหยูชำระล้างมันอย่างง่ายดาย ผ่านไปครึ่งเดือนซือหยูหายใจออกเบา ๆ
ถึงเวลาแล้ว
ซือหยูเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยกในสวน เกิดหน่อสีทองแตกแขนงออกมา ไม่ต่างกับสลักทองคำ
บริเวณจุดที่มันเจริญเติบโตนั้นจะมีชั้นเพลิงอ่อนๆ ให้เห็นอยู่ด้วย
นายท่านนี่มันคืออะไรกัน? เจ้าผีเสื้อเอาแต่มองมันไม่หยุดเลย ถ้าไม่มีข้ามันก็คงจะกินไปแล้ว
จางตี๋เก้อมองด้วยความสงสัย
ซือหยูดีใจเล็กน้อย
อย่างนั้นก็ดีแล้วตอนนี้ให้ผีเสื้ออดทนไปก่อน พอมันโตจนเก็บเกี่ยวเมล็ดได้มากพอ ถึงตอนนั้นค่อยปลูกให้มันเพิ่ม
ซือหยูมองไปที่สวนอีกแห่งไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์สูงตระหง่านขึ้นตรงอัดกันแน่น
ซือหยูมองดูต้นที่แข็งแรงที่สุดหลังจากปลูกมันมาหลายปี ซือหยูไม่เคยขยับไผ่หน่อแรกแม้แต่ครั้งเดียว เขาอยากจะรู้ขีดจำกัดของมันหลังจากเติบโตเต็มที่
แต่นอกจากขนาดอันใหญ่โตที่เกินกว่าบันทึกแล้วนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ
เขาละสายตาและกลับเข้าสู่กายหยาบ
ทันทีที่เขากลับไปผีเสื้อโกลาหลก็รีบบินกลับมาที่สวนอีกครั้งและกลืนกินอาหาร
ในสวนนอกจากไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ สิ่งเดียวที่มันสนใจจะกินก็คือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์
แต่ซือหยูไม่รู้ตัวและจางตี๋เก้อก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน ผีเสื้อโกลาหลนั้นกินไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ทุกต้นแต่เลี่ยงต้นที่ใหญ่ที่สุดและยังทิ้งระยะห่างอีกด้วย
ต่อมาซือหยูเรียกภูเขาห้าธาตุมาเพื่อบ่มเพาะ
ในตอนนั้นเองหอคอยหลากสีก็ได้ลอยออกมาโดยที่เขาไม่ได้สั่งการ มันลอยวนรอบตัวซือหยู
เอ๋?ซือหยูเลิกคิ้วมองมังกรเขียวจากคอหอย
เจ้าจะออกมาทำไม?ข้าไม่ได้เรียกเจ้า!
เมื่อได้รับคำเตือนจากเทพใต้ท้องภูเขาห้าธาตุซือหยูนั้นระแวงต่อมังกรเขียวมากเป็นพิเศษ
นับแต่วันนั้นเขาไม่เคยใช้คุกเทวะห้าธาตุอีกเลย
เจ้าหนูมาตกลงกับข้าดีกว่า
มังกรเขียวมีรูปร่างที่ชัดเจนกว่าเดิมมาก
เมื่อมันปรากฏตัวมันพูดกับซือหยูอย่างตรงไปตรงมา
เจ้าจะตกลงอะไรกับข้าได้?
แน่นอนสิข้าทำได้! เช่นเมื่อใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะใช้พลังห้าธาตุสามในสิบส่วนช่วยเจ้าให้พ้นภัย
สามส่วนรึ?ซือหยูหรี่ตา ทีแรก มังกรเขียวใช้พลังของคุกเทวะห้าธาตุเพียงส่วนเดียวเพื่อสยบเซียนขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้พลังจะเพิ่มเป็นสามเท่า!
ดูเหมือนว่ามังกรเขียวจะใช้วิธีที่เขาไม่รู้ในการฟื้นฟูร่างและควบคุมคุกเทวะห้าธาตุได้ดีขึ้น!
แต่ซือหยูก็ไม่บอกมังกรเขียวมานานแล้วว่าเขาศึกษาอักษรเกินสามส่วนไปแล้วเขาใช้พลังได้เกินห้าส่วน
การแข่งควบคุมคุกเทวะห้าธาตุเริ่มต้นขึ้นแล้วและมังกรเขียวอาจจะเอาชนะซือหยูไม่ได้
และตอนนี้มันยังออกมาด้วยตัวเองนั่นหมายความว่ามันจะต้องมีแผนอะไรบางอย่าง
แล้วเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?
มังกรเขียวตอบ
ไม่ยากเอาข้าออกไปยังธารดารา และจากนี้ไป ข้าจะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าอีก
ได้สิ ซือหยูตกลงในไม่นาน
ลึกในแววตามังกรเขียวแปลกไปเมื่อได้รับคำตอบจากซือหยู
มังกรเขียวกลับเข้าไปยังคุกเทวะห้าธาตุซือหยูแววตาเยือกเย็น
ถ้าเจ้าซื่อสัตย์และซื่อตรงกับข้าทุกอย่างจะเป็นไปตามข้อตกลง แต่ถ้าเจ้าคิดเป็นอื่น ข้าจะลบเจ้าให้หายไปตลอดกาล!
เวลาผ่านพ้นซือหยูบ่มเพาะด้วยคุกเทวะห้าธาตุหนึ่งเดือนเต็ม
เขาชำระล้างภูเขาห้าธาตุจนถึงขั้นสุดท้ายแล้วอีกไม่นานเขาจะใช้พลังสูงสุดของมันได้
และในหนึ่งเดือนนี้เมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำยังเติบโตขึ้นมาก ตอนนี้มันสูงหนึ่งศอกแล้ว มันเติบโตเร็วกว่าที่คิด
และในหนึ่งเดือนนี้เหล่ารัชทายาทที่ดูไร้การเคลื่อนไหวยังปฏิบัติการตามแผนอย่างลับ ๆ เจ้าเมืองในดินแดนของตนเคลื่อนไหวบ่อยครั้งเจ้าเมืองบางคนจัดการหน้าที่อยู่ห่าง ๆ เจ้าเมืองบางคนก็ถูกรัชทายาทเรียกตัว
แตรอันเงียบเชียบของสงครามกำลังดังเสียงเอื่อยในโลกอสูร
ครึ่งเดือนผ่านไป…
ระยะเวลาสองเดือนจบลงแล้ว
ไค่หลินไม่รอช้านางปรากฏตัวหน้าห้องลับของซือหยูในทันที
หมดเวลาแล้วไปหามเหสีหยุนเซี่ยกับข้า!
ขออภัยด้วยข้ากำลังถึงเวลาสำคัญและต้องบ่มเพาะอีกสองเดือน
ซือหยูพูดเบาๆ จากในห้องลับ
ไค่หลินคิ้วขมวดใบหน้านางไม่เหลือความเป็นมิตรอีกต่อไป
อสูรขนนกเจ้ากล้าดียังไง! มเหสีหยุนเซี่ยต้องการพบเจ้า แต่เจ้ากลับบ่มเพาะพลังอยู่ที่นี่ เจ้ากำลังจะจับตัวข้าสินะ?
ซือหยูไม่ตอบคำถามแต่ถามนางกลับไป
ไค่หลินแผ่จิตสังหารนางไม่ใช่คนใจดีอยู่แล้ว ในหลายปีที่ผ่านมา นางลอบสังหารเทพที่ไม่ภักดีต่อมเหสีหยุนเซี่ยไปมากมาย
แต่ซือหยูนั้นต่างออกไป
มเหสีหยุนเซี่ยจงใจสั่งไค่หลินให้ไม่ลงมือ
เดือนเดียว!หลังจากหนึ่งเดือน ถ้าเรายังไม่ได้ออกเดินทาง เจ้าจะต้องได้รับบทลงโทษ!
ไค่หลินขู่
จากรอยยิ้มในวันแรกได้กลายเป็นคำขู่ในวันนี้ธาตุแท้ของนางเปิดเผยแล้ว
ซือหยูแววตาเย็นชา
เขากำลังรอ…รอไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ!
ไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำกำลังเติบโตมันสูงเกือบสามศอกแล้ว
ดูจากสถานการณ์มันจะโตเต็มที่ในอีกสามเดือน
ถ้าหากเขามีไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำหลายอย่างจะง่ายดายยิ่งขึ้น!
ด้วยพลังใหม่ที่ได้มาพลังของภูเขาห้าธาตุได้เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
เวลากระชั้นชิดข้าไม่รู้ว่าจะรออีกสามเดือนได้หรือไม่
ซือหยูพูดเบาๆ กับตัวเอง
สามเดือนต่อมาจะเป็นเวลาเดียวกับที่เหล่ารัชทายาทก่อการยึดอำนาจ
ในขณะเดียวกันในธารดารา เรือรบลำใหญ่แล่นผ่านธารดารามุ่งหน้าไปยังทิศประจิม
บนเรือนั้นมีเทพเจิ้งเจิ้งหยวนชิง และเหล่าเทพที่ร่วมการจู่โจมโลกเสี้ยววิญญาณ
หลังออกมาจากโลกเสี้ยววิญญาณพวกนางได้กลับสู่พันธมิตรบูรพา ซึ่งพวกนางได้คำสรรเสริญจากทุกคนในพันธมิตร
คนหลายพันทรมานด้วยน้ำมือชาวเสี้ยววิญญาณตอนนี้แดนชั่วร้ายถูกทำลายไปอย่างที่หวังแล้ว
ซึ่งมันยังทำให้พันธมิตรบูรพามั่นใจยิ่งขึ้นในการรับมือต่อการรุกรานของเผ่าอสูรเทพหลายคนหารือกันเพื่อหาทางต่อสู้กับอสูร
ที่สำคัญที่สุดก็คือการรวมกำลังทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว…ถ้าหากเป็นไปได้
มาถึงตรงนี้กำลังสองทัพถูกเคลื่อนย้ายออกไป